แพลตฟอร์ม: PS4
ผู้พัฒนา: Bethesda Softworks
ผู้จัดจำหน่าย: Bethesda Softworks
เรต: 17 ปีขึ้นไป
พูดถึง Skyrim แล้วก็เป็นเกมดังที่นักเล่นเกมหลายคนเคยเล่นหรืออย่างน้อยก็พอรู้จักกันบ่าง โดยเฉพาะวลีเด็ดธนูปักเข่า แต่สำหรับคนที่ไม่รู้จักก็จะอธิบายคร่าวๆ กันก่อนว่า Skyrim นั้นเป็นเกมแนวแอ็กชั่น RPG แบบมุมมองบุคคลที่ 1 ซึ่งคนที่ไม่ชอบเกม RPG แบบที่ต้องใส่คำสั่งทีละเทิร์นก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะตัวเกมนั้นมาในแนวแอ็กชั่นเต็มรูปแบบ และก็เป็นเรื่องที่แฟนๆ หลายคนต้องตกตะลึง เมื่อเกม Skyrim ประกาศว่าจะทำเวอร์ชั่น VR ให้กับเครื่อง PS4 ทั้งนี้ก็เพราะมันเป็นเกมแนวโอเพ่นเวิลด์ที่มีขนาดพื้นที่กว้างใหญ่มาก ถึงขนาดที่เกมนี้เคยได้รับการจัดอันดับเป็นเกมที่ผู้คนใช้เวลาเล่นมากที่สุดแห่งปี 2011 ซึ่งหากมองดูเกมที่มีสเกลใหญ่ขนาดนี้ก็ชวนทำให้รู้สึกว่าไม่น่าจะเข้ากับเกม VR ที่ส่วนมากมักเป็นเกมที่มักจะมีพื้นที่ของเกมไม่มากเพราะมีข้อจำกัดหลายๆ ด้าน แต่สุดท้ายแล้วเกมก็ออกมาได้แทบจะสมบูรณ์ จะบอกว่าเป็นเกมสำหรับ PlayStation VR ที่ดีที่สุดในตอนนี้ก็ว่าได้
เนื้อเรื่องของเกมจะเป็นดินแดน Skyrim ที่มีฝ่าย Imperial ปกครองอยู่และอยู่ในระหว่างทำสงครามกับ Stormcloak ที่เป็นฝ่ายต่อต่าน และในระหว่างที่ฝ่าย Imperial กำลังจับกุมเชลยศึก Stormcloak อยู่นั้นเอง ตัวเอกของเราบังเอิญไปอยู่แถวนั้นพอดี ก็เลยโดนเข้าใจผิดถูกจับมาประหารด้วย และหลังจากรอดไปได้ก็ต้องมีการเลือกว่าจะไปเข้ากับฝ่ายไหนอีกที สำหรับตัวเอกของเกมนี้จะเป็นตัวละครที่ผู้เล่นสร้างเอง สามารถเลือกเผ่า เพศและหน้าตาได้อย่างอิสระ โดยแต่ละเผ่าก็จะมีผลต่อสกิลต่างกันไป ส่วนเพศจะมีผลกับรายละเอียดปลีกย่อย เช่น การแต่งงาน ส่วนหน้าตาตัวละครไม่ค่อยมีผลเท่าไหร่ เนื่องจากเกมนี้จะเปลี่ยนเป็นแบบมุมมองบุคคลที่ 3 ไม่ได้อยู่แล้ว จึงแทบจะไม่ได้เห็นตัวละครของเราเลย ในส่วนระบบการเล่นอาจจะไม่หวือหวามากนักโดยเฉพาะการโจมตีที่ค่อนข้างจะเป็นพื้นฐานคือมีท่าโจมตีไม่กี่แบบ รวมถึงการยิงธนูและเวทมนตร์ แต่จุดเด่นของเกมจะอยู่ที่รายละเอียดปลีกย่อยที่ซับซ้อน เช่นการอัพสกิลเวทสายต่างๆ การติดโรคที่ต้องทีวิธีรักษาแตกต่างกัน การติดคำสาป การติดค่าหัวเมื่อกระทำผิด เป็นต้น
เมื่อเทียบความแตกต่างของเวอร์ชั่นดั้งเดิมกับเวอร์ชั่น VR แน่นอนว่าอย่างแรกเลยก็คือความละเอียดของเวอร์ชั่น VR นั้นจะด้อยลงไปพอสมควร ยิ่งภาพที่ส่งเข้าจอ TV นี่ยิ่งดรอปจนดูเหมือนเกมของ PS3 ก็ว่าได้ แต่ทั้งนี้ก็เป็นปัจจัยที่พอจะยอมรับได้กับเกมบน PlayStation VR ซึ่งจากที่ทดลองเล่นในเส้นทางเดียวกับที่เคยเล่นเวอร์ชั่นปกติจะเห็นได้ว่าทุกอย่างเหมือนกันหมด เนื่องจากส่วนเนื้อเรื่องนี่เป็นชุดเดียวกันเพียงแต่เปลี่ยนประสบการณ์ให้เป็นรูปแบบ VR เท่านั้น แต่ถ้าคนที่เคยเล่นแล้วก็ไม่ต้องวิตกไปครับ เพราะเป็นเกมแนวโอเพ่นเวิลด์ที่การตัดสินใจของผู้เล่นจะนำไปสู่ผลลัพธ์ต่างๆ ได้หลากหลาย แต่ส่วนที่เปลี่ยนไปมากที่สุดก็คงจะเป็นระบบการบังคับที่ใช้ VR โดยจะแบ่งเป็นการใช้จอย DualShock 4 ควบคุมปกติ กับใช้ PlayStation Move (PS Move)
การใช้ VR กับคอนโทรเลอร์นั้นจะยังควบคุมคล้ายกับ Skyrim เวอร์ชั่นปกติ แต่จะใช้การขยับหน้าของผู้เล่นแทนการหันมุมกล้องบนล่างซ้ายขวา รวมทั้งเซนเซอร์เวลาชะโงกหน้าแทนการซูมด้วย สำหรับการหันตัวละครซ้ายขวาเพื่อเปลี่ยนทิศทางเดินนั้นยังต้องใช้การบังคับด้วยอนาลอคคอนโทรเลอร์อยู่ ซึ่งเกมจะตั้งการหันตัวละครมาเป็นแบบ Snap คือกดครั้งนึงมุมกล้องจะหันครั้งละ 30 องศา ทำให้ดูเหมือนภาพกระตุกเวลาหันทิศทาง แต่เราสามารถปรับระบบการหันให้เป็นแบบ Smooth ซึ่งภาพจะหันแบบลื่นไหลเป็นธรรมชาติกว่าได้ในเซ็ตติ้งของเกม โดยการใช้ VR กับคอนโทรเลอร์นั้นแม้ว่าแบบจะบังคับแบบเดิมแต่จะได้ประสบการณ์ใหม่ในด้านมุมมองโลกของ VR แต่ที่แปลกใหม่จริงๆ ก็คือการใช้ PS Move เพราะจะเปลี่ยนวิธีการควบคุมเป็นแบบใหม่รวมถึงการโจมตีด้วย ซึ่งการเคลื่อนที่นั้นเราจะใช้ PS Move บนมือซ้ายชิ้ทิศทางที่ต้องการจะไป จากนั้นก็กดปุ่มบน Move เพื่อขยับตัวละครไปยังตำแหน่งที่ชี้ โดยเกมจะสามารถปรับการเคลื่อนที่ของตัวละครได้ 2 แบบคือแบบเทเลพอร์ตตัวละครไปยังจุดที่ใช้ PS Move ชี้ในทันทีซึ่งจะดูไม่ค่อยสมจริงแต่สะดวกกว่า กับอีกแบบคือให้ตัวละครเดินตามปกติไปตามทิศที่ชิ้ และสำหรับการโจมตีนั้นก็จะใช้การเหวี่ยง PS Move เพื่อโจมตี ซึ่งจะใช้อาวุธคู่ก็ได้ โดยสิ่งที่เปลี่ยนไปมากก็คือ การโจมตีจะเป็นไปตามทิศทางที่ผู้เล่นเหวี่ยงอย่างสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นแทง ฟันแนวขวางหรือแนวนอนก็จะเหมือน และสามารถโจมตีได้เร็วกว่าการกดปุ่มบนจอยค่อนข้างมากด้วย ขณะที่การควบคุมอย่างสุดท้ายคือการยิง ซึ่งตรงนี้เหมือนจะยังมีปัญหาอยู่ โดยเฉพาะการใช้ธนูนั้นจะต้องทำท่าง้างลูกธนูด้วย PS Move ทั้งสองอันก่อนจึงยิงออกไปได้ ทำให้ยิงได้ช้ากว่าการยิงแบบใช้จอยที่เดินหลบไปมาแล้วยิงธนูได้ด้วยปุ่มเดียวได้อย่างง่ายดาย
ทั้งนี้ ตัวเกมสามารถปรับระดับความยากได้ตลอดเวลา แต่ในเกมจะตั้งปรับมาเป็นแบบระดับง่ายสุดมาให้แต่แรก ซึ่งก็คงเป็นเพราะว่าทีมงานคงคาดว่าผู้เล่นน่าจะต้องใช้เวลาสักหน่อยกว่าจะเชี่ยวชาญการต่อสู้ด้วยการบังคับแบบใหม่ แต่ก็เป็นข้อดีของเกม RPG ตะวันตกที่ผู้เล่นแทบจะเซฟได้ตลอดเวลา จึงสามารถเซฟเกมแล้วลองทำอะไรแปลกๆ ได้ โดยรวมแล้วจัดว่าเป็นเกมที่น่าสนใจมากสำหรับคนที่มี VR แต่ยังไม่เคยเล่น Skyrim มาก่อน เพราะเป็นเกมขั้นเทพอยู่แล้ว แม้ว่ากราฟิกอาจจะด้อยลงไปบ้าง แต่ก็จะได้ประสบการณ์ใหม่ๆ ผ่าน VR ส่วนผู้ที่เคยเล่นเวอร์ชั่นปกติไปแล้วก็แนะนำให้ลองเล่นด้วย Move ดูอีกรอบจะได้ความรู้สึกแปลกใหม่เช่นกันครับ
จุดเด่น
1. เนื่องจากต้นฉบับเป็นเกมชั้นเลิศอยู่แล้ว พอพอร์ทมาเป็นVR ได้สมบูรณ์ แถมเพิ่มการควบคุมมด้วย Move ก็ทำให้เป็น RPGที่สมบูรณ์แบบที่สุดของ PS VR
2. รวม DLC ส่วนขยายของ Skyrim ที่ปกติต้องจ่ายเพิ่มใว้เรียบร้อยแล้ว คุ้มค่าคุ้มราคา
3. เซตติ้ง VR ของเกมปรับได้หลากหลายเพื่อผู้เล่นที่ต้องการเล่นระบบใหม่ที่เหมาะกับ VR หรือผู้เล่นที่ต้องการให้เกมเป็นเหมือนกับเวอร์ชั่นดั้งเดิมมากที่สุด
จุดด้อย
1. กราฟิกดรอปมากจนเกินไป แม้ว่าเป็นเกมสำหรับ VR แต่ลึกๆ ก็เชื่อว่างานภาพน่าจะยังทำได้ดีกว่านี้อีกหน่อย
2. การบังคับบางจุดของ Move ยังไม่ค่อยลงตัว เช่น การฟันอาวุธประชิดสามารถตีรัวได้ดีขึ้นมาก ในขณะที่การใช้ธนูกลับกลายเป็นยากขึ้น
3. เกมยังคงมีบั๊กหลุดออกมาให้เจอบ้างตามประสามเกมโอเพ่นเวิลด์
คะแนน 7.5 / 10