ภายในงาน Tokyo Game Show 2025 ทาง Konami ได้จัดเวทีพิเศษสำหรับเกมสยองขวัญภาคล่าสุดอย่าง Silent Hill f ซึ่งเพิ่งวางจำหน่ายไปเมื่อวันที่ 25 กันยายนที่ผ่านมา โดยมีการเสวนาที่น่าสนใจจากคุณโมโตอิ โอคาโมโตะ (Motoi Okamoto) โปรดิวเซอร์ของเกม และคุณ Ryukishi07 ผู้รับหน้าที่ดูแลเนื้อเรื่อง ซึ่งได้เปิดเผยแนวคิดเบื้องหลังที่ล้ำลึก โดยเฉพาะเรื่องฉากจบของเกมที่ถูกออกแบบมาให้ไม่มีคำว่า "Good End" หรือ "Bad End"

คุณโอคาโมโตะเริ่มต้นด้วยการกล่าวถึงทิศทางของ Silent Hill f ที่ตั้งใจกลับสู่รากเหง้าของความเป็น "เกมสยองขวัญสไตล์ญี่ปุ่น 100%" เนื่องจากเขามองว่าซีรีส์ Silent Hill ในช่วงหลังนั้นมีกลิ่นอายของความเป็นตะวันตกมากขึ้นเรื่อย ๆ จนองค์ประกอบความสยองแบบญี่ปุ่นเริ่มจางหายไป การสร้างภาคนี้ซึ่งมีฉากหลังเป็นประเทศญี่ปุ่นในยุค 1960 จึงเป็นการนำเอกลักษณ์ดังกล่าวกลับมาอย่างเต็มตัว
นอกจากนี้ เขายังเล่าถึงความท้าทายในการพัฒนา เช่น การกำกับการแสดงผ่านเทคโนโลยีโมชันแคปเจอร์กับนักแสดงที่ยังไม่คุ้นเคยกับวงการเกม และความยากในการถ่ายทอดโลกทัศน์อันยิ่งใหญ่ของคุณ Ryukishi07 ให้ออกมาเป็นภาพในเกม

ไฮไลต์สำคัญของเวทีนี้คือแนวคิดการเขียนบทจากคุณ Ryukishi07 ที่ได้เผยว่าเขาใช้วิธีการที่แตกต่างออกไปในการสร้างสรรค์เรื่องราวของ Silent Hill f โดยแทนที่จะเขียนบทเพื่อเกมสยองขวัญโดยเฉพาะ เขาได้สร้าง "เรื่องราวชีวิต" ทั้งหมดขึ้นมาก่อน แล้วจึงค่อย ๆ "ตัดฉาก" ที่เป็นมุมมองสยองขวัญออกมานำเสนอในเกม
ยิ่งไปกว่านั้น คุณ Ryukishi07 ได้อธิบายถึงระบบฉากจบที่หลากหลายของเกมว่า ในภาคนี้จะไม่มีการแบ่งแยกว่าฉากจบไหนคือ "Good End" หรือ "Bad End" อย่างชัดเจน แต่ทุกฉากจบล้วนเป็น "ผลลัพธ์ที่สามารถเกิดขึ้นได้จากทางเลือกในชีวิตของฮินาโกะ" ตัวละครเอกของเรื่อง ซึ่งเขาต้องการให้ผู้เล่นเป็นผู้ตัดสินใจด้วยตนเองว่าเส้นทางไหนคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเธอ แนวทางนี้ยังเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้เล่นได้นำเรื่องราวไปขบคิดและวิเคราะห์ต่อยอด ซึ่งเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของซีรีส์ Silent Hill มาโดยตลอด

คุณโอคาโมโตะยังเสริมอีกว่า ทีมงานได้อ่านความคิดเห็นและทฤษฎีต่าง ๆ จากแฟนเกม และรู้สึกทึ่งกับการวิเคราะห์ที่ลึกซึ้งของผู้เล่นหลายคน บางทฤษฎีก็เป็นมุมมองที่สดใหม่จนทำให้ทีมพัฒนาเองรู้สึกประหลาดใจ นับเป็นการยืนยันว่าสิ่งที่พวกเขาตั้งใจนำเสนอนั้นได้กระตุ้นให้เกิดการพูดคุยในหมู่แฟน ๆ ได้สำเร็จ
เรื่องราวทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่า Silent Hill f ไม่เพียงแต่เป็นการหวนคืนสู่รากเหง้าความสยองขวัญแบบญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ยังเป็นการนำเสนอแนวทางการเล่าเรื่องที่ท้าทายผู้เล่นให้ตีความและค้นหาความหมายด้วยตัวเอง โดยไม่จำกัดว่าต้องมีฉากจบที่ "ถูกต้อง" เพียงหนึ่งเดียว
แปลและเรียบเรียงจาก
Denfaminicogamer
ติดตามข่าวเกมพีซี/คอนโซลอื่นๆ ได้ที่ Online Station