วัดเส้าหลิน และต้นกำเนิดวิชากังฟูอันเลื่องชื่อ

 

ถ้าพูดถึงหนังจีนกำลังภายในแล้ว วรยุทธ์แต่ละวิชาล้วนมีที่มาจากสำนักที่เป็นแหล่งฝึกฝน แต่บรรดาสำนักเหล่านั้นกลับไม่ค่อยปรากฏสถานที่จริงให้เราเห็นกันซักเท่าไหร่ แม้ว่าจะมีหลักฐานแสดงว่าสำนักวิชาเหล่านี้มีอยู่จริง แต่เมื่อสืบตามไปหาเรื่องราวหรือต้นขั้วแล้ว ก็มักคว้าน้ำเหลวไปเกือบทุกรอบ แต่ทว่ายังมีสถานที่ฝึกวิชากังฟูจีนที่ยังคงอยู่มาจนเฉกเช่นทุกวันนี้ และเป็นที่มาขอววิชาในตำนานหลายอย่างของกิมย้ง ไม่ว่าจะเป็นคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็น ฝ่ามืออรหันต์ กงเล็บมังกร และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งในเนื้อเรื่องก็ต่างยกสำนักนี้ให้เป็นผู้นำอยู่บ่อยครั้ง สถานที่แห่งนี้ก็คือ วัดเส้าหลิน นั่นเอง

วัดเส้าหลิน เป็นวัดพุทธนิกายมหายานที่มีอยู่จริงในประเทศจีน และเป็นวัดที่มีชื่อเสียงอย่างมาก เพราะปรากฏในนิยายหรือหนังกำลังภายในจีนหลายเรื่อง ที่ตั้งอของวัดยู่ทางทิศตะวันตกของเทือกเขาซงซาน ในอำเภอเติงเฟิง ของมณฑลเหอหนาน วัดนี้ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ.495 ในสมัยของจักรพรรดิเสี้ยวเหวินตี้ แห่งราชวงศ์วุ่ย (ค.ศ.471 – 499) โดยมีจุดประสงค์ของการสร้างวัดนั้นก็เพื่อให้เป็นที่พำนักระยะยาวของเหล่าพระภิกษุที่จากอินเดีย โดยมีหัวหน้าคณะนามว่า ป๋าถัว ซึ่งพระอาจารย์ป๋าถัวมีศิษยานุศิษย์เป็นจำนวนมาก ที่เดินทางตามมาเผยแผ่พุทธศาสนาในขณะนั้น

หลังจากพระอาจารย์ป๋าถัวมรณภาพลง ความเจริญของวัดเส้าหลินก็ค่อยๆ เสื่อมถอยลงตามลำดับ จนกระทั่งวัดเส้าหลินกลับมามีชื่อเสียงขึ้นอีกครั้งในช่วงปี ค.ศ.527 โดยปรมาจารย์ตั๊กม้อ หรือ พระโพธิธรรมซึ่งเป็นพระภิกษุชาวอินเดีย ได้เดินทางมาเพื่อเผยแผ่หลักธรรมพุทธศาสนานิกายธฺยานะ (นิกายเซน) ในประเทศจีนอีกครั้ง ซึ่งตรงกับสมัยพระเจ้าเหลียงอู่ตี้ (ค.ศ.502 – 549)

ตามประวัติเล่าว่า หลังจากที่ปรมาจารย์ตั๊กม้อได้เข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิแล้ว พระองค์ไม่เข้าพระทัยในคำสอนของพระโพธิธรรมซักเท่าไหร่ พระโพธิธรรมจึงได้เดินทางข้ามแม่น้ำแยงซี ขึ้นเขาซงซานเพื่อมายังวัด แต่เมื่อมาถึงท่านกลับไม่ได้เข้าวัด แต่เดินเลยขึ้นถึงถ้ำแห่งหนึ่งใกล้ๆ กับวัด ในถ้ำภิกษุตั๊กม้อหันหน้าเข้าผนังแล้วจึงนั่งลงขัดสมาธิ ท่านนั่งทำสมาธิและใช้ชีวิตอยู่ในถ้ำแห่งนั้นเป็นเวลายาวนานถึง 9 ปี ก่อนที่จะลงจากถ้ำเพื่อมาถ่ายทอดพระธรรมและวิทยายุทธ์ให้กับสานุศิษย์ เมื่อถ่ายทอดแก่เหล่าศิษย์สำเร็จท่านจึงเดินทางออกจากวัดเส้าหลินและไปมรณภาพที่อี่ว์เหมิน พื้นที่แห่งหนึ่งซึ่งปัจจุบันอยู่ในมณฑลเหอหนาน ว่ากันว่าจากการที่ปรมาจารย์ตั๊กม้อนั่งหันหน้าเข้าผนังทำสมาธิอยู่ในถ้ำถึง 9 ปีนั้นทำให้บนผนังเกิดอภินิหารเป็นรอยเงาของท่านติดตรึงอยู่เลยทีเดียว โดยปัจจุบันถ้ำแห่งนี้นั้นอยู่ในบริเวณเที่ยวชมของวัดเส้าหลิน โดยเรียกกันว่า ถ้ำตั๊กม้อ

รูปปั้นปรมาจารย์ตั๊กม้อ (ขวาสุด) ในวิหารตั๊กม้อ หรือ วิหารเจ้าอาวาส

ชื่อเสียงของยุทธจักรวัดเส้าหลินระบือไกล มีผู้มาขอเป็นศิษย์มากมาย จนต้องเปิดสาขาอีกแห่งขึ้นในมณฑลทางใต้ และยังยืนเกริกไกรอยู่หลายร้อยปี และเป็นเสาหลักในการต่อต้านการรุกรานของพวกแมนจู แต่แล้วในที่สุด ความโด่งดังของวัดเส้าหลินก็มีอันต้องปิดฉากลงด้วยน้ำมือของแมนจู ซึ่งปราบราชวงศ์หมิงลงอย่างราบคาบ และก่อตั้งราชวงศ์ชิงขึ้น วัดเส้าหลินซึ่งเคยต่อต้านแมนจู จึงถูกขุนศึก สือหย่งซาน แห่งแมนจูเผาทำลาย เพลิงไหม้อยู่ 40 วัน สิ่งก่อสร้างในวัดเส้าหลินเกือบทั้งหมดถูกทำลายในกองเพลิง วิหาร ศาลา ตึกหลักๆ ได้ถูกเผาทั้งหมด ส่วนคัมภีร์วรยุทธ์ รวมถึงตำราและสมบัติล้ำค่าของวัดมากมาย ก็สูญหายไปในเพลิงอัคคีครั้งนั้น

ศิษย์เส้าหลินใต้ที่มีชื่อเสียงที่สุดขอววัดเส้าหลินตอนนั้นได้แก่ ฟางสื้ออี้(ปึงซีเง็ก) หงสี่กวน(อั้งฮีกัว) หูฮุ่ยเฉียง(โอ้วฮุ่ยเคี้ยง) ทุกคนล้วนป็นศิษย์ของหลวงจีนจื้อส้าน(จี๊เสียง) ฟางสื้ออี้นั้นแต่เดิมมีตา และแม่เป็นชาวยุทธจักร จึงได้ฝึกกำลังภายในมาตั้งแต่อายุ3ขวบ เมื่ออายุเพียง 14 ปี ก็ได้ขึ้นบุกลุยไปประลองฝีมือชนะศิษย์อันธพาลของบู๊ตึ๊ง ฟางสื้ออี้ได้สร้างวีรกรรมไว้มากแต่ก็เสียชีวิตลงในวัยเพียง24ปีเท่านั้น ส่วนหูฮุ่ยเฉียงเดิมเป็นนักศึกษาไม่มีวิทยายุทธ์ พ่อและตัวเองถูกอันธพาลทำร้ายจนผู้เป็นพ่อเสียชีวิต ตัวเองรอดได้เพราะฟางสื้ออี้ ช่วยไว้ จึงได้ไปเรียนวิชาที่เส้าหลินใต้แต่ใจร้อนเรียนไม่ทันสำเร็จก็หนีลงมาแก้แค้น เป็นเหตุให้เกิดเภทภัยลุกลามไปถึงสำนัก ส่วนหงสี่กวนเป็นศิษย์มาก่อนคนอื่นและได้ประดิษฐ์เพลงมวยหงสี่กวนขึ้น แล้วนำมาเผยแพร่ที่กวางโจว และยังสืบทอดมาถึงทุกวันนี้

 ปัจจุบันวัดเส้าหลินได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของจีนที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก ส่วนกังฟูเส้าหลิน ก็ถือเป็นหนึ่งในสิ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวเช่นกัน

ที่มา : http://www.myfirstbrain.com/student_view.aspx?ID=50

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้