ดูเหมือนว่าสมรภูมิการต่อสู้เพื่อเสรีภาพในการแสดงออกบนโลกอินเทอร์เน็ตจะร้อนระอุขึ้นอีกครั้ง เมื่อล่าสุดได้มีแคมเปญล่ารายชื่อใหม่เกิดขึ้น เพื่อเรียกร้องความโปร่งใสและความรับผิดชอบจากเหล่าผู้ให้บริการชำระเงิน ที่กำลังสร้างผลกระทบอย่างหนักต่อเสรีภาพในการแสดงออกของเหล่าครีเอเตอร์

โดยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผู้ให้บริการชำระเงินรายใหญ่อย่าง Visa และ Mastercard ได้ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความพยายามเซ็นเซอร์ผลงานศิลปะต่าง ๆ ผ่านการตัดช่องทางการสร้างรายได้ของเหล่าครีเอเตอร์ ซึ่งเดิมทีเป็นปัญหาที่มักเกิดขึ้นกับแพลตฟอร์มและเว็บไซต์ในประเทศญี่ปุ่นอย่าง DLSite และ Fanza

ทว่าล่าสุดเรื่องนี้ก็ส่งผลกระทบมาถึงวงการเกมสากลจนได้ เมื่อ Steam ได้ปรับเปลี่ยนกฎเกณฑ์ของตนเอง โดยเพิ่มเงื่อนไขว่าผู้พัฒนาไม่สามารถเผยแพร่เนื้อหาที่ "อาจละเมิดกฎและมาตรฐานที่กำหนดโดยผู้ให้บริการชำระเงินของ Steam และเครือข่ายบัตรและธนาคารที่เกี่ยวข้อง หรือผู้ให้บริการเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่บางประเภท"
ก่อนหน้านี้ในช่วงต้นปี ก็มีรายงานว่าผู้ให้บริการชำระเงินพยายามที่จะระงับการจ่ายเงินให้กับผู้พัฒนาเกมในญี่ปุ่นมาแล้ว และยังเป็นสาเหตุให้แพลตฟอร์มอื่น ๆ เช่น Fansly, Patreon รวมถึงแพลตฟอร์มของญี่ปุ่นอย่าง Pixiv และ DLSite ต้องปรับเปลี่ยนกฎเกณฑ์ของตัวเองเพื่อความอยู่รอดเช่นกัน

หลังจากที่ Steam เปลี่ยนกฎไม่นาน เหล่าแฟน ๆ ก็ดูเหมือนจะสืบเสาะจนพบหนึ่งในผู้ผลักดันเบื้องหลังการเซ็นเซอร์ครั้งนี้ ซึ่งก็คือ "Collective Shout" องค์กรสตรีนิยมสุดโต่งที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากหลายฝ่ายถึงจุดยืนที่สนับสนุนการเซ็นเซอร์อย่างเข้มงวดและต่อต้านกลุ่ม LGBT

แคมเปญล่ารายชื่อนี้ใช้ชื่อว่า “Tell MasterCard, Visa & Activist Groups: Stop Controlling What We Can Watch, Read, or Play” (ถึง MasterCard, Visa และกลุ่มนักเคลื่อนไหว: หยุดควบคุมสิ่งที่เราจะดู อ่าน หรือเล่นได้แล้ว) ซึ่งเปิดให้ร่วมลงชื่อบนเว็บไซต์ Change.org โดยระบุชื่อของ Collective Shout ว่าเป็นหนึ่งในผู้มีอิทธิพลสำคัญในสงครามการเซ็นเซอร์ที่กำลังดำเนินอยู่นี้ แฟน ๆ หวังว่าจะสามารถรวบรวมแรงสนับสนุนได้เหมือนกับความเคลื่อนไหว "Stop Killing Games" เพื่อปกป้องเสรีภาพในการแสดงออกและสิทธิ์ที่ผู้บริโภคจะสามารถใช้เงินของตนเองได้ตามที่ต้องการ
เป้าหมายของแคมเปญนี้ได้ระบุข้อเรียกร้องไว้อย่างชัดเจน 4 ข้อ ดังนี้
- หยุดการเซ็นเซอร์เนื้อหาที่แต่งขึ้นซึ่งถูกกฎหมายและเป็นไปตามมาตรฐานของแพลตฟอร์ม
- ปฏิเสธการแทรกแซงจากกลุ่มนักเคลื่อนไหวที่สร้างความตื่นตระหนกทางศีลธรรมหรือบิดเบือนให้เรื่องแต่งกลายเป็นภัยคุกคาม
- เปิดเผยข้อจำกัดด้านเนื้อหาและเหตุผลเบื้องหลังอย่างโปร่งใส
- ปกป้องสิทธิ์ของครีเอเตอร์ในการสร้างสรรค์เนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่ที่ถูกกฎหมาย และรับประกันว่ามีกระบวนการอุทธรณ์ที่เป็นธรรมสำหรับสื่อที่ถูกลงโทษ
แม้ว่าการล่ารายชื่อบน Change.org จะไม่มีผลผูกพันทางกฎหมาย แต่ก็ถือเป็นการส่งเสียงและสร้างความตระหนักรู้ให้แก่คอมมิวนิตี้เกมเมอร์ในวงกว้าง และอาจขยายไปสู่สังคมภายนอกได้ในที่สุด
แปลและเรียบเรียงจาก
Niche Gamer
ติดตามข่าวเกมพีซี/คอนโซลอื่นๆ ได้ที่ Online Station