Dragon Age: Origins เกมแนว RPG ที่ชาว PC ไม่ควรพลาด

แชร์เรื่องนี้:
Dragon Age: Origins เกมแนว RPG ที่ชาว PC ไม่ควรพลาด

     ดังได้เคยมีการกล่าวถึงไว้แล้วในหัวข้อข่าวที่ผ่านมา ทั้งทาง BioWare เองก็ไม่ได้มีการพยายามที่จะปิดบัง เกี่ยวกับตัวเดโมที่ออกโชว์ในงาน E3 ของเกม Dragon Age: Origins ที่พวกเราได้เห็นไปแล้วนั้นว่าเป็นผลงานของ Dan Tudge ผู้ซึ่งถูกเปิดตัวในฐานะของ executive producer ในบริษัทเครือข่าย โดยไม่กี่วันก่อนหน้านั้น Greg Zeschuk ได้กล่าวยืนยันว่า หลังจากเกม PC เกมนี้แล้ว เกมตระกูล the nascent series จะได้รับการพัฒนาลงสู่เครื่องคอนโซลอย่างแน่นอน ซึ่งหากทาง BioWare และ EA พบกับเส้นทางของตนแล้ว เกมก็สามารถที่จะเติบโตได้ไม่หยุดยั้ง และถึงแม้ว่าพวกเราจะรับรู้มาว่าในตารางการพัฒนาเกม MMO นั้นไม่มีรายชื่อของเกม Dragon Age อยู่ก็ตามที แต่ก็คงจะเป็นที่น่าประหลาดใจเช่นกัน หากไอเดียนี้จะไม่ไปสะดุดตาใครต่อใครเข้า

     พูดให้ถูกแล้ว มันดูไม่เหมือนเกมของ the hubris อย่างที่มันควรจะเป็นนัก อย่างไรก็ตาม การจะเป็นเกมแนวใหม่ ในโลก RPG แบบใหม่ ก็ทำให้ Dragon Age มีประวัติที่โด่งดังอยู่พอสมควร โดยเริ่มจาก Baldur's Gate เกม RPG ที่สร้างชื่อเสียงให้กับ BioWare และเป็นตัวการที่ทำให้ Dragon Age ประสบความสำเร็จ ซึ่งชื่อของภาคนี้ : Origin เป็นทั้งการมองย้อนไปยังอดีตและอนาคตในขณะเดียวกันก็ได้ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนแล้ว ถึงความหมายของ “จุดเริ่มต้นของเนื้อเรื่องทั้งมวล” โดยมีระบบที่จะ “เปลี่ยนวิธีที่โลกรอบตัวจะสัมผัสรู้ถึงคุณ และวิธีที่คุณจะรับรู้ถึงโลกรอบตัว” – เรียกอีกอย่างก็คือ คุณสามารถจัดการกับตัวละครของคุณและเนื้อเรื่องด้วยคำพูด การกระทำและความเชื่อมั่น เพื่อเลือกที่จะเป็น “hero, martyr, หรือtyrant”

     ในความเป็นจริงแล้ว Dragon Age: Origins จัดเป็น Fantasy RPG สายตรง ทำให้เราอาจมองว่าในครั้งนี้ BioWare กำลังอยู่ในอารมณ์นักอนุรักษ์นิยมก็ว่าได้ แต่ถึงอย่างนั้นตัวเกมก็ยังคงเต็มไปด้วยฉากการต่อสู้แบบเต็มจอด้วยCGคุณภาพสูงที่มีความรุนแรงทั้งยังแปลกประหลาดพิศดาร ดังที่ตัวเดโมได้ทำให้คุณต้องเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจมาแล้ว

เหล่านักรบและผู้ใช้เวทย์ - ผ่าน
โรงเรียนสอนเวทย์มอนต์สายไฟและน้ำแข็ง - ผ่าน
Ogre boss - ผ่าน
เหล่านักรบหน้าเหมือนออคที่กำลังร้องคำราม - ผ่าน
ตัวเลือกการสนทนา เรียบร้อย สบถ ประจบสอพลอ ระมัดระวัง และหยาบคาย - ผ่าน
เสียงกรีดร้องของอีกาขนาดใหญ่? คัตซีนฉากสงครามแบบอลังการณ์? “คุณจะฆ่านักโทษนั่นหรือจะปล่อยเขาไป?” - ผ่าน ผ่าน ผ่าน
มังกร? อืม....ไม่ผ่าน เรายังไม่เห็นมันซักตัว หลอกลวงนี่หว่า........

     เกมนี้เป็น dark fantasy แบบ “สมจริง” ที่สร้างมาจากความเป็น high fantasy ของ Baldur's Gate ดังนั้นเราจึงรับไม่ได้หากว่ามันจะจับกลุ่มกันแล้วไต่ไปทั่วร้าน

     ตัวเกมมุ่งไปที่สงครามกับเผ่า Darkspawn ซึ่งประกอบไปด้วยพวกกลายพันธุ์เป็นขโยง โดยตัวละครของเราจะเป็นนักรบเผ่ามนุษย์ในอาณัติของ Grey Wardens โดยมีเป้าหมายในการทำลายล้างเหล่า Darkspawn ซึ่งก่อให้เกิดทั้งความไว้วางใจและความหวาดระแวงอย่างมหาศาลกับตัวละครต่างๆที่เราจะได้พบเจอ ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าตัวละครทั้งหมดจะเข้าร่วมกับ Grey Wardens หรือไม่ แต่อย่างไรก็ตาม หากเราเล่นอีกครั้งโดยใช้ตัวละครนักเวทย์หญิงเผ่าเอลฟ์ เราจะได้เห็นฉากคัตซีนหนึ่งที่แสดงถึงการต่อต้านคำสั่งของ Grey Wardensโดยสมาพันธ์ผู้ใช้เวทย์

     คุณสามารถเลือกเล่นได้ระหว่างตัวละครพื้นฐานทั้งสามชนิดได้แก่ Warrior, Wizard และ Rogue และมีความเป็นไปได้ว่าจะมีตัวละครพิเศษซ่อนอยู่อีก แต่ยังไม่มีรายละเอียดที่แน่ชัดนัก Dragon Age เป็นเกมแนวเล่นคนเดียวทั้งเกม แต่คุณสามารถที่จะตั้งปาร์ตี้ขึ้นได้โดยมีขนาดอยู่ที่ 4 คน โดยคุณไม่สามารถเลือกตัวละครที่จะเข้าร่วมปาร์ตี้ได้เอง แต่จะเกิดจากการสนทนาและอีเวนทน์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างเส้นทางที่จะเป็นตัวกำหนดว่าคุณจะสามารถเพิ่ม NPC คนใดเข้าไปในปาร์ตี้ของคุณได้บ้าง

     การต่อสู้ในเกมนี้จะเป็นแบบเรียลไทม์ โดยสกิลต่างๆที่ใช้จะถูกเลือกไว้บนแถบ Action bar และควบคุมการจัดการตัวละครด้วยคีย์บอร์ด (WASD) อาจจะกล่าวได้ว่าตัวเกมนั้นมีลักษณะการเล่นที่คล้ายกับ World of Warcraft หากมันไม่ได้มีออฟชั่นสำหรับระบบ “เล่นและหยุด” โดยเมื่อคุณหยุดเกม คุณสามารถที่จะจัดการกับชุดคำสั่งและสับเปลี่ยนตำแหน่งตัวละครในปาร์ตี้ของคุณได้ และนี่คือสิ่งที่เราจัดว่าเป็นสไตล์การต่อสู้ที่แท้จริงของเกม Dragon Age

     สมาชิคในปาร์ตี้ที่เป็น NPC จะถูกควบคุมโดย AI แบบเรียลไทม์ แต่หากสามารถสะสม Action bar จนถึงลิมิตก็จะทำให้ NPC Member สามารถใช้สกิลได้มากมายและหลากหลายขึ้น การหยุดเกมยังทำให้ผู้เล่นสามารถที่จะจัดเรียงการคอมโบต่างๆ ไม่ว่าจะกับศัตรูเพียงตัวเดียวหรือหลายตัวก็ตาม และ BioWare ยังสร้างสกิลที่จะเล่นกับตัวละครแต่ละชนิดในขณะการทำคอมโบอีกด้วย เช่น สกิล Shield Bash ของ Warrior ถูกใช้เพื่อทำลายเกราะป้องกันของศัตรูมากกว่าที่จะหวังผลจากการโจมตีโดยตรง หรือการที่นักเวทย์เรียกน้ำมันออกมาก่อนที่จะร่ายเวทย์ไฟ

     โดยส่วนใหญ่แล้วการต่อสู้ในเกมนี้ถูกออกแบบมาให้สามารถยืดหดได้ แต่ถึงแม้ว่าระบบจะสามารถสร้างตัวละครจำนวนนับไม่ถ้วนขึ้นมาในคัตซีนราวกับจะพิสูจน์ถึงฉากการบุกของเหล่า Darkspawn ที่เคยปรากฏมาแล้วในเดโมเกม แต่เราจะไม่เห็นฉากเหล่านั้นในขณะเล่นจริง ที่ฉากอันน่าตื่นตาตื่นใจทั้งหลายเดินเรื่องไปเรื่อยๆอยู่ภายนอกฉากที่เราเห็น ในทางกลับกัน เราจะได้พบฉากกลยุทธ์การต่อสู้ระหว่างกลุ่มเล็กๆ4คนเข้าปะทะกับบอสอยู่เนืองๆ โดยมีฉากที่ออคคว้าตัวสมาชิคในปาร์ตี้ก่อนจะเขย่าและโยนไปมารอบๆ เหนือหัวคนอื่นๆ แทนการแสดงท่าทางง่ายๆ ก็พอจะถือเป็นฉากน่าประทับใจได้อยู่บ้าง

     จากที่ปรากฏให้เห็น Origins นั้นเรียบง่ายและน่าสนใจ นับตั้งแต่เนื้อเรื่องตลอดจนฉากต่อสู้ การสืบเสาะค้นหา บทสนทนาต่างๆในเกม ฉากของเกมที่สวยงามและน่าประทับใจ กล่าวได้เลยว่าเกมนี้น่าสนใจเป็นที่สุด Dragon Age: Origins เป็นราวกับตำนานที่ถูกบรรจุอยู่ในหอสมุดมากกว่าเกมสงครามที่ปรากฏขึ้นจริง

     คาดว่าจะต้องมีแฟนเกมจำนวนมากที่รอคอยเกมที่ราวกับเป็นการกลับมาของเกม Baldur's Gate ซึ่งเกมนี้มีหมายกำหนดการที่จะวางแผงในราวปี 2009 ซึ่งทาง BioWare ก็ไม่ได้เปิดเผยอะไรออกมามากนัก เราจึงกล่าวได้เพียงว่า Dragon Age: Origins จะต้องเป็นเกม PC RPG ที่คุณรอคอย เป็นเกมที่คุณจะต้องไม่พลาดด้วยประการทั้งปวง ราวกับกุญแจหิน ไขเปิดประตูสู่เรื่องราวแห่งการเริ่มต้น ของโลกใหม่แห่งเกมแฟนตาซี ที่เราไม่อาจช่วยอะไรคุณได้มากไปกว่าหวังว่ามันจะเหนือล้ำขึ้นไปเกินกว่าจะจินตนาการถึง

แชร์เรื่องนี้:

เรื่องที่คุณอาจสนใจ