เป็นข่าวคราวคึกโครมกันจนสื่อหลายเจ้าหันมาสนใจ จากเหตุการณ์มีเด็กกดซื้อไอเทมต่างๆ บนเกมมือถือแล้วโดนเรียกเก็บเงินเป็นจำนวนหาศาล ส่วนใหญ่ที่โดนก็เป็นหลักแสนบาท พอเกิดเรื่องขึ้นมาก็ได้มีการร้องสื่อเกิดดราม่ากันทั่วระหองระแหง หลายฝ่ายเป็นต้องตกเป็นจำเลยสังคม ไม่ว่าจะเป็นผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ, ผู้ให้บริการเกม, เด็ก, พ่อแม่ รวมไปถึงตัวเกมด้วย แต่จริงๆ แล้วงานนี้ใครเป็นฝ่ายผิดล่ะ
เกริ่นนำเกี่ยวกับเกมมือถือ
เกมมือถือในสมัยนี้ไม่ว่าจะเป็นบน iOS, Android หรือ Windows Phone นิยมเปิดให้ดาวน์โหลดในรูปแบบ Free to Play เพื่อเข้าถึงผู้เล่นได้ง่าย ซึ่งเกมเหล่านี้มักจะมีไอเทมหรือคอนเท้นท์ในรูปแบบ in-app-purchase ให้ผู้เล่นได้ซื้อตามกำลังทรัพย์ แน่นอนว่าผู้เล่นที่เสียเงินซื้อจะต้องได้รับความสะดวกสบายและได้เปรียบมากกว่าผู้เล่นคนอื่นที่ไม่ได้เสียเงิน บางเกมยิ่งซื้อก็ยิ่งเก่ง แต่ทว่าก็ไม่ได้มีการบังคับให้ซื้อแต่อย่างใด
การซื้อไอเทมเหล่านี้ก็ไม่ต่างจากการซื้อ Application ก็คือจะทำการตัดจากบัตรเครดิตที่ทำการผูกไว้กับบัญชี พ่อแม่บางคนที่ให้ลูกยืมมือถือไปเล่นเกมก็รู้เท่าไม่ถึงการหรือไม่ทันคิดว่าได้ผูกบัตรเครดิตเอาไว้แล้ว เด็กๆ ก็เลยนำไปกดซื้อกันอย่างไม่ทันยั้งคิด ซึ่งเคสนี้ก็เกิดขึ้นกันหลายประเทศไม่ใช้เฉพาะประเทศไทย ถือว่าเป็นปัญหาใหญ่ที่ทุกฝ่ายต้องช่วยกันแก้ไข
เหตุการณ์ในไทยเป็นกรณีไหน
แน่นอนว่าบัตรเครดิตไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนสามารถมีได้ เพราะการสมัครนั้นก็ต้องใช้ Statement ยืนยันว่าคุณไม่มีความเสี่ยงที่จะเบี้ยวค่าใช้จ่าย บางคนที่รายรับไม่มากพอหรือว่าไม่ชอบใช้ชีวิตแบบซื้อก่อนจ่ายทีหลัง ก็เลยเลือกที่จะไม่ทำบัตรเครดิต แต่ว่าก็อยากจะเติมเงินในเกม จะทำอย่างไรดีล่ะ??? ในต่างประเทศนั้นจะมี Pre-Paid Card หรือเรียกสั้นๆ ว่าบัตรเติมเงิน ในการที่จะเติมเงินเข้าบัญชีเพื่อนำไปใช้จ่าย แต่ว่าในประเทศไทยนั้นไม่มี เนื่องจากว่าตลาดอาจจะยังไม่คุ้มที่จะลงทุนหรือเป็นเพราะสาเหตุอื่นๆ ผู้ใช้จึงต้องไปแสวงหาตัวเลือกอื่นๆ แต่ว่ามันก็ยุ่งยากเกินไปสำหรับบางคน
ด้วยเหตุนี้เอง ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือจึงได้คิดบริการหนึ่งขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกสบายให้กับกลุ่มผู้ใช้กลุ่มนี้ นั่นก็คือบริการที่ผู้ใช้สามารถซื้อ in-app-purchase ได้โดยคิดเงินกับทางผู้ให้บริการเครือข่าย และผู้ใช้ก็สามารถชำระได้อย่างง่ายดายเพราะสามารถจ่ายรวมกับค่าบริการโทรศัพท์มือถือได้ แต่ว่าใช้ได้กับเฉพาะบางเกมเท่านั้น โดยผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือได้จับมือกับเกมๆ หนึ่งที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพื่อที่จะให้บริการนี้
ทำไมถึงต้องซื้อเยอะแยะบ้าบอคอแตกขนาดนี้
อย่างที่ได้กล่าวไปว่าเกมส่วนใหญ่นั้นยิ่งเราเติมมากเท่าไหร่ เราก็จะได้เปรียบผู้อื่นมากเท่านั้น เป็นหลักที่สมเหตุสมผลอยู่แล้ว และก็เป็นเรื่องปกติที่มนุษย์นั้นอยากที่จะอยู่เหนือกว่าคนอื่น ก็เลยเกิดการเติมเงินกันเกิดขึ้น ถือว่าเป็นเรื่องของความพึงพอใจและกำลังทรัพย์ของแค่ละคน แต่ทีนี้มันดันมีคนประเภทหนึ่งซึ่งหักห้ามใจของตัวเองไม่ได้ กวาดซื้อไอเทมจนไม่คิดหน้าคิดหลังว่าจะมีเงินจ่ายหรือเปล่า ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นเด็กที่ไม่มีความรับผิดชอบในการใช้จ่ายและผลักภาระไปให้พ่อแม่ซึ่งไม่รู้อีโหน่อีเหน่ วางแผนตีเนียนซํ้าซ้อนเพราะคิดว่ายังไงพ่อแม่ก็ต้องออกเงินให้อยู่แล้ว ก็เลยทำการซื้อแบบไม่คิดหน้าคิดหลัง
และด้วยนิสัยไม่คิดหักห้ามใจ แต่ว่าเงินก็ไม่มี ดังนั้นจึงได้เกิดสิ่งที่เลวร้ายที่สุดในประเทศไทยขึ้นมา นั่นก็คือ "การโกง" แล้วก็อ้างนู่นอ้างนี่สารพัดว่าเกมมันแพง หาเหตุผลเข้าตัวเองตลอด ติดนิสัยใช้ของฟรี แต่ว่ายังไงโกงมันก็คือโกง เมื่อคิดจะโกงก็เลยไปสรรหาวิธีโกงมากมายสารพัด มันไม่มีเกมไหนที่จะให้ผู้เล่นโกงหรอกครับ ถ้ามันมีช่องโหว่เดี๋ยวเขาก็อุดเพราะมันสูญเสียรายได้ของเขา ไอ้ความขี้โกงนี่แหละที่ทำให้หน้ามืดตามัวไปหลงเชื่อวิธีโกงปลอมๆ แล้วสุดท้ายก็ต้องมานั่งนํ้าตาตกเพราะไม่มีเงินจ่าย
จำเลยสังคม ผู้ให้บริการเครือข่ายและผู้ให้บริการเกม
เมื่อบิลค่าใช้จ่ายอันมหาศาลถูกส่งมาถึงมือ เป็นใครก็ต้องเข่าทรุดเป็นธรรมดา อยู่ดีๆ ทำไมมาเก็บเงินเป็นหลักหมื่นหลักแสนเพราะค่าเล่นเกม เรื่องใหญ่ขนาดนี้ก็เลยต้องออกร้องเรียนสื่อเรียกร้องความยุติธรรมจากสิ่งที่คนใกล้ตัวก่อขึ้นมา ผู้ให้บริการที่หวังว่าบริการใหม่นี้จะช่วยอำนวยความสะดวกสบาย แต่กลับกลายเป็นโดนด่าหาว่าไม่ยอมดูแลลูกค้า ปล่อยให้ยอดมันสูงขนาดนี้ได้ยังไง และด้วยความที่สังคมไทยมักจะเห็นอกเห็นใจคนที่กำลังเดือดร้อน จึงเกิดการล่าแม่มดกันเกิดขึ้น ซึ่งเหยื่อในครั้งนี้ก็คือผู้ให้บริการเครือข่ายและผู้ให้บริการเกม
ถ้าว่ากันตามตรง การที่ผู้ให้บริการไม่ทำการแจ้งเตือนไม่ได้หมายความว่าผู้บริการไม่ดี แต่มันเป็นเรื่องที่ควรกระทำมากกว่าไม่ใช่เรื่องที่ต้องกระทำ การที่คุณจ่ายเงินค่าบริการเพื่อแลกกับการใช้โทรศัพท์มือถือโทรออกรับสายหรือเล่นอินเตอร์เน็ทมันก็เป็นเรื่องที่เจ๊ากันอยู่แล้ว ดังนั้นหน้าที่การดูแลจึงเป็นเรื่องที่สามารถกระทำก็ได้หรือไม่กระทำก็ได้เพราะมันไม่ได้อยู่ในสัญญาที่คุณยินยอมในการสมัคร ถ้าเขาบริการให้ก็ถือว่าบริการดี แต่ถ้าเขาไม่ได้บริการก็ไม่ถือว่าเขาเลวครับ ถ้าเอากันจริงๆ การที่มีการแจ้งเตือนเรื่องวงเงินผมไม่ได้มองว่าเป็นการที่ดีด้วยซํ้า แต่ผมดันมองว่ามันเป็นการรักษาผลประโยชน์ของผู้ให้บริการในการลดหนี้เสียที่อาจเกิดขึ้นเสียมากกว่า
"การที่หวังให้ผู้บริการมาคอยดูแลเรื่องการใช้จ่ายนั้นผมมองว่ามันเป็นเรื่องที่น่าหดหู่ การใช้จ่ายเงินของของตัวเองยังไม่สามารถควบคุมได้ ถ้าจะบอกว่าคุณไม่รู้เรื่องทำไมคุณไม่ดูแลบุตรหลาน ถ้าจะบอกว่าคุณไม่รู้เรื่องไอที ทำไมไม่ศึกษาก่อนให้บุตรหลานใช้บริการ"
ไม่รู้คือไม่ผิด แต่คิดจะโทษคนอื่น
เรื่องพวกนี้ผมเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องที่ไกลตัวผู้ใหญ่ในยุคนี้มาก ดังนั้นจึงไม่แปลกใจที่ออกมาร้องเรียนกับสื่อ แต่ถ้าคุณได้ศึกษาเรื่องนี้ เหตุการณ์แบบนี้มันก็จะไม่เกิดใช่หรือเปล่า? เรื่องพวกนี้ถ้าเกิดไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้จริงๆ ผมว่าก็ไม่ควรจะไปใช้บริการ สั้นๆ เลยก็คือ "ไม่รู้" ก็อย่าใช้" ผมมีความคิดฝังหัวอย่างหนึ่งว่า "เทคโนโลยีมันจะทำร้ายเรา ถ้าเราใช้ในทางที่ไม่ถูกหรือใช้ไม่เป็น" ถ้าเกิดว่าไม่ออกมาโวยมันก็ไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าเกิดออกมาโวยตามสื่อผมว่ามันก็ไม่ควรแถมจะเป็นขี้ปากคนเสียด้วยซํ้า ผมเข้าใจหัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่ทุกคนที่จะรักและทำทุกอย่างเพื่อลูกได้เสมอ แต่บางครั้งก็ควรดูสักนิดว่าเหมาะสมหรือไม่
พอเริ่มมีการออกตัวออกสื่อมาโวยวายร้องเรียน มันก็น่าแปลกที่มีคนที่ตามกระแสออกมาร้องเรียนกันมากมาย ไม่ว่าจะหลักหมื่นหลักแสนก็ออกมาให้รึ่ม นั่นแสดงให้เห็นว่ายังคนที่ยังไม่มีความรู้ความเข้าใจอีกเยอะ พอออกกันมามากมายก็เกิดการรุมกันเกิดขึ้นโดยโทษทางผู้ให้บริการ (บางเคสเป็นการตัดจากบัตรเครดิตแท้ๆ แต่ผู้ให้บริการเครือข่ายกลับโดนซะงั้น) แต่เมื่อมีการสืบเสาะความจริงจนหลังชนฝาก็จะออกมาบอกว่า "ไม่รู้" ลองคิดๆ ดูถ้าเกิดว่ามีคนทำอะไรผิดสักอย่างแล้วออกมาพูดแต่คำว่าไม่รู้ คงมีเหตุการณ์วุ่นวายตามมาอีกเยอะ
เกมโดนเพ่งเล็งอีกแล้ว
ปกติเกมเป็นสิ่งที่ไม่เคยถูกมองในแง่ดีในประเทศนี้อยู่แล้ว งวดนี้ก็โดนเล่นประเด็นกลายเป็นสิ่งมอมเมาเยาวชนซํ้าอีก จนล่าสุดก็เป็นเรื่องเป็นราวถึงขนาดจะออกกฏกระทรวงเลยทีเดียว ผมแปลกใจจนปลงแล้วว่าทำไมไม่เคยคิดจะแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ทำไมไม่มองว่ามีผู้เล่นอีกหลายคนที่เขาไม่ได้เจอปัญหานี้และยังเล่นเกมอย่างสงบสุข การเลือกที่จะเล่นเกมนั้นผู้เล่นเป็นคนที่ตัดสินใจที่จะเลือกเล่นเองแท้ๆ ไม่ได้มามอมเมาล่อลวงแม้แต่นิดเดียว แล้วก็ไม่ได้เอาปืนจ่อหัวบังคับให้เล่นด้วย พอมีปัญหาขึ้นมากลับโทษเกม วนเข้าลูปเข้าข้างตัวเองและโทษคนอื่นอีกตามเคย ถ้าเล่นแล้วรับผิดชอบตัวเองไม่ได้ก็อย่าไปเล่นมันเลยครับ
คนผิดตัวจริงก็คือคนที่เล่นเกมนี่แหละ
จากรายละเอียดและรูปการที่ออกมานั้น แทบจะโทษใครไปไม่ได้เลยนอกจากตัวคนที่เล่นเกมนั่นแหละ ซึ่งผมได้ตั้งข้อสังเกตไว้ดังนี้
1.บริการเสริมของผู้ให้บริการเครือข่าย ต้องมีการสมัครและยินยอมจากผู้ใช้ ไม่ใช่ว่าใครจะมาใช้บริการก็ได้ นั่นหมายความว่าคนที่เล่นนั้นรู้อยู่แก่ใจแล้วว่าบริการนี้มันสามารถซื้อไอเทมผ่านทางผู้ให้การเครือข่ายได้ ดังนั้นคนที่เล่นไม่มีสิทธิจะมาอ้างว่าไม่รู้ ถ้าไม่รู้แล้วจะเปิดใช้ทำไม
2.คนเล่นที่กล่าวว่าตัวเองเป็นเหยื่อ ไม่ใช่เด็กที่จะมาอ้างว่าไม่รู้เรื่องแล้วเพราะแต่ละรายก็โตพอที่จะรับรู้เรื่องเหล่านี้ได้แล้ว ถ้าไม่รู้เรื่องจะสมัครบริการนี้ทำไม คนที่เป็นเหยื่อน่าจะเป็นผู้ปกครองมากกว่า
3.การซื้อไอเทมในเกมทุกครั้ง จะมีข้อความเตือนเสมอ ว่าไอเทมชิ้นนี้ราคาเท่าไหร่ คุณต้องการซื้อจริงๆ หรือไม่ ให้ผู้เล่นได้รับทราบก่อนที่จะกดยินยอม ซึ้งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่เคยผ่านตาผู้เล่นมาก่อนแล้ว แต่ก็ยังไม่วายที่จะกดซื้อ นั่นหมายความว่าเป็นความยินยอมของคนเล่นเอง จะมาอ้างว่าไม่รู้เรื่องไม่ได้ อย่างเช่นเคสของเด็กที่ซื้อไอเทมมีดบินนั้นถ้าได้ฟังนักข่าวสัมภาษณ์ จะเห็นได้ว่าเด็กเขารู้ว่าไอเทมราคาเท่าไหร่ ใช้แล้วมันดียังไง เก่งยังไง ขนาดเรื่องราคากับเรื่องเกมยังรู้เลย เรื่องค่าใช้จ่ายจะไม่รู้ได้อย่างไร
4.ไอเทมของเกมที่เป็นข่าว ราคาแพงสุดอยู่ที่ประมาณ 2 พันกว่าบาทในการซื้อ 1 ครั้ง ดังนั้นการที่กดซื้อเป็นจำนวนเงินหลักแสนก็ลองไปคิดดูเอาว่าเขาต้องกดไปกี่ครั้งในรอบเดือน ยอดมันถึงพุ่งได้ขนาดนี้ ทำให้เป็นไปได้ว่าเด็กอาจจะไปหาวิธีโกงจากในเน็ตแล้วมาลองกดดู เมื่อกดซื้อได้เลยคิดว่าวิธีนี้มันใช้ได้ผลเพราะว่าการเปิดบริการเสริมทำให้ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าวิธีโกงเหล่านั้นมันใช้ได้ผลหรือเปล่า
บทสรุปในความคิดผมก็คือเด็กที่เล่นพยายามจะหาวิธีที่จะซื้อไอเทมในเกมให้ได้ จึงได้ทำการเปิดบริการเสริมโดยผ่านทางผู้ปกครองซึ่งไม่ค่อยมีความรู้ในเรื่องนี้ และทำการซื้อไอเทมแบบไม่คิดหน้าคิดหลังเพราะรู้อยู่แล้วว่าสุดท้ายก็ต้องเป็นผู้ปกครองที่ต้องพยายามหาเงินมาจ่าย เมื่อยอดค่าใช้จ่ายมาสูงจนเป็นเรื่องเป็นราวก็เลยพยายามตีเนียนว่าไม่รู้เรื่อง ให้ผู้ใหญ่ออกโรงออกหน้ากันไป ด้วยความรักลูกและไม่สามารถจ่ายค่าบริการได้ก็เลยพยายามที่จะปัดความผิดไปให้คนอื่น ตำแหน่งผู้ที่น่าสงสารจริงๆ ก็คือผู้ปกครองนี่แหละ ที่ออกโรงแทนเด็กแล้วกลับกลายเป็นขี้ปากคนเขาอีก ผมอยากจะบอกผู้เล่นเหล่านี้ว่าการที่คุณให้ผู้ปกครองออกหน้าแก้ต่างความผิดที่คุณได้สร้างไว้ มันเป็นอะไรที่เจ็บปวดสำหรับพวกเขามาก หวังว่าในครั้งนี้จะเป็นบทเรียนราคาแพงเพื่อนำไปพัฒนาตัวคุณเอง
ปัญหานี้จะแก้อย่างไร
อย่างที่ได้กล่าวไปว่าในมือถือสมาร์ทโฟนนั้นสามารถที่จะนำบัตรเครดิตไปผูกกับบัญชีเพื่อใช้ซื้อ Application ได้ ดังนั้นถ้าผู้ปกครองจะซื้อสมาร์ทโฟนให้บุตรหลายสักเครื่อง ก็ต้องอ่านข้อมูลและเรียนรู้เรื่องพวกนี้ให้มากๆ อย่านำบัตรเครดิตไปผูกกับบัญชีเด็ดขาด ในกรณีที่ไม่สามารถเลี่ยงได้จริงๆ ก็สามารถผูกบัตรเครดิตเพื่อซื้อให้เขาได้ แต่ควรตั้งให้ระบบถามหารหัสผ่านก่อนสั่งซื้อและเราควรเป็นคนซื้อให้เขากับมือ ที่สำคัญ ห้ามบอกรหัสผ่านให้ลูกหลานทราบเด็ดขาด สำหรับระบบ iOS นั้นได้มีการตั้งค่าเพื่อรองรับไว้แล้วส่วนหนึ่ง เนื่องจากที่ต่างประเทศเคยมีกรณีแบบนี้เกิดขึ้น แต่สำหรับ Android ที่เป็นระบบปฏิบัติการที่ได้รับความนิยมเพราะเครื่องมีราคาที่ไม่โหดร้ายนัก ก็ต้องศึกษาวิธีการตั้งรหัสผ่านโดยสามารถดูได้ที่ ลิ้งนี้ ส่วนเรื่องของบริการเสริมและเงื่อนไขก็ต้องศึกษาเช่นเดียวกัน
และสำหรับผู้ให้บริการเครือข่าย ถึงแม้ว่าเรื่องการที่ไม่แจ้งเตือนหรือการจำกัดวงเงินจะไม่ใช่เรื่องผิด แต่ถ้าเกิดคุณสามารถให้บริการในส่วนนี้ได้ เรื่องมันก็คงไม่เกิดใช่หรือเปล่าครับ? ทางที่ดีคุณควรจะแสดงความจริงใจให้มากกว่านี้สักนิดโดยการแจ้งยอดผิดปกติและจำกัดวงเงิน อย่างน้อยก็ไม่ต้องมานั่งปวดหัวกับเรื่องราวดราม่า, ลดหนี้เสีย แถมไม่ต้องมีปัญหากับทางด้านของผู้ให้บริการเกมด้วยครับ
สุดท้ายแล้วอยากจะฝากบอกว่า
"ถ้ายังเล่นเกมโดยขาดสติแบบนี้ แนะนำว่าให้ไปรับยาที่เคาเตอร์ 2 นะครับ"