[รีวิวหนัง] Indiana Jones and the Dial of Destiny – ถึงทีส่งท้ายลุงฟอร์ด

Indiana Jones and the Dial of Destiny เป็นหนังอีกเรื่องที่ผมไม่ค่อยได้ตั้งความหวังในปีนี้ไว้เท่าไหร่ สืบเนื่องจากไม่ใช่แฟนซีรีส์ ไม่เคยดูยุครุ่งเรืองของมันอย่าง 3 ภาคแรก ขณะที่ภาคก่อนอย่าง “Kingdom of the crystal skull” ก็ไม่ถึงกับว้าวอะไร ถึงจะชอบหนังผจญภัยแต่ผมโตมากับ The Mummy และออกจะชอบใจ National Treasure ของลุงเคจมากกว่า

ดังนั้นผมจึงไม่ได้ไฮป์กับ Dial of Destiny มากมายนักแม้ว่าจะเป็นภาคปิดตำนานของลุงแฮริสัน ฟอร์ดก็ตาม แต่อีกครั้งที่ผมผิดคาดไป ถัดจาก Honor among thieves ที่เป็นหนังซึ่งผมรักสุดในช่วงครึ่งปีแรก Dial of Destiny คืองานสุดเซอร์ไพรส์ที่เต็มไปด้วยความสนุก แอคชั่นสุดหวือหวา และการปิดตำนานลุงฟอร์ดได้อย่างยอดเยี่ยม

Indiana Jones

Indiana Jones and the Dial of Destiny จะเล่าเรื่องในวัยเกษียนของนักผจญภัยเจ้าตำนานอย่าง Dr. Jones ในโลกที่ผู้คนเรียกร้องหาแต่อนาคตและวิทยาการใหม่ๆ จนหลงลืมอดีตไปหมดแล้ว เขากลายเป็นเหมือนวัตถุโบราณที่ถูกวางทิ้งไว้ ไม่มีสิทธิมีเสียง ไม่มีใครสนใจทำหน้าที่สอนในมหาวิทยาลัยไปวันๆ จนกระทั่งวันหนึ่งที่เขาได้เจอลูกสาวเพื่อนรักอีกครั้ง โดยหารู้ไม่ว่านั่นคือการจูงมือเขากลับเข้าสู่สิ่งที่เขาทำมันได้ถนัดที่สุด “การผจญภัยสุดขอบโลก”

Indiana Jones

ทำความเข้าใจกันก่อนว่าปู่ฟอร์ดในวัย 80 กว่าๆ คงไม่อาจมาออกลีลาบู๊ได้แบบสมัยหนุ่มๆ แต่ถ้าใครคิดว่าฉากแอคชั่นภาคนี้จะบู้ๆ บี้ๆ ล่ะก็ขอให้คิดใหม่ การันตีความเดือดจากผู้กำกับ James Mangold จาก Logan ที่กำกับฉากไล่ล่ากันได้อย่างเร้าใจสุดๆ แม้อาจไม่ได้มีอะไรใหม่ แต่จังหวะและมุมกล้องต้องบอกว่าเหลือกินจริงๆ ซึ่งมันทำให้หนังภาคนี้บรรลุวัตถุประสงค์ในแง่ของความบันเทิงตั้งแต่ไก่โห่

Indiana Jones

ในขณะเดียวกันด้วยฉากแอคชั่นเหล่านี้ก็ช่วยฉายภาพชัดๆ ให้เห็นว่าคืนวันที่ดุดันของ Indiana Jones ได้ผ่านไปแล้ว เขาอาจจะยังพอมีลูกเก๋า แต่วัดตัวต่อตัสวกับใครก็แทบไม่ไหว ดังนั้นเราจะได้เห็นกลเม็ดเด็ดพรายในการเอาตัวรอดของลุงในวัยเฒ่าชรากัน ซึ่งหนังก็ออกแบบจุดนี้มาได้ดีทีเดียว

Indiana Jones

ในด้านของเนื้อเรื่องก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไร การไขปริศนาก็ไม่ได้มีช่องให้คนดูพยายามคิดตาม เพราะหนังรีบเฉลยออกมาทันที การที่เป็นแบบนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือการเล่าเรื่องของหนังนั้นต่อเนื่องว่องไว ไม่มีหยุด เหมือนคุณโดนหนังจูงมือเดินอยู่ตลอดเวลา แต่แน่นอนว่าพอมันไม่ค่อยมีจุดผ่อนปรน ผู้ชมอาจจะเหนื่อย หรือรู้สึกไปว่าหนังไม่ได้เชิญชวนให้ผู้ชมลองแก้ปริศนาตามเท่าไหร่ ขณะที่คาแรคเตอร์เดเวลอปเมนต์ของตัวละครอื่นๆ นอกจาก Dr. Jones ก็มีความอิหยังวะอยู่ในทีไม่น้อย แน่ล่ะว่ามันอาจจะช่วยส่งเสริมให้เนื้อเรื่องมันไหลไปได้เรื่อยๆ ไม่ติดขัด ทว่าการตัดสินใจกระทำของตัวละครที่ขัดกับแบ็คกราวด์ตัวเองของตัวละครหลายๆ ตัว โดยเฉพาะลูกของเพื่อนเนี่ยมันก็ทำเอาคนดูคิ้วขมวดอยู่ไม่น้อย

Indiana Jones

John Williams นักประพันธ์เพลงในตำนาน ได้กลับมาทำเพลงให้กับภาพยนตร์ภาคนี้อีกครั้ง ได้ฟีลเก่าๆ อยู่พอสมควร อย่างไรก็ตาม หลายๆ คนบอกว่าหนังมิกซ์เสียงมาได้ดีมากและควรค่าต่อการเข้ามาดูในโรงภาพยนตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับโรง IMAX ซึ่งผมอาจไม่กล้าฟันธงเพราะไม่ใช่คนหูเทพอะไร แต่เห็นหลายๆ คนยืนยันแบบนั้น ผมก็อยากจะเชียร์ครับ เพราะอย่างน้อยๆ หนังก็ยังสนุกและมีความบันเทิงมอบให้อย่างเต็มเปี่ยมได้แน่นอน

Indiana Jones

ผมชอบตัวหนังในองค์สุดท้ายมากๆ แบบว่าพิศวาสส่วนตัวในฉากหลัง และไม่คิดไม่ฝันว่าหนังจะมาทางนี้ รวมไปถึงการเลือกหาทางลงให้กับลุงแฮริสัน ฟอร์ดได้อย่างสวยงาม โดยที่ยังคงความเป็นตัวละครอินเดียน่า โจนส์ไว้อย่างข้นคลั่ก คิดว่าหากอินกับแฟรนไชส์นี้มาตั้งแต่เริ่มคงปลื้มปริ่มได้มากกว่านี้แน่ๆ

Indiana Jones

สำหรับ Indiana Jones and the Dial of Destiny เอาเป็นว่าไม่ว่าจะแฟนเก่าหรือหน้าใหม่ ก็สามารถดูภาคนี้ได้ครับ แต่แฟนๆ ภาคเก่าก็จะอินกว่านั่นแหละ นี่คือหนักที่สนุกดีทีเดียว ถ้าปล่อยตัวไหลกับหนังได้ นี่ก็เป็นอีกหนึ่งความบันเทิงรับหน้าฝนที่ไม่อยากให้พลาดครับ

Indiana Jones


VERDICT

8/10

ดูรอบและสำรองที่นั่งได้ที่ – https://majorcineplex.com/booking2/search_showtime/movie=1995

ขอขอบคุณ Major Cineplex สนับสนุนการรับชม


ติดตามข่าวหนังอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่ Online Station

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้