มีผลสำรวจล่าสุดในญี่ปุ่นเผยว่า การใช้จ่ายเงินไปกับวิดีโอเกม ดูเหมือนว่าจะกลายเป็นพฤติกรรมที่ทำให้คู่รักดูน่าดึงดูดใจน้อยลง แซงหน้าการพนันไปเสียแล้ว ทั้งที่การพนันเคยเป็นพฤติกรรมที่ถูกมองว่าไม่น่าพึงประสงค์มาโดยตลอด แล้วเหตุใดงานอดิเรกยอดฮิตของประเทศถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้?
โดยผลสำรวจนี้มาจาก Biz Hits บริษัทจัดหางานในญี่ปุ่นที่ได้สอบถามผู้เข้าร่วม 505 คน (หญิง 363 คน และชาย 142 คน) เกี่ยวกับทัศนคติต่อพฤติกรรมการใช้เงินของคนรัก ผลปรากฏว่า 63.7% มองว่านิสัยการใช้เงินมีผลกระทบอย่างมากต่อความสัมพันธ์ และอีก 31.9% มองว่ามีผลปานกลาง มีเพียงส่วนน้อยนิดที่มองว่าไม่ส่งผลกระทบเลย

แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจที่สุดคือ เมื่อถามถึงพฤติกรรมการใช้เงินที่ทำให้คนรักดูไม่น่าคบหามากที่สุด อันดับหนึ่งที่ถูกเลือกโดย 13.3% ของผู้ตอบแบบสอบถามคือ "การใช้เงินกับวิดีโอเกม" แซงหน้า "การพนัน" ที่ได้ไป 9.1% ไปอย่างขาดลอย ตามมาด้วย "การใช้จ่ายเกินตัว" ที่ 6.7%
เดิมที การพนันมักจะติดอันดับต้น ๆ ของพฤติกรรมที่ไม่น่าพึงประสงค์ในคู่รักชาวญี่ปุ่นมาโดยตลอด แล้วทำไมการเปย์เกมถึงขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งแทนได้? เหตุผลอาจเป็นเพราะการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมเกมและการพนันในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

ในประเทศญี่ปุ่นแม้จะมีการพนันให้เข้าถึงในหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการแข่งม้า จักรยาน หรือเรือยนต์ แต่ "ปาจิงโกะ" ก็ถือเป็นรูปแบบการพนันที่เข้าถึงง่ายที่สุด อย่างไรก็ตาม ความนิยมของปาจิงโกะในปัจจุบันกำลังลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ ทำให้ไม่เป็น "ปัจจัยตัดสินความสัมพันธ์" เหมือนแต่ก่อน
ในทางกลับกัน "การใช้เงินกับวิดีโอเกม" ในปัจจุบันไม่ได้จำกัดอยู่แค่การซื้อเกมแผ่นเดียวจบอีกต่อไป แต่รวมถึงเกมเล่นฟรี (Free-to-Play) จำนวนมหาศาล โดยเฉพาะบนมือถือ ซึ่งเกมเหล่านี้มักถูกออกแบบมาให้ผู้เล่นต้อง "เปย์" เงินเพื่อเข้าถึงเนื้อหาที่สนุกจริง ๆ หรือได้ตัวละครที่ต้องการ ผ่านระบบสุ่มอย่าง "กาชา" หรือ Loot Box พูดง่าย ๆ ก็คือ การจ่ายเงินเพื่อผลตอบแทนที่ไม่แน่นอน และมีตัวเลือกให้จ่ายซ้ำ ๆ เพื่อลองใหม่ ซึ่งแทบไม่ต่างอะไรกับการพนันเลย
เหตุผลส่วนหนึ่งที่อาจทำให้การเปย์เพื่อสุ่มกาชานั้นแย่ยิ่งกว่าการพนัน อาจเป็นเพราะในมุมมองของคู่ชีวิตที่ไม่ได้เล่นเกม การพนันแบบดั้งเดิมอย่างน้อยก็มีเป้าหมายชัดเงินนั่นก็คืออยากได้ "เงิน" ทำให้เข้าใจความรู้สึกได้เวลาผู้เล่นแพ้พนัน แต่ในทางกลับกัน การสุ่มกาชาเกมนั้นแม้จะได้ "อะไรบางอย่าง" กลับมาเสมอ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผู้เล่นรู้สึกพึงพอใจเสมอไป ยิ่งถ้าคู่ชีวิตอีกฝ่ายเป็นคนนอกที่ไม่เข้าใจเบื้องลึกของเกมนั้น ๆ ก็จะไม่เข้าใจเลยความรู้สึกเลยว่าทำไมผู้เล่นเกมถึงรู้สึกผิดหวังเมื่อสุ่มแล้วได้ตัวละครบางตัว หรือทำไมต้องเสียเงินจำนวนมากเพื่อให้ได้ตัวละครหรือไอเทมบางอย่างมาครอบครอง

จากการสำรวจมีตัวอย่างความคิดเห็นจากทั้งสองเพศ เช่น ผู้หญิงในวัย 20 ปีเล่าว่า "ฉันเคยให้แฟนยืมเงินเพราะเขาบอกว่าการเงินมีปัญหา แต่เขากลับเอาเงินไปเปย์เกม" ในขณะที่ผู้ชายวัย 30 กล่าวว่า "ผมถึงกับต้องคิดทบทวนความสัมพันธ์เลย ตอนที่เห็นแฟนเปย์เกมทีเดียวมากกว่า 10,000 เยน (ประมาณ 2,500 บาท)"
อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจก็ชี้ให้เห็นอีกมุมว่า การเป็นคนขี้เหนียวเกินไปก็เป็นสิ่งที่ไม่น่าดึงดูดเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการยืนกรานจะหารค่าใช้จ่ายทุกอย่างเท่ากันเป๊ะ การให้ของขวัญราคาถูก หรือการจดจ่อกับการประหยัดเงินมากเกินไป

ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดในความสัมพันธ์คือความเข้าใจและการยอมรับในไลฟ์สไตล์ของกันและกัน เช่นเดียวกันกับการควบคุมพฤติกรรมการใช้จ่ายให้พอเหมาะกับรายได้ของตนและครอบครัว ซึ่งจุดนี้เกมเมอร์สายคลาสสิกที่นิยมเกมแบบซื้อขาดและปลดล็อกคอนเทนต์ในเกมด้วยวิธีดั้งเดิม อาจจะได้เปรียบกว่าเกมเมอร์สายเปย์ที่เน้นแก้ไขปัญหาและก้าวข้ามอุปสรรคด้วยการรูดบัตรก็ได้!
แปลและเรียบเรียงจาก
SoraNews24
ติดตามข่าวสารวงการบันเทิง ไลฟ์สไตล์อื่นๆ ได้ที่ Online Station