Need for Speed : Undercover การกลับมาอีกครั้งของซีรีย์สุดฮิต…ที่พกตำรวจมาด้วยเป็นฝูง

ประเภท: RACING
ผู้พัฒนา: EA VANCUVER
ผู้ผลิต: EA
ผู้จัดจำหน่าย: EA
เว็บไซต์: WWW.NEEDFORSPEED.COM
เครื่องที่ต้องการ: P4 3GHZ, 1GB RAM, 512MB VIDEOCARD, 6GB HD, 256MB VIDEOCARD
เครื่องที่แนะนำ: Multi Core 3GHZ, 2GB RAM, 512MB VIDEOCARD, FORCEFEEDBACK STEERING WHEEL
จำนวนผู้เล่นสูงสุด: 8
ESRB RATING: E

      การกลับมาอีกครั้งสำหรับเกมในซีรีส์ Need for Speed ที่มักมีกำหนดออกช่วงปลายปี โดยในภาคนี้ใช้ชื่อว่า NFS: Undercover คุณจะได้รับบทบาทเป็นสายลับนอกเครื่องแบบที่สวมรอยเข้าไปสืบหาข้อมูลจากเหล่าอาชญากรรมภายในเมือง Tri-City Bay โดยมีตำรวจสาว เชส หลิน (แสดงโดย Maggie Q) เป็นผู้ช่วยแนะนำช่องทางในการแทรกซึมเข้าไปในเครือข่ายค้ารถเถื่อนข้ามชาติ เรื่องราวของภารกิจลับ การไล่ล่าและการหักหลังจะเข้มข้นเพียงใดใน Undercover สิ่งแรกที่ผมสัมผัสได้ก็คือการควบคุมของภาคนี้ทำออกมาให้เล่นง่ายมากขึ้น (อารมณ์เหมือนเล่นเกมอาเขด) ถึงแม้คุณจะใช้คีย์บอร์ดก็สามารถเลี้ยวรถได้ตามต้องการ ผู้เล่นแนวซิมมูเลชั่นอาจมึนได้ว่าที่ขับอยู่มันใช่รถจริงๆ หรือเปล่า โค้งหักศอกเลี้ยวในความเร็วสูงสัก 300 กม./ชม. แค่ผ่อนคันเร่งนิดเดียวก็เลี้ยวผ่านไปได้แล้ว อาจเป็นเพราะผู้พัฒนาต้องการเข้าถึงผู้เล่นทุกกลุ่มโดยเน้นการขับหนีการไล่ล่าของตำรวจมากกว่า

     ระบบการเล่นของภาคนี้เหมือนภาค Most Wanted มาก ถ้าคุณยังจำสปีดเบรกเกอร์ได้ การใช้งานยังคงเหมือนเดิม เสี้ยววินาทีที่ใช้ทำให้คุณมีการตอบสนองขั้นเทพเลี้ยวหลบได้ทุกองศาการขับ แถมพุ่งชนรถตำรวจพังคาถนนโดยมีเพียงรอยขีดข่วนบนรถคุณเท่านั้น มีระยะเวลาให้ใช้ได้จำกัด แถบมิเตอร์จะลดลงช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับตัวคูณแต้มเทคนิคของคุณ

     ส่วนการหลบหนีมีมิเตอร์การจับกุม/หลบหนี, มิเตอร์ลดความร้อนแรง เพื่อบอกสถานะการหลบหนีของคุณ โดยใช้ตัวขัดขวางการไล่ล่าที่มีอยู่ในแผนที่ ซึ่งภาคนี้พยายามออกแบบให้เข้ากับเมืองมากยิ่งขึ้น รู้สึกดูไม่ขัดตามากจนเกินไป ลืมโดนัทหมุนกลิ้งทับตำรวจไปได้เลย ในแต่ละเมืองก็มีให้เลือกใช้ตัวขัดขวางการไล่ล่าที่แตกต่างกัน เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำออกมาได้ดีจริงๆ

     สิ่งที่เพิ่มมาใหม่ก็คือมิเตอร์ระดับเทคนิค ถือว่าเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาทักษะในแต่ละด้านของคุณเมื่อตอนจบการแข่งขัน ยิ่งตัวคูณเพิ่มมากขึ้นเท่าไหร่ทักษะที่ได้ก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเท่านั้น ซึ่งแบ่งออกเป็นทักษะด้านการขับ เช่น เครื่องยนต์, ระบบส่งกำลัง, ไนตรัส, ระบบอัดอากาศ, ช่วงล่าง, เบรก, ยาง และทักษะพิเศษ เช่น โบนัสรางวัล, ส่วนลดอะไหล่, โบนัสแต้มเทคนิค เกมจะสุ่มการอัพเกรดให้เอง ตรงนี้ผมไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงไม่เปิดให้เราตัดสินใจเอง ทั้งๆ ที่เกมก็ได้รับการออกแบบให้มีระบบแบบนี้อยู่แล้ว ถ้าปรับเองได้ผมก็คงอยากกลับมาเล่นซ้ำอีกรอบโดยพัฒนาในแต่ละส่วนให้ต่างกันเป็นเกม RPG ก็เป็นได้

     การใช้ไนตรัสในภาคนี้แตกต่างจากภาค ProStreet ที่ให้มาแค่ 3-4 ถัง โดยภาคนี้เราสามารถใช้ไนตรัสได้ตลอดไม่มีวันหมดแต่ต้องรอเวลาเติมไนตรัส โดยระยะเวลาการใช้และการเติมไนตรัสขึ้นอยู่กับตัวคูณแต้มเทคนิคของคุณ ดังนั้นต้องระวังการขับขี่ของคุณให้ดี รักษาตัวคูณให้สูงเข้าไว้ และคำนึงถึงวิธีการใช้ไนตรัสของคุณด้วย

      โหมดการแข่งขันมีการเล่นในโหมดเซอร์กิต, สปรินท์, เช็คพอยท์อยู่อย่างครบถ้วน แต่ที่ขาดหายไปคือส่วนของการแข่งดริฟท์และแดร็ก อาจเป็นเพราะไม่เข้ากับรูปแบบการเล่นของภาคนี้ที่เน้นความระทึกจากการไล่ล่าภายในเมืองมากกว่า แต่ก็มีบางโหมดที่เหมือนกับภาค Most Wanted เช่น โหมดการหลบหนีการตามล่า การสร้างความเสียหาย การทำลายรถตำรวจ ซึ่งนั่นทำให้ผมนึกถึงบรรยากาศเก่าๆ ได้มาหนีตำรวจอีกครั้ง และก็มีโหมดการเล่นใหม่ที่เพิ่มเข้ามา เช่น โหมดเอาท์รัน เป็นการแข่งขันแบบเปิดกว้างโดยเราต้องขึ้นนำคู่แข่งให้ได้เป็นระยะเวลาที่เกมกำหนด ซึ่งเส้นทางการแข่งขันก็แล้วแต่ผู้นำในขณะนั้นเป็นใคร หากเป็นคุณก็สามารถเลือกเส้นทางที่คิดว่าคู่แข่งขับตามมาได้ยาก หลังจากผมได้ลองทดสอบมาสักพักพบว่าโหมดนี้เหมาะสำหรับเล่นกับเพื่อนมากกว่า เพราะระบบการติดตามเส้นทางของเกมยังทำได้ไม่ดีนัก เช่น พอเราวิ่งนำไปสัก 100 ม. แล้วปัดท้ายกลับ 180 องศา คู่แข่งของเราจะวิ่งเลยไป กว่าจะกลับรถมาหาเราก็วิ่งไปไกลแล้ว ผมมักวิ่งตัดไปเส้นทางที่มีเนินกระโดดข้ามไปอีกฝั่งเพราะส่วนใหญ่ AI โดดไม่ค่อยข้ามกัน เราก็จอดอยู่บนนั้นเลยก็ชนะได้แล้ว ส่วนโหมดไฮเวย์แบทเทิลเป็นโหมดที่ผมชอบที่สุดแล้วเพราะเป็นการขับด้วยความเร็วสูงภายใต้การจราจรที่คับคั่ง อีกทั้งยังต้องขึ้นนำคู่แข่งพร้อมกับหนีตำรวจที่ไล่ล่าเราอีก กฎก็คือเราต้องนำคู่แข่งทิ้งห่างให้ได้ตามระยะทางที่กำหนดหรือถ้าเวลาหมดก่อนใครนำอยู่ก็เป็นผู้ชนะ ใครชอบความตื่นเต้นแนะนำให้ลองโหมดนี้ได้เลย

     พอเล่นไปสักพักจนเรามีระดับเพิ่มขึ้นก็จะมีภารกิจตามเนื้อเรื่อง โดยเราต้องสร้างความประทับใจกับหัวหน้าอาชญากรที่คุมเมืองต่างๆ โดยขโมยรถมาส่งตามจุดนัดหมาย เป็นโหมดเดียวที่มีแถบมิเตอร์วัดระดับความเสียหายของรถมาด้วย คุณต้องไปตามจุดที่กำหนดโดยที่รถไม่พัง (เพราะระหว่างทางจะเต็มไปด้วยเหล่าตำรวจที่คอยตามล่าคุณ)

     มาดูในส่วนของรถกันบ้าง ใน NFS มีรถหลากหลายทั้งจากอเมริกา ยุโรป และญี่ปุ่น โดยแบ่งคลาสเป็น 4 ระดับ โดยเริ่มแรกเราจะได้ขับรถคลาส 4 มาก่อน ซึ่งเมื่อเล่นไปเรื่อยๆ เกมจะบังคับให้เราเปลี่ยนคลาสโดยเพิ่มการแข่งขันที่คู่แข่งอยู่ในระดับสูงกว่า ถ้าคุณยังใช้รถคลาสต่ำกว่าคู่แข่ง คุณต้องเหนื่อยหน่อยกว่าจะชนะคู่แข่งได้ เพราะทั้งอัตราเร่งและความเร็วสูงสุด ถ้ารถต่างคลาสกันก็แทบสู้กันไม่ได้เลย

     การปรับแต่งใน Undercover ไม่ยุ่งยากวุ่นวายเท่า ProStreet ถึงแม้จะใช้เอนจิ้นเดียวกันแต่ทางผู้พัฒนาได้ทำการลดรายละเอียดในส่วนนี้ลง เหลือเพียงแค่การปรับในส่วนหลักเท่านั้นคือ เครื่องยนต์ ช่วงล่าง ระบบขับเคลื่อน ยาง และไนตรัส ใช้เมนูการปรับเหมือนภาค ProStreet โดยเลื่อนไปทางซ้าย -10 ไปทางขวา +10 และมีคำอธิบายที่ทำให้เข้าใจการปรับแต่งและผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน เช่น ระบบขับเคลื่อนว่าคุณต้องการเน้นอัตราเร่งหรือความเร็วสูงสุด แต่สำหรับผมแล้วการลดรายละเอียดกลับทำให้รู้สึกเหมือนเป็นเจ้าของรถ… เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับรถ (ว่าไปนั่น) ลดน้อยลง

     สำหรับโหมดการเล่นออนไลน์กลับมีโหมดการเล่นให้เลือกแค่ 3 โหมดเท่านั้นคือ เซอร์กิต สปรินท์ และตำรวจ & โจร เข้าใจว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะเรื่องการเชื่อมต่อ ถ้าหากมีรถจำนวนมาก การเล่นผ่านอินเตอร์เน็ตก็คงทำได้ยาก แต่ก็ไม่ควรตัดทิ้งไป ลองคิดดูสิว่าถ้าหากเราสามารถขับรถบนทางด่วน ชิงจังหวะกับเพื่อนผ่านฝูงรถที่หนาแน่นได้มันจะสนุกขนาดไหน

     อีกเรื่องที่เป็นปัญหาสำหรับเกม NFS ช่วงหลังที่ทำออกมาหลายแพลตฟอร์มก็คือ ระบบการเล่นออนไลน์ที่ไม่เป็นมิตรเท่าที่ควร NFS ไม่มี Lobby เพื่อให้เราเลือกว่าอยากจะเข้าเล่นโหมดใดกับใครบ้าง โดยเกมจะเลือกให้เราเองอัตโนมัติซึ่งบางทีก็มีคนเล่นบ้างไม่เล่นบ้าง ไม่รู้ว่ามีใครออนไลน์พร้อมที่จะเล่นกับเรา ต้องตั้งห้องทิ้งไว้ให้ผู้เล่นอีกฝั่งสุ่มมาเจอ ซึ่งนั่นทำให้สังคมออนไลน์ของพีซียิ่งน้อยลง ถ้าใครเคยเล่น Grid จะเข้าใจว่าการเชื่อมต่อทำได้ง่ายและมีคนเล่นเยอะขนาดไหน

     กราฟิกของเกมเป็นสิ่งที่ผมอึ้งเมื่อตอนเริ่มเล่น ผมไม่นับถึงการออกแบบเมืองเพราะทำได้ดีอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ขัดใจผมมากเลยก็คือเงาของเกม เมื่อมองไปไม่ไกลมากกลับเป็นบล็อกสี่เหลี่ยมสีดำขนาดใหญ่ ไม่เรียบเนียน ฝุ่นควันผมเคยเห็นในภาค ProStreet มาแล้วเลยไม่ได้รู้สึกแตกต่างมากเท่าไหร่ ทำให้ผมคิดว่าเกมเน้นกับเนื้อเรื่องและฉากภาพยนตร์ในเกมมากจนเกินไปหรือเปล่าจนลืมพัฒนาในส่วนกราฟิก ผมอดเปรียบเทียบกับเกม Grid ไม่ได้ว่าตอนแรกที่ผมเห็นภาพจากเว็บไซต์กับเกมที่เล่นอยู่เป็นภาพเดียวกัน แต่สำหรับ NFS ภาพกลับออกมาแตกต่างกันจนผมรู้สึกได้ ซึ่งถ้าต้องการลดปัญหาเรื่องเงา คุณต้องเพิ่มความละเอียดมากยิ่งขึ้นและต้องเปิดลดรอยหยักให้สุดแต่ก็ต้องแลกมากับเฟรมเรตที่ได้เช่นเดียวกัน

     เกมในภาคนี้เหมือนการกลับไปสู่สูตรสำเร็จอีกครั้งของซีรีส์ NFS ไม่ว่าจะเป็นการขับแบบ Free Roam การปรับแต่งรายละเอียดของรถที่มีหลากหลาย ความตื่นเต้นระทึกใจกับการไล่ล่าของตำรวจเหมือนกับคุณเอาภาค Most Wanted มารวมกับระบบกราฟิกในภาค ProStreet การออกแบบเมืองมีขนาดใหญ่ มีรายละเอียดมากขึ้น ความแตกต่างของแต่ละเมืองทำได้อย่างชัดเจน หากคุณผิดหวังจากภาค ProStreet และต้องการความสะใจของการไล่ล่าในเมืองละก็ Undercover สามารถตอบสนองความต้องการของคุณได้แน่นอน

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้