รวมสารพัดปัญหาที่ทำให้ PS Vita ไปไม่ถึงดวงดาว

จากความสำเร็จที่เครื่องเกมพกพาอย่าง PlayStation Portable หรือ PSP ได้กรุยทางเอาไว้ค่อนข้างสวยหรู ด้วยยอดขาย 82 ล้านเครื่องทั่วโลก ประกอบกับทาง Nintendo ได้ออกเครื่อง Nintendo 3DS มาตั้งแต่ช่วงต้นปี 2011 จึงทำให้ Sony ต้องเข็นเครื่องพกพารุ่นถัดไปของตัวเองอย่าง PlayStation Vita หรือ PS Vita ตามมาในช่วงปลายปีของปีเดียวกัน แต่ทว่าตลอดช่วงที่ PS Vita ออกวางจำหน่าย มันกลับไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร สืบเนื่องจากปัญหายิบย่อยที่รุมเร้าเต็มไปหมด จน Sony ตัดสินใจประกาศยุติสายการผลิตของ PS Vita ไปเมื่อวันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา รวมระยะเวลาที่โลดแล่นอยู่บนตลาดเกมคอนโซลแล้วก็ประมาณ 7 ปีกว่าๆ พอดี และบทความนี้เราจะมาแจกแจงให้เพื่อนๆ ชมกันครับว่าสาเหตุที่ PS Vita ไม่อาจไปถึงฝั่งฝันนั้นน่าจะมีอะไรบ้าง

(ล่าง) PS Vita รุ่นโมเดล 1000

1. ขาลงของเครื่องพกพา และการมาของสมาร์ทโฟน

คงปฏิเสธไม่ได้นะครับว่า ณ ปี 2011 ถือเป็นช่วงที่เกมบนสมาร์ทโฟนเข้ามาตีตลาดวงการเกมจนกระจุยกระจาย และมันก็ได้เปลี่ยนพฤติกรรมของคนเล่นเกมไปอย่างสิ้นเชิง คนที่ไม่ใช่คอเกมตัวยง (Non-gamer) ต่างก็หยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาเล่นเกมกันระหว่างการเดินทางไปโรงเรียนหรือที่ทำงานให้เราได้เห็นจนชินตา และทุกวันนี้เกมที่มีเปิดให้บริการหรือวางจำหน่ายบนสมาร์ทโฟนก็มีหลายแนว แถมบางเกมก็เป็นการพอร์ตจากเวอร์ชั่นคอนโซลหรือพีซีลงมาด้วยซ้ำ ทำให้ความนิยมที่มีต่อเครื่องเกมแฮนด์เฮลด์จึงเสื่อมถอยลง ส่วนหนึ่งก็เพราะสมาร์ทโฟนสามารถเป็นได้ทั้งเครื่องเกม โทรศัพท์มือถือ ปฏิทิน สมุดบันทึก ท่องอินเตอร์เน็ต ฯลฯ หรือแทบจะเป็นปัจจัยที่ 5 ของมนุษย์ไปแล้วก็ว่าได้ (ปัจจัย 4 ของมนุษย์คือ ที่อยู่อาศัย, เครื่องนุ่งห่ม, อาหาร และยารักษาโรค)

(ล่าง) PS Vita รุ่นโมเดล 2000

2. ไม่มีการแก้ปัญหา หรือรับมือกับสถานการณ์ในข้อ 1 ได้ดีพอ

เครื่อง 3DS ที่วางจำหน่ายก่อนหน้า PS Vita ถึงประมาณ 10 เดือนก็ประสบปัญหายอดขายที่น่าผิดหวัง จน Nintendo ต้องงัดไม้ตายออกมาเพื่อกระตุ้นยอดขายครั้งใหญ่ ด้วยการหั่นราคาของ 3DS ลงจาก 249 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 9,200 บาท ตามอัตราแลกเปลี่ยนของปี 2011) เหลือเพียง 169 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 6,200 บาท ตามอัตราแลกเปลี่ยนของปี 2011) พร้อมกับแถมเกมเก่าๆ บนเครื่อง Famicom และ Game Boy Advance ให้ดาวน์โหลดใน Nintendo eShop กันฟรีๆ อีกแพลตฟอร์มละ 10 เกมสำหรับคนที่เคยซื้อ 3DS ไปในราคา 249 เหรียญสหรัฐฯ ด้วย มาตรการดังกล่าวของ Nintendo ได้ทำให้เครื่อง 3DS กลับมาขายดีอีกครั้ง และยอดขายที่นับล่าสุดเมื่อ 30 กันยายน 2018 ก็อยู่ที่ราวๆ 73 ล้านเครื่อง และปัจจุบันก็ยังไม่มีการประกาศยุติสายการผลิตด้วย

(ล่าง) หน้าตาของ PlayStation TV

ในทางกลับกัน ฝั่ง Sony กลับรู้สึกมั่นใจว่าราคาของเครื่อง PS Vita ที่เซ็ตมาแต่แรก จึงไม่มีการออกมาตรการรับมือแต่อย่างใด กว่าจะมาขยับตัว เวลาก็ล่วงเลยมาถึงเดือนสิงหาคม 2013 หรือหลังจากวางขายไปแล้วเกือบ 2 ปี ด้วยการลดราคาเครื่องเหลือ 199 เหรียญสหรัฐฯ รวมถึงออกเครื่องรุ่น 2000 ที่เป็นโมเดลใหม่ ด้วยเครื่องที่บางลง เบาลง และดาวน์เกรดหน้าจอจาก OLED มาเป็น LCD เพื่อลดต้นทุนและขายในราคาถูกลง แต่ก็ดูเหมือนว่าการแก้ปัญหาในครั้งนี้จะสายเกินไปเสียแล้ว

นอกจากนี้ ยังมีอีกประเด็นที่บรรดาเกมเมอร์จำนวนไม่น้อยได้เรียกร้องกันก็คือ อยากให้ PS Vita สามารถต่อกับทีวีหรือมอนิเตอร์ได้ เพื่อที่จะได้เล่นบนจอใหญ่ ดูสบายตา ซึ่ง Sony ก็พยายามตอบโจทย์ด้วยการผลิต PS TV ออกมา แต่มีข้อเสียอยู่ตรงที่ไม่สามารถเล่นทัชสกรีนกับจอทีวีได้ ทัชแพดหลังเครื่อง PS Vita ก็ถูกตัดออกไป ยิ่งไปกว่านั้น ไมโครโฟนกับกล้องก็โดนตัดเรียบ เหลือแค่ฟังก์ชั่นพื้นฐานของ PS Vita กับ Remote Play พอเป็นเช่นนี้ PS TV เลยแป้กคาที่ หลังวางจำหน่ายไปได้เพียงปีเศษๆ สถานการณ์ของ PS Vita จึงน่าเป็นห่วงหนักกว่าเดิม

3. ระบบบางอย่างของ PS Vita ดันมาก่อนกาล และไม่ค่อยดึงดูดให้น่าใช้นัก

เพื่อนๆ ลองหลับตาแล้วนึกภาพระบบทัชแพดหลังเครื่อง PS Vita นะครับ โดยระบบดังกล่าวผู้เล่นต้องใช้นิ้วถูด้านหลังแทนการใช้ปุ่ม L2 หรือ R2 แถมทัชแพดด้านหลังยังมีลูกเล่นที่เกิดปฏิกิริยาตอบสนองกับแสงไฟได้ด้วย ดังเช่นเกม Uncharted: Golden Abyss ที่จะมีอยู่ช่วงนึงที่เราต้องยกเครื่อง PS Vita ให้ด้านหลังเครื่องหันหน้าไปหาแสงไฟ (จะแสงอาทิตย์หรือแสงไฟตามบ้านก็ได้หมด) แล้วจะสามารถไขปริศนาได้ แต่สิ่งที่น่าผิดหวังคือ เกมที่ทำออกมาแล้วมีระบบรองรับกับเซ็นเซอร์แสงไฟของทัชแพดหลัง…ดันมีอยู่ไม่กี่เกม ครั้นจะเอาระบบทัชแพดหลังมาใช้แทนปุ่ม L2 กับ R2 เวลาเล่นเกม PS1 บน PS Vita การบังคับก็ช่างไม่ได้ดั่งใจเอาเสียเลย ใครที่มี PS Vita อยู่กับตัวคงต้องมีหัวเสียกับการที่นิ้วเราไปถูโดนทัชแพดหลังแบบไม่ได้ตั้งใจอยู่บ่อยๆ บ้างแหละ

รวมๆ แล้วระบบทัชแพดหลังและเซ็นเซอร์รับแสงถือว่าเป็นนวัตกรรมที่ล้ำสมัยนะครับ แต่มันคงไม่เหมาะกับการนำมาใช้ร่วมกับการเล่นบน PS Vita เอาเสียเลย

4. การถูก “เท” โดย Sony เอง

จากปัญหาด้านยอดขายที่ลากยาวนานนับปี อีกทั้ง PS4 ที่วางจำหน่ายช่วงปลายปี 2013 ก็กำลังไปได้สวย Sony เลยตัดสินใจ “เท” PS Vita แล้วมุ่งไปโฟกัสเฉพาะ PS4 ทันที จากเดิมที่เกมบน PS Vita ก็ไม่ค่อยมีเกมระดับ AAA มาลงมากนักอยู่แล้ว ก็ยิ่งกลายเป็นเครื่องที่มีแต่เกมแนวเฉพาะทาง เช่น แนวจีบหนุ่ม มาลงให้ไปโดยปริยาย แม้กระทั่งผู้คนที่ซื้อ PS Vita ไปยังรู้สึกลึกๆ เลยว่า Sony ทำเหมือน PS Vita ไม่มีตัวตนในสายตาไปเลย ราวกับไม่รับรู้ว่าเคยผลิตเครื่องนี้ออกมาซะงั้น ทั้งหมดที่กล่าวมา หาก Sony ตั้งใจจะแก้ปัญหาจริงจังแต่แรก และพุ่งแก้ปัญหาอย่างทันท่วงที บางทีเราอาจจะเห็น PS Vita ขับเคี่ยวกับ 3DS ได้สูสีกว่านี้ก็เป็นได้

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้