รวมสปอยล์เนื้อเรื่องเกม Silent Hill ภาคหลัก (Part 2)

สำหรับใน Part 2 จะเป็นส่วนของสปอยล์ภาค 4, Homecoming และ Downpour ที่ถูกจัดรวมไว้ในหมวดภาคหลักของซีรีส์ Silent Hill ครับ ขณะที่ Part 1 นั้นจะเป็นการไล่เนื้อเรื่องตั้งแต่ภาค Origins จนถึงภาค 3 ดังนั้นหากต้องการจะเสพเนื้อเรื่องจนครบจำเป็นต้องตามอ่านครบทั้ง Part 1 และ 2 นะครับ

เพื่อน ๆ สามารถย้อนอ่าน Part 1 ได้ที่ลิงค์ https://www.online-station.net/pc-console-game/view/153774

***บทความนี้มีการสปอยล์เนื้อหาของเกม Silent Hill ที่เป็นภาคหลักนะครับ ใครที่เคยเล่นจบแล้ว หรือไม่ซีเรียสกับการสปอยล์ก็เลื่อนอ่านได้เลย***

Silent Hill 4: The Room

– ณ อพาร์ทเมนต์แห่งหนึ่ง ทางตอนใต้ของเมืองแอชฟิลด์ เฮนรี่ ทาวน์เซนด์ ชายหนุ่มผู้พักอยู่ในห้องหมายเลข 302 ได้พบว่าประตูหน้าห้องของตนเองโดนล่ามด้วยโซ่ตรวนกับแม่กุญแจจำนวนนับไม่ถ้วนอย่างไม่ทราบสาเหตุ อีกทั้งหน้าต่างภายในห้องก็ไม่สามารถเปิดออกได้ ซึ่งเขาถูกขังอยู่ในห้องที่ปิดตายนี้เป็นเวลา 5 วันแล้ว ไม่นานนัก เฮนรี่ก็ได้พบกับรูโหว่ขนาดใหญ่บนผนังภายในห้องน้ำ เมื่อเขาทดลองมุดเข้าไปก็พบว่าตัวเองโผล่มาอยู่อีกสถานที่หนึ่งและได้เห็นคน 4 คนถูกฆ่าเรียงคิวด้วยวิธีการประหลาด ซึ่งทุกคนล้วนมีเบาะแสเชื่อมโยงไปถึง วอลเตอร์ ซัลลิแวน อดีตฆาตกรต่อเนื่องที่เสียชีวิตไปแล้วทั้งสิ้น

(ล่าง) เฮนรี่

– เฮนรี่ตามสืบจนพบกับบันทึกของผู้เข้าพักห้อง 302 ก่อนหน้าเฮนรี่ที่มีชื่อว่าโจเซฟ โดยโจเซฟได้เคยสืบเรื่องราวคดีฆาตกรรมของวอลเตอร์จนพบว่าเมื่อ 34 ปีก่อน พ่อแม่ของวอลเตอร์เคยพักที่ห้อง 302 ด้วยเช่นกัน แต่คู่สามีภรรยาดังกล่าวมีปัญหาด้านการเงินอย่างหนัก เลยจำต้องทิ้งวอลเตอร์ที่ยังเป็นทารกไว้ในห้อง และเนื่องจากห้องในอพาร์ทเมนต์เป็นภาพแรกที่วอลเตอร์เห็น มันก็เลยกลายเป็นภาพจำของวอลเตอร์ที่คิดว่าห้อง 302 เปรียบเสมือนแม่ของตนไปโดยปริยาย

– ต่อมาผู้ดูแลอพาร์ทเมนต์ก็มาพบวอลเตอร์ภายในห้อง เลยนำไปส่งให้กับโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้กัน จากนั้นวอลเตอร์ก็ถูกโอนย้ายไปยังสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าใกล้กับเมืองไซเลนท์ฮิลล์ ซึ่งเคราะห์ร้ายที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าดันดำเนินกิจการโดยคนจากลัทธิ พอวอลเตอร์เติบโตมาก็เลยโดนบังคับให้อ่านคัมภีร์และคำสอนของลัทธิคุณไสยนี้ วันไหนที่เขาทำพลาดหรือขัดขืนก็จะโดนจับไปขังและถูกทรมาน กระทั่งวันหนึ่งดาห์เลีย กิลเลสพี หนึ่งในสมาชิกของลัทธิได้มาเยือนสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าและบอกกับวอลเตอร์ว่าหากเขาทำตามพิธีศักดิ์สิทธิ์ 21 อย่าง เขาก็จะได้มีโอกาสเจอกับแม่อีกครั้ง โดยพิธีที่ว่าก็คือเขาต้องสังหารเหยื่อที่เลือกไว้จำนวน 21 คนจนครบนั่นเอง

(ล่าง) วอลเตอร์

– หลังจากวอลเตอร์เข้าสู่วัยรุ่น เขาก็เริ่มทยอยสังหารเหยื่อไปเรื่อย ๆ จนถึง 10 คน โดยทุกศพต่างถูกควักหัวใจออกพร้อมกับสลักหมายเลขลงบนร่างกายของเหยื่อเรียงตามลำดับการฆ่า แต่ยังไม่ทันจะครบ 21 ศพ วอลเตอร์ก็ถูกตำรวจจับกุมในที่สุด ทว่าตอนอยู่ในคุก วอลเตอร์ก็ตัดสินใจปลิดชีพตัวเองด้วยการใช้ช้อนแทงคอจนถึงแก่ความตาย แต่วิญญาณของวอลเตอร์ก็ยังออกตามล่าเหยื่อรายถัดไป ซึ่งโจเซฟเองก็เป็นหนึ่งในเหยื่อจำนวนนั้นด้วย และวิญญาณของโจเซฟก็มาแนะเฮนรี่ว่าหนทางเดียวที่จะหนีออกไปจากห้องได้ก็คือต้องกำจัดวอลเตอร์สถานเดียว โดยเฮนรี่เองก็ถูกกำหนดไว้แล้วว่าจะเป็นเหยื่อรายที่ 21 ในการปิดจ๊อบของวอลเตอร์

– สุดท้ายเฮนรี่ก็ตามไปปราบวอลเตอร์ได้สำเร็จ เป็นอันยุติคำสาปและอาคมอันชั่วร้ายไปตลอดกาล

หมายเหตุ – จริง ๆ แล้วมีอีกทฤษฎีนึงนะครับที่โจเซฟเชื่อว่าวอลเตอร์นั้นอาจจะยังไม่ตาย และคนที่ฆ่าตัวตายในคุกก็ไม่ใช่วอลเตอร์ตัวจริง ตามสมมติฐานที่โจเซฟมองว่าคนที่ตายไปแล้วไม่น่าจะออกไปฆ่าใครได้อีก

Silent Hill: Homecoming

– ย้อนไปในปี ค.ศ. 1853 ณ เวลานั้นได้เกิดความขัดแย้งภายในเมืองไซเลนท์ฮิลล์ โดยคนจาก 4 ตระกูลใหญ่ ได้แก่ ตระกูลบาร์ทเล็ตต์ ตระกูลฟิทช์ ตระกูลฮัลโลเวย์ และตระกูลเชพเพิร์ด ตัดสินใจขอแยกตัวออกมาจากเหล่าภาคีแห่งลัทธิคุณไสยที่ปกครองไซเลนท์ฮิลล์ เพื่อจะไปก่อตั้งเมืองแห่งใหม่ที่มีชื่อว่า “เชพเพิร์ด เกล็น” และใช้ชีวิตกันที่นั่น

– กลุ่มภาคีก็โอเค พวกเอ็งจะแยกตัวไปก็ได้ ข้าไม่ว่า แต่มีเงื่อนไขข้อนึงคือ ในวันก่อตั้งเมืองใหม่ และนับจากนั้นไปอีกทุก ๆ 50 ปี ทั้ง 4 ตระกูลต้องสละทายาทของตัวเอง ตระกูลละ 1 คนมาทำพิธีสังเวย เพื่อต่ออายุเมืองของเชพเพิร์ด เกล็นต่อไปอีกคราวละ 50 ปี ซึ่งคนจากตระกูลทั้ง 4 ก็ยอมรับเงื่อนไขดังกล่าวแต่โดยดี

(ล่าง) อเล็กซ์

– พิธีต่ออายุเมืองเชพเพิร์ด เกล็น ดำเนินขึ้นในปี ค.ศ. 1853, ค.ศ. 1903 และ ค.ศ. 1953 ตามลำดับ เป็นไปตามรูทีน โดยคนจาก 4 ตระกูลต่างก็นำบุตรหลานของตัวเองที่เลือกไว้มาบูชายัญ ซึ่งการสังเวยจะมีกำหนดวิธีการฆ่าที่แตกต่างกันไปในแต่ละตระกูลด้วย

1. ตระกูลบาร์ทเล็ตต์ ต้องจับทายาทที่เลือกไว้ไปฝังทั้งเป็น
2. ตระกูลฟิทช์ ต้องนำทายาทที่เลือกไว้มาชำแหละเป็นชิ้น ๆ ด้วยมีด
3. ตระกูลฮัลโลเวย์ ต้องฆ่าทายาทที่เลือกไว้ด้วยการรัดคอ
4. ตระกูลเชพเพิร์ด ต้องสังหารทายาทที่เลือกไว้ด้วยการกดน้ำ หรือทำให้จมน้ำตาย

– กระทั่งถึงปี ค.ศ. 2003 ที่ตระกูลทั้ง 4 ต้องทำพิธีต่ออายุอีกรอบ ทางตระกูลบาร์ทเล็ตต์ ตระกูลฟิทช์ และตระกูลฮัลโลเวย์ก็ได้จัดการตามหน้าที่ของตัวเองเสร็จสิ้น เหลือแต่เพียงตระกูลเชพเพิร์ดอีกบ้านเดียว ถ้าทำสำเร็จ ชีวิตพวกเขาก็จะสุขสงบต่อไปอีก 50 ปี

– ตระกูลเชพเพิร์ด ณ เวลานั้นประกอบไปด้วย อดัม (หัวหน้าครอบครัว) ลิลเลียน (ภรรยา) อเล็กซ์ (ลูกชายคนโต / พระเอก) และ โจช (ลูกชายคนเล็ก) ซึ่งทางอดัมกับลิลเลียนได้เล็งไว้แต่แรกแล้วว่าจะให้อเล็กซ์เป็นผู้ถูกสังเวย ด้วยเหตุนี้ ทั้งสองเลยตัดสินใจที่จะเลี้ยงลูกแบบเลือกปฏิบัติ โดยการประคบประหงมแต่โจช และแสดงท่าทีเย็นชา เมินเฉยกับอเล็กซ์มาตลอด ประมาณตั้งใจให้อเล็กซ์รู้สึกว่าเขาไม่ได้รับความรักจากพ่อแม่ หรือเกลียดชังพ่อแม่ได้ก็ยิ่งดี เพื่อที่ตอนถูกนำไปบูชายัญจะได้ไม่เกิดความอาลัยอาวรณ์ต่อกัน (หากสำรวจภายในบ้านจะเห็นว่ารูปถ่ายที่แขวนอยู่ตามผนังจะมีแต่รูปอดัม ลิลเลียน และโจช แต่ไม่มีอเล็กซ์ปรากฏอยู่ในรูปไหนเลย ราวกับว่าพ่อแม่ทำเหมือนอเล็กซ์ไม่มีตัวตน)

(ล่าง) อดัม

(ล่าง) ลิลเลียน

– คืนก่อนที่อเล็กซ์จะถูกบุพการีสังหาร เขาได้ชวนโจชไปล่องเรือที่ทะเลสาบด้วยกัน ระหว่างนั้นโจชก็โชว์แหวนประจำตระกูลให้อเล็กซ์ดู ซึ่งอดัมให้เป็นของขวัญในฐานะที่โจชจะเป็นผู้สืบทอดตระกูลเชพเพิร์ดรุ่นต่อไป อเล็กซ์ที่เห็นแหวนเข้าก็เกิดความริษยาที่พ่อมีอะไรก็ให้แต่โจช จนมีการยื้อแย่งแหวนกัน และแล้วโจชก็พลาดท่าเสียหลักตกจากเรือ จมน้ำตายไป

(ล่าง) โจช

– การตายของโจช ทำให้อเล็กซ์เกิดภาวะช็อคขั้นรุนแรง จนอดัมต้องส่งตัวอเล็กซ์ไปอยู่ในโรงพยาบาลจิตเวชที่อยู่ต่างเมือง ในขณะที่ทั้งอดัมและลิเลียนเองก็ทำใจไม่ได้ถ้าจะต้องเสียลูกทั้งสองคนไป เลยคิดจะเบี้ยวพิธีด้วยการไม่นำอเล็กซ์ไปบูชายัญตามที่ตกลงกันไว้ ทำให้พันธะสัญญาที่ทำไว้กับภาคีของเมืองไซเลนท์ฮิลล์พังทลายลง คำสาปเลยแสดงผลทันที ผู้คนในเมืองเชพเพิร์ด เกล็น ค่อยๆ ทยอยหายสาบสูญอย่างไร้ร่องรอยทีละคน หมอกขาวโพลนเริ่มปกคลุมไปทั่วเมือง รวมถึงมีอสุรกายเดินเพ่นพ่านในเมืองเต็มไปหมด

(ล่าง) เอลล์

– เวลาผ่านไป 4 ปี อเล็กซ์หลุดออกมาจากโรงพยาบาลจิตเวชและเดินทางกลับมายังเมืองเชพเพิร์ด เกล็น แต่ยังมีอาการเห็นภาพหลอน คือคิดไปเองว่าโจชยังไม่ตาย เลยจะมาตามหาในเมือง จนได้พบกับ เอลล์ ลูกสาวของบ้านฮัลโลเวย์และเป็นเพื่อนสนิทของอเล็กซ์ตั้งแต่วัยเด็ก ซึ่งเอลล์กำลังตามหาน้องสาวที่หายตัวไปเหมือนกัน สุดท้ายอเล็กซ์ก็สืบเสาะจนทราบความจริงของเรื่องราวทั้งหมดในอดีต และยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นทุกอย่างได้ รวมถึงให้อภัยกับสิ่งที่พ่อแม่ทำกับตน อเล็กซ์กล่าวขอโทษและบอกลาศพน้องชาย ก่อนจะหนีไปจากเมืองพร้อมกับเอลล์

Silent Hill: Downpour

– เมอร์ฟี่ เพนเดิลตัน ชายหนุ่มที่มีครอบครัวอันแสนอบอุ่นกับ คาโรล ภรรยา และ ชาร์ลี ลูกชายหัวแก้วหัวแหวน ชีวิตครอบครัวของเมอร์ฟี่ดูราบรื่นจนกระทั่งวันหนึ่งที่ชาร์ลีถูกเพื่อนบ้านที่ชื่อว่า แพทริค ลักพาตัวไป โดยแพทริคนั้นมีพฤติกรรมใคร่เด็กเป็นทุนเดิม เขาได้จับชาร์ลีไปขึ้นรถตู้แล้วขับพาไปยังทะเลสาบ ก่อนจะลงมือล่วงละเมิดทางเพศกับชาร์ลี เมื่อเสร็จกิจแล้ว แพทริคก็จับชาร์ลีใส่เข้าไปในกระสอบแล้วโยนลงทะเลสาบเป็นการอำพรางคดี กว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะกู้กระสอบขึ้นมาได้ก็ไม่อาจช่วยชีวิตของชาร์ลีได้ทันการแล้ว

(ล่าง) เมอร์ฟี่

(ล่าง) แพทริค

– การสูญเสียชาร์ลีไป นำมาซึ่งสถานะครอบครัวของเมอร์ฟี่ที่ต้องแตกร้าว คาโรลกล่าวโทษเมอร์ฟี่ว่าเขาเป็นสาเหตุที่ทำให้ชาร์ลีต้องตาย พร้อมกับขอหย่าขาดจากกันและไม่ให้เมอร์ฟี่ติดต่อกับเธออีก เมอร์ฟี่ที่เสียเมียกับลูกในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันก็เกิดความแค้นแพทริคแบบเต็มพิกัด เลยตัดสินใจขโมยรถตำรวจมาขับแล้วพยายามหนีการจับกุม เพื่อจงใจให้ตัวเองโดนจับไปขังในเรือนจำเดียวกับแพทริค โดยหวังไปคิดบัญชีกับแพทริคที่นั่นให้ได้ พอเข้ามาอยู่ในเรือนจำได้สำเร็จ เมอร์ฟี่ก็แอบดีลกับผู้คุมกังฉินที่ชื่อจอร์จ ให้ตนเองสามารถเข้าไปเผชิญหน้ากับแพทริคในห้องอาบน้ำของนักโทษได้ เมอร์ฟี่เลยจัดการกระหน่ำซ้อมและแทงแพทริคจนอาการสาหัส

(ล่าง) จอร์จ

– หลายปีต่อมา เมอร์ฟี่ถูกส่งตัวไปขังในอีกเรือนจำ โดยเดินทางด้วยรถบัสขนนักโทษ แต่ระหว่างทางรถก็ดันเกิดอุบัติเหตุใกล้กับเมืองไซเลนท์ฮิลล์ ดีที่เมอร์ฟี่รอดมาได้และพบว่าตัวเองหลุดจากพันธนาการด้วย เลยคิดจะหาทางหนี

– เมอร์ฟี่พบเรือลำหนึ่งและตั้งใจจะใช้มันหนีออกไปจากไซเลนท์ฮิลล์ แต่ถูกผู้คุมที่ชื่อ แอนน์ มาขวางไว้ เธอต้องการคุมตัวเมอร์ฟี่กลับไป เมอร์ฟี่เลยนึกย้อนอดีตไปตอนที่ตนเองดีลกับผู้คุมจอร์จ ซึ่งงานที่เมอร์ฟี่ต้องทำเป็นการตอบแทนในดีลนั้นก็คือฆ่าปิดปากผู้คุมที่ชื่อแฟรงค์ โดยแฟรงค์นั้นเตรียมจะขึ้นให้การกล่าวโทษเรื่องที่จอร์จเป็นเจ้าหน้าที่ฉ้อฉล และตัวแฟรงค์เองก็เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่เชื่อว่าเนื้อแท้ของเมอร์ฟี่นั้นไม่ใช่คนเลว แต่เมอร์ฟี่ไม่อาจจะทำร้ายคนที่เขาเคารพอย่างแฟรงค์ได้ จอร์จเลยลงมือทำร้ายและใช้อาวุธแทงแฟรงค์จนอาการปางตาย แล้วป้ายความผิดให้เมอร์ฟี่เป็นแพะรับบาปมาตั้งแต่นั้น

(ล่าง) แอนน์

(ล่าง) แฟรงค์

– แอนน์เผยว่าแฟรงค์คือพ่อแท้ ๆ ของเธอ และจากเหตุในครั้งนั้นทำให้แฟรงค์ต้องนอนเป็นผักและเสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยเธอเชื่อว่าเมอร์ฟี่คือคนที่ทำให้พ่อเธอต้องตายมาตลอด ซึ่งความแค้นที่เธอมีต่อเมอร์ฟี่ ทำให้เธอใช้อำนาจในการสั่งย้ายเมอร์ฟี่มาอยู่ในเรือนจำที่เธอดูแลอยู่ สุดท้ายเมื่อความจริงกระจ่างว่าฆาตกรตัวจริงที่ฆ่าแฟรงค์นั้นคือจอร์จ แอนน์จึงให้อภัยเมอร์ฟี่ ทั้งคู่เดินทางออกจากเมืองไซเลนท์ฮิลล์ โดยแอนน์ได้รายงานกับเบื้องบนว่าเมอร์ฟี่เสียชีวิตไปแล้ว เพื่อเปิดโอกาสให้เมอร์ฟี่หนีไป