ประวัติ Famicom และ NES เครื่องเกมที่นำพา Nintendo ไปสู่ตำนาน

แชร์เรื่องนี้:
ประวัติ Famicom และ NES เครื่องเกมที่นำพา Nintendo ไปสู่ตำนาน

สวัสดีครับเพื่อนๆ ช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมาเป็นยังไงกันบ้างครับ หลายคนอาจจะกลับต่างจังหวัด และเล่นสงกรานต์อย่างสนุกแน่ๆ และในวันอังคารแบบนี้ก็กลับมาพบกับผม Barrettez กันอีกครั้งนะครับ หลังจากที่หายหน้าหายตาไป 1 สัปดาห์เพราะกลับต่างจังหวัดมา และในสัปดาห์นี้ ผมจะมาดักแก่เพื่อนๆ กันอีกครั้ง กับเครื่องเกมเก่าแก่ที่มีชื่อว่า Family Computer หรือที่รู้จักกันดีในชื่อว่า Famicom และ NES นะครับ

เพื่อนๆ หลายคนอาจสงสัย ว่าเจ้าเครื่องนี้มันก็ไม่ใช่เครื่องเกมที่เก่าที่สุดนี่นา แต่ที่ผมยกเครื่องเกมนี้มาพูดถึงเป็นเครื่้องแรก เพราะว่า Famicom เป็นเครื่องเกมเครื่องแรก ที่ผมเคยเล่นกับพ่อผมมาตั้งแต่เด็กนั่นเองครับ (เหตุผลส่วนตัวนิดนึง >_<)

ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับเจ้าเครื่อง Famicom นี้กันก่อนนะครับ
Famicom เป็นเครื่องเกม 8 บิต เครื่องสีแดง - ขาว ผลิตโดยบริษัท Nintendo แลดูสีสันสดใสล่อเด็กซื้อมาเล่นเป็นอย่างยิ่ง ตัวเครื่องใช้ CPU ของ Ricoh 2A03 รันเกมด้วยระบบ ROM Cartridge หรือที่เรียกกันว่าตลับเกม และมีจอยเกม 2 อันพ่วงสายติดมากับเครื่องด้วย โดยมีสล๊อตสำหรับเสียบจอยเก็บที่ด้านข้างของเครื่อง ถึงแม้ Famicom จะไม่ใช่เครื่องเกมแรกของ Nintendo แต่ก็เป็นเครื่องเกมแรก ที่ทำรายได้กับ Nintendo แบบถล่มทลาย และทำให้ Nintendo เป็นที่รู้จักกันในปัจจุบัน

(หน้าตาของ CPU Ricoh 2A03 ครับ)

เอาล่ะครับ มาเข้าเรื่องประวัติกันเลยดีกว่า
เจ้าเครื่อง Famicom นี้ เริ่มวางจำหน่ายที่ประเทศญี่ปุ่นมาตั้งแต่วันที่ 15 กรกฏาคม ปี 1983 โดยราคาเริ่มต้นในสมัยนั้นอยุ่ที่ 14,800 เย ออกแบบระบบโดยนาย Masayuki Uemura เปิดตัวพร้อมกับ 3 เกม Arcade ดังของ Nintendo คือ  Donkey Kong, Donkey Kong Junior และ Popeye ซึ่งหลังจากวางจำหน่ายไม่ทันไร ก็เกิดปัญหาจนต้องเรียกสินค้ากลับเพื่อนำไปเปลี่ยนเมนบอร์ดใหม่ หลังจากนำกลับมาจำหน่ายอีกครั้ง Famicom ก็เป็นเครื่องเกมที่ขายดีที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ตั้งแต่ปลายปี 1984 เป็นต้นมา โดยยอดขายเมื่อปลายปี 1984 นั้นสูงถึง 2.5 ล้านเครื่องเลยทีเดียว

(กล่องค่อนข้างเก่าไปหน่อย)

และจากการที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ Nintendo ได้มองถึงการขยายตลาดไปที่อเมริกาเหนือ โดยทำการเจรจาธุรกิจกับทาง Atari แต่สุดท้ายโครงการนี้ก็ล้มเลิกไป เนื่องจากปัญหาต่างๆ ทำให้ Nintendo ต้องลงมือเอง จนพัฒนาเครื่อง Famicom ใหม่สำหรับวางจำหน่ายในอเมริกาเรียกว่า "Nintendo Advanced Video System" หรือ AVS ซึ่งมีรูปร่างละม้ายคล้ายเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยนำมาแสดงในงาน Consumer Electronics Show ปี 1984 ในแพคเกจมี keyboard, cassette data recorder แต่ก็ขายไม่ดีนัก เพราะระบบ Wireless ที่ไม่มีคุณภาพ วัสดุที่ใช้ก็เกรดต่ำกว่ามาตรฐานของทางอเมริกา เครื่อง AVS จึงเป็นโปรเจ็กต์ที่เจ๊งไป สำหรับ Nintendo

(หน้าตาของเครื่อง AVS ครับ)

ในเดือนมิถุนายน ปี 1985 Nintendo ได้กลับมายังงาน Consumer Electronics Show อีกครั้งและนำเสนอเครื่อง "Nintendo Entertainment System" หรือ NES เป็นการนำเครื่อง Famicom มาปรับปรุงใหม่ และเริ่มวางจำหน่ายเฉพาะที่นิวยอร์ก ตั้งแต่วันที่ 18 ตุลาคม 1985

  ซึ่งจนถึงเดือนธันวาคมปี 1985 ก็มีเกมออกมาให้เล่นกันถึง 18 เกม คือ 10-Yard Fight, Baseball, Clu Clu Land, Donkey Kong Jr. Math, Excitebike, Duck Hunt, Golf, Gyromite, Hogan’s Alley, Ice Climber, Kung Fu, Mach Rider, Pinball, Soccer, Stack-Up, Tennis, Wild Gunman, Wrecking Crew และหนึ่งในบรรดาเกมที่ฮิตติดตลาดตลอดกาลของ Nintendo ก็คือ Super Mario Bros นั่นเองครับ

 โดย NES ใช้ CPU 6502, RAM ใน CPU 2KB และ PPU อีก 2KB (สำหรับบางเกมที่เซฟได้ จะมี RAM แฝงอยู่ในตลับเกมด้วย) ความละเอียดของภาพอยู่ที่ 256 x 240 pixel

ในปี 1986 Nintendo ได้ขยายตลาดออกไปเปิดสาขาใหม่ที่แคนาดา และทางแถบยุโรป ถึงแม้ว่าพวกฝรั่งจะไม่ค่อยให้ความสนใจกันมากนัก แต่อาศัยที่ตลาดกว้างขวางกว่า และด้วยความมุทะลุของทาง Nintendo ทำให้ เครื่องเกม NES ในปี 1987 ทำกำไรให้ Nintendo ยิ่งกว่า Famicom ในญี่ปุ่นเสียอีก ซึ่งหลังจากนั้น ก็มีเกมต่างๆ ทั้งสำหรับ Famicom และ NES ออกมาให้เล่นมากมาย เรียกได้ว่า เกมออกเกือบเป็นรายอาทิตย์เลยทีเดียว

ช่วงปลายปี 1994 ตลาดเกมเครื่อง Famicom เริ่มแผ่วลง เนื่องจากคู่แข่งสำคัญอย่าง SEGA เริ่มเข้ามาแย่งตลาด แถมยังมีคู่แข่งเก่าอย่าง Atari รวมไปถึงทาง Nintendo เองก็มุ่งความสนใจไปที่ Super Famicom ของตัวเองมากกว่า จนสุดท้ายก็เลิกทำการผลิตเครื่อง Famicom ไปในเดือนมกราคมปี 1995 สรุปยอดขายรวมทั้งสิ้น 61.91 ล้านเครื่อง โดยเกมสุดท้ายของเครื่อง Famicom ก็คือ Wario's Woods ซึ่งวางขายในวันที่ 1 ธันวาคม ปี 1994 แต่ว่ากันตามตรงแล้ว เกมที่เป็นเกมสุดท้ายจริงๆ ของเครื่อง Famicom ก็คือ Sunday Funday ที่วางจำหน่ายในปี 1995 เพียงแต่ไม่ใช่เกมที่ทำลิขสิทธิ์กับทาง Nintendo

เป็นยังไงกันบ้างครับ กับประวัติของเครื่องเกม Famicom นี่เป็นเพียงแค่เนื้อหาแบบน้ำจิ้มคร่าวๆ เท่านั้น นะครับ เพราะที่จริงแล้ว ระหว่างช่วงปี 1986 มาจนถึงยุคปลายของ Famicom นั้น Nintendo มีโปรเจ็กต์แปลกๆ พิศดารกับเครื่อง Famicom และ NES ของตัวเองเยอะแยะมากมายเพื่อตีตลาดเครื่องเกมที่อเมริกา และยุโรปครับ (แต่ก็เจ๊งไม่เป็นท่าอยู่หลายโปรเจ็กต์เช่นกัน) ซึ่งผมจะมาเจาะลึกกันแบบละเอียดยิบกันไปเลยในวันอังคารหน้าครับ แล้วพบกันนะครับ

ขอขอบคุณ รูปภาพจาก Google และข้อมูลจาก wikipedia นะครับ

แชร์เรื่องนี้:

เรื่องที่คุณอาจสนใจ