รีวิว Ghost Recon Breakpoint – เป็นทุกอย่างจนลืมเป็นตัวเอง

**ทีมงาน Online Station ขอขอบคุณบริษัท Ubisoft ที่เอื้อเฟื้อโค้ดเกม Ghost Recon Breakpoint เพื่อใช้ในการรีวิวมา ณ ที่นี้ด้วยครับ**

รีวิว Ghost Recon Breakpoint (PC)

แพลตฟอร์ม: PS4, Xbox One, PC
แนวเกม: Tactical Shooter
ผู้พัฒนา: Ubisoft Paris
ผู้จัดจำหน่าย: Ubisoft

เช่นเดียวกับ Ghost Recon Wildlands ที่นำพาซีรีส์มายังทิศทางใหม่ตั้งแต่เมื่อสองปีก่อน Ghost Recon Breakpoint ก็ยังคงยึดรูปแบบเกมเพลย์หลักจากภาคก่อนมาใช้เช่นเดิม อีกทั้งยังมีการเพิ่งเติมองค์ประกอบใหม่ ๆ เข้ามาที่บางครั้งก็ทำให้เกมดูมีคุณภาพมากขึ้น แต่ส่วนใหญ่แล้ว ของใหม่ ๆ ที่เพิ่มเข้ามาดูจะทำให้เกมดิ่งไปในทิศทางที่แย่ลงเสียมากกว่า

เรื่องราวของ Ghost Recon Breakpoint เริ่มขึ้นเมื่อเรือบรรทุกสินค้าของสหรัฐอเมริกาอับปางลงในเขตน่านน้ำของหมู่เกาะ Auroa (ออโรอา) ที่ตั้งอยู่กลางมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้ พร้อมกับที่การติดต่อทุกชนิดระหว่าง Auroa กับโลกภายนอกก็ถูกตัดขาดโดยสิ้นเชิง รัฐบาลสหรัฐฯ จึงตัดสินใจส่ง Anthony Perryman หรือ Nomad พร้อมกับพลทหารในหน่วย Ghost ของเขาออกไปสำรวจและหาคำตอบให้กับเหตุการณ์นี้ แต่สิ่งแรกที่ Nomad พบเมื่อบินอยู่เหนือเขตแดนของ Auroa ก็คือ เฮลิคอปเตอร์ทุกลำของหน่วย Ghost ถูกโจมตีจากฝูงโดรนจำนวนมากจนเกิดอุบัติเหตุ และ Nomad ดูเหมือนจะเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียว ตัวผู้เล่นในฐานะ Nomad จึงต้องพยายามเอาชีวิตรอดไปพร้อม ๆ กับสืบหาความจริงของเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ให้ได้

ดังที่ได้กล่าวไปในข้างต้นว่าเกมเพลย์หลักของ Breakpoint ยังยึดรูปแบบมาจาก Wildlands ที่เราสามารถส่งโดรนออกไปสำรวจพื้นที่เพื่อระบุตำแหน่งของศัตรูและหาทางเข้าออก ก่อนที่จะวางแผนการบุกในแบบที่เราต้องการ ไม่ว่าจะเน้นการลอบเร้นหรือลุยแหลก แต่สิ่งที่จะแตกต่างออกไปจาก Wildlands ก็คือ คราวนี้เราจะไม่มี AI เพื่อนร่วมทีมมาคอยช่วยแล้ว ถ้าจะยิงศัตรูพร้อมกันหลายเป้าหมายแบบลอบเร้นด้วย Sync Shot ก็ต้องใช้โดรนชนิดพิเศษที่มีจำนวนจำกัด ซึ่งผู้เล่นสามารถหาชิ้นส่วนมาคราฟต์ได้จากการสำรวจและกำจัดศัตรู หรือถ้าอยากจะลุยเดี่ยวในดงศัตรูเราก็ต้องมียุทโธปกรณ์ที่มีค่าคุณสมับัติเพียบพร้อม นี่จึงเป็นช่องทางให้ทีมงาน Ubisoft Paris นำเสนอองค์ประกอบใหม่เข้ามาในเกมก็คือ “ระบบการเอาชีวิตรอด” และ “ระบบเกม RPG” ซึ่งดูเผิน ๆ นั่นอาจเป็นความคิดที่ดีในตอนแรก แต่พอเอาเข้าจริงแล้ว องค์ประกอบเหล่านี้กลับมีการประยุกต์ใช้ที่ตื้นเขิน และฉุดให้อรรถรสในการเล่นลดลงไปอย่างน่าเสียดาย

การเอาชีวิตรอดหรือ Survival ในเกมนี้ก็คือ ตัวละครของเราจะมีแถบความแข็งแรงหรือ Stamina ที่จะลดลงเมื่อเราวิ่งหรือปีนป่าย และจะลดลงไปอย่างรวดเร็วเมื่อเราต้องใช้มันทรงตัวเวลาไถลลงจากที่สูงชัน และถ้า Stamina หมดกลางคัน Nomad ก็จะหกคะแมนตีลังจากที่สูงอย่างช้า ๆ พร้อมกับเสียเลือดไปด้วย แต่ไม่ต้องห่วง เพราะตัวเกมมีระบบฟื้นฟูเลือดอัตโนมัติ หรือถ้าเกิดบาดแผลจนไม่สามารถฟื้นฟูเองได้ ก็แค่ใช้ผ้าพันแผลมาพันโดยไม่ต้องกังวลว่ามันจะเปลือง เพราะเราจะสามารถใช้ผ้าพันแผลได้อย่างไม่จำกัด ทำให้ “การเอาชีวิตรอด” ในเกมถูกมองผ่านไปได้โดยง่ายดาย เพราะมันไม่ได้ทำให้เรารู้สึกว่าตัวเองตกอยู่ในสถาการณ์ที่คับขันสักเท่าไหร่

เหมือนกับหลาย ๆ เกมในปัจจุบันของ Ubisoft ที่พยายามจะใส่องค์ประกอบของ RPG เข้ามาในเกม ไม่ว่าจะเป็นซีรีส์ The Division หรือ Assassin’s Creed แต่ทั้งสองซีรีส์ที่กล่าวมาดูจะมีการประยุกต์ใช้ที่เอื้อต่อความสนุกในการเล่นสูงกว่า Ghost Recon Breakpoint อยู่มาก เพราะด้วยมันยังมีรูปแบบของเกมเพลย์หลักที่อิงมาจาก Wildlands และ Ghost Recon ภาคก่อน ๆ ที่การกำจัดศัตรูแบบลอบเร้นจากด้านหลังหรือใช้ปืนยิงที่ศีรษะนัดเดียวก็เก็บศัตรูส่วนใหญ่ที่เป็นมนุษย์ทั่วไปได้ ดังนั้นการที่จะให้ปืนแต่ละกระบอกมีค่าสถานะที่หลากหลายตามระดับความหายากก็ไร้ประโยชน์ไปโดยปริยาย รวมถึงยุทโธปกรณ์อื่น ๆ อย่างเช่นเสื้อเกราะตัวเดียวกัน แต่มีความหายากคนละระดับก็ไม่ได้สร้างความแตกต่างในการเล่นสักเท่าไหร่ มันจึงกลายเป็นว่าเราแค่เลือกอุปกรณ์ที่มีคะแนน Gear Score สูงกว่าไปเรื่อย ๆ อย่างไร้จุดหมาย

เมื่อระบบ RPG ดูจะไม่สมเหตุสมผลกับศัตรูที่เป็นมนุษย์ ศัตรูจำพวกโดรนติดอาวุธทั้งที่บินได้และเป็นเหมือนรถถังขนาดเล็กจึงเป็นคำตอบ พวกมันจะมีพลังโจมตีที่สูงและกำจัดได้ยากกว่า ตรงจุดนี้ทำให้ค่าสถานะของอาวุธยุทโธปกรณ์ดูมีประโยชน์ขึ้นมาบ้าง แต่ก็เท่ากับว่าเราจะไม่สามารถใช้การบุกแบบลอบเร้นกับโดรนพวกนี้ได้เลย เพราะเมื่อเราเริ่มโจมตีเมื่อไหร่ ศัตรูบริเวณนั้นก็จะรู้ตัวกันหมด และแห่มาหาเราในทันที หน่วย Ghost ที่ขึ้นชื่อด้านปฏิบัติการที่รวดเร็วและไร้ร่องรอยก็ต้องกลายเป็นหน่วย Rambo ระเบิดภูเขาเผากระท่อมไปโดยปริยาย แต่การเล่นแบบบู๊เข้าว่านี้ก็อาจจะสนุกกว่านี้ก็ได้ ถ้า AI ของศัตรูฉลาดกันมากกว่านี้ ไม่ใช่แค่ว่าได้ยินเสียงปืนตรงไหน ก็จะค่อย ๆ ดาหน้ากรูกันเข้ามาที่เดียวกันให้เรายิงหัวทีละคนสองคนทั้ง ๆ ที่เห็นเพื่อนนอนจมกองเลือดเป็นตัวอย่างกันอยู่ตรงนั้น แม้ว่าเราจะเล่นอยู่ในโหมดที่ยากที่สุดก็ตาม

ยังดีที่การดำเนินเรื่องของเกมยังมีจุดที่สร้างความบันเทิงให้กับเราได้บ้าง โดยจุดที่ว่านี้ก็คือตัวร้ายอย่าง Cole Walker ซึ่งแสดงโดย Jon Bernthal (The Walking Dead, The Punnisher) แต่น่าเสียดายที่การแสดงทั้งหมดไม่ว่าจะสีหน้า ท่าทาง และน้ำเสียงของเขาที่ถ่ายทอดออกมาได้ดีมากอยู่แค่คนเดียวก็ไม่เพียงพอที่จะช่วยให้เรื่องราวของเกมน่าติดตามขึ้นเลย เพราะมันมากับพล็อตที่แสนธรรมดา บทพูดและเสียงพากย์ส่วนใหญ่ที่ไม่ดึงดูดให้เรารู้สึกผูกพันธ์กับตัวละครที่สำคัญกับเนื้อเรื่องแม้แต่น้อย

ตัวเกมดูมีความพยายามอยากให้เราเล่นมันต่อไปเรื่อย ๆ ด้วยการเก็บคะแนนเควสต์ประจำวันเพื่อปลดล็อกของรางวัลที่มีรูปแบบคล้ายกับระบบ Battle Pass ที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน แต่ด้วยความที่เกมเพลย์หลักของมันไม่หนุนให้เราอยากพัฒนาประสิทธิภาพของตัวละครด้วยค่าสถานะแบบเกม RPG ไปเรื่อยๆ ทำให้แรงผลักดันที่จะทำให้เราอยู่กับเกมนี้ต่อไปมันน้อยลงไปถนัดตา ส่วนระบบการใช้เงินจริงเพื่อซื้อของในเกมนั้นแม้ว่าจะมีตัวเลือกที่เยอะมากๆ แต่ยังดีที่มันก็ถูกจำกัดอยู่แค่ของที่ใช้ตกแต่งเพื่อความสวยงามเป็นส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นสกินของอาวุธหรือเสื้อผ้าสำหรับตัวละคร เป็นต้น

เรายังคงเล่นโหมดเนื้อเรื่องกับเพื่อนพร้อมกันถึงสี่คนได้ในภาคนี้ และมันจะสนุกขึ้นถ้าคุณและเพื่อนๆ เป็นสายลุยที่ชอบสาดกระสุนใส่ศัตรูทุกรูปแบบ แต่ความสนุกในรูปแบบนี้มันไม่จำเป็นต้องมาอยู่กับ Ghost Recon ก็ได้ คุณมีตัวเลือกที่ดีกว่าอย่าง The Division 2 ที่ก็เป็นเกมของค่าย Ubisoft เช่นเดียวกัน แต่ถ้าคุณกับเพื่อนเป็นคนที่ชอบการเล่นเชิงกลยุทธ์ ชอบการลอบเร้น ตัวเกมก็ยังให้คุณได้เล่นแบบที่คุณชอบเช่นกัน การมาร์คจุดศัตรูแล้วนับถอยหลังเพื่อทำ Sync Shot ก็ยังให้ตื่นเต้นได้ดีเช่นเดิม กล่าวคือคุณและเพื่อนต้องสวมบทบาท Ghost สายลอบเร้นกันเอาเอง เพราะโครงสร้างของเกมดูจะเอื้อให้ผู้เล่นสายลุยสามารถเคลียร์คอนเทนต์ในเกมได้อย่างรวดเร็วและให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าไปเสียอย่างนั้น ในขณะที่โหมดมัลติเพลเยอร์อย่าง Ghost War แม้รูปแบบการเล่นส่วนใหญ่จะยังเหมือนเดิมจากภาค Wildlands แต่ที่แตกต่างออกไปก็คือ เราจะได้ใช้ตัวละครพร้อมยุทโธปกรณ์ทั้งหมดในโหมดเนื้อเรื่องวของเรากับโหมดนี้ได้แล้ว เช่นเดียวกับของรางวัลจากโหมดมัลติเพลเยอร์ ก็จะสามารถนำไปใช้ในโหมดเนื้ออเรื่องได้ด้วย นับว่าเป็นการช่วยเพิ่มคุณค่าให้กับโหมด Ghost War ได้ค่อนข้างดีทีเดียว

จุดเด่น

– สภาพแวดล้อมสวยงาม
– ภูมิประเทศหลากหลาย
– Jon Bernthal แสดงได้ดี

จุดด้อย

– องค์ประกอบใหม่ๆ ถูกนำมาประยุกต์ใช้อย่างตื้นเขิน
– AI ขาดความท้าทายแม้ในโหมดยากสุด
– เนื้อเรื่องไม่น่าติดตาม

สรุป

องค์ประกอบหลายอย่างของ Ghost Recon Breakpoint อาจฟังดูน่าสนใจในทางทฤษฎี แต่ในทางปฏิบัติแล้ว Ubisoft Paris ยังไม่สามารถนำแนวคิดดังกล่าวมาประยุกต์ใช้ให้เป็นเกมที่มีความสมบูรณ์ได้ อีกทั้งมันยังส่งผลเสียลามไปถึงระบบการเล่นหลักที่เคยเป็นจุดแข็งที่น่าชื่นชมของซีรีส์ Ghost Recon ด้วย สุดท้ายมันจึงกลายเป็นเกมที่พยายามเป็นหลายๆ อย่าง แต่กลับแทบไม่มีสิ่งใดที่น่าจดจำเลยสักอย่าง ถ้าคุณอยากเห็น Ghost Recon ภาคใหม่ที่คุ้มค่าแก่การรอคอย Breakpoint ยังไม่ใช่คำตอบ แต่ถ้าคุณยังไม่เคยเล่นซีรีส์นี้และอยากเล่นลองเกมที่มีคุณลักษณะคล้าย ๆ กันแต่ทำออกมาได้ดีกว่า เราขอแนะนำ Ghost Recon Wildlands