อย่างที่ทราบกันดีว่าภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของค่าย Marvel อย่าง The Marvels นั้นทำรายได้ในช่วงเปิดตัวไปได้ต่ำสุด ๆ ทั้งยังได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในแง่ลบเป็นจำนวนมาก ทำให้แฟน ๆ และเหล่านักสร้างหนังพากันสงสัยว่าเป็นเพราะสาเหตุใด ตัวหนังถึงไม่ประสบผลสำเร็จ แต่ดูเหมือนว่าสำหรับบอสใหญ่ของ Disney อย่างคุณ Bob Iger จะคิดว่าที่หนัง The Marvels ทำรายได้ไม่ปังนั้น เป็นเพราะภาวะการระบาดของไวรัส Covid-19 ค่ะ
ที่หนังไม่ปังก็เพราะโควิด!
โดยคุณ Iger ได้เปิดเผยในระหว่างการให้สัมภาษณ์ภายในงาน NYT DealBook Summit 2023 ว่าสาเหตุที่ภาพยนตร์ The Marvels ไม่ประสบความสำเร็จนั้น เป็นเพราะคอนเทนต์ของตัวหนังส่วนใหญ่ถูกสร้างขึ้นในช่วงที่ไวรัสโควิดกำลังระบาด ทำให้การควบคุมคุณภาพของหนังให้ออกมาดูดีมีมาตรฐานกลายเป็นเรื่องที่ยากลำบากไปเลย
“เพราะ The Marvels ถ่ายทำในช่วงที่โควิดกำลังระบาด ในกองถ่ายจึงไม่มีการกำกับดูแล [จากเหล่าผู้บริหาร] อย่างเพียงพอ” คุณ Iger กล่าวเอาไว้
สำหรับหนัง The Marvels นั้นกลายเป็นภาพยนตร์ของ Marvel ที่ทำรายได้ในช่วงสัปดาห์แรกไปได้ต่ำที่สุดในรอบ 15 ปี โดยทำเงินไปได้แค่เพียง 47 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เท่านั้น ซึ่งแฟน ๆ ส่วนมากก็พากันคาดเดาว่าที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ประสบผลสำเร็จ น่าจะเป็นเพราะการที่ผู้คนเริ่มจะเบื่อหน่ายหนังซูเปอร์ฮีโร่แล้ว ในขณะที่บางส่วนก็มองว่าหนังเรื่องนี้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ไม่มากพอ หรือโทษว่าเป็นความผิดของตัวนักแสดง ส่วนในกรณีที่ร้ายแรงที่สุดก็คือการโทษว่าที่หนังเรื่องนี้ถูกเกลียดชังนัก เป็นเพราะตัวหนังเลือกจะใช้ตัวเอกสามคนเป็นผู้หญิงทั้งหมดนั่นเอง
ทว่าในขณะเดียวกัน ทาง Games Radar ก็แย้งมาว่าสาเหตุที่ภาพยนตร์ The Marvels ไม่ประสบความสำเร็จนั้น ไม่น่าจะเป็นเพราะผู้คนเริ่มเบื่อหน่ายหนังซูเปอร์ฮีโร่ เพราะหากย้อนกลับไปมองยอดเงินของหนัง Guardians of the Galaxy Vol. 3 ตัวหนังก็ทำรายได้ในช่วงสัปดาห์แรกไปได้มากถึง 118 ล้านดอลลาร์เลยทีเดียว ทำให้คำพูดของคุณ Iger ฟังดูมีน้ำหนักมากขึ้นค่ะ
แปลและเรียบเรียงจาก
https://www.gamesradar.com
ติดตามข่าวหนังอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่ Online Station
