หนึ่งในความท้าทายที่สุดที่เกมหลายซีรีส์ โดยเฉพาะเกมที่เป็นซีรีส์ชื่อดังต้องเผชิญก็คือการลองทำอะไรใหม่ ๆ ที่ต่างออกไปจากเดิม หรือคิดออกนอกกรอบ เพื่อดึงผู้เล่นหน้าใหม่ ๆ เพิ่มเข้ามา ขณะเดียวกันก็ต้องหาจุดร่วมที่ลงตัวเพื่อรักษาฐานความนิยมจากแฟน ๆ ที่ตามเล่นมาตั้งแต่ยุคบุกเบิกด้วย ซึ่ง Silent Hill f ในฐานะเกมใหม่ล่าสุดของซีรีส์ที่เป็นภาคสปินออฟ พร้อมกับย้ายโลเคชั่นหลักจากเมืองไซเลนท์ฮิลล์ในสหรัฐอเมริกาที่ใช้มาตลอดแทบทุกภาค ข้ามน้ำข้ามทวีปมาเป็นเมืองชนบทห่างไกลในประเทศญี่ปุ่นแทน แต่ถ้าลองมองกันแบบเป็นเหตุเป็นผลแล้ว การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายเท่าไหร่ เพราะเกมเมอร์ส่วนใหญ่ก็รู้จักมักคุ้นกับวัฒนธรรมป๊อปคัลเจอร์และกลิ่นอายของญี่ปุ่นอยู่แล้ว จะเหลือก็เพียงว่าทางผู้พัฒนาจะเล่นแร่แปรธาตุภาคนี้อย่างไรให้ออกมากลมกล่อม ลงตัว และน่าติดตาม
ก่อนที่เกมจะวางขายในวันที่ 25 กันยายนนี้ Online Station ก็มีรีวิวให้เพื่อน ๆ ได้ชมกันเพื่อประกอบการตัดสินใจ ทางเราคิดเห็นอย่างไร มาชมกันเลยดีกว่าครับ
ผู้พัฒนา: Neobards Entertainments
ผู้จัดจำหน่าย: Konami
วางจำหน่าย: 25 กันยายน 2025
แนวเกม: สยองขวัญ / แอ็กชั่น / ผจญภัย
แพลตฟอร์ม: PS5 / Xbox Series X|S / PC
เรื่องราวเบื้องต้นของเกมนี้จะกล่าวถึง ฮินาโกะ ชิมิซึ (Hinako Shimizu) เด็กสาววัยไฮสคูลที่อาศัยอยู่ในเมืองชนบทที่มีชื่อว่า เอบิสึงาโอกะ (Ebisugaoka) ช่วงยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยเธอนั้นเป็นเด็กที่มีปัญหาทางบ้าน เนื่องด้วยวัฒนธรรมชายเป็นใหญ่ที่ฝังรากลึกในญี่ปุ่นมานานนม ทำให้ผู้หญิงในครอบครัวต่างได้รับการปฏิบัติจากพ่อราวกับเป็นแค่สิ่งของ กระทั่งเมื่อพี่สาวของฮินาโกะแต่งงานและย้ายออกไป เธอกับแม่เลยยิ่งตกเป็นเป้ารองรับอารมณ์หนักกว่าเดิม จนวันหนึ่งฮินาโกะที่ทนเสียงก่นด่าของพ่อไม่ไหวเลยหนีออกมาเดินเล่นในเมือง และได้พบกับกลุ่มเพื่อน ๆ ที่อยู่โรงเรียนเดียวกัน ไม่นานนักก็ดันมีหมอกลึกลับเข้าปกคลุมไปทั่วเมือง ซึ่งนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ร้าย ๆ ที่เกิดขึ้นครับ
อดีตที่ผ่านมา ภาพจำของผู้เล่นที่มีต่อพล็อตเรื่องเกมตระกูล Silent Hill จะแบ่งออกเป็น 2 สาย โดยสายแรกจะหนักไปทางแฟนตาซีที่เกี่ยวข้องกับลัทธิบูชาปีศาจ หรือคนที่ใช้อาคมศาสตร์มืดทำให้เกิดเรื่องยุ่งวุ่นวาย ส่วนอีกสายคือแนวจิตวิทยา เน้นการตีความหมายเชิงสัญลักษณ์ ซึ่งเป็นแนวทางที่ภาค 2 รีเมคกับภาคนี้เลือกนำเสนอ ตัวเกมมีการดำเนินเรื่องโดยให้ฮินาโกะเป็นศูนย์กลางและให้ผู้เล่นค่อย ๆ ทำความรู้จักผ่านมุมมองของเธอ ทั้งจากประโยคสนทนาและไดอารี่ที่ผู้เล่นเปิดอ่านได้ทุกเมื่อ ซึ่งฮินาโกะจะอัปเดตเนื้อหาข้างในเองอัตโนมัติเมื่อดำเนินเรื่องไปถึงแต่ละช่วง
การจะเข้าใจเนื้อหาและที่มาที่ไปของเนื้อเรื่องได้แบบไม่ขาดช่วงและไม่ชวนงง ผู้เล่นต้องหมั่นเข้าไปอ่านไดอารี่ของฮินาโกะ (Journal) อยู่เป็นระยะ ซึ่งจะมีอยู่บ่อยครั้งในเกมที่เราเห็นความไม่สัมพันธ์กันระหว่างสิ่งที่ฮินาโกะแสดงออกเวลาพูดคุยกับคนอื่น กับสิ่งที่ฮินาโกะรู้สึกข้างในแล้วถ่ายทอดลงในไดอารี่ โดยเกมมีการออกแบบไดอารี่ให้ดูเหมือนนิทานภาพที่เล่าความเป็นมาของทุกตัวละคร ศัตรูทุกตัว และสิ่งที่เกิดขึ้นในเมืองเอบิสึงาโอกะไว้ครบถ้วนเลย
สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของเกมซีรีส์ Silent Hill อย่างการแบ่งโลกในเกมออกเป็น 2 ธีมก็ยังมีอยู่ในภาค f ครับ แต่ด้วยความที่โลเคชั่นหลักเปลี่ยนมาเป็นญี่ปุ่น โลกสนิมหรือ Otherworld ก็เลยผ่านการดีไซน์ใหม่ให้มีหน้าตาบ่งบอกถึงความเป็นญี่ปุ่นแทน เพิ่มเติมคือโลก Otherworld ภาคนี้จะสะท้อนถึงสภาวะจิตใจและความรู้สึกนึกคิดของฮินาโกะเช่นกัน เกมมีการใช้กลวิธีการเล่าเรื่องที่ค่อย ๆ เผยปมทีละนิด และบ่อยครั้งที่ปมเดิมยังไม่กระจ่างก็มีปมใหม่งอกเพิ่ม ยิ่งไปกว่านั้นเกมก็มีจุดหักมุมที่เฉลยเรื่องราวได้อย่างมีชั้นเชิงพอสมควรครับ
อาวุธในเกม Silent Hill f จะมีแต่แบบที่ใช้โจมตีระยะประชิดอย่างเดียว แต่จะมีจำแนกยิบย่อยตามลักษณะของตัวอาวุธ เริ่มตั้งแต่ของมีคมอย่างมีดทำครัวหรือเคียวที่เหวี่ยงได้รวดเร็ว แต่ระยะโจมตีจะสั้นที่สุดและพังเสียหายง่ายมาก ถัดมาคือพวกท่อนแป๊บหรือชะแลงที่โจมตีต่อเนื่องได้ช้ากว่าหน่อย แต่แลกมากับความแรงที่เพิ่มขึ้น ตลอดจนค้อนยักษ์หรือขวานที่วงสวิงช้า แต่การโจมตีแบบจัง ๆ เพียงครั้งเดียวก็ทำศัตรูติดสตันได้เลย ขณะที่อาวุธบางชนิดอย่างไม้เบสบอลจะมีลูกเล่นพิเศษที่เมื่อพังเสียหายระดับหนึ่งจะเปลี่ยนจากการฟาดเป็นแทงด้วยปากฉลามบนหัวไม้แทน
เกมนี้จะมีระบบพัฒนาตัวละครที่ไม่ซับซ้อน โดยระหว่างทางเราจะสามารถหาเก็บขนมญี่ปุ่นพื้นเมืองชนิดต่าง ๆ อาทิ โยคัง (Yokan), อาราเระ (Arare) หรือฮิงาชิ (Higashi) และของบรรณาการที่วางอยู่ตามทางมาเซ่นไหว้ตรงศาลเจ้าที่เป็นจุดเซฟ แล้วจะได้แต้มบุญมา โดยแต้มบุญจะต้องใช้ควบคู่กับแผ่นป้ายเอมะ (Ema) ที่มีคุณสมบัติเหมือนตั๋วอัปเกรดเพื่อยืดแถบพลังชีวิต แถบสตามิน่าให้ยาวขึ้น หรือเพิ่มจำนวนเครื่องรางที่สวมใส่ในคราวเดียวก็ได้ ซึ่งแผ่นป้ายเอมะก็มีให้เก็บตามทางเช่นกัน แต่จะหายากกว่าและมีจำนวนจำกัด ผู้เล่นจะไม่มีทางอัปเกรดทุกอย่างได้ครบภายในการเล่นรอบเดียวครับ
ในส่วนของเครื่องรางจะมีคุณสมบัติที่ช่วยให้ชีวิตของฮินาโกะสะดวกสบายขึ้น ซึ่งเครื่องรางเกือบทั้งหมดจะมีผลกับการต่อสู้เป็นหลัก โดยเครื่องรางจะมีทั้งแบบวางอยู่ตามทาง หรือจะเอาแต้มบุญมาสุ่มกาชาที่จุดเซฟเอาก็ได้ แต่การเล่นรอบแรกมันจะเหมือนเป็นไฟต์บังคับให้ผู้เล่นนำแต้มบุญมาอัปเกรดตัวฮินาโกะมากกว่า พอตัวเรามีเลือดเยอะขึ้น รองมือรองเท้าพวกศัตรูได้นานขึ้น ค่อยนำแต้มบุญมาลงที่กาชาเอาก็ได้ และที่สำคัญคือเครื่องรางที่มาจากการสุ่มกาชาจะไม่มีซ้ำ เราสามารถสุ่มได้จนกว่าเกมจะไม่เหลือเครื่องรางให้สุ่มอีกแล้ว
ตอนที่เล่นรอบแรก เกมจะมีให้เลือกระดับความยากแค่ Story กับ Normal เท่านั้น ตรงนี้ต้องแนะนำกันเลยว่า ต่อให้คุณเคยชินกับเกม Silent Hill ภาคเก่า ๆ รวมถึงภาค 2 รีเมคมาแล้ว ก็ควรเริ่มที่ระดับ Story ก่อนจะดีกว่า เพราะเชื่อว่าหลาย ๆ คนน่าจะมีปัญหาในการปรับตัวกับระบบต่อสู้ในภาคนี้ กล่าวคือนี่เป็นภาคแรกที่ตัวเอกอย่างฮินาโกะมีเกจสตามิน่าที่จะลดลงทุกครั้งเมื่อวิ่งแบบสปรินต์ในช่วงที่เจอศัตรู ออกแรงโจมตี และโยกหลบ โดยช่วงแรกของเกมฮินาโกะจะมีเกจสตามิน่าสั้นมาก ลำพังโยกหลบสัก 2-3 ครั้งเกจก็แทบจะหมดหลอดแล้ว มิหนำซ้ำตัวเกมยังมีบทลงโทษผู้เล่นที่ผลาญเกจสตามิน่าจนเกลี้ยงด้วยการที่ฮินาโกะจะยืนหอบเป็นเป้านิ่งประมาณ 3-5 วินาที ซึ่งมันนานพอที่จะทำให้เราตายได้ง่าย ๆ ในสถานการณ์ที่เลือดเหลือน้อยหรือเจอศัตรูมากกว่า 1 ตัว ดังนั้นการเปิดฉากโจมตีศัตรูแต่ละครั้ง ผู้เล่นจำเป็นต้องคิดอย่างรอบคอบและคำนวณระยะของอาวุธและระยะเวลาในการเหวี่ยงอาวุธให้ดี
อย่างไรก็ตาม คนที่เคยเล่น 3 ภาคที่ยกตัวอย่างไปก่อนหน้าอาจจะพอทราบดีว่าเราไม่สามารถเข้าไปกระหน่ำตีศัตรูแบบส่งเดชได้ เพราะศัตรูจะมีการสวนกลับเสมอหากเราตีต่อเนื่องมากเกินไป เพียงแต่ใน 3 ภาคที่ว่านั้นตัวเอกจะไม่มีเกจสตามิน่า ทำให้เรามีโอกาสโยกหลบได้เป็นวัน จนกว่าศัตรูจะเปิดช่องให้เราเข้าไปซ้ำ หรือจะเปลี่ยนไปใช้อาวุธปืนแทนก็ยังได้ ทว่ากรณีของฮินาโกะผู้เล่นอาจจะต้องทำการปรับตัวกับจังหวะไปสักระยะในระดับ Story แล้วจะเริ่มอยู่ตัวตอนลุยไปได้สัก 20% ของเกมครับ ส่วนสาเหตุที่ไม่อยากแนะนำให้เริ่มที่ระดับ Normal นั่นก็เพราะว่าช่องว่างระหว่างสองความยากนี้จะต่างกันสิ้นเชิง แถมศัตรูอัดเราตายได้ภายในการโจมตีแค่ 3-4 ครั้ง ยิ่งผู้เล่นที่ไม่สันทัดกับเกมแอ็กชั่นเลยจะรู้สึกว่าความยากมันพุ่งเว่อร์ (Spike) ราวกับเล่นเกมแนว Soulslike ไปเลยก็ไม่แปลก ที่สำคัญคือการเล่นรอบแรกที่ระดับ Story จะช่วยให้เราดื่มด่ำกับเนื้อเรื่องและบรรยากาศของเกมได้เต็มที่กว่า โดยไม่มีปัญหาเรื่องความยากของเกมมากวนใจด้วย
พัซเซิลหรือปริศนาในเกมเราสามารถเลือกปรับระดับความยากได้เหมือนกับระบบต่อสู้ ซึ่งในระดับพื้นฐานที่เกมเซ็ตมาให้แต่แรกจะท้าทายเชาว์ปัญญาผู้เล่นได้ดีเลยทีเดียว และหลาย ๆ ปริศนามักจะอาศัยไหวพริบกับความรู้รอบตัวของผู้เล่นเป็นหลัก มีความยากพอประมาณ แต่ก็ไม่ชวนให้เสียเวลากับมันนานเกินไปนัก
ช่วงที่ทีมงานได้เล่นเกมนี้จนจบบนแพลตฟอร์ม PS5 Pro พบว่ายังมีอาการเฟรมเรตตกให้เห็นในช่วงคัตซีนอยู่เป็นบางครั้งแม้จะเล่นในโหมดแสดงผลที่เน้นเฟรมเรตแล้วก็ตาม แต่ในด้านแสงเงาและบรรยากาศของเมืองทั้งโลกปกติและโลก Otherworld ที่ทำออกมา รวมถึงดีไซน์ของศัตรูและบอสล้วนทำออกมาได้ดีมาก ศัตรูมีอยู่หลายตัวที่เห็นครั้งแรกแล้วจดจำได้ทันที
ตัวเกมมีความยาวประมาณ 13-15 ชั่วโมงหากผู้เล่นไม่เถลไถลหรือเล่นแบบเพลย์เซฟจนเกินไป โดยฉากจบจะมีทั้งหมด 5 แบบ ทั้งนี้ ในการเล่นรอบแรกทุกคนจะเจอฉากจบแบบแรกเหมือนกันหมด ทว่าในการเล่นรอบ 2 ผ่าน New Game+ เกมจะแจ้งเงื่อนไขให้ทราบตั้งแต่ก่อนเริ่มเกมรอบใหม่เลยว่าการจะปลดล็อคฉากจบอีก 4 แบบที่เหลือต้องทำอย่างไรบ้าง ซึ่งก็แน่นอนว่าในบรรดา 4 ฉากจบที่ต้องเจอทีหลังก็มีฉากจบ UFO เป็นหนึ่งในนั้นด้วย
Silent Hill f เป็นการพิสูจน์ตัวเองครั้งสำคัญว่าซีรีส์นี้ไม่จำเป็นต้องยึดติดกับสถานที่เดิม ๆ เสมอไป และเราอาจจะได้เห็นการหยิบเอาประเด็นอ่อนไหวในสังคมมาร้อยเรียงในภาคใหม่ ๆ มากขึ้น จะมีบางจุดที่ควรดีกว่านี้ได้อีกอย่างระบบต่อสู้ที่ตัวฮินาโกะมีข้อจำกัดเยอะเกินไปจนไปลดทอนความสนุกและความต่อเนื่องของเกมลง แต่โดยรวมแล้วนี่คือภาคที่ทำมาดีมาก ๆ ภาคหนึ่งของซีรีส์ครับ
คะแนน 9 / 10
ติดตามข่าวเกมพีซี/คอนโซลอื่นๆ ได้ที่ Online Station
