Borderlands เป็นชื่อเกมที่อยู่คู่วงการมาอย่างช้านาน เป็นหนึ่งในงานสร้างชื่อสร้างตัวของ Gearbox Software ที่ได้รับการยอมรับและตอบรับอย่างกว้างขวางจากเหล่าแฟนเกม และแทบจะเป็นเกมแรกๆ ที่บัญญัติศัพท์ Looter shooter ขึ้นมาบนโลก ความสำเร็จของมันการันตีด้วยการมีภาคต่อภาคแยกออกมามากมาย นับรวมถึงการถูกนำไปทำเป็นภาพยนตร์ก็ด้วย แม้กราฟต์ช่วงหลังๆ ของซีรีส์จะดิ่งลึกลงไปหน่อย แต่อย่างน้อยๆ ผมก็คิดว่า Borderlands 4 ไม่น่าจะเข้าร่วมขบวนกฐิน "ดิ่งทะลุสะดือโลก" อย่างที่กลัวกัน

เพราะถึงแม้ในภาพรวมมันจะยังไม่อาจกระโดดกลับไปแตะจุดสูงสุดที่มันเคยทำ แต่การดับเบิ้ลจั๊มพ์ในครานี้ก็อาจเป็นก้าวสำคัญที่นำพาเอา Borderlands 4 กลับสู่หนทางที่ถูกที่ควร มันมีโทนเรื่องที่จริงจังขึ้น ตลกน้อยลง โลกเปิดของ Kairos ที่ชวนให้สำรวจ ที่สำคัญคือกันเพลย์โคตรสนุก มันคือการคัมแบ็กของผลงานอันเคยเป็นที่รักซึ่งพร้อมจะพุ่งสู่อ้อมกอดของแฟนๆ อีกครั้ง พลางแหกปากตะโกนดังๆ แบบที่แฟนบอลทีมหนึ่งอยากทำมาช้านานว่า "กูกลับมาแล้ว!"
เนื้อเรื่อง
สำหรับ Borderlands 4 ตัวเกมจะพาเราออกจาก Pandora สู่ดินแดนใหม่นามว่า Kairos ที่แห่งนี้กำลังมีสงคราม 3 ก๊กระหว่าง Order, Ripper และ Crimson Resistance ซัดกันนัวโดยที่ทาง Order ซึ่งนำโดยวายร้ายหลักของภาคอย่าง TimeKeeper นั้นดูจะกุมความได้เปรียบอยู่พอสมควรและแทบจะนับถอยหลังรอชัยชนะเบ็ดเสร็จเด็ดขาดอยู่รอมร่อ และแน่นอนว่าจิ๊กซอว์เพียงชิ้นเดียวที่สามารถพลิกสถานการณ์นี้ได้ก็คือคุณนั่นแหละ Vault Hunter
เช่นเคยครับว่าผู้เล่นจะได้รับบทเป็น 1 ใน 4 Vault Hunter ตัวแสบที่จับพลัดจับผลูต้องมาตกอยู่ท่ามกลางสงครามระหว่าง 3 ฝ่าย แต่เราจะเลือกช่วยฝั่งของ Crimson Resistance เพราะพวกเขาช่วยเราออกมาจากการถูก Order จับกุม อย่างไรก็ตามภายใน Crimson Resistance ก็ยังมีฝักฝ่ายที่ไม่ลงรอยกัน ไม่ว่าจะ Outbounder, Electi หรือ Auger ซึ่งตัวเราจะต้องออกท่องโลกกว้างของ Kairos สมานกลุ่มต่อต้านให้กลับมาเป็นปึกแผ่นอีกครั้งเพื่อพิชิต Order และ TimeKeeper ลงให้จงได้ครับ
ที่เขาบอกว่าเนื้อเรื่องของเกมลดละมุขตลกไม่ดูเวล่ำเวลาลงไปพอสมควรก็เห็นจะไม่ใช่เรื่องแต่ง เพราะในเนื้อเรื่องของภารกิจหลักนั้นมีโทนที่จริงจังขึ้นมาก และแทบไม่มีมุขตลกแบบไร้ที่มาที่ไป มีบ้างที่ตัวละครพยายามจะเล่นมุขผ่านไดอาล็อกคำพูด แต่เกมก็ยังไม่ได้เสียมู้ดอะไรมากนัก หากจะถามว่าปรับมาจากภาค 3 เยอะขนาดไหน ผมเองที่ไม่ได้เล่นภาค 3 มาก่อนก็คงจะเปรียบได้ไม่ตรงนัก แต่เอาเป็นว่าระหว่างเล่นก็ไม่ได้เสียอารมณ์ หรือมีจังหวะหลุดอะไรนัก ส่วนของภารกิจหลักค่อนข้างเนื้อๆ เน้นๆ ช่วงแรกยังไม่เท่าไหร่ แต่หลังๆ ไปก็เข้มข้นเอาเรื่องอยู่เหมือนกันครับ








แต่หากใครอยากได้อารมณ์ขันที่แสดงออกถึง DNA ความเป็น Borderlands ล่ะก็ เควสต์ย่อยเควสต์เสริมเป็นอะไรที่อยากให้ลองมุ่งไปครับ หลากรสชาติเลยแหละ มีภารกิจหนึ่งที่เหมือนจะฮาแต่เป็นปรัชญาเฉยคือ เราจะได้คุยกับมิสไซล์ที่กลายเป็นที่เคารพบูชาของหมู่บ้านเพราะดันด้านตกมาแล้วไม่ระเบิด ชาวบ้านเลยรู้สึกว่านี่เป็นสัญลักษณ์แห่งความปลอดภัย แต่ในขณะเดียวกันตัวมิสไซล์กลับตั้งคำถามกับตัวเองมาโดยตลอดว่าเขาคือความผิดพลาดเพราะเกิดมาแล้วทำหน้าที่ได้ไม่สมบูรณ์หรือเปล่า ตัวเกมจะมีมู้ดแอนด์โทนคล้ายๆ กันนี้ในอีกหลายภารกิจเลย และแม้อาจจะไม่เกี่ยวเนื่องกับภารกิจหลักตรงๆ แต่มันช่วยเสริมให้ภาพใหญ่ของ Borderlands 4 บนดินแดน Kairos มีเรื่องราวที่รอให้ผู้เล่นออกสำรวจและพบพานอีกมากมาย
ที่สำคัญไปกว่านั้นสำหรับเกมเมอร์บ้านเราคือการที่เกมรองรับซับไตเติ้ลภาษาไทยเต็มรูปแบบก็น่าจะช่วยให้หลายๆ คนเข้าถึงเรื่องราวต่างๆ ในเกมได้มากขึ้น คุณภาพการแปลก็จัดว่าไม่แย่ อ่านรู้เรื่อง เพียงแค่มันจะทื่อและซื่อตรงกับศัพท์ต้นทางอยู่สักหน่อย ไม่มีการบิดคำหรือเล่นสำนวนให้รูปประโยคมีความเป็นไทยขนาดนั้น จึงอาจทำให้รู้สึกขาดอรรถรสบางอย่างอยู่เหมือนกัน คือถ้าเล่นแค่เอาเข้าใจและรู้เรื่องราวก็ไม่มีปัญหาใดๆ แต่ถ้าต้องการบทแปลแสบสันต์ถึงใจพระเดชพระคุณ ก็ต้องยอมรับว่ามันยังห่างจากเลเวลนั้นอยู่พอสมควร
เสียง กราฟิกและเพอร์ฟอร์มานซ์
ถ้าหากจะมีอะไรที่อยากติ Borderlands 4 จริงๆ จุดนี้คือเรื่องที่เราต้องมาคุยกันครับ โอเคว่าเรื่องเสียงผมว่าเกมทำได้ดีเลย ไม่ว่าจะเสียงปืน, เสียงระเบิด, เสียงประกอบ, งานเพลง หรืองานพากย์ล้วนอยู่ในระดับที่คาดหวังได้อยู่แล้ว ในขณะที่งานกราฟิกด้วย Unreal Engine 5 แม้อาจไม่รู้สึกถึงการก้าวกระโดดสมฐานะการรอคอยที่ยาวนานขนาดนั้น แต่เกมก็ถือว่าดูดีขึ้นพอสมควร รายละเอียดมากมายยิ่งขึ้น โลกของ Kairos กว้างขวาง โอ่อ่า งดงาม ชวนพิศวง
ทว่าสิ่งที่ผมพบว่ามันเป็นปัญหาจริงๆ (หรืออย่างน้อยๆ ก็ก่อนแพตช์ Day One) ก็คือเพอร์ฟอร์แมนซ์ของเกมครับ ตัวที่เราได้มาทดสอบคือเวอร์ชั่น Steam บน PC ที่ออกอาการแลคอยู่บ่อยครั้ง แม้จะเล่นด้วย PC ที่สเป็คเกินขั้นต่ำไปมาก มักจะเป็นตอนที่เข้าเกมใหม่ๆ การโหลดเข้าเกมที่ไม่ค่อยเสถียร บางครั้งก็นาน บางทีก็นานมาก ไม่แน่ใจว่าเกี่ยวข้องกับปัจจัยไหน อาจเพราะเกมต้องโหลดทั้งโลกในทีเดียวก็เลยกินเวลา แต่ตอนขับดิจิรันเนอร์เข้าเขตใหม่ เกมก็จะกระตุกคล้ายการโหลดอีกต่อทำให้เสียอารมณ์พอสมควร








ผมยังมีปัญหาในหน้าเมนู Inventory ที่บางครั้งเหมือนอาวุธในคลังจะไม่โหลดขึ้นมาให้เห็น ต้องกดออกเมนูแล้วเข้าใหม่จึงหาย อาการนี้เป็นตลอดเกมครับขึ้นกับว่าจะเจอตอนไหน เกมยังมีบั๊กเรื่องระบบหาเส้นทางของตัวละคร คือถ้ามันเกิดกับศัตรูหรือตัวละครไม่สำคัญก็คงไม่มีอะไร แต่ผมเคยเจอตัวละคร NPC ที่เป็นคีย์แมนของเควสต์ เดินวนอยู่ที่เดิม ไม่ยอมเดินไปจุดต่อไปของเควสต์ทำให้ภารกิจเราไปต่อไม่ได้
สุดท้ายต้องกัดฟันกดโหลดภารกิจใหม่ครับ เป็นเรื่องที่ไม่ควรให้เกิดขึ้นเลย และผมยังเจอเกมแครชเด้งออกหน้าเดสก์ท็อปไปประมาณ 3 รอบ ก็หวังว่าแพตช์ Day One ที่ดูจะเป็นยาขนานใหญ่ จะช่วยแก้ไขหรือลดอาการตรงนี้ลงไปได้บ้างไม่มากก็น้อย เพราะมันจะช่วยให้เกมสนุกขึ้นเยอะเลย
เกมเพลย์
แต่ถ้าถามถึงเหตุผลที่ดีที่สุดในการจะซื้อหา Borderlands 4 มาเล่น ผมก็ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะบอกว่า Borderlands 4 เป็นภาคที่มีกันเพลย์สนุกโคตรๆ ผลลัพท์จากการเติมมูฟเมนต์ให้ตัวละครมีดับเบิ้ลจั๊มพ์, โหนสลิง และแดชได้ ทำให้เกมเพลย์ถีบตัวเองสู่อีกระดับ และลงตัวสุดๆ อย่างไม่เคยมีมาก่อน เมื่อคุณบังคับตัวละครคล่องๆ เกมจะทำให้คุณรู้สึกเหมือนเป็นตัวเอกจริงๆ ไม่มีใครในเกมเคลื่อนที่ได้แบบเรา และเราจะรู้สึกว่าตัวเองก็เจ๋งเหมือนกันนี่หว่า สร้างเพลย์สวยๆ ได้เพียบ
พอการเคลื่อนตัวไหลลื่นอะไรๆ ก็ดีไปหมด ด้านปืนในภาคนี้เพิ่มผู้ผลิตมาอีก 3 รายพร้อมระบบใหม่ Licensing ที่ปืนบางกระบอกสามารถติดออปชั่นจุดเด่นของอีกยี่ห้อได้อีกด้วย เป็นคอมบิเนชั่นที่เข้าท่ามากๆ พร้อมเพิ่มความลึกในการเลือกใช้ปืนหรืออุปกรณ์ต่างๆ ขึ้นอีกโข โดยที่ผู้ผลิตแต่ละยี่ห้อก็จะมีจุดเด่นชัดเจนในอุปกรณ์ตัวเองกันอยู่แล้ว พอนำมาผสมผสานกันได้ ก็ถือว่าบันเทิงเริงรมย์ยิ่งกว่าเก่า ส่วนตัวชอบคอมบิเนชั่นของ Jakobs กับ Order มากๆ แม็กไม่ต้องเยอะแต่ตายอย่างไว บางกระบอกตอนรีโหลดสามารถปาเป็นระเบิดได้เช่นกัน แต่ตัวผมเองก็ตายเพราะปืนระเบิดรีโหลดนี่มาเยอะ ต้องระวังกันให้มาก แต่นั่นก็สามารถสะท้อนความลึกและทางเลือกในการใช้อุปกรณ์ภาคนี้ได้เป็นอย่างดี
ตัว Vault Hunter ใหม่ทั้ง 4 ตัวยังมาพร้อมระบบผังสกิลแบบใหม่ที่นอกจากจะเลือกสายเล่นได้ ก็ยังมี Trait เฉพาะตัวให้เลือกอัปเกรดเพิ่มความแกร่ง เช่น Rafa สามารถเลือกได้ว่าตอนเปิดใช้สกิลปืนเสริมจะถูกยิงออกมาแบบไหน เน้นติดคริฯ ไหม หรือเน้นโจมตีกระจาย, ยิงเป็นไฟ หรือยิงเป็นพิษ, เป็นกระสุนปกติ หรือเป็นจรวดมิสไซล์ เหล่านี้สามารถช่วยกำหนดและออกแบบแนวทางการเล่นได้อย่างกว้างขวาง หรือหากอัปแล้วไม่พอใจ ถ้าเงินถึงก็สามารถรีเซ็ตสกิลเล่นสายอื่นได้เรื่อยๆ เพื่อทดลองความเป็นไปได้ใหม่ๆ และหาบิลด์ที่เหมาะกับคุณที่สุด





เกมยังมีโหมดปรับแต่งคอสเมติคของทั้งตัวละคร อาวุธ รวมถึงยานพาหณะที่สามารถเลือกคู่สีหรือ License เครื่องยนต์จากแบรนด์ต่างๆ ที่ให้ค่าพลังในการควบขี่ต่างกันอีกด้วย และยานพาหนะในเกมนี้ก็มีร่วม 10 แบบด้วยกัน ปลดล็อคกันได้ในเกมไม่มีการขายแยกแต่อย่างใด
นอกจากนี้ Borderlands 4 ยังมาพร้อมกับเกมเพลย์แบบ Open World เป็นครั้งแรก โหลดทีเดียวแล้วไม่ต้องโหลดอีก (ยกเว้นตอน Fast Travel และเข้าพื้นที่พิเศษ) ช่วยให้รู้สึกว่าทั้งโลกเป็นเนื้อเดียวกัน กระตุ้นความรู้สึกอยากออกสำรวจของผู้เล่นได้อย่าง ทั้งเกมยังมีเลเวลดีไซน์ที่ร้ายกาจไม่เบา ตัวแผนที่มีสภาพแวดล้อมที่ต่างกันออกไป มีหน้าผา มีก้นเหวลึก มีถ้ำ มีดันเจี้ยน และแน่นอนมี Vault ที่เต็มไปด้วยศัตรูสุดท้าทายและของรางวัลอีกเป็นกระบุงโกย ยิ่งสำรวจก็ยิ่งได้รางวัล ยิ่งได้รางวัลก็ยิ่งมีโอกาสเจอของดี
โลกในเกมเองก็มีชีวิตชีวา มีความเป็นไดนามิคระดับหนึ่ง เวลา NPC ต่างฝ่ายมาเจอกันก็จะมีการเปิดศึก หรือเหล่าสัตว์ร้ายที่จะโจมตีไม่เลือกฝ่าย อย่างไรก็ดีจุดนี้ก็ยังไม่ได้สมบูรณ์แบบขนาดนั้นบางครั้ง NPC ฝ่ายเดียวกันก็ไม่ช่วยยิงศัตรูที่เข้ามาในพื้นที่ เขายิงกันโครมๆ เจ้าตัวนั่งซดกาแฟอยู่เฉยๆ ก็มี มันอาจเป็นเรื่องของสคริปต์ที่เราอยากให้ทีมงานเร่งแก้ไข เพราะถึงอาจไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่พอเห็นบ่อยๆ เข้าก็อดหงุดหงิดไม่ได้ทุกที
ปิดท้ายกันที่ระบบ Co-op กับเพื่อน รองรับสูงสุด 4 คน ซึ่งสามารถพาเพื่อนไปเล่นในโหมดเนื้อเรื่องได้ตามปกติของซีรีส์ แต่ก็ยังมีโหมดพิเศษอื่นๆ อื่นให้ได้เล่นกันเพิ่มเติม ขณะที่ความลื่นไหลก็ดูจะขึ้นอยู่กับความเสถียรของอินเตอร์เน็ตผู้ที่เป็นโฮสต์ซะส่วนใหญ่ เพราะเราลองไป 2 รอบรอบแรกคือลื่นไหล ไม่มีปัญหา ขณะที่รอบ 2 กลับเกิดอาการแลคในช่วงท้ายๆ ของเพลย์โดยไม่ทราบสาเหตุ ส่วนมอนสเตอร์ตามทางจะถูกปรับเลเวลไปตามแต่ละคน เช่นคนหนึ่งเลเวล 30 ก็จะเจอมอนสเตอร์เลเวล 30-32 ขณะที่คนเล่นด้วยกันเลเวล 1 ก็จะเห็นมอนสเตอร์ตัวเดียวกัน แต่เป็นเลเวล 1-2 และจำนวนของมอนสเตอร์ก็จะถูกเพิ่มจำนวนตามคนที่เล่นด้วยนั่นเอง ถ้าเล่นพร้อมกัน 4 คนบอกเลยว่ามอนสเตอร์อย่างนัวครับ มามืดฟ้ามัวดิน กระสุนที่ว่าล้นๆ ตอนเล่นคนเดียวแทบจะไม่พอเอา





สรุป
ใครที่รอคอยการกลับมาของ Borderlands ที่ถูกต้องนี่คือเวลาของคุณแล้วครับ แม้ว่าเกมอาจจะยังไม่ถึงกับพลิกโฉมตัวเองนัก แต่ Borderlands 4 เหมือนเด็กมีปัญหาที่กลับตัวกลับใจพัฒนาตนเองให้เข้ารูปเข้ารอย เป็นรากฐานที่ดีสำหรับการต่อยอดในอนาคตพร้อมรูปแบบที่ถูกที่ควร และอย่างน้อยๆ ที่สุดคือมันเป็นเกมที่เล่นคนเดียวก็สนุก เล่นกับเพื่อนก็เอนจอย กันเพลย์สุดมันส์ กับโลก Kairos อันกว้างใหญ่ที่รอให้คุณไปสำรวจ หากมองหาเกมแอคชั่นเล่นสนุกสุดบันเทิงในช่วงนี้ ผมขอยกมือให้ Borderland 4 เป็นอีกหนึ่งแคนดิเดตที่คุณคู่ควรครับ

VERDICT
8/10
Borderlands 4 มีกำหนดวางขายวันที่ 12 กันยายนนี้บน PlayStation 5, Xbox Series และ PC ครับ
ติดตามข่าวเกมพีซี/คอนโซลอื่นๆ ได้ที่ Online Station