เติบโต คาดหวัง เปลี่ยนผ่าน คุยกับ CGM48 ในวันที่มีสเตจของตัวเองเสียที

มันเป็นบ่ายแก่ๆ ของวันอาทิตย์ช่วงกลางเดือน 11 ที่ผ่านมา ผมนั่งอยู่ในห้องที่ค่อยๆ เปิดไฟให้สว่างขึ้นสวนทางกับเสียงปรบมือของผู้คนข้างหน้าที่ค่อยๆ เบาลงและถูกแทนที่ด้วยบรรยากาศของการรอคอยบางอย่าง ด้านซ้ายด้านขวามีน้องทีมงานผู้ชายผู้หญิงกำลังยืดเส้นยืดสายอยู่หลังกล้อง OB เป็นอากัปกิริยาที่แค่เห็นก็รู้เลยว่าก่อนหน้านี้ความตึงบังเกิดขนาดไหน

CGM48

ที่นี่คือ Muan More Space สถานที่ทำการแสดงสเตจเธียเตอร์ของวง CGM48 ที่เพิ่งจบไปเป็นการแสดงในรอบบ่าย 2 และตอนนี้ก็เป็นช่วงบอกลาและขอบคุณกันระหว่างแฟนคลับกับน้องๆ เมมเบอร์ที่ได้ทำการเพอร์ฟอร์มในวันนี้ รายละเอียดของโชว์ผมเขียนไว้แล้วในอีกบทความไปหาอ่านกันได้ แต่สำหรับตอนนี้ผมกำลังรอคอยบางอย่างอยู่

เวลา ณ ขณะนั้นราวๆ 4 โมงเย็น แฟนคลับทยอยออกจากห้องกันเกือบหมดแล้ว พร้อมๆ กับภาพที่ทีมงานนับสิบชีวิตเข้ามาเคลียร์พื้นที่สำหรับเตรียมการแสดงสเตจวันเกิดในรอบ 5 โมงเย็น ซึ่งจะมีพื้นที่สำหรับสายยืนชมยืนเชียร์เพิ่มขึ้นมา เวลาอาจดูบีบคั้นขึ้นแต่ผมเองยังไม่กังวลอะไร ในภาพรวมยังรู้สึกว่าเหลือเฟือ ว่าแล้วก็เช็คตัวเองให้พร้อม เก็บเลนส์ซูเปอร์เทเลสำหรับถ่ายสเตจลงกระเป๋าแล้ว เปลี่ยนมาเป็นเลนส์เบาๆ แทน

ใช่ครับ เปลี่ยนเลนส์ฟิก แล้วก็ต้องปรับโฟกัส จะได้มองชัดๆ ว่า…

อ๊ะ มานั่นแล้ว

ตอนที่เตรียมตัวเองเสร็จเรียบร้อยพอดี ผมก็ได้ยินเสียงเรียกและเห็นผู้ดูแลวงเดินมาเรียกตัวผมไปเพราะว่าน้องๆ มากันแล้วและนั่งรออยู่บริเวณเก้าอี้แถว A หน้าสเตจ ซึ่งผมพอจะเดาเรื่องข้อจำกัดด้านสถานที่ได้อยู่บ้างจึงไม่ได้ติดใจอะไร

พอเดินไปถึงน้องๆ ก็นั่งรออยู่ก่อนแล้วพร้อมๆ กับ AR คอยดูแลความเรียบร้อยอีก 1 คน พวกเธออยู่ในชุดเสื้อยืดขาสั้นยีนส์ อันเป็นชุดของช่วง Encore ซึ่ง 2 จาก 3 คนตรงหน้าก็เพิ่งเพอร์ฟอร์มมาเมื่อครู่ อาจเสียดายนิดๆ ที่ไม่ได้มาพร้อมชุดของสเตจเลย แต่ก็เป็นเรื่องที่คาดการณ์ไว้อยู่แล้วและเข้าใจได้เช่นกัน

CGM48

เพราะว่ารอบนี้ผมมาคนเดียว ไม่ได้มีทีมงานช่วยเหมือนครั้งก่อน (ไม่ติดงานด่วนก็ป่วยไข้) จึงมีความทุลักทุเลมากขึ้นสักหน่อยแต่ยังแฮนเดิลไหว ส่วนหนึ่งก็เพราะทางวงช่วยอำนวยความสะดวก และน้องๆ ก็ใจดีช่วยถือมือถือเรคคอร์ดเสียงให้ด้วย ทำให้งานมันโฟลวขึ้นมาก ตรงนี้ต้องขอขอบคุณทุกๆ ฝ่ายที่ช่วยเหลือมากครับ

เอาไปเอามาบรรยากาศตอนนี้ก็เหมาะกับเรื่องที่เราจะพูดคุยกันพอดี คืออยู่ในสถานที่จัดสเตจเธียเตอร์ และผมก็เตรียมคำถามมาคุยเรื่องนี้เป็นหลัก ต้องบอกว่าเป็นเวลานานพอสมควรที่ไม่ได้สัมผัสบรรยากาศแบบนี้นับตั้งแต่เธียเตอร์ของ BNK48 จำต้องย้ายสถานที่

อย่างไรก็ตามความรู้สึกของคนดูหรือแฟนคลับก็เรื่องหนึ่ง แต่น้องๆ CGM48 อาจต้องเผชิญกับช่วงเวลาแห่งการรอคอยที่ยาวนานยิ่งกว่า หลายครั้งผมอดนึกไม่ได้ว่าพวกเธอจะรู้สึกอย่างไรบ้างระหว่างการเดินทางของวงที่เต็มไปด้วยอุปสรรค การเปลี่ยนแปลง หรือกระทั่งโชคชะตาที่ไม่อาจอำนวยนัก

แต่อะไรก็ตามที่ฆ่าพวกเธอไม่ได้ มันจะทำให้พวกเธอแข็งแกร่งขึ้น

วันนี้ CGM48 กลายเป็นอีกวงหนึ่งที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างโชกโชน บาดแผลเต็มกายไม่แพ้วงพี่ของพวกเธอที่กรุงเทพฯ และยังคงยืนหยัดต่อไปใน “บ้าน” ของพวกเธอ ซึ่งที่สุดแล้วก็กลายเป็นรูปธรรมเสียที แต่พวกเธอจะพร้อมขนาดไหนกับการรับมือพายุลูกถัดๆ ไป ที่อาจถาโถมในเร็ววันนี้ เดี๋ยวเราจะมาพูดคุยในเรื่องนี้กัน

CGM48

เมมเบอร์ที่ผมเลือกมาสัมภาษณ์ 3 คนวันนี้คือ สิตา – สิตา ธีรเดชสกุล, มามิ้งค์ – มาณิฌา เอี่ยมดิลกวงศ์ และ ฟอร์จูน – ปัณฑิตา คูณทวี โดยพิจารณาจากคอนดิชั่นว่าจะต้องเป็นคนที่มีแสดงสเตจในวันนี้ และต้องเป็นคนที่อยู่ในซิงเกิ้ลทั้ง Hisashiburi no Lip Gloss กับ Kibouteki Refrain

สำหรับมามิ้งค์นั้นทีแรกผมเลือกเป็นคนิ้งไปเพราะอยากได้เซนเตอร์ Kibouteki Refrain มาคุยด้วย แต่พอน้องป่วยเลยต้องเปลี่ยนคน จึงเลือกมามิ้งค์ที่มีสเตจวันเกิดวันนั้นพอดีแทนถือว่าเหมาะสมไม่แพ้กัน

ส่วนฟอร์จูนนั้นเป็นคนเดียวที่ไม่ได้ขึ้นสเตจในวันดังกล่าว แต่ผมก็อยากได้กัปตันทีม C มาคุยเช่นกัน จึงสอบถามทางวงไปและน้องยินดีที่จะมาให้ ตรงนี้ก็ต้องขอบคุณมากๆ สำหรับทั้ง 3 คนที่สละเวลามานั่งพูดคุยด้วยกัน

***เพื่อจะแยกไดอาล็อกของแต่ละคนได้ง่ายขึ้น ขอใช้สีเข้ามาช่วยครับ

  • สีฟ้า – สิตา
  • สีแดง – มามิ้งค์
  • สีเขียว – ฟอร์จูน

ผมเริ่มด้วยการให้น้องทั้ง 3 คนแนะนำตัวก่อนตามประเพณีสัมภาษณ์ แต่เพราะวันนี้เรามีของประเด็นเธียเตอร์เป็นเรื่องหลัก เพราะงั้น Catchphrase ต้องมาด้วย ซึ่งทันทีที่บอกแบบนั้นออกไปน้องๆ ทั้ง 3 คนก็ส่งเสียงหุยฮาออกมาทันที และออกลูกเขินกันเล็กน้อย ถึงอย่างนั้นด้วยความมืออาชีพทุกคนก็ทำตามแต่โดยดี

เริ่มจากพูดพร้อมกัน “พวกเรา CGM48 สวัสดีเจ้า” แล้วไล่เรียงประโยคเฉพาะตัวของแต่ละคน

“เพราะยังไงก็ต้องเสี่ยง รักไม่รักก็ต้องเสี่ยง คัมมอนคัมมอนคัมมอนเบบี้ มาเป็นคุกกี้ของฟอร์จูนกันนะคะ สวัสดีเจ้าฟอร์จูน CGM48 เจ้า”

ตามมาด้วย “เปลี่ยนเลนส์ฟิก ปรับโฟกัส มองชัดๆ ว่าสิตาน่ารักม๊าย” เสียงลากยาวเหมือนรอให้เพื่อนมีรีแอค ทว่า “โห่ไม่มีใครตอบเลย สวัสดีเจ้าสิตา CGM48 เจ้า”

และปิดท้ายด้วย “ค่า อะแฮ่ม” กระแอม 1 ที เพื่อความเน้น “ทุกคนคะเรามีอะไรจะบอกค่ะ เรามามิ้งค์แล้วเราก็มาดีนะ สวัสดีเจ้ามามิ้งค์ CGM48 เจ้า”

ทุกคนส่งเสียงเย้ ผมก็เย้ตาม ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลกลใดมันก็ข่วยลดความเกร็งของผมได้ระดับหนึ่ง

ไม่พูดพร่ำทำเพลง เวลาล่วงเลยมาประมาณหนึ่งแล้ว ผมควรเข้าเรื่องเสียที คำถามแรกเป็นคำถามที่พาให้ผมนึกย้อนไปตอนประกาศทีม C เมื่อสักราวๆ 1 ปีก่อนตอนเปิดตัวซิงเกิ้ล Maeshika Mukanee สงสัยมาตลอดว่าตั้งแต่วันนั้นจนวันนี้ที่การรอคอยอันยาวนานมันได้จบลงเนี่ย ในช่วงเวลาระหว่างนั้นเมมเบอร์มีความรู้สึกอย่างไรกันบ้าง?

“คือเหมือนช่วงที่ประกาศออกไปว่าจะมีทีม C แล้ว แต่ระหว่างนั้นมันก็ใช้เวลาน่าจะเกือบปีเลยกว่าที่จะได้มีเป็นสเตจของเราตรงนี้”

ฟอร์จูนเป็นคนที่ขอตอบคำถามนี้ และคำบอกเล่าของกัปตันทีม C ก็เป็นอะไรที่ผมสนใจจะฟัง

“คิดว่าพวกเราก็ตั้งตารอคอยละกันค่ะ หัวใจหลักของการเป็นไอดอลส่วนหนึ่งก็คือการที่จะได้ขึ้นสเตจและก็มีเธียเตอร์เป็นของตัวเอง ทุกคนก็เลยตั้งตารอคอย ระหว่างทางก็มีการพูดถึงกันบ้างค่ะ แบบว่าเมื่อไหร่นะอะไรอย่างงี้ เป็นที่ถามถึงกันประมาณหนึ่ง พอได้มีจริงๆ แล้วก็รู้สึกแบบว่าคุ้มค่าค่ะกับการรอคอย”

“เคยมีความคิดแบบ เอ๊ะ! หรือมันจะไม่มีมั๊ย?”

ผมถามสวนออกไป

“เอ่อ… คนเราอยู่ได้ด้วยความหวัง เพราะงั้นหนูก็เลย (หัวเราะ) หนูก็เลยคิดว่ามันต้องมีแน่นอนค่ะ”

CGM48

แม้จะหัวเราะแต่ผมก็พอจับได้ว่าน้ำเสียงหรือท่าทางนั้นมีความโล่งอกโล่งใจอยู่ในที ที่ว่าถามถึงกันประมาณหนึ่งนั้นก็คงแน่นอน และอาจมีความกังวลก่อตัวขึ้นอยู่บ้าง แต่ท้ายที่สุดเมื่อวันนี้มาถึงแล้ว ความไม่สบายใจที่ผ่านๆ มาก็คงปลิดปลิวจนแทบไม่เหลือร่องรอยให้นึกจำ

คำถามถัดมานั้นเกี่ยวข้องกับสถานที่ตั้งซึ่งก็คือ Muan More Space ณ เชียงใหม่ฮอลล์ เซนทรัลเชียงใหม่แอร์พอร์ต ห้างที่เมมเบอร์หรือแม้กระทั่งแฟนคลับอาจจะคุ้นเคยในระดับเหมือนบ้านหลังหนึ่งอะไรงี้เลยรึเปล่า? เพราะว่าทางวงนั้นมีการทำกิจกรรมกันที่นี่บ่อยมากๆ

“เอ้ เหมือนตอนที่เราเปิดตัวครั้งแรกให้สาธารณะชนรับรู้ก็เป็นที่นี่เหมือนกันค่ะ”

เพราะว่านั่งข้างฟอร์จูนรึเปล่าไม่อาจทราบได้ สิตาจึงเป็นคนตอบคำถามข้อที่ 2 นี้

“แล้วเราก็มีโอกาสได้ทำกิจกรรมที่นี่บ่อยๆ จนรู้สึกว่าเป็นที่คุ้นชินละ เวลาจัดงานอะไรที่เซนทรัลแอร์พอร์ตก็จะรู้สึกชิลๆ แบบว่ามีความผูกพันธ์ เลยรู้สึกว่าดีใจที่ยังอยู่ที่นี่ แล้วก็ที่จริงเป็นสถานที่ซึ่งเดินทางได้ง่ายมากค่ะ อยู่ใกล้สนามบิน เพราะแฟนๆ พวกเราเองก็มาจากหลากหลายสถานที่ บินถึงปุ๊บได้ดูปั๊บ ถือว่าสะดวกสบายเลย”

CGM48

มีช่วงหนึ่งที่ผมรู้สึกว่ามาเดินเซนทรัลเชียงใหม่แอร์พอร์ตบ่อยกว่าเซนทรัลพระราม 9 แถวๆ บ้านเสียอีก เรื่องความสะดวกสบายเพิ่มเติมผมเขียนไว้ในคอนเทนต์พาชมสเตจเธียเตอร์ไว้แล้วเช่นกัน แต่อยากยืนยันเรื่องความสะดวกสบายอีกครั้ง จะมีที่ไหนบ้างที่บินมาถึงแล้วเดินต่อ 5 นาทีก็ถึงที่ดูโชว์หรือสถานที่ทำกิจกรรมได้เลย แม้แต่ตัวผมเองก็เลิฟๆ ในจุดนี้มากๆ ประหยัดค่าเดินทางไปเยอะ…

ไม่นับเรื่องที่ต้องบินมาน่ะนะ

อย่างไรก็ตามวันที่ผมบินมาทำข่าว หรือแม้กระทั่งบินมาดูเองตอนร่วมกิจกรรมเชกิเมื่อช่วงต้นเดือน ต่างก็ไม่ใช่การเพอร์ฟอร์มสเตจครั้งแรกของวง ทุกๆ อย่างวันนี้มันดูเข้าที่เข้าทางเพราะน้องๆ ต่างก็ผ่านการขึ้นโชว์มาหลายต่อหลายครั้งแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นวันที่ต้องขึ้นแสดงครั้งแรกนี่น้องๆ รู้สึกอย่างไรกันนะ?

“ความรู้สึกใช่มั๊ยคะ? ตื่นเต้นมากๆ เลยค่ะ”

เมื่อตอบไปแล้ว 2 คน คราวนี้จึงเป็นทีของมามิ้งค์บ้าง

“คือตั้งแต่แรกที่เรากำลังจะมี ก็ซ้อมกันมาเรื่อยๆ อยู่แล้วค่ะ แต่พอได้ขึ้นแสดงครั้งแรกจริงๆ ก็แบบมันแปลกใหม่มาก (เสียงสูง) มันไม่เหมือนกับการแสดงคอนเสิร์ตข้างนอก มีความสเปเชี่ยลบางอย่าง รู้สึกเหมือนแฟนคลับที่นั่งดูกับเราที่แสดงอยู่บนเวทีมีความคอนเน็คต์กันบางอย่าง สนุกแล้วก็ดีใจที่ได้มีสเตจค่ะ”

“มันเหมือนการเติมเต็มความเป็น 48 ด้วยมั๊ย?”

ผมถามต่อ

“ใช่ค่ะ เพราะถ้าพูดถึง 48 มันก็ต้องมีเธียเตอร์เนอะ เป็นเหมือนบ้าน เป็นที่ของพวกเรา”

สไตล์ของมามิ้งค์จะมีการตอบที่เนิบกว่าอีก 2 คนอย่างเห็นได้ชัด ระหว่างที่ตอบสีหน้าก็ออกมาพร้อมกับท่าทางไปด้วย แววตาของน้องเป็นประกายมากเลยทีเดียว

CGM48

มามิ้งค์พูดถึงความพิเศษหรือสเปเชี่ยลโมเมนต์บางอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างการโชว์สเตจเธียร์เตอร์ ผู้ชมที่เข้าไปดูบ่อยๆ หรือเคยเข้าไปรับชมมาบ้างน่าจะพอนึกออกว่ามันมีความความแตกต่างกับการโชว์ภายนอกอย่างไร แต่ผมก็อยากลองให้น้องๆ ได้พูดถึงมุมมองของตัวเองที่มีต่อความพิเศษในสเตจเธียเตอร์ซึ่งหาไม่ได้จากโชว์ที่อื่นๆ ดูบ้างเช่นกัน

“ความพิเศษของเธียเตอร์ของพวกเรามันน่าจะมีความเพียว (Pure) ของการแสดงเพอร์ฟอร์แมนซ์น่ะค่ะ”

หลังกลอกตาพยายามนึกอยู่พักหนึ่งฟอร์จูนก็นึกคำตอบได้

“ส่วนหนึ่งคือเมมเบอร์แล้วก็แฟนคลับเหมือนกับว่าได้ผูกพันธ์กัน เราก็จะมีฟีลแบบเขามาเยี่ยมเราที่บ้านนะ ก็ต้องพยายามต้อนรับขับสู้อย่างดี ซึ่งมันก็จะมีความเป็นธรรมชาติ แล้วก็ได้เห็นอะไรหลายๆ อย่างที่ข้างนอกจะไม่ได้เห็น เช่นเพลงเฉพาะสเตจที่โอกาสได้แสดงข้างนอกน้อยมากๆ ต้องมาที่เธียเตอร์ของเราเท่านั้นนะถึงจะได้ดู เพราะงั้นพิเศษกว่าที่อื่นๆ แน่นอนค่ะ”

“งั้นถามลึกลงไปหน่อย สเตจเธียเตอร์เรามันมีไวบ์หรือฟีลลิ่งบางอย่างที่แตกต่างจากของ BNK48 มั๊ย?”

ได้ยินแบบนั้นฟอร์จูนก็นิ่งเพื่อนึกคำตอบไปอีกพักหนึ่ง ต้องบอกว่าสมเป็นกัปตันทีม C และผู้มีอาวุโสระดับสูงของวง จะตอบอะไรต้องนึกให้แน่ใจก่อน ไม่ลนลานและมีวิจารณญาน

“อืม… คือหนูก็เคยดูสเตจของพี่ๆ BNK48 มาบ้างประมาณหนึ่งค่ะ แล้วก็มีการลองไปสอบถามคนภายนอกที่เคยดูสเตจของทั้งสองวงมาบ้าง ส่วนตัวแล้วคิดว่าแอบมีความต่างนิดหนึ่ง แต่ก็เป็นในแง่ของลายเซ็นต์แต่ละวงมากกว่า ด้วยความที่ว่าการเพอร์ฟอร์มของเราก็จะความเน้นความน่ารักสดใสซึ่งมันเหมือนจะเป็นซิกเนเจอร์เรามาตั้งแต่แรก รวมไปถึงเพอร์ฟอร์แมนซ์ที่ก็เอ่อ… คุณแม่ชิไฮนินของเรา (รินะ) คงไม่ปล่อยให้ลูกๆ เพอร์ฟอร์มตกกันง่ายๆ (หัวเราะ) ดังนั้นนั่นแหละค่ะความแตกต่างน่าจะอยู่ที่ลายเซ็นต์ของแต่ละวงมากกว่า”

เป็นคำถามที่อาจจะดูสุ่มเสี่ยงไปสักหน่อย แต่การที่น้องเน้นย้ำความเป็นลายเซ็นต์ของตัววงก็ถือว่าเป็นการตอบที่เห็นภาพอยู่เหมือนกัน ผมเองก็เคยรับชมการเพอร์ฟอร์มมาแล้วทั้ง 2 วงเช่นกัน ส่วนตัวแล้วก็ว่ามันมีไวบ์ที่แตกต่างกันจริงๆ เพียงแต่อธิบายออกมาได้ยาก มันมีความเป็นนามธรรมแบบสาวเมืองกรุงกับสาวเมืองเหนือ การสำทับถึงลายเซ็นต์แต่ละวงของฟอร์จูนจึงอาจจำกัดความได้ใกล้เคียงที่สุดแล้ว

CGM48

ถามคำถามยากๆ มาพอสมควรอาจมาถึงช่วงที่ผ่านคลายกันบ้าง โดยผมให้น้องๆ ลองบอกชื่อเพลงที่ชอบในสเตจ Party ga Hajimaru yo มาคนละเพลง

“เอ… สิตาชอบซากุระค่ะ เพราะว่าชุดสวยด้วยส่วนหนึ่ง แล้วก็เป็นเพลงที่ความหมายดีมากๆๆ รู้สึกอินทุกครั้งที่ได้ขึ้นเพลงนี้ อินที่สุดในสเตจทั้งหมดแล้ว เป็นเพลงที่ดีมากๆ เลยค่ะ”

“ชอบหลายเพลงเลยค่ะ แต่ว่าคือเพิ่งเต้น ‘จูบไม่ได้นะ’ ไปค่ะ แล้วก็รู้สึกว่ามันเป็นฟีลท้าทายมากกว่า (เพื่อนๆ หัวเราะประสานเสียง) คือเป็นสิ่งแปลกใหม่ท้าทายดี ก็ชอบก็ได้ค่ะ ชอบความท้าทาย”

พอมามิ้งค์พูดจบทั้งสิตาและฟอร์จูนก็แซวว่าชอบความท้าทายเหรอ แล้วก็หัวเราะเอิ๊กอ๊ากกัน จนผมเริ่มรู้สึกนิยมความเคมีเข้ากันของทั้ง 3 คนอยู่ในที

“สำหรับฟอร์ฯ ก็เพิ่งเพอร์ฟอร์มไปเมื่อวานเหมือนกันค่ะ ก็คือชอบ ‘Classmate’ (เพื่อนๆ ส่งเสียงวิ้ดวิ่ว) รู้สึกเหมือนเป็นเพลงที่ถามพี่รินะอยู่ตลอดว่าเมื่อไหร่หนูจะได้ขึ้นๆ จนพอได้มาขึ้นจริงๆ ก็รู้สึกว่าชอบความหมายของเพลง คือหนูจะเป็นคนที่ชอบเพลงที่เนื้อของมันมากกว่าค่ะ แล้วก็รู้สึกว่าพี่ว่านทำเพลงนี้ออกมาได้ดีมากๆ แล้วพอได้เพอร์ฟอร์มก็รู้สึกว่าอิ่มเอมทั้ง 2 รอบที่ได้โชว์เพลงนี้ค่ะ”

พอฟอร์จูนพูดขึ้นมาก็เลยนึกขึ้นได้ว่าเพลงเธียเตอร์แทบทุกเพลงนั้นได้ศิลปินมือเก๋าของวงการหลายต่อหลายคนมาช่วยแปลงเพลงให้เป็นบริบทของภาษาไทยที่สามารถฟังได้เสนาะหู และคุณว่าน ธนกฤตเองก็เป็นหนึ่งในนั้นครับ

CGM48

แต่จากที่ฟังน้องๆ พูดมามันก็ดูเหมือนว่าพวกเธอจะยังได้ขึ้นเพลงกันยังไม่ครบ เลยลองถามออกไปว่ามีเพลงที่ยังไม่เคยขึ้นแต่อยากจะมีโอกาสได้โชว์กันมั๊ย? แทบจะในทันทีพวกน้องๆ ก็พยักหน้าหงึกๆ พลางประสานเสียงแบบไม่ต้องคิดว่ามีค่ะๆ และเป็นฟอร์จูนที่ขอพูดก่อนเพราะมือถือที่เปิดแอปฯ เรคคอร์ดอยู่ในมือเธอพอดี

“ของหนูตอนนี้ที่เหลือแล้วอยากขึ้นก็จะเป็น ‘Skirt Hirari’ ละกันค่ะไม่ได้ขึ้นซักที (เพื่อนๆ ส่งเสียงว้าว) เหมือนพวกสาวๆ เด็กๆ ก็จะมีความแบบชอบขึ้น Skirt มากเลย ไอ้เราก็เป็นแบบคนโตๆ แล้วเนอะอยากให้เด็กๆ ได้เต้น แต่ก็อยากรู้เหมือนกันค่ะว่าถ้าเรากลับไปเป็นเด็กกระโปรงพลิ้วอีกครั้งหนึ่งจะรู้สึกยังไง ประมาณนี้ค่ะ”

“ของสิตายังไม่เคยขึ้น ‘Hoshi no Ondo’ ค่ะ แต่ว่าเมื่อนานมาแล้วเคยมีชื่ออยู่ในยูนิตนี้เหมือนเป็นม็อคอัปแรก แต่ว่าเราอ่ะโดนเด้งไปอยู่ Kiss wa (หัวเราะ) เลยว่าถ้ามีโอกาสก็อยากกลับไปฝึกร้องเพลงนี้ค่ะ เพราะก็รู้สึกว่าเฮ้ยเราก็แม่นอยู่เหมือนกันนะ เพราะเราซ้อมมานานอ่ะ! (หัวเราะ) ล้อเล่นๆ พี่รินะอย่าฟังนะคะ (หัวเราะต่อไป)

CGM48

“ของเรานี่ก็เหมือนพี่ฟอร์ค่ะ ยังไม่เคยเต้น ‘Skirt Hirari’ คือเห็นเขาสะบัดกระโปรงเราก็จะแบบเอ๊จะทำได้ไหม? แต่ก็ถ้ามีโอกาสก็อยากลองดูค่ะ”

ไหนๆ มามิ้งค์ก็ตอบเป็นคนสุดท้ายเมื่อสักครู่ผมจึงขออนุญาตถามมามิ้งค์ต่อเลย เพราะอีกไม่กี่นาทีจากนี้ก็จะมีการแสดงสเตจวันเกิดของเธอเกิดขึ้น และนี่คือปีแรกที่เธอจะมีโชว์ประจำวันเกิดเป็นของตัวเอง น้องจะรู้สึกอย่างไรกันนะ?

“หนูรู้สึกว่ามันโห พิเศษนะ แบบว่าวันเกิดใครก็จะมีสเตจของคนนั้นๆ ตั้งแต่ซ้อมหรือการจัดเซ็ตลิสต์พี่รินะเขาก็จะให้เลือกว่าอยากขึ้นยูนิตไหน เลือกได้ว่าอยากขึ้นสเตจกับใครด้วย แล้วก็ยังมีเลือกเพลงอังกอร์ตอนท้ายอีก เป็นสิทธิ์พิเศษเฉพาะเจ้าของวันเกิดค่ะที่จะได้เลือก มันก็เลยเป็นความตื่นเต้นที่พูดไม่ถูก นั่นแหละค่ะ ตื่นเต้นแล้วที่จะได้แสดงสเตจวันเกิด”

CGM48

จากคำตอบของมามิ้งค์นั้นดูเหมือนว่าชิไฮนินอย่างรินะซังจะเป็นคนคุมโชว์หลักๆ ในเวลานี้ ถ้างั้นหน้าที่ของกัปตันทีม C อย่างฟอร์จูนล่ะ?

“อืม… ถ้าให้อธิบายนะคะ สิ่งที่หนูทำมากที่สุดตอนนี้น่าจะเป็นเรื่องของการดูภาพรวมต่างๆ แบบพวกโชว์เพอร์ฟอร์แมนซ์อะไรงี้ แต่ถ้าย้อนกลับไปในตอนที่ยังไม่มีสเตจ ก็จะเป็นตั้งแต่ช่วงคอนเสิร์ต CGM48 ที่จะมีเหมือนตอนเปิดตัว 4 คนสุดท้ายของทีม C ตรงนั้นก็ได้ดีไซน์โชว์แล้วก็ช่วยเหลือพี่รินะด้วยค่ะ คือคุณแม่ของเรา (รินะ) ก็จะเป็นแบบว่าคอยวางแพลนทุกอย่าง เราก็จะเป็นคนที่ช่วยรีแคปเขาอีกทีหนึ่งว่ามันมีส่วนไหนที่อาจจะต้องแก้ไขไหม เหมือนเป็นคนที่คอยซัพพอร์ตอีกทีนึง และก็ช่วยดูภาพรวมของน้องๆ ว่ามีตรงไหนที่ต้องปรับปรุงแก้ไขรึเปล่า สุดท้ายก็จะเป็นเรื่องของการจดเซ็ตลิสต์ให้กับทีมค่ะ”

CGM48

อาจจะแตกต่างจากที่คิดไปสักหน่อย แต่ค่อนข้างเชื่อแน่ว่าเมื่อถึงจุดหนึ่งรินะซังจะปล่อยให้ฟอร์จูนได้ทำหน้าที่ของกัปตันทีม C อย่างเข้มข้นกว่าเดิม ถึงแม้หน้าที่ที่ทำอยู่ตอนนี้จะค่อนข้างรัดตัวพอสมควรอยู่แล้วก็ตาม เพราะต้องอย่าลืมว่าทั้งฟอร์จูน และอาจรวมถึงสิตาและมามิ้งค์ก็กำลังทำหน้าที่หลายอย่าง ไม่ว่าจะซิงเกิ้ลของทั้งฝั่ง CGM48 และ BNK48 ชีวิตการเรียนส่วนตัว พอมีเธียเตอร์เพิ่มเข้ามาเวิร์คโหลดก็บวกขึ้นเป็นเงาตามตัวโดยเฉพาะเรื่องของการฝึกซ้อม เพราะงั้นก็เลยถามน้องๆ ไปว่ามีปัญหากับการแบ่งเวลารึเปล่า? หรือมันทำให้จัดการชีวิตตัวเองได้ยากขึ้นไหม?

“ส่วนตัวสิตารู้สึกว่าต้องใช้สติกับชีวิตขึ้นเยอะมาก ปกติเราจะมีแค่เพลงซิงเกิ้ล แล้วตอนนี้เรา 3 คนก็คือทำ 2 ซิงเกิ้ลพร้อมกัน ก็คือ Kibouteki Refrain แล้วก็ Lip Gloss ใช่มั๊ยคะ พอมีสเตจเข้ามาก็จะมีเรื่องของการเปลี่ยนบล็อคกิ้งบ้าง เปลี่ยนยูนิตบ้าง แถมเพลงอังกอร์แต่ละคนก็ไม่เหมือนกันอีก คิดว่าเป็นความท้าทายมากกว่า ถ้าเราผ่านมันไปได้ก็น่าจะเก่งขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง” ว่าแล้วก็หันไปหาเพื่อน “ไม่ยากเนอะ”

“ไม่ยากเล๊ยยยยยย”

อีก 2 สาวก็รับลูกกันอย่างดี โบ๊ะบ๊ะกันมากๆ อาจเพราะอยู่ในวัยใกล้ๆ กันเลยรู้สึกไปด้วยว่าสามารถเข้ากันได้แบบไร้รอยต่อ แค่ยืนดูทั้ง 3 คนแซวกันหยอกเอินกันก็เหมือนได้เข้าไปอยู่ในวงการพูดคุยสาวๆ แล้ว สนุกดีจริงๆ

CGM48

แต่หยุดความเฮฮากันไว้อีกครั้ง เพราะคำถามถัดไปคือคำถามสุดท้ายของพาร์ทเธียเตอร์แล้ว และผมก็อยากจะรู้ว่าท้ายที่สุดแล้วสำหรับทั้ง 3 คนนั้นสเตจเธียร์เตอร์มีความหมายยังไงกันแน่? น้องๆ ส่งเสียงในลำคอออกมาพลางกลอกตาไปคนละทิศละทางคล้ายกับใช้ความคิดไปด้วย และเป็นมามิ้งค์ที่ขอตอบก่อน

“รู้สึกว่ามันเป็นพื้นที่ที่เมมเบอร์จะได้ใช้เวลาอยู่กับแฟนคลับค่ะ เป็นโมเมนต์ที่เราได้สื่อสารกันในสถานที่ปิด อยู่ในพื้นที่ที่มีแค่เรากับแฟนคลับ หนูว่าอืม… มันมีความขลังบางอย่างเมื่อเราพูดว่าเราจะแสดงสเตจเธียเตอร์ค่ะ อาจจะพูดความรู้สึกได้ไม่หมด แต่โดยรวมแล้วชอบมากค่ะ”

ตามมาด้วยสิตา

“เอิ่มม อย่างของสิตาก็รู้สึกว่ามันเป็นพื้นที่ที่ให้เราได้แสดงความสามารถออกมามากขึ้นแล้วกัน คือถ้าอย่างเพลงซิงเกิ้ลเราจะได้อยู่แค่บางตำแหน่งหรือฟิกตำแหน่งไปเลย อาจจะเปลี่ยนบ้างเวลาไปโร้ดโชว์ แต่ถ้าเป็นสเตจเธียเตอร์ เราก็จะเปลี่ยนไปยืนตำแหน่งคนนู้นบ้างคนนี้บ้าง ได้ลองทำอะไรใหม่ๆ ได้มีพื้นที่ในการแสดงออกมากขึ้น แล้วก็ที่จริงบางครั้งเราก็แอบพิจารณาว่ามันเป็นเซคชั่นในการเรียน เหมือนเป็นวิชาสเตจเธียเตอร์ พอซิงเกิ้ลก็เป็นวิชาเซมบัตสึอะไรแบบนี้ค่ะ”

ตบท้ายด้วยฟอร์จูน

“สำหรับฟอร์ฯ ฟอร์คิดว่ามันเป็นเหมือนที่เก็บความทรงจำ เป็นสถานที่ที่เราได้ใช้เวลาร่วมกับคนหลายๆ ฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นเมมเบอร์กันเอง พี่ๆ ทีมงาน รวมไปถึงแฟนคลับด้วย มันจะมีโมเมนต์บางอย่างที่หากไม่ได้มาอยู่ในสเตจหรือว่าเธียเตอร์ตรงนี้ก็อาจจะไม่มีทางเกิดขึ้นหรือรู้สึกได้ค่ะ ก็เลยคิดว่ามันเป็นเหมือนเมมโมรี่เล็กๆ ของเรา เป็นที่จดจำไปตลอดชีวิตค่ะ”

CGM48

ปิดท้ายได้สวยงามไม่น้อยสำหรับเซสชั่นคำถามเธียร์เตอร์ แม้แต่ละคนอาจจะตอบไม่เหมือนกันเสียทีเดียว แต่ก็มีจุดร่วมที่คล้ายๆ กันคือสเตจเธียเตอร์นั้นเป็นสถานที่ที่อนุญาตให้พวกเธอได้โชว์ศักยภาพหรือความพิเศษอื่นๆ นอกเหนือไปจากการโชว์ภายนอก และเราอาจจะไม่มีทางรับรู้ได้เลยหากไม่ลองเอาตัวเองไปอยู่ในบรรยากาศการแสดงเธียเตอร์ครับ

เอาล่ะ ที่นี้เราโยกมาสู่ปัจจุบันกันบ้างกับซิงเกิ้ล Kibouteki Refrain ที่กำลังโปรโมตและออกโร้ดโชว์กันอย่างแข็งขันนี้ ซึ่งทาง Online Station ของเราเองก็เพิ่งได้มีโอกาสไลฟ์พูดคุยกับเมมเบอร์ BNK48 ที่ติดเซมบัตสึเพลงนี้กันไปเรียบร้อยเมื่อไม่นานมานี้ ใครสนใจก็สามารถรับชมไลฟ์ย้อนหลังกันได้ครับ

แต่แน่นอนเพลงนี้มีเมมเบอร์จากทั้ง 2 วง เราก็เลยอยากให้พื้นที่กับฝั่ง CGM48 ได้พูดถึงเพลงนี้ผ่านสื่อฯ เรากันบ้างสักเล็กน้อย เนื่องจากที่นั่งคุยกันอยู่ก็เป็น 3 จาก 6 คนของฝั่งวงมิ้นต์ที่ติดเซมบัตสึเพลงนี้ครับ ว่าจะรู้สึกอย่างไรหรือชอบอะไรในเพลงนี้บ้าง?

“ส่วนที่ชอบขอพูดถึงชุดก็แล้วกันค่ะ รู้สึกว่าเป็นสไตล์ที่ยังไม่เคยได้มีหรือได้ใส่แบบนี้ มันมีความเป็นเจ้าหญิง ดูผู้ดีเป็นลูกคุณ(หนู) อะไรแบบนี้”

“ใส่ไปไหนก็ชูคอได้”

“อือใช่เลย เป็นคนชอบแต่งตัวอยู่แล้วพอได้ลองหลายๆ แบบแล้วก็ชอบในส่วนนี้แล้วกันค่ะ”

รู้สึกว่าหลังคุยกันมาพักใหญ่ๆ น้องๆ ก็ดูจะหายเกร็งกันไปเยอะแล้ว บรรยากาศเริ่มมีแซวกันบ่อยขึ้นอย่างตับนี้ของมามิ้งค์และสิตาที่หัวเราะคิกคักกันอยู่สองคน

“ของสิตาจะเป็นเรื่องที่พวกเรา CGM48 ได้ไปทำงานกับ BNK48 ค่ะ มันเหมือนเราจะไปแสดงให้ทุกคนได้เห็นว่ามีสิ่งที่เรียกว่า CGM48 อยู่นะ เหมือนเผยแพร่วัฒนธรรมกลายๆ และพวกเราก็ไม่แพ้ BNK48 นะ อะไรแบบนี้”

“ของฟอร์ฯ พูดถึงตัวเพลงแล้วกันค่ะ มันเป็นอีกเพลงหนึ่งที่เมมเบอร์ของเราตั้งตารอคอยที่จะได้มา รู้สึกขอบคุณที่ได้เป็นหนึ่งในตัวแทนของฝั่ง CGM48 ที่ได้ไปติดในซิงเกิ้ลนี้ด้วย ฝั่งเราก็พยายามอย่างเต็มที่ เด็กๆ บางคนก็บอกว่าอยากติดเพลงนี้ เพราะทุกคนชอบ Kibouteki มากๆ เรายิ่งรู้สึกว่าตัวแทนของฝั่งเขียวต้องทำให้ดีที่สุดอะไรงี้ค่ะ เพราะ 1 ใน 2 ก็มีฝั่งเราที่เป็นเซนเตอร์ด้วย เขียว 1 ม่วง 1 ค่ะ”

ผมถามต่อทันทีว่ามีท่าเต้นที่ชอบมั๊ย? คราวนี้เป็นสิตาที่ยกมือขอตอบคนแรก

“หึ้ย สิตานึกออก!”

เป็นท่าทางที่ดูกระตือรือร้นจัดๆ

“ชอบท่อนหลับตาค่ะ (หัวเราะ) มันเป็นจังหวะที่หันมา แล้วก็ร้องว่า ‘และแม้จะหลับตาลงเมื่อใด’ แล้วก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา จากนั้นจะเป็นคำว่า ‘ก็จะเห็นรอยยิ้มของเธอ’ คือมันเป็นแบบนั้นจริงๆ นะ ตอนที่เราหลับตาแล้วเราลืมตา ก็คือเราเห็นรอยยิ้มแฟนคลับข้างหน้าเหมือนตามเนื้อเพลงแบบเป๊ะๆ เลย ธรรมชาติมากๆ ไม่มีเตี๊ยม เป็นจังหวะที่เพอร์เฟ็กต์มาก น่าร้าก แล้วก็ที่สำคัญคือได้พักสายตาจากแสงซักแป๊บนึงด้วยค่ะ (หัวเราะ)

CGM48

“ชอบท่าหมุนแขนค่ะ คือแบบว่ามันต้องนับให้ครบ 7 ครั้ง ตอนซ้อมคือต้องนับในใจ แต่พอขึ้นเวทีแล้วเราต้องร้องเพลงไปด้วยมันเลยแอบท้าทายค่ะ” มามิ้งค์ตอบเป็นคนถัดมา

“เธอนี่ชอบความท้าทายเนอะ” แต่ยังไม่ทันจบประโยคก็โดนสิตาแซวกลับ

“เอออีกแล้วอ่ะ งงมาก ชีวิตไม่ชอบความนิ่งเฉยป่ะ ต้องมีความท้าทาย ก็เลยเหมือนตอนนั้นได้ทริคมาจากคนิ้งมั้งคะที่บอกว่าให้ใช้วิธีนับนิ้ว”

“อ๋อเหรอ จริงเหรอ?” ฟอร์จูนเข้าร่วมสังฆกรรมด้วยอีกคน

“แย่ละ ความลับเปิดเผย”

พอถึงตรงนี้ทั้งสามคนแซวกันไปมายับๆ โดยเฉพาะคำว่า ‘จริงเหรอ’ ที่กลายเป็น ‘จริงหงอ’ ไปแล้ว

“พอถึงท่านี้ตอนนี้ก็คือไม่กลัวแล้ว มาปุ๊บกรีดนิ้วรอปั๊บค่ะ”

มามิ้งค์บอกด้วยความมั่นใจ ก่อนจะโดนฟอร์จูนและสิตาจะแซวต่อท้ายตามลำดับ

“จากนี้ทุกคนก็คือจ้องละนะ นับนิ้วเนี่ย”

“โดนแฟนคลับเพ่งแน่”

CGM48

แล้วจึงเป็นคิวของฟอร์จูนที่ได้ตามคำถามเสียที

“ค่ะ ถ้าสำหรับฟอร์ ฟอร์จะชอบท่อน คิ-โบ-เต-กิ ซึ่งมันเหมือนจะง่ายแต่มันอินดีเทลระดับหนึ่ง คือมันญี่ปุ่นมากๆ ละเอียดมาก ก็เลยชอบท่านี้ค่ะ”

บอกเลยว่าเป็นช่วงที่สนุกมาก ภาพตรงหน้าก็คือเพื่อนสาว 3 คนแซวกันไปมา ตอนประสานเสียง ‘จริงหงอ’ แซวกันก็คือนึกถึงมีมไดโนเสาร์ ‘ง่อวววว’ เลย เสียดายที่เราไม่ได้ทำเป็นคอนเทนต์วิดิโอ อยากให้ทุกคนได้เห็นเหมือนกันนะ เป็นภาพที่น่ารักมากจริงๆ ครับ

คำถามถัดมาก็คือเกี่ยวกับ MV Kibouteki Refrain แม้เราจะได้เห็นเฟิร์สเพอร์ฟอร์แมนซ์กันไปแล้วสักพัก แต่แน่นอนว่าทุกคนยังคงเฝ้ารอ MV เต็มๆ กันซึ่งก็จะมีให้ดูแบบพรีเมียร์กันในงาน Fanfest วันที่ 2-3 ธันวาคมนี้ ณ ยูเนี่ยนมอลล์ นั่นเองครับ ดังนั้นแล้วก็อยากให้น้องๆ เรียกน้ำย่อยกันหน่อยว่าแฟนคลับสามารถคาดหวังอะไรได้บ้าง?

“อื้อหืม คิดว่าน่าจะเป็น… เดี๋ยวนะ (หัวเราะ) เหมือนจะตอบอย่างมั่นใจ แต่ก็เป็นอีกครั้งที่ความรอบคอบของฟอร์จูนได้รั้งเธอไว้ก่อน “คิดว่ามันน่าจะมีความเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละวงแล้วกันค่ะ อ่า หนูใบ้ประมาณนี้ (เพื่อนหัวเราะ) คือมันจะมีแก่นกลางอยู่ 1 อย่าง แล้วก็จะมีความแตกต่างระหว่างเชียงใหม่กับกรุงเทพฯ ทุกคนก็ลองเดากันดูนะคะว่าว่าแก่นกลางอันนี้หนูหมายถึงอะไร”

“เอ มันจะอารมณ์คล้ายๆ แบบคอนฯ Battle ที่ผ่านมา” เพื่อนๆ ทำท่าชี้ๆ ไปที่สิตาพลางพูดว่า อ๋าาาา ใช่ๆๆ “มีความแบบมาเจอกัน มาทำงานด้วยกัน เอ้ออออ มองตากันตาปริบๆ”

“อันนี้คำถามคือยังไงนะคะ? (หัวเราะ) มามิ้งค์เผลอแสดงความอ๊องสุดออกมาซะแล้ว “อ๋อ ก็คือแฟนคลับจะได้เห็นแบบอุ๊ย เราใส่ชุดนี้ด้วย แบบว่าสปอยล์เลยนะคะ ลดอายุรึเปล่าก็ไม่รู้” จังหวะนั้นก็คือเพื่อนโวย สปอยล์ๆ จนเจ้าตัวเริ่มฉุกคิด “เอ้อ ได้ป่ะคะเนี่ย? อันนี้ออกวันไหนนะคะ?”

CGM48

ผมนึกขำอยู่ในใจ ท่าทีทั้ง 3 คนตอนนี้คือตลกมาก ทั้งตลกทั้งล่ก เป็นฟีลลิ่งที่ชวนให้ผ่อนคลายมากขึ้นจากความเป็นตัวของตัวเองของน้องๆ อย่างไรก็ตามผมตอบน้องไปประมาณว่างานนี้น่าจะลงก่อน Fanfest ซึ่งก็หมายถึงก่อน MV จะได้ฉายพรีเมียร์ เราเลยคิดว่างั้นหยุดไว้ตรงนี้ก่อนดีกว่า พอก่อนประเดี๋ยวจะเลยเถิดจนวอดวายกันหมด

คำถามต่อมาก็คือถามว่าทางวงจะยังคงออกโร้ดโชว์ Hisashiburi no Lip gloss อยู่ใช่ไหมหลังจากที่ Kibouteki Refrain ก็เริ่มโปรโมตและออกโร้ดโชว์รัวๆ แล้ว ซึ่งสวนทางกับ Lip gloss เองที่ดูจะหยุดเงียบไป โดยในจุดนี้ก็เป็นทางฟอร์จูนที่ขอเข้าโหมดจริงจังอีกครั้งหลังรั่วกันมาสักพักเป็นคนไขข้อข้องใจ

“Lip gloss มีแน่นอนค่ะ คือตอนนี้เมมเบอร์หลายคนต้องทำงานหลายอย่าง เซนเตอร์ของเราอย่างพี่ออมก็งานเยอะด้วยประมาณนึงค่ะ ทั้งงานในงานนอก แต่จริงๆ มันจะมีมาแน่นอนค่ะ อาจจะเป็นช่วงเวลาที่ทุกๆ คนพร้อมมากกว่านี้ คือเวลาที่เราจะไปโร้ดโชว์ เราก็อยากจะมีเวลาซ้อมมากๆ ค่ะเพื่อให้มีการเพอร์ฟอร์มที่ดี ทุกคนตั้งตารอคอยได้เลยค่ะ ยังไงก็มีแน่นอนค่ะ Lip gloss”

CGM48

ผมก้มดูนาฬิกาเพื่อเช็คเวลา รู้สึกว่ายังทำเวลาได้ดี เพราะเหลือเพียง 3 คำถามสุดท้าย ในขณะที่เวลาก็ยังคงพอจะมีเหลือเฟือ ทว่า 3 คำถามนี้น่าจะเป็นอะไรที่ชวนให้น้องรู้สึกซีเรียสที่สุดของเซสชั่น

“มาที่ GE กันบ้างดีกว่า เราเขียนเลขอะไรกันไปบ้าง และทำไมมันถึงเป็นเลขนั้น?”

จำได้ว่าบรรยากาศหลังเอ่ยปากกลับมามีความจริงจังกันมากขึ้น แต่ไม่ได้ตึงเปรี๊ยะเท่าช่วงแรกๆ ซึ่งดีแล้วในความคิดของผม จากนั้นฟอร์จูนที่เพิ่งตอบข้อที่แล้วไปก็เริ่มก่อน

“ค่ะ ฟอร์ฯ เขียนไว้ที่ 10 ค่ะ ในตอนที่เขียนใบสมัครวันสุดท้าย ถ้าหนูจำไม่ผิด หนูเขียนลงไปโดยที่ไม่คาดหวังอะไรเลย เป็นแค่ความรู้สึกที่อยากจะเขียนอะไรบางอย่างลงไป แล้วมันก็ออกมาเป็นเลขนี้ คือหนูก็แอบตกใจเหมือนกัน เพราะตอนแรกก็รู้สึกว่าเอ๊ะ? ไม่ใช่เลขนี้นี่นา แต่สุดท้ายมันก็เขียนออกไปเอง ก็เลย อ้อโอเค ชั้นคงจะถูกชะตากับเลขอันนี้รึเปล่า? เหมือนเป็นระบบสุ่มความรู้สึกตัวเอง ก็เลยออกมาเป็นที่ 10 ค่ะ”

“สิตาเขียนเลข 6 ค่ะ เพราะว่าครั้งแรกเขียน 16 ไป ครั้งที่ 2 ก็เขียน 16 ไป คราวนี้ก็เลยเอาเลข 1 ออก แล้วก็มันก็เป็นลัคกี้นัมเบอร์ของตัวเองด้วย อย่างเลข 106 อะไรอย่างงี้ อีกอย่างก็คือเป็นเลขบล็อคกิ้งที่ชอบด้วย ชอบบล็อคกิ้งเบอร์ 6 เป็นพิเศษค่ะ อาจจะชอบมากกว่าบล็อคกิ้งเซนเตอร์ด้วยซ้ำ เพราะว่าอย่างน้อยๆ ถึงได้อยู่ข้างหลังแต่ว่ายังอยู่ตรงกลางค่ะ มันก็จะแบบเวลาเต้นก็จะมีความมั่นใจขึ้น”

“แหม เตรียมพร้อมมาแล้วว่าบล็อคอยู่ตรงไหน”

“ชั้นคิดมาแล้ว ช่าย”

มามิ้งค์แวะแซวสิตาอีกครั้งก่อนจะตอบของตัวเอง

“ของมามิ้งค์เขียนไปเป็นคามิ7ค่ะ รู้สึกว่าก็อยากจะลองดู เป็นอันดับที่คาดหวังแล้วก็ชอบเลข 7 ด้วยเลยอยากให้มันมีเลข 7 ในนั้น แต่ว่าถ้าจะได้มากกว่า 7 ก็ไม่ติดค่ะ (ระเบิดหัวเราะกันหมด) ใช่ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

จังหวะตะกี๊คือโคตรดีผมชอบมาก แต่ไหนๆ ก็พูดถึง GE แล้ว ผมก็แทงต่อให้น้องพูดประโยคหาเสียงเลยแล้วกัน ซึ่งผมก็ได้เห็นรีแอคชั่นถัดมาของทั้งสามคนก็คือหันมองกันไปมาก่อนจะเกี่ยงกันเละเทะ

“แกเริ่มก่อนเลย งานยากๆ”

และเป็นสิตาที่จัดการโยนงานให้มามิ้งค์เริ่มก่อน

“เฮ้ย! ได้ไงอ่ะ” ตอนแรกเจ้าตัวเหมือนจะพยายามขัดขืนแต่ที่สุดก็ยอมตอบแต่โดยดี “อืม ประโยคหาเสียงคือ กาเบอร์… (หัวเราะ) ล้อเล่นค่ะ ล้อเล่น ก็ฝากด้วยแล้วกันค่ะ ตัวแทนจาก CGM48 ก็ (ขำนำ) รักใครชอบใคร (หัวเราะ) ก็อย่าลืมเป็นกำลังใจให้ได้ค่ะ ฝากด้วยค่ะ สาธุค่ะ เย้”

“สำหรับสิตาก็… อะไรอ่ะ? โอ้ย! ก็ตะกี๊นึกออก ไมค์มาปุ๊บนึกไม่ออก เขาเรียกว่าไรอ่ะ? ฝากความฝันของเด็กคนนี้ไว้ด้วยแล้วกันค่ะ ก็มันไม่ได้มีโอกาสมาบ่อยๆ จริงๆ ก็คิดไว้ลึกๆ ว่าอาจจะเป็นครั้งสุดท้าย อาจจะนะ ขอคิดดูก่อน แต่ครั้งนี้จะเป็นครั้งที่อยากจะเต็มที่ให้มากที่สุดค่ะ ก็คิดว่าทุกคนจะเป็นปีก เป็นต้นไม้ เป็นรากฐาน เป็นถนนเส้น 106 เป็นอะไรก็แล้วแต่ให้สิตานะคะ เย้”

“คนสุดท้ายยากละ อืม สำหรับหนู หนูก็เห็นทุกๆ อย่างที่ทุกๆ คนตั้งใจกันทำมาให้โดยตลอดค่ะ ก็ยังอยากให้ทุกคนเต็มที่ แล้วก็อย่าลืมคอนเซ็ปต์ที่พวกหนูวางกันไว้ ว่าหนูก็อยากให้ทุกๆ คนมีความสุขกับในทุกๆ ทางที่มันกำลังจะเกิดขึ้น ก็เป็นการเดินทางที่ยิ่งใหญ่พอสมควรประมาณนึงเลย ไม่รู้ว่าที่คาดหวังจะกลายเป็นจริงมั๊ย แต่ก็ขอบคุณทุกการมีอยู่ของทุกคนค่ะ หวังว่าในวันประกาศผลหนูจะกลายเป็นที่ 10 เพื่อทุกคนเหมือนกัน”

มาถึงคำถามสุดท้ายกันแล้ว ผมแจ้งน้องไปตามนั้นก่อนจะบอกไปเพิ่มเติมว่า

“เดี๋ยวคำถามข้อสุดท้ายนี้จะค่อนค้างซีเรียสนิดหนึ่งนะครับ”

“เมื่อตะกี๊ก็ซีเรียสแล้วนะคะ”

ตับนี้ดีอีกแล้ว… รู้สึกว่าเป็นสัมภาษณ์ที่สนุกวุ๊ย

CGM48

คำถามสุดท้ายผมค่อนข้างอยากฟังคำตอบเป็นพิเศษ ผมอยากรู้ว่าน้องมองเห็นตัวเองในปีหน้าเป็นอย่างไร สายตาที่มองผ่านกระแสการเปลี่ยนแปลงอันเชี่ยวกรากนั้นเห็นอะไร หรือคาดหวังอะไรกับตัวเองในปีหน้ากันบ้าง?

เป็นอีกครั้งที่ฟอร์จูนเริ่มตอบคนแรก

“เอ่อ ความคาดหวัง ในมุมมองของหนู ก็คิดว่าด้วยสภาพการเปลี่ยนแปลงในหลายๆ อย่าง การปรับตัวขององค์กรเพื่อให้ไปต่อได้ ในส่วนที่พวกหนูทำได้ พวกหนูก็จะยังคงเต็มที่กับในทุกๆ เรื่องตรงนี้ที่มันเกิดขึ้น ส่วนในพาร์ทที่เมมเบอร์อย่างเราๆ ไม่สามารถคอนโทรลได้ เรื่องของผู้ใหญ่หนูก็คิดว่าทุกคนน่าจะมีโซลูชั่นที่ทำให้องค์กรของเราไปได้ไกลแน่นอน และเช่นเคยว่าหนูคงคาดหวังให้ CGM48 ไปได้ไกลและก็แมสขึ้นมีงานจ้างเข้ามาเยอะมากขึ้น หวังว่าหวยจะมาออกที่เราบ้างหรือว่าดังขึ้นมาอะไรแบบเนี้ย เพื่อทำให้ความพยายามของพวกเรามันไม่สูญเปล่าค่ะ หวังว่าฟ้าจะเป็นใจ”

CGM48

อยู่กับความจริงในระดับที่แทบไม่มีความแฟนตาซีเจือปน เต็มที่ในสิ่งที่ทำได้ ปล่อยวางในเรื่องนอกเหนือการควบคุม และหวังว่าความพยายามจะได้รับการตอบแทนที่คุ้มค่ามากยิ่งขึ้นในสักวัน คำตอบของฟอร์จูนนั้นเป็นตัวของตัวเองอย่างถึงที่สุด เต็มที่กับตัวเอง เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังที่เธอเลือกจะเชื่อมั่น

“ค่า ก็คาดหวังอะไรในปีหน้าใข่มั๊ยคะ? คือเป็นคนที่อาจจะไม่ได้ชอบมองภาพที่ไกลขนาดนั้น แบบว่าเป็นคนที่ค่อยๆ โฟกัสปัจจุบันไปทีละหน่อยๆ มากกว่า เพราะงั้นก็คาดหวังว่าจะทำทุกวันหรือว่าใช้เวลาที่อยู่ที่นี่ให้มีความสุขค่ะกับเมมเบอร์ทุกๆ คนด้วย อยากใช้เวลาตรงนี้ให้คุ้มค่าที่สุด แล้วก็พยายามเก็บเกี่ยวประสบการณ์ไปเรื่อยๆ ค่ะ”

CGM48

ไม่เหมือนกับฟอร์จูน มามิ้งค์สารภาพตรงๆ ว่าไม่ใช่คนที่มองภาพไกลอะไร ซึ่งก็ไม่มีถูกมีผิด แต่ละคนล้วนมีมุมมองของตัวเอง พยายามหาความสุขให้ตัวเอง กับบางคนวิธีคิดแบบของมามิ้งค์อาจเป็นกระบวนการสำคัญในการใช้ชีวิตต่อไปก็ได้ หรืออย่างน้อยๆ ที่สุด การที่เธอได้ทำอะไรอยู่ตรงนี้ พยายามมีความสุขกับตรงนี้ในทุกขณะ มันก็เพราะเธอรักสภาพแวดล้อมนี้มากๆ จนยังไม่อยากจะมองข้ามมันไปเลยนั่นแหละ

“คิดว่าในปีหน้าเราน่าจะอยู่ในกลุ่มโตสุดในวงแล้ว ก็จะเป็นรุ่นพี่ของน้องๆ มากมาย แนวทางของวงอาจจะเปลี่ยนไปบ้างแน่นอน ไม่เหมือนกับตอนที่เรายังเด็กๆ อยู่ ก็อาจจะเป็นอีกแบบไป แต่สิ่งที่คาดหวังก็คืออยากให้ทั้ง BNK48 และ CGM48 ยังคงเป็นตัวของตัวเอง มีอัตลักษณ์ในแบบของตัวเอง ไม่ได้ตามกระแสไปซะทั้งหมด เข้าใจว่าอาจต้องปรับตัวเพื่ออยู่รอด แต่ว่าก็ยังอยากให้เราเชื่อมั่นในทางของเรา ทำเพลงที่ให้กำลังใจผู้คนต่อไป หรือว่าเป็นแรงบันดาลใจให้กับเด็กสาวต่อไป คิดว่าถ้ายังมีศรัทธากันอยู่ก็จะเป็นเรื่องที่ดีมากค่ะ ส่วนของตัวเองคิดว่าอยากมีงานนอกเยอะๆ แล้วค่ะ (หัวเราะ) ช่วงปีสุดท้ายแล้ว ฝากด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ”

CGM48

คำตอบส่งท้ายของสิตาผมเองค่อนข้างเซอร์ไพรซ์ในการลงดีเทลอยู่เหมือนกัน เธอมองอย่างชัดเจนว่าความเปลี่ยนจะถาโถมทั้งตัวของวงและตัวพวกเธอเอง ถึงอย่างนั้นก็ยังอยากจะให้วงยึดมั่นในแนวทางและไม่อ่อนแรงให้กระแสที่เข้ามา หรืออย่างน้อยๆ ก็ต้องคงความเป็นตัวตนไว้ให้ได้ไม่ให้จางหายหรือโดนกลืนไป ที่ใครหลายๆ คนว่าไว้ว่าน้องมีความเป็นไอดอลญี่ปุ่นสูงมันก็ดูจะสะท้อนออกมาผ่านแนวคิดของเธออย่างเต็มเปี่ยมอยู่เหมือนกัน

แต่แม้คำตอบส่งท้ายของพวกเธออาจจะต่างกันในรายละเอียดสักเพียงใด จุดร่วมที่ชัดเจนมากๆ เสียจนมองออกได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องพยายามอะไร ก็คือการที่พวกเธอมีความสุขที่ได้อยู่ตรงนี้ รักที่จะได้เต้นได้ร้อง และภูมิใจที่มีนามสกุล CGM48 ต่อท้าย เจตนารมณ์ยังคงแรงกล้าที่จะพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้วงของพวกเธอเป็นที่โด่งดังขึ้นมา แม้ว่าวันเวลาของพวกเธอที่จะได้อยู่ตรงนี้มันจะนับถอยหลังลงเรื่อยๆ แล้วก็ตาม

ว่าแล้วก็ให้น้องๆ ได้ฝากช่องทางการติดตามทิ้งท้าย สำหรับคนที่ยังมีแรงตามหรือสนับสนุนอยู่ ก็อยากให้เต็มที่กันนะครับ แต่แบบไม่เดือดร้อนนะ เพื่อเป็นกำลังใจให้เด็กสาวกลุ่มนี้ยังคงยืนหยัดมอบความสุขให้กับพวกเราในเส้นทางนี้กันต่อไปครับ ก่อนจะถึงวันที่พวกเธอต้องจากไกลและเราอาจไม่มีโอกาสกันอีกเลย

“ซิงเกิ้ลล่าสุดของพวกเรา Hisashiburi no lip gloss ‘ลิปกลอสที่คิดถึง’ ตอนนี้ MV ก็ออกแล้วใน YouTube สามารถไปปั่นวิวกันได้แล้วก็หาฟังได้ในแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งต่างๆ ได้เลยค่ะ”

CGM48

“เอ ก็ขอฝากโซเชี่ยลมีเดียร์ทุกช่องทางนะคะ ไม่ว่าจะ Facebook, Instagram, X หรือว่าทวิตเตอร์ (หัวเราะ), Tiktok นะคะ แล้วก็แน่นอนว่าแอปฯ iAM48 ค่า โหลดแอปฯ มาแล้วก็สามารถโหวตพวกเราได้ด้วยในนั้น”

CGM48

“ฝากสเตจเธียเตอร์ของพวกเราด้วยนะคะ น่าจะมีเรื่อยๆ อีกเนอะ รวมไปถึงสเตจวันเกิดและอีเวนต์พิเศษตามวันต่างๆ แล้วก็เรายังมีโร้ดโชว์ติดตามได้เหมือนกันค่ะ ก็จะมีเรื่อยๆ แน่นอน ทั้ง Lip gloss และ Kibouteki Refrain ด้วยค่า”

CGM48

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทั้ง BNK48 และ CGM48 ที่อนุญาตและอำนวยความสะดวกให้ทาง Online Station ได้เข้าไปทำคอนเทนต์ถึงเชียงใหม่ในครั้งนี้ และเราก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้ทำคอนเทนต์พูดคุยกับน้องๆ อีกในอนาคตไม่ว่าจะเป็นไลฟ์สดที่สตูดิโอ หรือผ่านบทความตัวหนังสือพรึ่บพรั่บแบบนี้ก็ตามครับ

ติดตามน้องๆ และวง CGM48 ได้ที่


ติดตามข่าวสารวงการบันเทิง ได้ที่ Online Station

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้