ผู้จัดจำหน่าย : Nintendo ผู้พัฒนา: Nintendo จำนวนผู้เล่น: 1-12 คน ESRB: ทุกเพศทุกวัย
ใหม่แกะกล่อง แต่ไม่สด ไม่ซิง!!
SHANE: ถ้าคุณคิดว่าเกม Smash Bros. อันยอดเยี่ยมของ Wii นั้นน่าเบื่อไปแล้ว ขอให้มาลอง Mario Kart Wii ที่คาดว่ามันต้องเจ๋งดู แต่อย่าไปคิดว่าเกมนี้จะเปลี่ยนไปมากจากเกมแข่งรถโกคาร์ทที่ยอดเยี่ยมในอดีต แม้ 15 ปีที่ผ่านมาเกมนี้ต้องเผชิญกับคู่แข่งที่มาท้าชิงบัลลังก์ความเป็นเจ้าแห่งเกมแข่งรถโกคาร์ทอยู่ตลอด แต่ก็ไม่มีเจ้าไหนทำได้ดีไปกว่านินเทนโด ในปี 2546 นั้น Mario Kart: Double Dash!! (GameCube) ทำออกมาโดยเสี่ยงกับการใส่รูปแบบรถต้องควบคุมโดยคนสองคน ไอเทมที่ใช้ได้เฉพาะตัวละคร และการเล่นแบบ Co-op สำหรับภาคนี้ได้นำลูกเล่นเหล่านั้นออกไปแล้วเรียบร้อย ถึงตอนนี้ก็ชัดเจนแล้วว่าลูกเล่นเหล่านั้นไม่ได้รับความนิยมในหมู่นักซิ่งโกคาร์ทเลย แต่สิ่งเหล่านั้นก็ได้เพิ่มความลึกให้กับเกมเป็นอย่างมากและช่วยทำให้การเล่นเกมในช่วงหลังง่ายขึ้น
Mario Kart Wii ให้ความรู้สึกตรงกันข้ามเป็นอย่างมาก ราวกับว่านินเทนโดตั้งใจที่จะทำให้ระบบการขับขี่ในเกมนั้นง่ายยิ่งขึ้นเพื่อที่จะขยายกลุ่มผู้เล่นในวงกว้าง การขายเกมคู่กับอุปกรณ์เสริมที่เป็นพวงมาลัยพลาสติกอย่าง Wii Wheel ยิ่งเป็นการส่งเสริมระบบการเล่นยิ่งขึ้นไปอีก แน่นอนว่ากลุ่มผู้เล่นที่ไม่ใช่เกมเมอร์ตัวยงจะได้เพลิดเพลินไปกับการเข้าโค้งผ่านการเอียงตัวและออกท่าทางต่างๆ แต่คุณจะพบว่าตัวเองบังคับแบบเรื่อยเปื่อยมากขึ้น จากรูปแบบการควบคุมที่มีอยู่ทั้งหมดสี่แบบ ซึ่งการเข้าคู่กันระหว่างวีโมทและจอยนันชัคทำงานได้ดีที่สุด มันเป็นตัวเลือกเดียวที่ทำให้ได้ใช้การควบคุมด้วยจอยแบบปกติที่คุ้นเคยและได้ความคล่องตัวในการใช้ทริกใหม่ๆ ด้วยการใช้วีโมทในเวลาเดียวกัน
เมื่อตัดสินจากลูกเล่นต่างๆ ที่นินเทนโดได้เอาออกไปจาก Mario Kart ภาคนี้แล้ว โชคร้ายเหลือเกินที่ลูกเล่นใหม่ๆ ที่เพิ่มเข้ามานั้นยังไม่ยอดเยี่ยมเท่าที่ควร การใช้ทริกต่างๆ ด้วยวีโมทอาจดูน่าสนุกในช่วงแรกแต่มันก็พลาดเอาได้ง่ายๆ ตอนช่วงกระโดด การแกว่งไปมาอย่างไม่ได้ตั้งใจก็อาจนำไปสู่การเพิ่มความเร็วได้ และไอเทมใหม่ที่ถูกเพิ่มเข้ามาอย่างเห็ดยักษ์ Mega Mushroom และ POW Block ยิ่งทำให้ความสมดุลของ Mario Kart ที่มีอยู่ลดลง ไอเทมที่แสดงผลมากเกินไปเหล่านี้ทำให้การพลิกโผจากที่โหล่มาเป็นที่หนึ่งเกิดขึ้นบ่อยจนเป็นเรื่องธรรมดาไป
สนามแข่งทั้ง 16 รูปแบบใน Mario Kart Wii ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความคิดสร้างสรรค์อะไรมากมายนัก มันยากที่จะทำการปรับเปลี่ยนฉากอย่าง Bowser's Castle หรือ Rainbow Road ใหม่อีกครั้งหนึ่ง อย่างไรก็ตามสนามใหม่ๆ ที่ถูกเพิ่มเข้ามาก็ทำหน้าที่ของมันได้อย่างยอดเยี่ยม เหมืองทองของ Wario ที่ให้อารมณ์ราวกับเล่นรถไฟเหาะตีลังกา โรงงานของ Toad และหนทางผ่าน Thundering Volcano ล้วนทำให้ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก โหมด Battle มีสิ่งใหม่สำหรับผู้ชนะและผู้แพ้ (อย่างเช่น วงล้อรูเล็ตขนาดยักษ์ซึ่งมี Chain Chomp ที่อันตรายรออยู่ เป็นต้น)
ที่สุดแล้วแม้แต่แฟนเกมภาคเก่าอย่าง Double Dash!! จะพบว่ามีเหตุผลสองอย่างที่จะทำให้พวกเขาติด Mario Kart Wii ได้ นั่นก็คือการเล่นแบบออนไลน์และการที่เกมสนับสนุน Mii แน่นอนว่าการที่ไม่มีช่องทางสนทนาแบบเรียลไทม์ (ไม่ว่าจะเป็นการสนทนาด้วยเสียงหรือข้อความก็ตาม) ทำให้การติดต่อปฏิสัมพันธ์กันลำบากมาก แต่การแข่งขันกับเพื่อน (หรือแม้แต่คนแปลกหน้า) ยังคงยอดเยี่ยมกว่าการแข่งกับ A.I. อย่างแน่นอน และการนำ Mii เข้ามามีบทบาทในเกมนั้นไม่เพียงเฉพาะการใช้เป็นตัวละครสำหรับเล่นเท่านั้น แต่ยังเป็นทั้งผู้ชม อนุสาวรีย์เชิดชูเกียรติ รวมถึงบิลบอร์ดอีกด้วย ซึ่งเป็นความคิดที่เฉียบแหลมมาก นินเทนโดพยายามปรับเกมนี้ให้เข้ากับคนส่วนใหญ่ และคนส่วนใหญ่ก็คงชอบใจเกมนี้เช่นกัน
MILKMAN : คาดได้เลยว่า Mario Kart Wii จะเป็นเหมือนๆ กับที่คุณเคยเล่นมาตลอดช่วง 16 ปีให้หลังนี้ โดยเพิ่มแค่มอเตอร์ไซค์เข้ามา คุณรู้เรื่องเหล่านี้ดี เลือกตัวละครตัวโปรดของนินเทนโด (เช่น Mario) แข่งขันในสนามในบรรยากาศที่คุ้นเคย (สนามทะเลทราย สนามน้ำแข็ง เป็นต้น) ยิงเปลือกกล้วยใส่คู่แข่ง เอาชนะ A.I. และเข้าเส้นชัยเป็นอันดับหนึ่งถ้าเป็นไปได้ ในขณะที่สาวกนินเทนโดแทบจะไม่ต้องคิดเลยที่จะซื้อเกมนี้ คนอื่นที่ไม่ได้คลั่งไคล้อะไรมากก็คงจะถามตัวเองก่อน “ฉันต้องการเกมนี้จริงๆ เหรอ”
ขณะที่ผู้พัฒนารายอื่นได้ปรับเปลี่ยนแนวทางของเกมแข่งรถไปอย่างเกม Burnout: Paradise ของ EA แต่นินเทนโดจะยังคงแนวทางเดิมๆ เอาไว้เสมอ การเล่นภาคนี้บนทีวีจอไวด์สกรีนขนาดยักษ์นั้นน่าพอใจเป็นอย่างยิ่ง การควบคุมด้วยการจับแบบพวงมาลัยก็ทำได้ดีกว่าที่เกม Excited Truck เคยทำเอาไว้ และมีส่วนของการเล่นแบบออนไลน์เพิ่มเข้ามาด้วย แต่สาวกที่รักนินเทนโดหมดใจจะทนการแข่งในรูปแบบ 50cc, 100cc, 150cc แบบเดิมๆ นี่ได้นานแค่ไหนกันหนอ สำหรับผมแล้วสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดในเกมนี้คือการเพิ่มมอเตอร์ไซค์เข้ามา ซึ่งบางทีก็ให้ความรู้สึกเหมือนกับเล่นเกม Excitebike แบบ 3D แต่ถ้าประเมินจากคุณค่าที่ Mario Kart Wii ควรจะมีอยู่ก็น่าจะทำได้ดีกว่านี้ ถ้าคุณไม่ได้ใส่ใจการเล่นแบบออนไลน์มากไปละก็ อันที่จริงภาค Double Dash!! และภาคของเครื่อง DS ที่ยังคงยอดเยี่ยมอยู่จะให้ความสนุกได้ใกล้เคียงกับที่ Mario Kart ทุกภาคทำเอาไว้มากกว่าภาคนี้แน่นอน
JEREMY : สิ่งที่ทำให้ผมสะใจที่สุดก็คือการตั้งชื่อข้อมูลผู้เล่นเกม Mario Kart Wii ว่า “SHUT UP” โอเค เริ่มต้นด้วยการสุ่มหาคู่แข่งในการเล่นแบบออนไลน์แล้วผมก็พ่ายแพ้ให้กับเจ้าหัวเห็ด Toad ที่ส่งเสียงน่าเกลียดก็หุบปากสักทีเถอะ เจ้าหญิงพีชเสียงสูงที่แย่งตำแหน่งที่หนึ่งไปก็อีก หุบปากสักทีเถอะ และสำหรับเสียงอันน่ารำคาญที่มาจากวีโมทที่กำลังใช้อยู่ก็เหมือนกัน ก็ช่วยเงียบๆ ไปหน่อยเถอะ
แม้ว่า Mario Kart Wii จะเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้เลยว่าต้องออกมาคล้ายภาคอื่นๆ แต่ก็มีบางสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปในภาคนี้เหมือนกัน สิ่งเหล่านั้นทำให้เกมนี้ให้ความรู้สึกต่างจากภาคอื่นๆ และก็ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีด้วย การใส่เสียงใหม่ๆ ที่แสนน่ารำคาญนั้น เป็นแค่ส่วนเสี้ยวหนึ่งของความน่าผิดหวัง ซึ่งทุกอย่างในภาคนี้ล้วนแต่ชวนให้ผมกัดฟันกรอดๆ ทั้งนั้น เกมที่เรากำลังเล่นอยู่นี้เป็นเพียงซีรีส์แสนคลาสสิกที่ตกเป็นเหยื่อของความตั้งใจของนินเทนโดที่จะทำเกมประจำของตัวเองให้ทุกคนเข้าถึงได้ง่าย และเสียจุดยืนที่เคยทำให้เกมของค่ายนี้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไป
เหมือนกับว่านินเทนโดกลัวที่จะทำเกมที่ต้องใช้ความสามารถในการเล่นและพยายามตัดสิ่งที่ซับซ้อนออกไปจนกลายเป็นแค่เกมตามสูตรสำเร็จของเกมปาร์ตี้ที่แสนน่าเบื่อไปในที่สุด ไม่คิดจะอนุญาตให้ผู้เล่นที่มีประสบการณ์กับ Mario Kart มายาวนานเอาชนะคุณย่าที่เพิ่งหัดเล่นเกมเลยเหรอ สรุปแล้วตอนนี้รูปแบบของซีรีส์นี้ก็เป็นเหมือนๆ Smash Bros. ทั้งเรื่องความสุดโต่งและการแพ้ชนะที่ไม่แน่นอน Mario Kart DS นั้นหวาดเสียวอยู่แต่การเล่นอย่างระมัดระวังก็มักจะให้ผลลัพธ์ที่สมกับความตั้งใจ แต่สำหรับตอนนี้ซีรีส์นี้ข้ามเส้นแห่งความพอดีไปแล้วและกำลังพุ่งดิ่งไปสู่จุดที่ไม่น่าพึงพอใจเรื่อยๆ
มันน่าอับอายนะ เพราะการออกแบบสนามนั้นทำได้ยอดเยี่ยม สนามและตัวเลือกต่างๆ ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ในโหมด Versus ทำให้ Mario Kart Wii พอจะเล่นได้ แต่แย่หน่อยที่คุณสามารถปลดล็อกตัวละครและรถสุดเจ๋งได้เฉพาะตอนเล่นในโหมด Grand Prix ที่สุดทื่อเท่านั้นล่ะ สำหรับเกมที่สร้างตามธรรมเนียมในปัจจุบันของนินเทนโด Mario Kart Wii น่าจะเป็นเกมที่มีการพัฒนาขึ้น แต่ตอนนี้กลับให้ความรู้สึกเหมือนกับพัฒนาการย้อนหลังเสียมากกว่าครับ
การให้คะแนน
SHANE B+ ดี
MILKMAN C+ พอใช้
JEREMY C พอใช้
ข้อดี : สนามไม่กี่สนามและไอเทมไม่กี่อย่างที่เพิ่มเข้ามา
ข้อเสีย : ระบบการเล่นที่จืดกว่าแต่ก่อน การออกแบบเหมือนกับที่คาดการณ์ไว้เป๊ะ
AWOL : โหมดที่แสนยอดเยี่ยม
|
สามขั้นตอนง่ายๆ สำหรับปรับปรุง Mario Kart
ขั้นที่ 1: ปรับเปลี่ยนรายชื่อนักแข่ง
เห็นได้ชัดเจนเลยว่านินเทนโดตั้งใจยกอาณาจักรเห็ดมาแทบทั้งอาณาจักร และเพิ่มตัวละครใหม่เข้าไปในแต่ละภาคของ Mario Kart แต่อย่าง Baby Peach เนี่ยนะ? เอาจริงเหรอ? และถ้าเราได้มีโอกาสเอานักแข่งที่น่าผิดหวังเหล่านี้ออกไป เชื่อได้เลยว่าเราทำแน่ ในเมื่อพวกเขาทำลายกฎเกณฑ์การคัดเลือกตัวละครเพื่อเข้าร่วมเกมโดยการอนุญาตให้ Mii เข้ามานั่งอยู่ในตำแหน่งของนักแข่งแล้ว นินเทนโดก็ควรที่จะขยายแนวทางโดยการเลือกตัวละครจากซีรีส์ที่ได้รับความนิยมอื่นมาเข้าร่วมการแข่งขันด้วย Super Smash Kart ไง มีใครสนใจเล่นบ้างไหม
ขั้นที่ 2: เพิ่มสนามเข้าไปสักหน่อย
สนามใน Mario Kart Wii มีตั้งแต่ยอดเยี่ยมไปจนถึงยอดแย่ จากสนามทั้ง 16 สนามที่มีให้เลือก หลายสนามอันแสนสนุกและสร้างสรรค์จาก Double Dash!! เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเสมอและสนามจาก Mario Kart 64 โดนลืมไปอย่างน่าเสียดาย ขณะที่หลายสนามที่แสนน่าเบื่อจากภาค SFC และ GBC ก็ยังอยู่ต่อไปในแบบของพวกมัน ใช่ว่าทุกคนจะคิดว่าสนามแบบเก่าๆ จะไม่สนุกแล้วซะหน่อย ถ้านินเทนโดคิดอีกสักนิดก็น่าจะปล่อยให้มีสนามทั้งหมดจากทุกภาคมาให้เลือกโหลดไปเล่นกันเลยดีกว่า
ขั้นที่ 3: ปรับปรุงการเล่นแบบออนไลน์
เท่าที่เราลองเล่นดู ระบบออนไลน์ของ Mario Kart Wii นั้นทำหน้าที่ของมันได้ดี แต่มันก็ยังรู้สึกเหงาอยู่ดีเพราะระบบการสนทนาที่ทำงานได้ไม่ดีพอ การส่งข้อความก่อนและหลังแข่งนั้นไม่เพียงพอแล้วล่ะสำหรับยุคนี้ โดยเฉพาะเมื่อเกมของ DS (อย่าง Advance Wars: Days of Ruin ในภาพ) ใช้ระบบ Voice Chat กันแล้ว เราคาดว่าผู้เล่นหลายคนต้องหันไปพึ่ง Xbox Live, PSN หรือโปรแกรมแชทต่างๆ เพื่อแก้ขัดไปก่อนและนั่นมันก็น่าเศร้านะ จะเป็นไปได้ไหมว่า Voice Chat จะถูกเสริมเข้ามาทีหลัง เราคิดว่ามันเป็นเรื่องที่พอจะเป็นไปได้นะ