Grand Theft Auto IV ท่องไปในดินแดนแห่งเสรีภาพกับบทบาทของ Niko Bellic

แชร์เรื่องนี้:
Grand Theft Auto IV ท่องไปในดินแดนแห่งเสรีภาพกับบทบาทของ Niko Bellic



GRAND THEFT AUTO IV
■ ผู้ผลิต: Rockstar Games ■ ผู้พัฒนา: Rockstar North ■ จำนวนผู้เล่น: 1-16 คน ■ ESRB: 17 ปีขึ้นไป


ข้อดี : โลกในเกม, ความสัมพันธ์ต่างๆ, เรื่องราว
ข้อเสีย : ภารกิจบางอย่างธรรมดา, ใช้เวลาเรียนรู้การบังคับ
กาแฟอุ่นๆ : Achievement สำหรับบทสนทนาที่เร้าอารมณ์

ท่องไปในดินแดนแห่งเสรีภาพ

CRISPIN : หนุ่มถึกของ Grand Theft Auto IV จากอดีตสหภาพโซเวียตนาม Niko Bellic ใช้เวลาทั้งวันอยู่กับการนั่งดูโทรทัศน์ เป็นหนุ่มรักคุดจากการหาคู่ผ่านระบบออนไลน์ชนิดที่เรียกว่าไม่มีใครเหลียวมอง ทั้งยังเป็นนักท่องเว็บตัวยงที่สามารถฆ่าคุณได้ด้วยมือเปล่า โดดลงเรือเข้าประเทศมาแบบผิดกฎหมายเพื่อตามหาฝันแบบอเมริกันชนที่ว่าด้วยเรื่องหากินคล่อง และมีสื่อหลากหลายทั้งแสงสีและความบันเทิงให้บริโภคใน Liberty City สนามเด็กเล่นประวัติศาสตร์ของชาววิดีโอเกม

วิศวกรผังเมืองของ Rockstar Games ได้ยกระดับสาธารณูปโภคของเมืองนี้หลังจากที่ให้เราได้ไปเยี่ยมเยียนใน GTA3 เมื่อเจ็ดปีก่อน โดยเพิ่มเคเบิ้ลทีวี (รายการมากมายให้นาย Niko นั่งดูสบายๆ ผ่านโทรทัศน์ในเซฟเฮาส์), อินเตอร์เน็ต (ในเกม) ที่มีบล็อกล้อเลียนเว็บไซต์ต่างๆ แม้กระทั่งพวก Spam Mail และขวัญใจมหาชนอย่าง... (ขออนุญาตเซ็นเซอร์) แสดงเดี่ยวไมโครโฟน รวมทั้งจุดนัดพบของเหล่าสุภาพบุรุษที่เต็มไปด้วยสาวนักเต้นใส่จีสตริงที่จะมาเขย่ามอเตอร์ของจอยคอนโทรลเลอร์ให้สั่นระรัวยามที่พวกเธอมาซุกซนแถวหน้าตักของ Niko (ถ้าคุณสวมกางเกงรัดๆ ขณะเล่นเกมนี้ละก็ ขอร้องอย่ายื่นจอยให้ใครเชียว)

สรุปแล้ว Liberty City จะไม่เป็นแค่สถานที่ที่ให้คุณเตร็ดเตร่ ซิ่งหาทำเลเล่นผาดโผนมันส์ๆ หรือซ่าส์หาเรื่องเพิ่มดาวค่าหัว (Six-Star Wanted Level) หลังจากเที่ยวป่วนพวกตำรวจตามภารกิจต่างๆ อีกต่อไป ผมใช้เวลาหลายชั่วโมงกับการวิจารณ์ยาวเหยียดนี้ไล่หาเรื่องสนุกๆ ในเกมดู โดยพา Niko มาจุ่มอยู่หน้าโทรทัศน์และหน้าคอมพ์ นั่งดูรายการอย่าง “Republican Space Rangers" ขณะท่อง Criagslist เวอร์ชั่นเกมไปด้วย ถ้า Niko ยังพำนักอยู่ใน San Andreas เมืองที่การงดอาหารและการออกกำลังกายสร้างความแตกต่างได้ในภาคที่แล้วละก็ กว่าผมจะเล่นเกมนี้จบเขาคงอ้วนตัวบวมแน่เลย





แต่ครั้งนี้ทาง Rockstar ได้ลดเรื่องการปรับแต่งตัวละครให้น้อยลงและเน้นไปที่แง่มุมที่น่าสนใจกว่านั่นคือความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล Niko ได้รับโทรศัพท์มือถือที่สามารถอัพเกรดมาจาก Roman ลูกพี่ลูกน้องที่ชอบวาดวิมานในอากาศและยังเป็นคนที่ล่อลวงให้เขาเข้ามายังอเมริกาด้วยคำมั่นสัญญาในเรื่องเงินทองและอิสตรี เมื่อคุณได้พบปะผู้คน ข้อมูลติดต่อของพวกเขาจะถูกบรรจุเข้ามือถือของคุณ Niko สามารถโทรไปหาพวกเขาเพื่อนัดมานั่งสังสรรค์ ชวนไปโยนโบว์ลิ่ง เล่นปาเป้า จ้ำจี้!!! (โชคดีที่ในเกมไม่มีตำรวจมากวดขันแม้จะเมาแล้วขับก็เถอะ) หรือเข้าร่วมกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย พยายามรักษาความสัมพันธ์เหล่านี้ไว้แล้วบรรดาเพื่อนใหม่จะช่วยเหลือคุณ ตัวอย่างเช่น นางพยาบาลที่ Niko ไปเจ๊าะแจ๊ะด้วยสามารถช่วยรักษาอาการบาดเจ็บผ่านทางโทรศัพท์ได้ (พวกคุณตัวก็มีทีเด็ดไม่แพ้กันเพราะสามารถช่วยเติมพลังชีวิตให้คุณได้ด้วยเงินแค่ไม่กี่เหรียญ)



 

ถ้าทั้งหมดนี้ฟังดูสนุกสนานเท่ากับการได้ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ละก็ ให้ระลึกไว้ว่าจะทำหรือไม่ทำก็ได้ ผมเล่นเกมนี้ตั้งแต่ต้นจนจบโดยไม่ไปข้องเกี่ยวกับอะไรพวกนั้นมากนักยังใช้เวลาไปร่วม 36 ชั่วโมงเลย เพราะถึงอย่างไรช่วงเวลาผูกมิตรของ Niko ทั้งหมดก็เกิดขึ้นระหว่างประกอบภารกิจต่างๆ อยู่ดี ทั้งจากการทำผลงานให้ลูกค้าทึ่ง เอาอกเอาใจพวกเขา และจากส่วนเพิ่มเติมใหม่ๆ ของเมืองนี้อีก อย่างเช่น มีงานเด็ดอยู่ชิ้นหนึ่งให้ Niko ปลอมตัวเป็นนักรักร่วมเพศบนเว็บไซต์จัดหาคู่เพื่อล่อให้อาชญากรเกย์รายหนึ่งออกมายังจุดนัดพบ ใช่แล้ว! ภารกิจทั้งหลายแฝงไว้ด้วยความตลกขบขันในแบบที่เกมซีรีส์นี้ถนัด เว้นแต่ว่าครั้งนี้มีตัวเลือกให้คุณตัดสินใจไว้ชีวิตบรรดาตัวละครที่คุณตามล่า ซึ่งการตัดสินใจเหล่านั้นจะส่งผลถึงเนื้อเรื่องทั้งหมด อีกทั้งยังเพิ่มลูกเล่นใหม่ให้เล่น GTA4 ซ้ำๆ ได้ แต่ผมเดาเอาว่าเมื่อเล่นโหมดเนื้อเรื่องจบแล้ว นักเล่นทั้งหลายจะเฮกันไปเล่นแบบมัลติเพลเยอร์กันเสียมากกว่า

ในส่วนของเนื้อหายังคงไว้ด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์มากมายและมีเกมเพลย์แปลกใหม่ให้พบเจอไปจนจบเกม (มีภารกิจท้ายๆ อยู่หนึ่งภารกิจให้คุณแย่งขับรถกับผู้โดยสารจอมป่วน เป็นอะไรที่เจ๋งมากๆ ทีแรกผมคิดว่าจอยเสียซะอีกแน่ะ) การควบคุมรถแบบเพี้ยนๆ ที่ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้เช่นเดียวกับกลไกการยิงแบบใหม่ที่ให้กดทริกเกอร์ซ้ายลงแค่ครึ่งเดียวเพื่อเป็นการเล็งเป้าอิสระซึ่งใช้งานยากเอาการเมื่ออยู่ในช่วงสาดกระสุนกันชุลมุน อีกทั้งยังมีตัวช่วยประหยัดเวลาอย่างระบบนำวิถีติดรถแบบใหม่และแท็กซี่ที่ช่วยย่นระยะการเดินทางได้เป็นอย่างดี ผมหวังว่าทาง Rockstar คงเพิ่มจุดเช็คพอยท์ให้ภารกิจที่ต้องเดินทางไปหลายๆ ที่ไว้เพื่อช่วยลดความหงุดหงิดหากต้องเล่นใหม่หลายๆ รอบ ถึงกระนั้น GTA4 ก็ยังมีเรื่องให้บ่นเล็กๆ น้อยๆ ตามปกติของเกมซีรีส์นี้อยู่ดี เช่นจู่ๆ ก็มีรถโผล่ขึ้นมากลางวง หรือรถคันเดิมวิ่งวนอยู่ในละแวกเดียวกัน

ถ้าผมสามารถใส่อะไรเพิ่มเข้าไปได้อย่างหนึ่งให้กับภาคต่อสุดติ่งนี้ ผมอยากได้บรรดาของเล่นกระจุ๋มกระจิ๋มจาก San Andreas จัง บางทีทาง Rockstar คงคิดว่าซีรีส์นี้เริ่มจะจริงจังเกินไปสำหรับบรรดาคนที่ชอบโดดร่มและซิ่งรถ แต่ใครจะบอกได้บ้างละว่าเกมที่คุณสามารถแวะรับคู่ออกเดทโดยใช้เฮลิคอปเตอร์ที่ขโมยมาได้โดยที่เธอไม่แปลกใจเลยสักนิดนั้นยังมีอะไรให้ซีเรียสอยู่อีก? โชคดีมากๆ ที่ดูเหมือนว่าทาง Rockstar เตรียมจะเพิ่มอะไรใหม่ๆ นอกจากฉากออนไลน์ที่มีให้โหลดอยู่แล้ว (เฉพาะ 360 เท่านั้น) บางสิ่งบางอย่างบอกผมว่า Liberty City ครั้งนี้ยังคงอยู่ในระหว่างก่อสร้างภายใต้ความน่าตื่นเต้นและสวยงามในแบบของมัน บางที Niko อาจจะได้รองเท้าใหม่ๆ เพื่อเป็นรางวัลให้คนติดโทรทัศน์ก็ได้นะ

 

G. FORD : ไม่รู้สิ Crispin ภาพที่ Niko คาด Jetpack แล้วยิงกันอยู่ใต้สะพาน Broker มันดูผิดที่ผิดทางไปหน่อยน่ะ ขณะที่ไตรภาคของ PS2/XB ดูมีสไตล์ ให้ความเหมือนและเข้าถึงความเป็นภาพการ์ตูนกว่า แต่โลกของ Niko จะเน้นไปในเรื่องของความสมจริงทั้งทางด้านกราฟิก ความล้ำลึกหม่นๆ ของเนื้อหาราวกับว่าตัวเกมกระเหี้ยนกระหือรือไปให้ถึงระดับของการโตเต็มวัย ในที่สุด GTA จะโตเต็มวัยได้ด้วยเหรอ? (ดีที่มุขตลกเสียดสีอันเป็นเอกลักษณ์ยังไม่หายไปไหน) นี่มันยังโยงไปถึงภารกิจแยกย่อยต่างๆ อีก อยากขับรถไล่ล่าสไตล์ Crazy Taxi แบบแฟร์ๆ กันไหมล่ะ? ลองขโมยรถของญาติ (ในเกม) มาสักคันแล้วเอาไว้ใช้เป็นพาหนะไปฆ่าคนดูสิ สนุกกว่าขโมยรถแล้วขับเล่นเฉยๆ อีกนะ หรือจะให้เด็ดกว่านั้นก็ไปขโมย ฮ. ของตำรวจเพื่อใช้ลอบเข้าไปยังฐานข้อมูลของตำรวจซึ่งจะบอกใบ้เรื่องอาชญากรรมต่างๆ และรายชื่อบุคคลที่ถูกหมายหัวของเมืองไว้ อีกทั้งเรื่องอื่นๆ เช่น การขโมยรถหรูๆ และการเข้าร่วมแข่งรถก็เกิดขึ้นอย่างสมเหตุสมผลไม่ว่าจะส่งผ่านมาทางอีเมล์หรือการโทรหาคนที่เหมาะสม เฮ้อ... “ของลับๆ” ในเกมนี้มีมากมายเหมือนฝูงนกพิราบให้คุณคอยไล่จับเลยล่ะ ถึงจะฟังดูเหมือนเป็นภาคต่อที่มีกฎเกณฑ์มากมาย แต่ Liberty City ใหม่นี้ก็รู้สึกมีชีวิตชีวาและเข้าท่าอยู่เหมือนกัน



นั่นสิ... ผมเกือบถูกยิงตายขณะพยายามโดดร่มจาก ฮ. ในโหมดมัลติเพลเยอร์ให้ลงที่ Rotterdamn Tower (ตึก Empire State ในเวอร์ชั่น Liberty City) แต่ก็รอดมาได้แถมยังลงเล่นจับเวลาใน 100-Story Tour ด้วย ที่ผมต้องขึ้นไปบนนั้นเพราะในระหว่างช่วงการทดสอบการเล่นมัลติเพลเยอร์อันยาวนานของเรา ทางค่ายพัฒนาให้ข้อมูลเด็ดว่า ใน Free Mode มีหนึ่งในเกมโปรดที่พวกเขาคิดค้นขึ้นมาเรียกว่า King Kong อยู่ที่นั่น บนนั้นมีคนกำลังจดๆ จ้องๆ หาที่มั่นให้ตัวเองอยู่สองสามคน ที่เหลือก็เล็งไปที่ ฮ.พยายามจะสอยให้ร่วง (ไม่มีเครื่องบินปีกสองชั้นให้ยิงเลย แย่จัง) การเล่น Free Mode จะเป็นอะไรที่มันมากหากเจอกลุ่มคนที่เหมาะเจาะ และทุกๆ คนจะชื่นชอบ Deathmatch (ฆ่าทุกคนที่ขวางหน้า) Team DM (ช่วยกันกำจัดฝ่ายตรงข้าม) และการแข่งรถที่ไม่ธรรมดา รวมไปถึงภารกิจพื้นฐานอย่าง Mafiya Work (รับจ๊อบจากพวกมาเฟีย) Car Jack City (ไปขโมยรถตามจุดต่างๆ) และ Turf War (ยึดฐานที่มั่นของผู้เล่นคนอื่นๆ) แต่ที่กินเวลาผมมากที่สุดคือ GTA Race (ทำทุกวิถีทางให้ตัวเองเข้าเส้นชัยเป็นที่ 1), Cops ’n Crooks (คุ้มครองเจ้านาย-จับตายผู้ต้องหา) และ Co-op ต่างๆ คุณใช้อาวุธในโหมด GTA Race ได้ จะทิ้งรถคันที่ได้มาตอนออกสตาร์ทแล้วไปใช้คันใหม่คันไหนก็ได้...หรือจะวิ่งด้วยเท้าเปล่าเลยก็ได้ ปล่อยให้คนอื่นๆ นำไปก่อน ใช้เวลาเรียนรู้เส้นทางและอาวุธต่างๆ เพื่อความมันในรอบที่สอง สำหรับ Cops ‘n Crooks จะให้เล่นเป็นทีมลูกน้องพาหัวหน้าไปหลบยังจุดปลอดภัยก่อนที่พวกตำรวจจะแห่กันมาฆ่าทิ้ง ส่วนโหมด Co-op ต่างๆ จะเป็นการกำหนดสถานการณ์สมมุติโดยเอาการยิงกันเละเทะและการขับรถไล่ล่าทั้งหลายมารวมกัน เล่นได้สูงสุดถึงครั้งละสี่คน (แต่โหมดอื่นๆ รับได้ถึง 16 คน) ทั้งน่าเล่นและน่าสนุกไม่หยอก

ย้อนกลับมาที่โหมดเนื้อเรื่องหน่อย ผมหลงใหลติดใจการผจญภัยของนาย Niko แบบถอนตัวไม่ขึ้นชนิดที่อยากรู้ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นอีกบ้าง มีเรื่องอะไรคอยพวกตัวละครทั้งหลายอยู่รึเปล่า แต่บางครั้งผมกลับชื่นชอบการขับรถช้าๆ หรือลงเดินถนนชื่นชมรายละเอียดต่างๆ ฟังเสียงนกพิราบบินว่อน นอกนั้นผมก็ชอบใช้ความรุนแรงสร้างความวุ่นวาย ครั้งหนึ่งผมสอยนักบินเดี้ยงสองศพทำให้ ฮ. ร่วงสองลำ แล้วเดินไปยังท่าเรือทั้งๆ ที่ปืนยังพาดอยู่บนบ่า มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินสวนมาเห็นแล้วรีบเดินหนีไปพร้อมกับพึมพำว่า “ทำได้แค่ใน Liberty เท่านั้นแหละวะ ให้ตายสิ” ให้ตาย...จริงด้วยสิ

ANDREW P : เมื่อใครๆ พูดถึงเกมอิสระทั้งหลายแหล่ ตัวเน้นย้ำให้จำขึ้นใจคือคำว่า “อิสระ” จะไปที่ไหน จะทำอะไรก็ได้ ...นั่นก็ถือว่าเพียงพอแล้ว แต่ GTA4 แสดงให้เราเห็นว่าคุณต้องทบทวนถึงอิสระแบบจริงๆ จังๆ สักที

การบูรณะ Liberty City ครั้งนี้เข้มข้นและใส่ใจเหมือนกับที่ทำให้ San Andreas ทำให้พระเอกหนีเข้าเมืองของเรามีเป้าหมายในการขับเคลื่อนตัวเองมากมาย และไม่มีเวลามาใส่ Jetpack บินเล่นไปเรื่อยๆ หรือแทรกตัวเข้าไปยังศูนย์วิจัยลับสุดยอดต่างๆ ของรัฐบาล GTA4 เป็นเรื่องของอาชญากรรมล้วนๆ ด้วยเนื้อหาที่ไม่หลุดไปจากจุดมุ่งหมายของมัน ตัวละครสมทบที่ยอดเยี่ยมทั้งหลาย และการสอดคล้องอย่างเลอเลิศของการบอกเล่าเรื่องราวในเกมและคัทซีนที่ถึงกึ๋น เรื่องหักมุมเป็นอะไรที่คาดเดากันได้ว่าต้องมีแน่นอนแต่บรรดาตัวละครจะทำให้คุณสนใจเมื่อมีอะไรไม่ชอบมาพากล



เหตุผลที่คุณถูกเชื้อเชิญให้เข้ามาพัวพันในเรื่องราวได้รวดเร็วและง่ายดายแบบนี้เป็นเพราะชีวิตที่ทาง Rockstar มอบให้กับ Liberty City มันอยู่เหนือความสำเร็จที่พวกเขาทำไว้ให้กับ Vice City และ San Andreas การคุกคามของสื่อต่างๆ เป็นกระจกสะท้อนถึงสถานการณ์ปัจจุบันของวัฒนธรรมป๊อปที่มีส่วนร่วมอยู่กับวิทยุ โทรทัศน์ อินเตอร์เน็ต อุปกรณ์สื่อสารส่วนบุคคล และภารกิจต่างๆ ของตัวเกมเอง ขับรถไปร้านเน็ตก็จะได้ยินข่าวจากสถานีข่าว Weazel ถึงฆาตกรต่อเนื่องที่ยังลอยนวลอยู่ หลังจากคลิกเข้าไปนัดขอพบทนายผ่านทางเว็บไซต์แล้วคุณสามารถเข้าไปชมเว็บไซต์อื่นที่มีทั้งแบนเนอร์ โฆษณา และบริการให้เช่าบล็อก ซึ่งคุณสามารถสืบหาประวัติของกระทู้ต่างๆ จากคนที่เข้ามาปั่นกระทู้ว่าตัวเองคือฆาตกรได้จากบล็อกเหล่านั้น ที่เล่ามาทั้งหมด ส่วนที่เป็น “เกม” จริงๆ อยู่ที่เรื่องทำการนัดหมายธรรมดาๆ เท่านั้นเอง แต่ทุกสิ่งอย่างมารวมกันเพื่อสร้างสังคมเสมือนจริง (ถ้ายังไม่เสร็จสมบูรณ์) ที่ฉาบอยู่เบื้องหลังระหว่างที่ Niko กำลังทำสิ่งต่างๆ ใน GTA ตามปกติ

และสิ่งต่างๆ ใน GTA ตามปกตินั้นดีกว่าอะไรทั้งหมด มันยังคงให้ความรู้สึกชัดเจนว่าไม่ว่าจะดีหรือร้ายมันก็เป็นสิ่งที่ควรทำ ทั้งภารกิจต่างๆ การขับรถ การยิงปืน เพียงแต่ทุกอย่างได้รับการใส่ใจมากขึ้น ระบบการหลบเข้าที่กำบังถูกประยุกต์มาจากเกมจำนวนมากมายที่ออกมาก่อนหน้านี้และเป็นการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่เมื่อมีการยิงกันเกิดขึ้น การเล็งเป้าหมายยังไม่เที่ยงตรงนัก แต่การหลบหลังที่กำบังและการเล็งเป้าอย่างอิสระช่วยให้คุณมีเวลาเล็งยิงได้มากขึ้น และหากคุณทำภารกิจล้มเหลว ระบบรีสตาร์ทจากมือถือเครื่องใหม่จะช่วยประหยัดเวลาให้คุณได้ (ถึงอย่างนั้นก็ยังอยากได้พวกระบบเช็คพอยท์อยู่ดี)

อย่างที่ Greg พูดไว้ว่าครั้งนี้ GTA โตขึ้น เหมือนเรียนจบแล้ว และถ้า Rockstar ทำอะไรฉลาดๆ และใช้โหมดมัลติเพลเยอร์กับระบบดาวน์โหลดเนื้อหาเพิ่มเติมในการดูแลรักษา Liberty City ให้สมกับเป็นสิ่งที่มันควรจะมี อนาคตของเกมอิสระคงน่าตื่นเต้นมากๆ แน่นอน

แชร์เรื่องนี้:

เรื่องที่คุณอาจสนใจ