ในวันนี้ OS Interview เราจะพูดคุยกับ ดร. วิวัฒน์ วงศ์วราวิภัทร์ กรรมการผู้จัดการบริษัท Digicrafts เกี่ยวกับมุมมองต่างๆ ที่น่าสนใจของเกม Mobile สายพันธุ์ญี่ปุ่นที่มีชื่อว่า BFB หรือ Barcode Footballer เกมฟุตบอลสุดฮิตบนสมาร์ทโฟนที่กำลังมาแรงแซงถล่มทลายอยู่ในขณะนี้ จะเกิดอะไรขึ้นถ้าคุณสามารถ Generate นักเตะในดวงใจออกมาได้จากบาร์โค้ดของหนังสือ และประเด็นที่น่าสนใจที่สุดของบทสัมภาษณ์นี้ก็คือ Digicrafts เป็นหนึ่งในไม่กี่บริษัทในประเทศไทยที่สามารถนำเกมจากญี่ปุ่นเข้ามาให้บริการในบ้านเราได้หลายต่อหลายเกม ผมเชื่อว่าเมื่ออ่านบทสัมภาษณ์นี้จนจบ หลายๆ คนอาจจะเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อบริษัทเล็กๆ อย่าง Digicrafts ไปเลยก็เป็นได้
Online Station : อยากทราบความคาดหวังเกี่ยวกับเกม BFB หลังจากที่เปิดตัวไปแล้ว
ดร. วิวัฒน์ : จริงๆ แล้วผมว่ามันเป็นเกมที่ดี และมี Potential สูงมาก คาดว่าน่าจะขึ้นอันดับ 1 ได้ไม่ยากเท่าไหร่ และตัวเกมเนี่ยผมคิดว่ามันเหมาะกับคนไทย เพราะสัมผัสแรกที่เราได้รับเราจะรู้สึกว่ามันเป็นเกมที่เล่นง่าย น่ารักๆ แต่พอได้ลองเล่นจริงๆ แล้วจะรู้ว่าเกมมันมี Content ที่ลึกนะ แล้วเกมเมอร์ก็สามารถจัดสรรเวลาเล่นได้เต็มที่ อยากเล่นนิดๆ หน่อยๆ หรืออยากเล่นเยอะเท่าไหร่ก็ได้เพราะเกมมันมี Content ไว้ตอบสนองอยู่แล้ว นอกจากนี้เรายังทำงานร่วมกับผู้พัฒนาคือ Cybird และ NxTomo อย่างใกล้ชิด เราจึงสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ง่ายๆ เช่น ปัญหา 3G ในบ้านเราเป็น 3G เทียมเราก็ต้องแก้ไขปัญหาเรื่องการ Communication ซึ่งตรงนี้เราจัดการกันมาเยอะ และตอนนี้ก็เคลียร์ไปได้เกือบทั้งหมด และยัง Customize ให้ตัวเกมเข้ากับตลาดเมืองไทยได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
Online Station : เกี่ยวกับบริษัท Cybird ซึ่งผมเข้าใจว่าเป็นผู้พัฒนาโดยตรงซึ่งเป็นบริษัทสัญชาติญี่ปุ่น และ NxTomo นี่มีความสัมพันธ์กับDigicraftsยังไงบ้างครับ
ดร. วิวัฒน์ : เอา Cybird ก่อนก็แล้วกัน Cybird เป็นบริษัทผู้พัฒนาเกมในญี่ปุ่นซึ่งสร้างเกมที่มีชื่อเสียงออกมาแล้วหลายเกม และ BFB ก็ได้รับความนิยมอย่างสูงในญี่ปุ่นเช่นกัน ส่วน NxTomo มีบริษัทแม่คือ NxMedia ซึ่งเป็นบริษัทหนังสือพิมพ์ที่ใหญ่มากในฮ่องกง ซึ่งทางเค้าได้เล็งเห็นว่าสเต็ปต่อไปของสื่อสิ่งพิมพ์ที่ใช้กระดาษเนี่ยมันต้องเป็นดิจิตอล เค้าจึงมาคิดว่านอกจากข่าวแล้วมันมีอะไรให้ทำอีกบ้าง เค้าก็เลยคิดว่าน่าจะเป็นเกม แต่แทนที่จะมาลงทุนทำเกมเองโดยที่ตัวเองยังขาดความรู้ความชำนาญมันก็ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก ในที่สุดก็ตัดสินใจจับมือกับทางญี่ปุ่นดีกว่า ประจวบเหมาะกับทาง Cybird ที่ต้องการจะออกสู่ตลาดต่างประเทศอยู่แล้วทุกอย่างมันเลยลงตัว ประกอบกับทางDigicraftsเองก็ทำงานร่วมกับ NxTomo อยู่แล้วเราจึงตัดสินใจจะนำ BFB มาเปิดตลาดในประเทศไทยด้วย ซึ่งในอนาคตเป้าหมายของเราก็คือการเปิดตลาดในโซนเอเชีย
Online Station : งั้นแสดงว่า BFB ในฮ่องกงมีการเปิดให้บริการโดย NxTomo ถูกต้องมั้ยครับ?
ดร. วิวัฒน์ : ใช่ครับ
Online Station : แล้วในตลาดฮ่องกง NxTomo มีพาร์ทเนอร์มั้ยครับ?
ดร. วิวัฒน์ : อ๋อไม่ครับ ถ้าเป็นตลาดในฮ่องกงจะเป็น NxTomo ที่เปิดให้บริการเองเลย
Online Station : ถ้าในไทยเราต้องพูดว่า Digicrafts ร่วมกับ NxTomo ในการเปิดให้บริการ BFB ใช่มั้ยครับ
ดร. วิวัฒน์ : ใช่ครับ ในฮ่องกงเนี่ย BFB ติดอันดับ 1 มาน่าจะประมาณ 2 เดือนแล้ว ซึ่งถือเป็นปรากฏการณ์ใหม่เลยทีเดียว เพราะว่าบริษัทญี่ปุ่นที่ผ่านมามักไม่ค่อยประสบความสำเร็จในการทำเกมป้อนตลาดเอเชีย ต้องบอกว่า Cybird นั้นประสบความสำเร็จอย่างมากๆ จริงๆ
Online Station : ในแง่ของตัวเกมซึ่งจะมีฟีเจอร์เป็น Cup Mode หรือ บอลถ้วยที่แฟนๆ ต่างก็เฝ้ารอการมาของฟีเจอร์ตัวนี้อยู่ พอจะบอกได้มั้ยครับว่าจะมาเมื่อไหร่
ดร. วิวัฒน์ : จริงๆ แล้วถ้วยเนี่ยเราสามารถตั้งได้ค่อนข้างอิสระนะครับ อย่างเช่นผู้เล่น 2 คนเล่นๆ อยู่แล้วอยากจะจัดชิงถ้วยในลีกสมัครเล่นก็สามารถทำได้ ซึ่งในอนาคตเราก็อาจจะมีการพูดคุยกับพาร์ทเนอร์ที่มีความสนใจในกีฬา E-Sports ให้จัดทำถ้วยพิเศษโดยจะเป็นถ้วยของทางเค้า หรือทางสโมสรฟุตบอลจริงๆ ก็ได้ โดยพาร์ทเนอร์อาจจะเป็นเจ้าของสินค้า, เจ้าของสื่อ หรือเจ้าของธุรกิจบางอย่างก็ได้ ซึ่งตอนนี้ทางเราพยายามจะติดต่อพาร์ตเนอร์อยู่ถ้าเป็นรูปเป็นร่างแล้วก็จะได้เห็นกันครับ
Online Station : ถ้าพูดในมุมมองสื่อเนี่ยเรามักจะเห็นว่าบรรดาผู้ให้บริการเกมในประเทศไทยจะจับ Content ที่เป็นสัญชาติญี่ปุ่นได้ยาก ส่วน Digicrafts เองเนี่ยเรียกได้ว่ามีความสัมพันธ์กับ Developer ของญี่ปุ่น นี่ถือเป็นจุดแข็งของ Digicrafts ได้เลยมั้ยครับ
ดร. วิวัฒน์ : ก็ถือว่าเป็นจุดแข็งอย่างหนึ่งครับ โดยส่วนตัวเองผมก็จบจากญี่ปุ่นมา และบริษัท Digicrafts ก็ทำงานกับญี่ปุ่น ผมจึงมองว่าสาเหตุที่ผู้ให้บริการเกมในบ้านเราจับ Content ของญี่ปุ่นไม่ค่อยได้เนี่ย ผมว่ามันเป็นเพราะวิธีการทำงาน และวิธีคิดที่ไม่เหมือนกัน พวกเค้าเลยอาจจะค่อนข้างเข้ากันยาก ผมเองก็ถือว่าตอนนี้เป็นโอกาสดีที่ญี่ปุ่นอยากจะเปิดตลาดในเมืองไทยแล้วเราเองก็พร้อมให้บริการอยู่ ดังนั้นปีนี้เราอาจจะได้เห็นเกมจากญี่ปุ่นอีกหลายๆ เกมผ่านทาง Digicrafts
Online Station : เกมญี่ปุ่นที่ว่านี่เฉพาะเกมบนมือถือรึเปล่าครับ?
ดร. วิวัฒน์ : คงมีทั้ง 2 ส่วนนะ เพราะ PC Online ก็เป็นตลาดที่ไม่น่าจะทิ้ง ในขณะที่ตลาดเกม Mobile ก็เป็นตลาดที่เกิดใหม่ และมีสเน่ห์ดีทีเดียว เพราะฉะนั้นเราปีนี้เราอาจจะได้เห็นเกมบน Mobile เยอะขึ้นเรื่อยๆ และอาจจะมีเกมที่เชื่อโยงระหว่าง PC และ Mobile เพิ่มขึ้นอีกด้วยซ้ำ
Online Station : พอจะเปิดเผยได้มั้ยครับว่าแนวคิดของทางญี่ปุ่น กับของไทยที่ไม่ตรงกันเนี่ย มันคือแนวคิดทางการตลาด หรือการให้บริการ
ดร. วิวัฒน์ : จริงๆ มันมีหลายแง่นะครับ ผมว่ามันมีในเรื่องของความเชื่อมั่น และอีกเรื่องคือวิธีการมองตลาด ญี่ปุ่นเนี่ยเค้าจะมองตลาดในระยะยาว แต่ของไทยจะเน้นการมองกำไรในระยะสั้น อย่างเช่นบริษัทใหญ่ๆ ในไทยที่ทุ่มงบโฆษณาทีนึง 30-40 ล้าน ถ้าเกมขายไม่ได้ 3 เดือนปิดเลย อย่างนี้ญี่ปุ่นไม่เข้าใจ หรืออีกตัวอย่างเอาเป็นละครไทย ถ้าเรารู้ว่าเรื่องไหนฮิตเนี่ยคุณจะเห็นว่ามันจะยืดเลย แต่ญี่ปุ่นไม่ได้ทำตามนั้นเค้ามีแผน และจะทำตามแผน ถ้าเกิดจะเปลี่ยนแผนก็ค่อยว่ากัน Phase หน้า เพราะฉะนั้นญี่ปุ่นเค้าจึงอยากได้พาร์ทเนอร์ที่ทำงานกันได้นานๆ มากกว่า แล้วก็ช่วยกันสร้างตลาด, เรียนรู้ซึ่งกันและกัน แล้วก็โตไปด้วยกัน ซึ่งบริษัท Digicrafts ก็เป็นแบบนี้ไปแล้ว ทุกคนจะเห็นได้ว่าบริษัทเราจะโตอย่างช้าๆ แม้ไม่หวือหวาแต่ก็ไปเรื่อยๆ ซึ่งผมก็ว่ามันมั่นคงพอสมควร
Online Station : สุดท้ายครับ มุมมองของดร.วิวัฒน์ในแง่ของเกม Mobile ในประเทศไทยตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง
ดร. วิวัฒน์ : ธุรกิจนี้มันเริ่มจะเป็นธุรกิจที่ดีแล้วนะครับ ผมหมายถึงคนจ่ายเงินก็จ่ายเยอะขึ้น แล้วตอนนี้ก็แบ่งเป็น 2 เจ้าใหญ่ๆ ก็คือ iOS และ Play Store ซึ่งผมว่าดีเพราะจริงๆ แล้วกำแพงมันน้อยในการเข้าไปร่วม และเราจะได้เห็นผู้พัฒนาอีกหลายๆ คนของไทยซึ่งเป็นบริษัทเล็กๆ เข้ามาสู่ตลาดเพิ่มขึ้น และทางเราเองเราก็สนใจที่จะให้การสนับสนุนกลุ่มนักพัฒนารุ่นใหม่เช่นกัน และเราก็ขอฝากถึงนักพัฒนาเกมรุ่นใหม่ด้วยนะครับ ว่าถ้าขาดอะไรก็ลองมาคุยกับเราไม่ว่าจะเรื่อง เงินทุน, การตลาด, Posting, ขาดเรื่อง User Support หรือขาด Payment Gateway อันนี้ก็เข้ามาคุยกัน แล้วเดี๋ยวเรามาดูกันว่าตรงไหนเราช่วยกันได้ เพราะตลาดเมืองไทยมันไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาแย่งกัน เราลงมาในตลาดไทยถือว่าเป็นสนามฝึกซ้อม แล้วเราไปสู่ตลาดโลกด้วยกัน
ตอนนี้คงต้องบอกว่าบริษัท Digicrafts นั้นเป็นที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่งว่าในปีนี้จะผลักดันอุตสาหกรรมเกม Mobile ในประเทศไทยไปในทิศทางใด และจะนำ Content เกมดีๆ จากญี่ปุ่นเกมใดบ้างมาเปิดให้บริการในบ้านเรา โดยเฉพาะเกมที่เป็นยิ่งกว่าฝันไกลๆ ของคนไทยก็อาจจะตกอยู่ในมือของ Digicrafts อย่างเหนือความคาดหมายก็ได้ ใครจะรู้