หลังเดินทางข้ามทวีปไปถึงงาน gamescom 2025 ที่ประเทศเยอรมนี ในที่สุดหนึ่งในทีมงาน Online Station ที่ไม่ต้องเดาว่าใครก็ได้ไปลองเดโมเกม Resident Evil Requiem ที่เพิ่งเปิดให้สาธารณะเล่นกันครั้งแรกที่งานดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อย โดยเดโมตัวนี้ถูกจำกัดเวลาให้สามารถเล่นได้แค่ประมาณ 20 นาที ไม่ว่าเราจะเล่นผ่านหรือไม่ หากเวลาครบกำหนดปุ๊บ เกมจะหยุดลงและกลับไปที่หน้าไตเติ้ลใหม่ทันที แต่ยังดีที่รอบสื่อเราจะสามารถเล่นกี่รอบก็ได้
โดยบทความนี้จะเป็นความรู้สึกเบื้องต้นของพวกเรา หลังจากที่ได้เล่นส่วนเล็ก ๆ ของเกมในบทบาท Grace Ashcroft ตัวเอกของเกมนี้ภาคนี้… ที่ตอนนี้เราก็ยังไม่แน่ใจว่าจะเป็นตัวเอกแค่คนเดียวของภาคนี้จริงรึเปล่า
สำหรับตัวเดโมจะสามารถเลือกปรับได้แต่แรกเลยว่าจะเล่นผ่านมุมมองบุคคลที่หนึ่ง แบบภาค 7 และ Village หรือมุมมองบุคคลที่สาม แบบภาค 2, 3, 4 รีเมค ซึ่งทีมผู้พัฒนาเกมและเจ้าหน้าที่ที่ดูแลบูธจะแนะนำให้ผู้เล่นเล่นด้วยมุมมองบุคคลที่หนึ่งเป็นหลัก ด้วยเหตุผลที่ว่ามุมมองนี้จะมอบประสบการณ์การเล่นที่สมจริงและเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของทีมผู้พัฒนามากกว่า แต่ถึงกระนั้น ความที่ทีมงานทราบว่าผู้กำกับภาคนี้คือคนเดียวกับที่เคยกำกับภาค 7 มาก่อน ก็เลยอยากจะลองอะไรใหม่ ๆ ดูบ้าง จึงเลือกเล่นผ่านมุมมองบุคคลที่สาม เป็นอย่างแรกแทน
เนื้อหาในเดโมจะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในศูนย์การแพทย์ Rhodes Hill (โร้ดส์ฮิลล์) เมื่อ Grace ฟื้นขึ้นมาและพบว่าตัวเองถูกจับมัดอยู่กับเตียง และดูเหมือนจะมีใครบางคนนำเลือดของเธอไปตรวจหาอะไรบางอย่างด้วย หลังจากที่เริ่มให้เราบังคับตัว Grace เป้าหมายของเราคือต้องหาฟิวส์ไปใส่เพื่อเปิดประตูทางออกให้ได้ โดยพื้นที่ที่มีให้สำรวจในเดโมจะค่อนข้างจำกัดมาก ประกอบไปด้วยทางเดินยาว ๆ ที่มีห้องระหว่างทางให้เข้าได้ราว 4-5 ห้อง ขณะที่ช่วงสำรวจก็ไม่มีความซับซ้อน ผู้เล่นต้องนำคีย์ไอเทมหนึ่งไปใช้อีกจุดหนึ่ง ไม่มีปริศนาใด ๆ ทั้งสิ้น
พอสำรวจแต่ละห้องไปสักพัก เราจะได้ไฟแช็คที่ช่วยให้มองเห็นทางดีขึ้นเล็กน้อย ไล่เลี่ยกับการได้พอศัตรูตัวใหม่ของซีรีส์ที่ยังไม่ทราบชื่อ แต่พฤติกรรมของมันจะคล้าย ๆ กับ Jack Baker หรือ Mr. X ในภาคก่อน ๆ คือจะคอยตามล่าตัวผู้เล่นอยู่เสมอ และเป็นศัตรูเพียงตัวเดียวที่เราจะได้เจอในเดโมตัวนี้ เมื่อไหร่ก็ตามที่มันเห็นเราและไล่ตามมา ทางเลือกในการเอาตัวรอดจะมีเพียงทางเดียวเท่านั้น คือหนีเข้าห้องที่มีไฟส่องสว่าง ขณะที่การดับไฟแช็คและโยนขวดเพื่อเบนความสนใจจะมีผลแค่เฉพาะตอนที่มันปรากฏตัวแต่ยังไม่เห็นเราครับ
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ดูจะเป็นอุปสรรคต่อผู้เล่นกลับเป็นความพยายามที่ทีมงานต้องการให้เกมมันน่ากลัว ด้วยการใช้วิธีลดทอนหรือกดความสามารถของ Grace ให้ต่ำที่สุดจนชวนให้รู้สึกว่านางช่างเปราะบางทั้งทางกายและจิตใจ เวลาเจอศัตรู Grace ก็จะเกิดอาการแพนิกจนวิ่งไปล้มไปให้เห็นบ่อยครั้ง ซึ่งหากเล่นมุมมองบุคคลที่หนึ่ง Grace จะไม่มีแอนิเมชั่นวิ่งไปล้มไปให้เห็น แต่ก็ยังมีสบถหรืออุทานเหมือนกับเวลาเล่นผ่านมุมมองบุคคลที่สาม อยู่ คาดว่าตรงนี้น่าจะเป็นหนึ่งในความแตกต่างที่ให้ผู้เล่นเลือกเอาเองว่าอยากเห็นแอนิเมชั่นเพิ่มเติมจากของ Grace ผ่านมุมมองบุคคลที่สาม หรืออยากได้อรรถรสและประสบการณ์เต็มที่เสมือนเราเป็น Grace เองผ่านมุมมองบุคคลที่หนึ่ง ครับ เนื่องจากมุมมองบุคคลที่หนึ่ง จะกระตุ้นโสตประสาทของเราด้วยระบบเสียงที่มีมิติลึกขึ้น ให้เราเกิดความระแวงรอบด้านได้ง่ายกว่า
ซึ่งถ้าใครที่ลองเล่นมุมกล้องแบบหนึ่งแล้วไม่ถูกใจก็ยังสามารถเข้าไปเปลี่ยนมุมกล้องเป็นอีกแบบได้ตลอดเวลา แต่ที่พิเศษกว่านั้นก็คือ ตัวเกมจะมีระบบปรับมุมกล้องอัตโนมัติให้เลือกเล่นด้วย คือทางผู้พัฒนาจะเป็นคนกำหนดมาให้เลยว่า ซีเควนซ์ไหนเหมาะจะเล่นด้วยมุมกล้องบุคคลที่หนึ่ง หรือซีเควนซ์ไหนเหมาะกับมุมกล้องบุคคลที่สาม แล้วตัวเกมก็จะปรับมุมกล้องให้เราโดยอัตโนมัติ
หลังเล่นจนจบ ความรู้สึกที่เกิดขึ้นมีผสมปนเปทั้งด้านที่ชอบและไม่ชอบในอัตราส่วนที่พอ ๆ กันทั้งคู่ ด้านที่ชอบคือบรรยากาศ กับดีไซน์และแอ็กชั่นของศัตรูที่ทำออกมาดี ตลอดจนการเพิ่มทางเลือกให้ผู้เล่นเลือกเล่นผ่านมุมมองบุคคลที่สามได้ ทว่าจุดที่ขัดใจมาก ๆ เลยคือความมืดในหลาย ๆ ห้องที่มืดจนมองไม่เห็นแม้แต่ตัว Grace แม้ว่าจะเล่นมุมมองบุคคลที่สามแล้วก็ตาม โดนตอนที่เล่นสารภาพว่าตัวทีมงานเอง รวมถึงนักข่าวที่เล่นอยู่ในแถวเดียวกันยังต้องปรับความสว่างใน Option จนสุด เนื่องจากส่วนใหญ่จะเดินชนผนังจนเสียเวลาโดยใช่เหตุ จนบางคนเจอปัญหาเล่นไม่จบเดโมทั้ง ๆ ที่ยังไม่เจอศัตรู เพราะลำพังกว่าจะหมุนตัวไปเจอแสงสว่างในห้องแรก ๆ ก็ไม่เหลือเวลาให้ทำอย่างอื่นแล้ว
ขณะเดียวกัน อีกประเด็นที่กำลังหวั่นหรืออยากตั้ง Red Flag ไว้ก่อนก็คือการที่ภาคนี้พยายามทำอะไรหลาย ๆ อย่างให้เหมือนฟีลเวลาเล่นภาค 7 กับภาค Village ช่วงที่อยู่ในบ้านเบเนเวียนโตไปแทบทุกอย่าง ทั้งในแง่ของตอนแรกที่เราไม่มีอาวุธอะไรเลย ซึ่งภาค 7 อีธานจะได้ใช้อาวุธจริง ๆ จัง ๆ ก็หลังจากฉากในโรงรถแล้ว หรืออย่างในบ้านเบเนเวียนโตที่อีธานก็โดนริบอาวุธไปหมด ต่อมาคือการใช้ความมืดผสมกับทางเดินแคบ ๆ ในการเร่งความหลอน และศัตรูที่เราไม่สามารถฆ่าตายได้อย่างแจ็ค เบเกอร์ ในภาค 7 และเบบี้ในบ้านเบเนเวียนโตครับ
แม้ว่านี่จะยังเป็นแค่เดโม แต่ประสบการณ์ที่ได้หลังได้สัมผัสกับเกมเพลย์กลับไม่ได้ทำให้รู้สึกประหลาดใจหรือมีอะไรทำได้เกินคาดเลย แถมยังมีคำถามกับตัวละครอย่าง Grace มากมาย และเชื่อได้ยากว่าทำไมคนที่แพนิกง่าย คุมสติไม่อยู่แบบนี้ถึงถูกคัดเลือกเข้ามาเป็น FBI ได้ ต่อให้เป็นตำแหน่งเจ้าหน้าที่ด้านวิเคราะห์ก็ตาม และดูไม่น่าเชื่อว่าหน่วยก้านแบบนี้จะใช้ปืนป้องกันตัวได้ดีด้วย ส่วนตัวยังมองว่าเกมจะน่ากลัวได้ มันไม่จำเป็นต้องยึดติดว่าตัวเอกต้องทำอะไรได้น้อยสิ่งเสมอไป ไม่เช่นนั้นไอแซ็ค คลาร์ก ที่มีอาวุธไฮเทคครบมือก็คงไม่สามารถพาเกม Dead Space ภาคแรกให้ประสบความสำเร็จได้เหมือนกัน
จากการที่ตัวเกมไม่มีปริศนาให้ขบคิด และช่วงสำรวจก็ไม่มีความลึกอะไรนัก ความยากของเดโมเลยไปกระจุกที่การรับมือกับศัตรูเพียงตัวเดียวนี้ทั้งหมด แม้ว่าเดโมจะเล่นได้นานราว ๆ 20 นาทีก็ตาม แต่เชื่อว่าหลายคนในซุ้มทดลองเดโม ถ้ามีโอกาสได้เล่นรอบใหม่ซ้ำก็จะจบได้ในเวลาไม่เกิน 5 นาทีครับ เพราะเอาจริง ๆ เส้นทางการสำรวจจนถึงฉากจบเดโมมันสั้นมาก อีกทั้งภาพรวมของเดโมก็มีหลายจุดที่ได้รับอิทธิพลจากภาค 7 มาโดยตรง ทั้งเรื่องการโฟกัสกับการหาทางหนีไปจากจุดที่เราอยู่ เรื่องเส้นชัยที่ให้อารมณ์เหมือนตอนที่เราหลุดมายังห้องโถงของบ้านครอบครัวเบเกอร์ และการบีบให้เราทำอะไรได้น้อยสิ่งในเดโม
นอกจากนี้ยังมีข่าวดีสำหรับเพื่อน ๆ ที่ไม่ได้เดินทางไปที่งาน gamescom 2025 ก็คือทาง Capcom จะนำเดโมตัวนี้ไปให้เหล่าเกมเมอร์ได้ทดลองกันที่บูธ Capcom ภายในงาน Tokyo Game Show 2025 และ gamescom asia x Thailand Game Show 2025 ด้วย อดใจรออีกหน่อยแล้วไว้มาสัมผัสด้วยประสบการณ์ตัวเองกันดีกว่าครับ
รายงานโดย "ก็อดเอก"
ติดตามข่าวเกมพีซี/คอนโซลอื่นๆ ได้ที่ Online Station
