คุยกับ 3 เซนเตอร์ Sansei Kawaii! ซิงเกิล 6 สุดสดใสจาก CGM48!

เดินทางมากันจนถึงซิงเกิลที่ 6 แล้วนะครับ สำหรับ CGM48 วงไอดอลน้องสาวของ BNK48 จากแดนล้านนา จังหวัดเชียงใหม่ ที่แม้ตัวซิงเกิลนี้จะเน้นความสดใสซาบซ่า แต่แท้จริงแล้วทั้งตัววงและสมาชิกต่างก็ต้องผ่านอะไรรายทางมามากมายกว่าจะเดินทางมาจนถึงจุดนี้ ในจุดที่มี 6 ซิงเกิล มีสมาชิกรุ่นที่ 2 และกำลังจะมีอัลบั้มที่ 2

ในขณะที่กิจกรรมของวงก็ยังคงมีความน่าสนใจในการพยายามจะมีปฏิสัมพันธ์กับแฟนคลับอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการออก Road Show ในแทบทุกอาทิตย์, กิจกรรม Pop Up live on tour ที่เหมือนกับตู้ปลาของวงพี่จากกรุงเทพฯ แต่ล้ำกว่าด้วยการสัญจรไปตามที่ต่างๆ

รวมไปถึงสารพัดสารพันกิจกรรมสุดครีเอตตามเทศกาลจากมันสมองของชิไฮนินคนเก่งอย่าง “อิซึตะ รินะ” ที่ทำเอาแฟนคลับต่างจังหวัดอดไม่ได้ต้องรูดบัตรเดินทางไปหาน้องกันรัวๆ แบบวีคต่อวีค จนเงินเดือนติดลบกันเป็นแถบๆ (ฮา)

CGM48

อย่างเช่นในซิงเกิลที่ 6 “Sansei Kawaii!” นี้ก็มีกิจกรรมที่เซอร์ไพรซ์กัน 4 ต่อเลยทีเดียว เริ่มจากจัดงานเปิดตัวช่วงวันสงกรานต์ > ถ่าย MV กับน้องๆ เมมเบอร์ > เล่นน้ำกับน้องๆ เมมเบอร์

ซึ่งปกติจบวันก็น่าจะจบกิจกรรมเปิดตัวซิงเกิลกันแล้ว แต่ปรากฎว่ามีการงอกกิจกรรมเปิดตัว MV ขึ้นมาอีก ตีตั๋วสิครับรออะไร (ได้ยินแฟนคลับใกล้ตัวพูดมา) เรียกว่าภายในเวลาไม่ถึงเดือน แฟนคลับก็ได้ขึ้นเหนือมาเจอน้องกันแบบจุกๆ ไปเลย

ประเด็นก็คือย้อนไปช่วงหลังงานเปิดตัวซิงเกิล ทางวงก็มีการเดินสายโปรโมตกันที่กรุงเทพฯ ตามปกติ แน่นอนว่าทาง Online Station เองก็สนใจจะนำน้องมาออกไลฟ์เช่นกัน เพียงแต่ทางเราติดปัญหาบางประการในช่วงนี้ที่ทำให้สถานการณ์ไม่ลงล็อกและพลาดการโปรโมตของน้องๆ แบบเซ็ต 6 คนไปโดยปริยาย

ทว่าเมื่อมีงานเปิดตัว MV งอกตามมา แม้จะไม่มั่นใจนัก แต่ก็ดูจะเป็นโอกาสดีที่ทางเราจะทำคอนเทนต์สักอย่างเกี่ยวกับซิงเกิลนี้ ตัวผมในฐานะนักข่าวของ Online Station จึงติดต่อทางวงเพื่อขอสัมภาษณ์น้องๆ โดยที่ไม่ได้คาดหวังนัก เพราะเหมือนเป็นการเพิ่มเวิร์คโหลดให้น้องและวงกลายๆ

แต่ปรากฎว่าทางวงตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว และยินดีจะงอกเซสชั่นสัมภาษณ์มาให้จากตารางงานเดิม ซึ่งทาง Online Station เองก็ต้องขอขอบคุณทั้ง BNK48 และ CGM48 ที่ช่วยประสานกันจนเกิดเป็นบทความนี้ขึ้นมาครับ

อย่างไรก็ตาม เพราะเป็นการงอกเซสชั่นจากตารางงานเดิมทำให้เวลาเรามีไม่มากนัก ซึ่งเป็นเรื่องเข้าใจได้ และการจะให้ทางวงขนเซมบัตสึทั้งหมดหรือพิคอัป 6 คนมานั่งคุยก็ดูจะเป็นการเยอะและเบียดบังตารางเวลางานของน้องๆ ไปสักหน่อย เมื่อกวาดสายตาดูสมาชิกเซมบัตสึที่จะแสดงทั้งเพลงหลักและเพลงรอง เราก็พบว่าเซนเตอร์ทั้ง 3 คนนั้นมีความน่าสนใจเฉพาะตัวที่อยากจะพูดคุยด้วยอยู่ในที

นีนี่, พิม และ สิตา คือ 3 ชื่อที่จิ้มเลือกในหัวอย่างไม่ยากไม่เย็น

CGM48

หลังการฉาย MV จบลงในช่วงบ่ายคล้อย ทีมงานของวงเดินนำหน้าผมเพื่อไปยังลิฟต์ที่จะพาผมและทีมงานอีก 2 คนไปยังที่หมาย

น้องๆ 3 คนนั่งรออยู่ก่อนแล้ว แต่น้ำลายผมยังหนืดด้วยความตื่นเต้น แม้ว่าจะเจอน้องๆ มาบ่อยครั้งจนนับไม่ถ้วน แต่เซสชั่นสัมภาษณ์ยังเป็นอะไรที่ใหม่สำหรับผมมากๆ คงเทียบไม่ได้กับความมืออาชีพของน้องทั้ง 3 คนที่แม้จะเพิ่งแสดงโชว์บนเวทีกันมา แต่ก็ไม่ได้มีท่าทางเหนื่อยอ่อนอะไร

ทีมงานผมเริ่มเซ็ตอุปกรณ์ ผมเริ่มเช็คกล้องกับเปิดมือถือเพื่อทวนดูคำถาม ขณะที่ทีมงานของวงคอยดูความเรียบร้อยอยู่ห่างๆ โดยไม่ได้มีท่าทีกดดันอะไรนัก

สิ่งเดียวที่คุกคามผมคือพลังไอดอลจากสายตาน้องๆ ทั้ง 3 ตรงหน้า คือสดใสเกินไปจนแอบออกลูกสั่น แต่ก็เล็กน้อยและไม่นาน ขอบคุณตัวเองที่เคยผ่านงานกับไอดอลทั้งในและนอกสถานที่มาอยู่บ้าง ยังไงก็พอมีภูมิคุ้มกันไม่เสียอาการง่ายๆ (จริงๆ นะ)

“ได้อ่านคำถามกันมาก่อนหน้าแล้วใช่ไหมครับ?”

ผมรีเช็คด้วยน้ำเสียงเก๊กซิม

เอาเข้าจริงคำถามที่ลิสต์มามันเป็นอะไรที่ง่ายมากๆ และไม่จำเป็นต้องเตรียมตัวอะไรมากมาย ด้วยข้อจำกัดด้านเวลาทำให้ผมไม่ได้ลงลึกในคำถามมากนัก เพราะในจังหวะนั้นรู้สึกแค่อยากมีคอนเทนต์ “Sansei Kawaii!” บนเว็บไซต์ที่สังกัดก็เท่านั้น

“อ่านแล้วค่ะ”

แต่เช่นเคยที่น้องๆ ยังมืออาชีพพอที่จะเตรียมตัวมาอย่างดี นั่นทำให้ผมค่อนข้างสบายใจไปด้วยในระดับหนึ่ง

และแม้อาการตื่นเต้นจะยังไม่จางจากไปไหน แต่ถึงเวลาที่ผมต้องเผชิญความสดใสที่พร้อมโถมทับตรงหน้าแล้ว

“ก่อนอื่นก็อยากให้แนะนำตัวกันก่อนครับ”

ผมเริ่มด้วยสิ่งที่ซิมเปิ้ลและสากลที่สุด มันอาจดูไม่มีประโยชน์อะไร และเป็นสิ่งที่ไม่ว่าใครก็พอเดาสิ่งที่น้องๆ จะพูดอยู่แล้ว แต่อย่างน้อยๆ การให้น้องแนะนำตัวเองก็คงเป็นมารยาทที่พึงกระทำ

นีนี่ CGM48, พิม CGM48, สิตา CGM48

ทั้ง 3 คนพูดชื่อของตัวเองออกมาเรียบร้อย ถึงเวลาต้องเดินหน้าต่อ เพราะเวลาครึ่งชั่วโมงที่ทางเราได้รับมาก็ยังคงเดินต่อไปเรื่อยๆ

ประเด็นถัดมาคือการอยากให้น้องพูดถึงเพลงใหม่ทั้ง “Sansei Kawaii!” และ “Hotei Sokudo to Yuuetsukan” ไม่ว่าจะในแง่ของ ธีม, ความโดดเด่นทางเนื้อหา, ท่าเต้น หรือ การเพอร์ฟอร์ม

นี่คือการสัมภาษณ์เพื่อโปรโมตซิงเกิล ประเด็นนี้อย่างไรก็ต้องถูกพูดถึง และการถูกพูดถึงมันโดยคนที่เป็นเซนเตอร์ก็ดูจะเหมาะควรดี

“เพลง ‘Sansei Kawaii!’ นะคะ เป็นเพลงที่มีความน่ารักสดใสสไตล์ซัมเมอร์ค่ะ จะเล่าถึงความที่ตัวเราเผอิญว่าไปชอบคนที่ฮอตที่สุดในห้องค่ะ แล้วเราดันเป็นคนที่ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง แต่ก็ต้องพยายามส่งเพลงนี้ไปถึงเขาให้ได้”

นีนี่เป็นคนแรกที่เอ่ยปากตอบ บางทีอาจจะเพราะใกล้ไมค์ หรือ ด้วยสัญชาตญานความเป็นพี่สาวที่โตกว่าคู่เซนเตอร์ของเธอ ทำให้เธอทำแบบนั้นอัตโนมัติ แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็เป็นการตอบที่ลื่นไหล ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจเพราะน้องอาจจะต้องตอบแบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วนในการโปรโมตไม่กี่อาทิตย์ก่อน แม้กระนั้นก็ยังน่าประทับใจ

แต่พูดถึงเนื้อเพลงก็คงเป็นอย่างที่น้องบอก แม้จะเต็มไปด้วยความสดใสของท่วงทำนองที่ใส่เต็มความเฮฮาในช่วงฤดูร้อน แต่เนื้อเพลงก็แอบแฝงความเร่าร้อนกว่าอากาศไว้ไม่มิด ราวกับความรักที่กำลังจะระเบิดออก แต่การลงท้ายท่อนฮุคอย่างนิ่มนวลว่า “ใจนี้ชอบเธอจัง” สุดท้ายก็จบที่ความกระมิดกระเมี๊ยนสมกับที่เป็นคาแรคเตอร์ไม่มั่นใจตัวเองอยู่ดี

“ส่วนในเรื่องของท่าเต้น เราเอาเพลงของ SKE48 มาเต้นเป็นครั้งแรกด้วย ซึ่งเพลงของพวกเขาก็จะเต้นด้วยความน่ารักสดใสสุดๆ ทำให้ต้องใช้อินเนอร์เยอะค่ะ แล้วก็ต้องใช้เอเนอร์จี้สุดๆ เลยค่ะ”

พิมพลันตอบสวนขึ้นมาในทันทีที่นีนี่เว้นช่องไฟ เป็นการตอบคำถามที่เข้าคู่กันได้ดี สมกับที่เป็นเซนเตอร์ และเคยออกโปรโมตด้วยกันมาแล้ว

พอนึกย้อนกลับไปตอนที่ผมยืนดูท่าเต้นจากเฟิร์สเพอร์ฟอแมนซ์ช่วงงานเปิดตัว แม้อาจไม่ได้หวือหวาอะไรนัก แต่ก็จำได้ว่าต้องเลี้ยงมวลความสดใสไว้ให้ได้ตลอด กอปรกับความร้อนในวันนั้น และความหนักหนาของชุดเซมบัตสึซึ่งว่ากันว่าหนักเป็นกิโลเพราะความเป็นผ้ายีนส์ การที่ต้องพยายามเต้นไปสาดยิ้มไป ก็คงเป็นอะไรที่ใช้เอเนอร์จี้เยอะในหลายๆ ด้านอย่างที่น้องพิมบอกจริงๆ

“ส่วนเพลงรองอย่าง ‘Hotei Sokudo to Yuuetsukan’ หรือชื่อไทย “ซิ่งให้สุดหยุดที่เธอ” เป็นการเปรียบเทียบความรักเป็นรถแข่ง เป็นเรื่องของความเร็วที่จะตัดสินผลแพ้ชนะประมาณนี้

ใครที่เคยเล่นเกมแข่งรถก็น่าจะเก็ตหรืออินกับมันได้ไม่ยาก คือมันจะมีความลุยๆ อยู่ แบบว่ารักครั้งนี้ต้องพุ่งไปเลย ประมาณนี้ค่ะ”

จากนั้นสิตาพูดถึงเพลงรองของตัวเองอย่างกระตือรือร้น อาจไม่ใช่เรื่องแปลกที่น้องจะพูดชื่อเพลงตัวเองแบบออริจินัลได้อย่างคล่องแคล่ว แต่พอเทียบกับตัวผมที่ได้แค่ โฮเทอิ โซคุโด ก็วอทเอเวอร์แล้ว ตอนได้ยินทีแรกก็แอบปรบมืออยู่ในใจเหมือนกัน นอกจากนี้ช่วงที่ผ่านมาน้องอาจโชคร้ายที่ป่วยจนไม่ได้โปรโมตเพลงของตัวเอง ดังนั้นแล้วนี่อาจเป็นไม่กี่ครั้งที่น้องจะได้พูดถึงเพลงที่ตัวเองเป็นเซนเตอร์ออกสื่อฯ

สำหรับผมเองเพลง “Hotei Sokudo to Yuuetsukan” คือความเซอร์ไพรซ์ของซิงเกิลนี้ ผมไม่ใช่คนที่อินขนาดเห็นประกาศเพลงแล้วต้องหาของออริจินัลมาดูก่อน ดังนั้นการได้เห็นเฟิร์สเพอร์ฟอแมนซ์ และยินยลเนื้อเพลงครั้งแรกตอนงานเปิดตัวเมื่อวันที่ 12 เมษายนที่ผ่านมาจึงชวนประทับใจมากๆ

อาจเพราะผมเองเวลานั้นก็เพิ่งจะขับรถมาเชียงใหม่ และกำลังจะต้องขับรถไปยังจังหวัดอื่นถัดไปให้ทันเวลา ดังนั้นท่อน “รู้แล้วแรงตามกฎหมายมันลิมิตแค่ไหน” จึงทำให้ผมยิ้มพอสมควร เพราะชวนนึกถึงตัวเองตอนเหยียบรถความเร็วปริ่มๆ 120 เพื่อเลี้ยงความเร็วสูงสุดตามกฎหมายเนื่องจากต้องการถึงจุดหมายให้ไวที่สุดนั่นเอง

“แล้วซิงเกิลนี้มันมีความยากหรือง่ายอย่างไรบ้างเมื่อเทียบกับซิงเกิลที่ผ่านๆ มาครับ?”

ผมเอ่ยปากถามคำถามถัดไป แต่น้องพิมก็ยิงตาใสแป๋วถามคำถามกลับมาเพื่อความแน่ใจในทันทีว่า “หมายถึงซิงเกิลที่เพิ่งผ่านมารึเปล่าคะ?”

สารภาพตามตรงในทีแรกผมคิดว่าจะให้เทียบกับซิงเกิลที่ผ่านมาทั้งหมด แต่คิดไปคิดมามันอาจจะกินเวลาเกินไป จึงคอนเฟิร์มให้เทียบกับแค่ 2565 ก็พอ เพื่อประหยัดเวลา และอีกอย่างคือมันค่อนข้างเห็นภาพชัดเจนด้วย

“เทียบกับเพลงที่แล้วมันจะมีความช้าๆ เนิบๆ ค่ะ 2565 ไม่ได้ต้องเต้นแข็งแรงหรือใช้เอเนอร์จี้เยอะขนาดนั้น แต่พอมาคราวนี้เราต้องใช้เอเนอร์จี้เยอะมาก ต้องขึ้นให้สุดลงให้สุด แล้วก็ต้องสดใสสุดๆ พร้อมๆ กันไปด้วย”

“Sansei Kawaii! เป็นเพลงที่ต้องยิ้มมากเป็นพิเศษค่ะ แบบว่ายิ้มทั้งเพลงเลย เพราะว่ามันเป็นเพลงที่ค่อนข้างสดใส เราจะมาแนวหวานหรือเรียบร้อยไม่ได้ค่ะ”

คราวนี้เป็นพิมที่พูดขึ้นก่อน และนีนี่เป็นฝ่ายเสริมบ้าง ลงตัวดีแท้ พอฟังแล้วก็พอเข้าใจว่าทำไมน้องๆ ถึงย้ำสำทับเรื่องการใช้พลังงาน เพราะมันไม่ใช่แค่แรงกายที่เคลื่อนร่าง แต่แรงใจที่ขับริมฝีปากให้ยิ้มอยู่ตลอดไม่ว่าจะเหนื่อยหนักขนาดไหนก็สำคัญไม่แพ้กัน มันราวกับว่ายิ่งน้องๆ ฉายภาพให้เราเห็นว่าสดใสแค่ไหน ทว่าเบื้องหลังก็คงต้องแบกรับหลายสิ่งไว้ไม่น้อย ในแง่หนึ่ง “Sansei Kawaii!” อาจสะท้อนถึงชีวิตความเป็นไอดอลที่ผ่านมาแล้วครึ่งทางของพวกเธอก็เป็นได้

แต่การแบกรับข้างต้นบางทีมันก็อาจจะไม่ใช่เรื่องที่หนักหนาจนรับไม่ไหว ส่วนหนึ่งก็มาจากความแข็งแกร่งของจิตใจพวกเธอเอง ขณะที่อีกส่วนพลังใจเสริมจากภายนอกเช่นเหล่าแฟนคลับก็คงมีส่วนไม่มากก็น้อย

อีกครั้งที่ผมหวนนึกกลับไปในวันเปิดตัวซึ่งมีการร่วมถ่าย MV กับเหล่าแฟนคลับ แม้อาจไม่ใช่ครั้งแรกเพราะมันเคยเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อคราว Melon Juice แต่รอบนี้ต่างออกไป เพราะทั้งน้องๆ และแฟนคลับได้มีปฏิสัมพันธ์กันมากกว่าที่เคยผ่านการเล่นน้ำสงกรานต์ขณะถ่ายทำ ซึ่งพวกเธอเองก็ยืนยันว่ากิจกรรมในวันนั้นถึงจะเหนื่อยจะร้อนเอาตายขนาดไหนแต่ก็สนุกเอามากๆ

“การถ่ายทำ MV มีอะไรที่อยากจะเล่าบ้าง แล้วงานเปิดตัวเมื่อวันที่ 12 เมษายนที่ผ่านมาสนุกกันไหม? รวมไปถึงความรู้สึกหลังได้ชม MV ตัวเต็มเมื่อสักครู่มันเป็นอย่างไร? อยากให้น้องๆ เล่าให้ฟังหน่อยครับ”

“วันที่ถ่ายทำรู้สึกสนุกมากๆ เลยค่ะ ถึงแม้ว่าอากาศจะร้อน แต่พวกเราก็สู้ แฟนคลับก็สู้เลยรู้สึกเอนจอยมากๆ ค่ะ อีกอย่างคือได้เล่นน้ำกับแฟนคลับด้วย เป็นครั้งแรกเลยค่ะ”

พิมตอบกลับมา จะว่าไปก็เป็นครั้งแรกเลยที่ 48TH มีกิจกรรมเล่นน้ำกับแฟนคลับ จะตื่นเต้นและประทับใจก็คงไม่แปลก ซึ่งมันคงไม่ใช่แค่น้องๆ แต่แฟนคลับหลายๆ คนก็คงรู้สึกสนุกสนานกับกิจกรรมนี้ แม้ปากจะบ่นร้อนเป็นร้อยเป็นพันทีก็ตาม

“คือยอมรับในสปิริตทุกคนมากๆ ค่ะ เพราะว่าอากาศมันร้อนจริงๆ และค่อนข้างลำบากในหลายๆ อย่าง แต่เพื่อนๆ และทุกคนก็เต็มที่กับมันและทำออกมาได้ดีมากๆ MV ก็ออกมาดีสุดๆ เพราะว่าทุกคนน่ารัก สวยกันหมดเลย”

นีนี่สำทับเรื่องที่พิมเล่าเพิ่มเติม นึกไปนึกมาคนเรามันจะทนร้อนขนาดนั้นไปทำไม หากไม่ใช่เพราะแพชชั่นแรงกล้าในสิ่งที่ต้องการจะทำ ณ เวลานั้นๆ ก็อาจเรียกได้ว่าเป็นงานที่แพชชั่นแรงกล้ากันทั้งไอดอลและแฟนคลับเลยครับ ภาพที่ออกมามันถึงดูสมบูรณ์ได้ปานนั้น

“ช่าย MV ก็ไม่เคยถ่ายประมาณนี้มาก่อน แบบว่าต้องมีการเปียกน้ำแล้วสนุกไปด้วย”

สิตาหัวเราะออกมา

“แล้วถ่ายนานมาก เหมือนจะนานที่สุดแล้วตั้งแต่ถ่าย MV มา ก็คือประมาณ 3 วัน ยังไม่รวมการถ่ายพวก Key Visual อีกอะไรอีก เลยรู้สึกว่าซิงเกิลนี้ทำให้เราโตขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง”

การเติบโต การเปลี่ยนแปลง ความไม่แน่นอน ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไอดอล หลายๆ คน อาจจะได้เห็นพวกเธอตั้งแต่วันแรก ผ่านมาจนวันนี้ก็ถือว่าครึ่งทางในชีวิตไอดอลของพวกเธอแล้ว เชื่อเลยว่าแฟนคลับจำนวนมากเห็นการเปลี่ยนแปลงในหลายๆ มิติของน้องๆ ที่ผ่านเข้ามาในสายตา พวกเธอโตขึ้นนั่นแน่นอนอยู่แล้ว แต่อย่างน้อยที่สุดก็ยังเติบโตอย่างมีคุณภาพพอให้แฟนคลับหลายๆ คนปวารณาตัวว่าจะตามสนับสนุนจนถึงที่สุด

“แล้วพอได้ดู MV เป็นไงบ้าง?”

ผมเองก็ยืนดูอยู่หน้าสเตจด้วยเมื่อครู่ โอเคล่ะว่าสีจอสเตจอาจเพี้ยนไปสักนิดก็เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ แต่อารมณ์ที่น้องๆ สื่อออกมาจาก MV ก็สดใสชัดเจนจนรู้สึกได้แม้ดูผ่านๆ เพียงครั้งแรก ส่วนตัวแล้วถือเป็นอีกหนึ่ง MV ของวงที่น่าประทับใจ

“ชอบมากค่ะ สี MV มันสดใส แล้วก็ทุกฉากที่ถ่ายไป ได้ออกเกือบครบเลย คือปกติมันจะต้องมีบางฉากถูกตัดออกไปบ้าง แต่นี่คือทุกคนได้แอร์ไทม์กันหมดเลย”

สีของ MV สดใสไมอามี่ซัมเมอร์สุดๆ ตามที่นีนี่ว่ามาไม่ผิดเพี้ยน ขณะที่แอร์ไทม์เป็นเรื่องแอบละเอียดอ่อนในการทำ MV ของ 48TH มาตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ แต่ “Sansei Kawaii!” ก็ยังแบ่งได้ดี แต่ละคนมีซีนกันหลายช็อต นับรวมถึงสมาชิกที่ไม่ใช่เซมบัตสึก็ยังมีซีนช่วงท้ายเป็นของตัวเอง และจากที่ลองอ่านๆ ดูในคอมเมนต์ใต้คลิป MV ก็ดูจะเป็นที่ถูกใจผู้ชมกันไม่น้อย

“หนูชอบความที่แบบว่ามีการใส่ซีนตลกๆ เป็นสีสันใน MV ค่ะ

ดูท่าพิมและอีกหลายๆ คนจะชอบช็อตช่วงน้องพั๊นช์โดนน้ำสาดเข้าเต็มหน้า แต่จังหวะนี้สาดให้เปียกยังไงน้องยังหน้าใสอยู่เลย เอ้อ~

“ค่ะ แล้วเราก็ยังคงไม่ทิ้งชุดไทยไปอีกหนึ่ง MV นะคะ แบบว่าค่อนข้างเซอร์ไพรส์เลยตอนที่รู้ว่าซิงเกิลนี้ MV นี้ยังต้องใส่ชุดไทย เลยคิดว่ามันคงเป็นเอกลักษณ์ของ CGM48 ไปแล้ว ที่จะต้องมีชุดไทยหรือชุดพื้นบ้านใน MV

คือไม่ใช่อะไรนะคะ แบบว่าเพลงนี้มันไม่มีภาษาเหนือใช่มั๊ย แต่สุดท้ายเราก็ยังใส่ความเป็นชาวเหนือลงไปใน MV อยู่ค่ะ ก็แบบว่า This is CGM48 อะไรงี้”

พอสิตาพูดประเด็นนี้ขึ้นมาก็ได้ฉุกคิด ในทุกๆ ซิงเกิลของ CGM48 จะต้องมีความเป็นล้านนาผสมผลานหรือแฝงตัวอยู่ในสักจุด แรกๆ ก็ดูเป็นกิมมิค แต่พอทำเป็นประจำมันก็กลายเป็นเอกลักษณ์ไปแล้ว ในแง่การนำเสนอถิ่นฐานหรือความเป็นเชียงใหม่ วง CGM48 ก็ยังคงไม่บกพร่องหรือทิ้งเอเลเมนต์เล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ไป กลายเป็นสเน่ห์ที่ทั้งชวนหลงไหลและน่าชื่นชม

3 เส้นทาง 3 เซนเตอร์ เมื่อกลีบกุหลาบไม่เคยถูกโรยให้พวกเธอย่ำเหยียบ

CGM48

อย่างไรก็ตามถึงตรงนี้ที่ผมเลือกทั้ง 3 คนมานั่งคุยก็มีเหตุผลของมัน และเป็นอะไรที่ผมอยากจะฟังน้องๆ เล่ามากที่สุดแล้ว กับความรู้สึกที่ได้มาเป็นเซนเตอร์ในซิงเกิลนี้ที่แต่ละคนต่างก็ฟันฝ่าสถานการณ์ที่ต่างกันมาชนิดที่แทบไม่เหมือนกันเลย ดังนั้นแล้วนี่คือหัวข้อที่ผมอยากให้เวลากับน้องๆ มากที่สุด แม้มันจะร่อยหรอลงไปเรื่อยๆ แล้วก็ตาม

“อยากแรกเลยคือเรารู้สึกว่าไม่สามารถบังคับให้ใครมาชอบหรือไม่ชอบเราได้อยู่แล้วค่ะ”

ผมพิคอัปพิมเป็นคนแรก ในฐานะคนที่เคยถูกปรามาสมาในช่วงแรกๆ และน้องก็ยังดูเด็กอยู่มาก มันน่าสนใจว่าน้องมีวิธีจัดการตัวเองอย่างไร และการได้เป็นเซนเตอร์ครั้งแรกของเธอมันหอมหวานขนาดไหน

“มันเลยขึ้นกับตัวหนูเองว่าจะเลือกเก็บเอาอะไรมาใส่ใจมากกว่า ถ้าเราเก็บเอาสิ่งดีๆ มา มันก็จะทำให้เรามีกำลังใจ รู้สึกว่าสามารถต่อสู้กับใดๆ ก็ตามที่ผ่านเข้ามาได้

แต่ถ้าเก็บอะไรไม่ดีมาเนี่ย ร่างกายก็จะรู้สึกว่าแย่ไปเลย แต่หนูอาจจะเป็นคนที่แปลกๆ นิดหนึ่งตรงที่ชอบอ่านทั้ง 2 อย่างทั้งสิ่งดีและไม่ดี แล้วเปลี่ยนให้มันกลายเป็นแรงผลักดันตัวเอง จนรู้สึกว่าต้องดีกว่านี้ ต้องพัฒนาไปเรื่อยๆ จนมาอยู่ตรงนี้ค่ะ ได้เป็นเซนเตอร์แล้ว แบบว่าครั้งหนึ่งฉันก็ทำสำเร็จแล้วนะ เป็นไงล่ะ! อะไรแบบนี้”

พูดจบก็หัวเราะออกมา เป็นการหัวเราะที่เจือความผุดผ่อง บริสุทธิ์ และจริงใจ แม้พิมอาจจะคิดว่าตัวเองแปลก แต่แนวคิดการนำคำถากถางมาเป็นแรงผลักดันจนถีบตัวเองได้สูงขึ้นก็มีให้เห็นได้ถมถืด ขนาดที่บางคนสามารถตอบสนองมันได้ดีกว่าคำชมด้วยซ้ำไป แต่ไม่ว่าจะอย่างไรจากสิ่งที่พิมตอบออกมา ก็มั่นใจเลยว่าเด็กคนนี้มีทัศนคติที่ยอดเยี่ยมถูกต้อง และเติบโตมาอย่างดีจริงๆ

“เอาจริงๆ เรื่องเซนเตอร์มันก็มีคนพูดกันเยอะ แล้วหนูก็จะมีความกดดันระดับหนึ่ง”

คนถัดมาคือนีนี่ อีกหนึ่งเซนเตอร์ที่ความสามารถรอบด้าน แต่เพราะแบบนั้นมันจึงเป็นประหนึ่งดาบสองคมที่หวนทำร้ายเธอเช่นกัน เพราะแม้จะถึงพร้อมขนาดนั้นก็กลับยังไม่ได้รับโอกาสตามเพื่อนๆ แม้เธออาจจะได้เป็นเมมเบอร์แถวหน้าในหลายๆ เพลง แต่ตำแหน่งตรงกลางที่ฝันใฝ่ก็ดูจะยังไม่เวียนเข้ามาหา นานวันเข้าก็กลายเป็นความวิตกและคิดมาก

“หลายๆ คนพยายามบอกหนูว่า ‘เอาน่ะเดี๋ยวก็ได้เป็นเซนเตอร์’ แต่หนูก็เครียดอยู่ช่วงหนึ่งแล้วคิดไปว่ามันจะมีโอกาสตรงนั้นมั๊ย? มันจะมีจริงๆ เหรอ? แล้วหนูจะทำได้รึเปล่า?

เพราะว่ามันต้องมีเรื่องโอกาสที่เปิดให้เราด้วยค่ะ คือถึงเราจะมีความสามารถหรือมั่นใจขนาดไหน แต่ถ้าโอกาสไม่มา หนูก็อาจไม่ได้ไปอยู่ตรงนั้น หรือพาตัวเองไปยืนตรงจุดนั้นไม่ได้”

ผมรู้สึกเหมือนภาพอดีตของน้องค่อยๆ ลอยลมตามการบอกเล่าแล้วผ่านตาออกไป น้ำเสียงนีนี่หม่นลงเล็กน้อยเมื่อย้อนกลับไปพูดถึงมัน แต่ก็เพียงชั่วครู่ เพราะพอได้พูดถึงปัจจุบันทุกอย่างก็เปลี่ยนไป

“ทีนี้พอได้มาเป็น (เซนเตอร์) แล้ว ยังรู้สึกเหมือนไม่ใช่เรื่องจริงเลยค่ะ ดีใจมากๆ ที่ได้รับโอกาสนั้น และเราก็ทำการบ้านมาเยอะมากๆ แบบว่าเราต้องเพิ่มตรงไหน ใช้เอเนอร์จี้ตรงไหนในการแสดงเพอร์ฟอร์แมนซ์

ก็เลยรู้สึกว่าภูมิใจในตัวเองว่าทำได้แล้ว แต่เหนือกว่านั้นจริงๆ คือทำให้ทุกคนที่คอยเชียร์ได้ภูมิใจในตัวเราไปด้วยค่ะ”

นั่นคือความรู้สึกของพิมกับนีนี่ต่อการได้เป็นเซนเตอร์ของ “Sansei Kawaii!” แม้เส้นทางที่เดินมาถึงจุดนี้ของทั้งคู่อาจจะต่างกันอยู่บ้าง ทว่าก็มีจุดร่วมที่ไม่ต่างกันนักคือเมื่อมีโอกาสก็คว้าให้ได้ และทำให้ดีที่สุด สมกับที่พยายามตรากตรำมา ดื่มด่ำกับความสำเร็จที่สวยหรูสักครู่หนึ่ง ยิ้มภูมิใจในตัวเอง แล้วจึงค่อยเดินหน้าพัฒนาตัวเองต่อไป

แต่นั่นคือเรื่องของเฟิร์สไทม์เซนเตอร์… แล้วกับคนที่เคยอยู่จุดนี้แต่ต้องล้างราไปนาน ก่อนจะกลับมาได้อีกครั้งมันจะเป็นอย่างไรกันนะ?

“ก็คือแบบว่าก่อนหน้านี้ เรายังรู้สึกว่าตัวเองเด็กมากๆ ทั้งตอน 106 (เชียงใหม่ 106) แล้วก็เมล่อน (Melon Juice) มันก็จะติดๆ กันเลย”

สิตาเริ่มย้อนอดีตตัวเองเล็กน้อยอย่างที่ผมต้องการ เธอคือเซนเตอร์คนแรกของวง เซนเตอร์ทั้งซิงเกิลที่ 1 และ 2 เราคงไม่อาจวัดหรือสัมผัสความกดดันที่น้องแบกอยู่ได้ถนัดนัก เพราะกว่าจะกลับคืนตำแหน่งได้ก็อีก 4 ซิงเกิลกับ 1 อัลบั้ม มันจะเจ็บใจขนาดไหนกันนะ? ผมพยายามจินตนาการถึงมัน พลางลุ้นว่าน้องจะพูดอะไรต่อ

แต่หลายๆ ครั้งสิ่งที่เราคาดก็ไม่ใช่อะไรที่ถูกต้องเสมอไป ไม่ต่างจากการเดาเลขลอตเตอรี่ จิตใจของเด็กสาวที่ชื่อสิตาก็คงแข็งแกร่งและมีมิติเกินกว่าที่ผมคิดไว้

“เราก็เลยคิดว่าถ้าได้เป็นเซนเตอร์ตอนที่โตแล้วสวยแล้วก็น่าจะดีนะ (หัวเราะ) แล้วก็มาได้เป็นอีกทีจริงๆ ตอนที่โตขึ้นแล้ว เลยรู้สึก ‘อึ้ยขอบคุณนะ~’

คือเราก็รู้สึกว่าทุกสิ่งที่ได้มามันมาจากตัวเราและแฟนคลับจริงๆ ที่แบบพยายามด้วยกันมาตลอด ไม่รู้จะขอบคุณใครนอกจากตัวของสิตาและแฟนคลับของสิตา รวมไปถึงออฟฟิเชี่ยลที่ให้โอกาสค่ะ”

น้องไม่ได้มีท่าทีหรือสายตาที่แสดงออกถึงความเจ็บปวดของการห่างหายในจุดสูงสุดที่ตัวเองเคยอยู่ขนาดนั้น แต่เหมือนผมจะยังติดใจในสิ่งที่น้องตอบกลับมา เพราะราวกับว่าน้องเลือกจะพูดข้ามคีย์พ็อยต์หลักที่ผมต้องการมาเลย ดังนั้นผมจึงจัดการยิงคำถามกลับไปอีกครั้งแบบตรงๆ

“แล้วช่วงที่เราห่างหายจากการได้เป็นเซนเตอร์ล่ะ มันมีความเจ็บปวดอะไรบ้างมั๊ย? หรือว่าเติบโตขึ้นบางรึเปล่า?”

“ในเรื่องความเจ็บปวดเหรอ?”

สิตาสำทับคำถามพลางทำท่านึกเล็กน้อย

“ที่จริงสิตาว่าตัวเราอาจไม่ได้เครียดขนาดนั้น เพราะคิดว่าใครๆ ก็คงอยากเป็นเซนเตอร์ แบบว่าอยู่ในวงนี้เซนเตอร์มันก็เป็นตำแหน่งที่ไม่ได้เข้ามาหากันง่ายๆ

ช่วงที่เราไม่ได้เป็น ก็ไม่ได้รู้สึกว่าเสียใจอะไร ยังไงมันต้องผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนอยู่แล้ว เป็นเรื่องที่ปกติและธรรมดามากๆ ใครที่ตามวงก็น่าจะเข้าใจได้ไม่ยาก

แต่ถ้าในเมื่อโอกาสมันวนกลับมาหาอีกครั้ง มันก็ทำให้เราได้มีความมั่นใจขึ้น แสดงว่าเราก็มีของป่ะ เขาก็เลยอยากให้เราได้เป็นอีกรอบ ดังนั้นความตั้งใจจากนี้ก็คืออยากจะเป็นเซนเตอร์ให้ได้มากที่สุด ยันแกรดเลยค่ะ”

รู้สึกว่าชัดเจนมากๆ ในแง่ที่น้องเป็นคนที่มีวงจรความคิดซับซ้อนและน่าสนใจ สิตาไม่ได้เครียด ไม่ได้เสียใจ เข้าใจในธรรมชาติของวงที่ต้องมีขึ้นมีลง มีการแข่งขัน แต่ก็พร้อมจะกำเก็บเอาโอกาสที่ได้รับมาโดยไม่จำเป็นต้องแบ่งให้ใคร เป็นฟีลลิ่งที่สมกับเป็นไอดอลดี ชวนให้เนื้อเต้น และอยากจะชวนคุยในประเด็นหรือแง่มุมอื่นๆ ที่เจาะลึกกว่านี้มากๆ

แต่ก็เป็นดังที่คาดไว้แต่แรก เพราะการบีบของเวลานั้นเที่ยงธรรมและเที่ยงแท้ โชคยังดีที่ผมได้ถามและน้องๆ ก็ตอบในประเด็นที่อยากคุยที่สุดไปแล้ว ในช่วงเวลาที่เหลือน้อยนิด จึงให้น้องได้ทิ้งท้ายฝากผลงานตัวเองกันสักหน่อย

“ก็ขอฝากเพลง Sansei Kawaii! ซิงเกิลที่ 6 ของพวกเราด้วยนะคะ แล้วก็ฝากปั่นวิวเยอะๆ ด้วยนะคะ ถ้าสมมติว่าถึงล้านวิวไวๆ ก็อาจจะมีเซอร์ไพรส์รึเปล่า (หัวเราะ)”

“ฝากซิงเกิลที่ 6 ของพวกเราด้วยค่า มาดู MV กันเยอะๆ นะคะ”

“ฝากทั้งเพลงหลักแล้วก็เพลงรอง แล้วก็ยังมีอีกเพลงหนึ่งเป็นเพลงเปิดตัวรุ่น 2 ฝากทั้ง 3 เพลงเลยนะคะ มาฟังกันเยอะๆ น้า~”

นีนี่, พิม และสิตา เรียงกันมาตามลำดับ บทความสัมภาษณ์นี้อาจจะจบแบบเรียบง่ายไปสักหน่อย แต่ท้ายที่สุดก็อยากให้น้องๆ ได้ฝากผลงานของพวกเธอ เพราะพวกเธอยังคงต้องการแรงสนับสนุนอย่างมากในการที่จะได้เติบโต และเดินในเส้นทางนี้ต่อไปในอีกครึ่งทางที่เหลือ

สุดท้ายก็ต้องขอขอบคุณทางวง CGM48 อีกครั้งที่ช่วยอำนวยความสะดวกและเพิ่มเซสชั่นสัมภาษณ์ให้กับทาง Online Station ของเรา และเราก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้คุยกับน้องๆ อีกในอนาคต ไม่ว่าจะในฟอร์แมตสัมภาษณ์แบบนี้ หรือการไลฟ์สดที่สตูดิโอก็ตาม

ติดตามน้องๆ และวง CGM48 ได้ที่

Facebook: https://www.facebook.com/cgm48official
YouTube: https://www.youtube.com/@CGM48official
Instagram: https://www.instagram.com/cgm48official
Nenie: https://www.facebook.com/cgm48official.nenie
Pim: https://www.facebook.com/cgm48official.pim
Sita: https://www.facebook.com/cgm48official.sita


ติดตามข่าวสารวงการบันเทิง ได้ที่ Online Station

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้