วันที่ 20 มิถุนายน 1997 หรือวันนี้เมื่อ 28 ปีที่แล้วเป็นวันวางจำหน่ายของเกม Final Fantasy Tactics (FFT) เวอร์ชั่นต้นฉบับบนเครื่อง PS1 ที่ประเทศญี่ปุ่น โดยเกมนี้จัดอยู่ในหมวดซีรีส์ย่อยของ Final Fantasy และเป็นเกมแรกที่แนะนำให้ผู้เล่นได้รู้จักอิวาลิซ (Ivalice) โลกสมมติแห่งใหม่ ก่อนที่จะถูกนำไปใช้เป็นโลเคชั่นของเกมอื่น ๆ อีกมากมาย อาทิ Vagrant Story, Final Fantasy 12 หรือ Crystal Defenders เป็นต้น
ขณะเดียวกัน เกมนี้ยังเป็นผลงานการกำกับของคุณยาสึมิ มัตสึโนะ (Yasumi Matsuno) ผู้สร้างเกมตระกูล Tactic Ogres ดังนั้นเราจึงได้เห็นองค์ประกอบหรือกลิ่นอายหลาย ๆ อย่างของเกมดังกล่าวมาปรากฏอยู่ในเกม FFT ด้วย ซึ่งช่วงเริ่มต้นของการพัฒนาเกม FFT คุณมัตสึโนะที่เพิ่งย้ายค่ายมาอยู่กับ Squaresoft (หรือ Square Enix ในปัจจุบัน) ได้แสดงความต้องการที่จะทำเกมแนววางกลยุทธ์ และมีพล็อตเรื่องที่นำเสนอถึงความขัดแย้งระหว่างชนชั้น รวมถึงกลุ่มคนที่พยายามเขียนหน้าประวัติศาสตร์ใหม่ด้วย นอกเหนือจากคุณมัตสึโนะแล้ว ยังมีคุณฮิโรโนบุ ซาคากุจิ (Hironobu Sakaguchi) ผู้สร้างซีรีส์ Final Fantasy มาช่วยดูแลในฐานะโปรดิวเซอร์ รวมถึงคุณฮิโรยูกิ อิโตะ (Hiroyuki Ito) ผู้ออกแบบการต่อสู้ให้กับเกม Final Fantasy 4,5 และ 6 มาช่วยออกแบบการต่อสู้ให้กับเกมนี้ด้วยเช่นกัน ส่วนทีมอาร์ตและทีมแต่งเพลงประกอบก็เป็นเหล่าทีมงานที่เคยร่วมทำเกม Tactic Ogres ซะเป็นส่วนใหญ่ครับ
(ล่าง) รูปปกเกมเวอร์ชั่นญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา


เนื้อหาของเกมนี้จะเล่าถึงรัมซ่า (Ramza Beoulve) นักเรียนทหารผู้เกิดในตระกูลชนชั้นสูง ซึ่งระหว่างที่เขากำลังร่ำเรียนอยู่ในกองทัพก็เกิดสงครามที่ชื่อว่า The Lion War ขึ้น โดยจุดเริ่มต้นของสงครามมาจากกลุ่มชนชั้นนำสองกลุ่มเกิดความขัดแย้งกัน และต้องการที่จะช่วงชิงบัลลังก์ผู้ครองอาณาจักรมาอยู่ฝ่ายของตน ซึ่งไทม์ไลน์ของเกมจะเป็นช่วงหลังจากสิ้นสุดสงคราม The Fifty Years War และผลพวงจากสงครามนี้ก็ทำให้บ้านเมืองเข้าสู่ยุคข้าวยากหมากแพง ขณะที่การเมืองก็มีแต่แย่งชิงอำนาจกันไม่เว้นแต่ละวัน เนื่องจากกษัตริย์ของโลกอิวาลิซได้สิ้นพระชนม์ลง แถมองค์รัชทายาทก็ยังเป็นเพียงทารกแบเบาะที่ยังไม่พร้อมจะขึ้นครองราชย์ จึงจำเป็นต้องมีผู้สำเร็จราชการมาทำหน้าที่แทนในช่วงภาวะสุญญากาศนี้ไปก่อน ระหว่างนี้ภายในอาณาจักรก็ได้แบ่งฝักแบ่งฝ่ายโดยแคนดิเดต 2 คนที่หมายปองบัลลังก์ นั่นก็คือ เจ้าชายโกลทาน่า (Prince Goltana) ตัวแทนจากกลุ่มราชสีห์ทมิฬ (The Black Lion) และเจ้าชายลาร์ก (Prince Larg) ตัวแทนจากกลุ่มราชสีห์เผือก (The White Lion) จนเป็นที่มาของศึก The Lion War ในเกมนั่นเอง
การดำเนินเรื่องส่วนใหญ่จะนำเสนอผ่านมุมมองของรัมซ่าเป็นหลัก โดยรัมซ่ามีเพื่อนสนิทนามว่า ดีลิต้า (Delita Hyral) ที่เป็นนักเรียนทหารจากชนชั้นล่าง และเมื่อเวลาผ่านไป ความรุนแรงและโหดร้ายของสงคราม รวมถึงความขัดแย้งทางการเมืองจากเบื้องบน ก็ได้พัดพาให้ชะตากรรมของทั้งรัมซ่ากับดีลิต้าต้องเดินกันไปคนละทาง ตลอดทั้งเกมเราจะได้เห็นพล็อตเรื่องที่หักเหลี่ยมกันไปมา จิกกัดแนวคิดทางการเมือง และมีจุดที่กระตุกต่อมศีลธรรมให้เห็นอยู่เป็นระยะ อารมณ์เหมือนชมภาพยนตร์หรือซีรีส์ที่มีธีมอยู่ในยุคกลางยังไงยังงั้น นับเป็นหนึ่งในเกมจากซีรีส์ Final Fantasy ที่มีเนื้อเรื่องหนัก เข้มข้น หม่น มีความเป็นผู้ใหญ่สูง แต่ควรค่ากับการหามาเล่นด้วยประการทั้งปวง



ทางด้านเกมเพลย์ของเกมนี้จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ ๆ คือ ฉากแผนที่กับฉากต่อสู้ โดยฉากแผนที่จะปรากฏเส้นทางที่เราต้องเดินทางไปมาระหว่างเมือง แต่จะมีจุดยิบย่อยที่เราสามารถเจอศัตรูแบบสุ่ม (Random Encounter) และเมื่อใดก็ตามที่พบศัตรูก็จะเข้าสู่การเลือกยูนิตสำหรับต่อสู้ในฉากที่ออกแบบมาในลักษณะ 3 มิติ ที่หันมุมกล้องได้ทุก ๆ 90 องศา พอถึงเทิร์นของแต่ละยูนิตก็จะเลือกได้ว่าจะเดินก่อนหรือจะออกแอ็กชั่นก่อน จากนั้นก็จบเทิร์นของตัวละครนั้น ๆ แล้วผลัดไปยังยูนิตตัวอื่นที่เทิร์นมาถึง ตรงนี้ผู้เล่นสังเกตได้ว่ายูนิตตัวไหนใกล้จะถึงเทิร์นแล้วจากค่า CT ที่อยู่ใต้เกจ HP และ MP
อนึ่ง ใน FFT จะมีระบบอาชีพที่มีความหลากหลายและต่อยอดจาก Final Fantasy 5 ไปอีกขั้น โดยระบบอาชีพของ FFT ผู้เล่นเมื่อเปลี่ยนเป็นอาชีพใดอาชีพหนึ่งแล้ว หากต้องการจะเรียนรู้สกิลใหม่ ๆ จะต้องลงไปลุยในฉากต่อสู้ เก็บค่า JP (Job Points) แล้วนำมาแลกซื้อสกิลตอนอยู่ในฉากแผนที่ เมื่อไหร่ก็ตามที่เรียนรู้สกิลครบจนหมด และมีเลเวลอาชีพถึงเลเวล 8 เราก็จะมาสเตอร์อาชีพนั้นสำหรับตัวละครนั้น และเวลาเราเปลี่ยนไปเล่นอาชีพอื่นก็สามารถนำสกิลที่เคยเรียนจากอาชีพก่อนหน้ามาติดตั้ง เพื่อนำมาใช้ตอนเล่นอาชีพใหม่ได้ด้วย เช่น นำสกิลเวทมนตร์ดำไปติดตั้งตอนเล่นอาชีพอัศวิน เพื่อที่จะโจมตีได้ทั้งกายภาพและเวทมนตร์ควบคู่กัน หรือนำสกิลเวทมนตร์ขาวไปติดตั้งตอนเล่นอาชีพพ่อมด เพื่อใช้เวทมนตร์ได้ทั้งสายโจมตีและฟื้นฟู อะไรประมาณนี้



อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เกมวางขายไปสักพัก ก็มีการค้นพบจากกลุ่มผู้เล่นว่าการจะฟาร์มเลเวลและค่า JP ให้ได้เป็นกอบเป็นกำและมีประสิทธิภาพในเกมนี้คือการ "โจมตีหรือออกแอ๊กชั่นกับพวกเดียวกัน" ครับ กล่าวคือเกมนี้เวลาเราโจมตียูนิตฝ่ายตัวเองก็จะทำให้ได้ค่า EXP และ JP ด้วย ด้วยเหตุนี้ก็เลยมีการใช้ทริคสังหารศัตรูในแมปจนเหลือเพียงตัวเดียว จากนั้นเราก็ให้ทุกยูนิตของเรามาอยู่อีกฟากของแมปแล้วจัดการโจมตีกันเอง ตัวไหนเสียเลือดเยอะก็ฟื้นพลังด้วยโพชั่นหรือเวทมนตร์เอา กระทั่งเลือดเต็มก็ตีกันเองใหม่ วนลูปเช่นนี้ไปจนกว่าเราจะพอใจ ซึ่งถ้าเรามีโพชั่นตุนไว้ในปริมาณเยอะ ๆ ก็จะฟาร์มได้นานเพียงพอที่เราจะมาสเตอร์ได้ 1 อาชีพต่อ 1 แมปการต่อสู้เลยทีเดียว โดยบางคนที่ขยันจัด ๆ ก็อาจจะฟาร์มจนเลเวล 99 กันตั้งแต่ Chapter 1 เลยด้วยซ้ำ



ตัวเกมเวอร์ชั่นต้นฉบับบน PS1 มีการเปิดเผยยอดขายครั้งสุดท้ายในปี 2011 หรือราว 14 ปีหลังจากที่เกมวางขาย พบว่ามีจำนวนอยู่ที่ 2.4 ล้านชุดทั่วโลก ซึ่งถือว่าเยอะมากสำหรับเกมในเจเนอเรชั่นนั้น อีกทั้งคะแนนรีวิวจากสื่อเกือบทุกสำนักต่างก็ให้เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 9-10 คะแนน ส่วนใหญ่จะชมในเรื่องของธีม เนื้อเรื่อง ระบบต่อสู้ และดนตรีประกอบที่ทำมาได้ตราตรึงใจผู้เล่น แม้ว่าบางสิ่งจะมีอิทธิพลมาจากเกม Tactic Ogres ก็ตาม แต่พอได้ลองเล่นจริง ๆ แล้วต่างก็ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นเกมใหม่ที่มีเอกลักษณ์ในตัวเองอยู่ อีกทั้งพล็อตของเกมที่มีความลึกและหักมุมอยู่เรื่อย ๆ ถือว่าหาได้ค่อนข้างยากกับเกมตามท้องตลาดในยุคเวลาดังกล่าว
ล่าสุดทาง Square Enix ก็เพิ่งประกาศเปิดตัวเกม Final Fantasy Tactics: The Ivalice Chronicles ที่เป็นเวอร์ชั่นรีมาสเตอร์ของตัวต้นฉบับ มีกำหนดวางขายในวันที่ 30 กันยายนปีนี้ โดยมีการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ๆ เข้ามามากมาย ไม่ว่าจะเป็นยูสเซอร์อินเตอร์เฟซแบบใหม่ที่เผยให้เห็นลำดับเทิร์นของทุกยูนิตในฉาก หรือรูปแบบการเดินของยูนิตที่ให้ผู้เล่นมองง่ายขึ้น ฯลฯ ใครที่อยากรำลึกความหลังเก่า ๆ ด้วยกราฟิกที่ขัดเกลาเป็น HD พร้อมฟีเจอร์ใหม่ก็อย่าลืมซื้อกันนะครับ



ติดตามข่าวเกมพีซี/คอนโซลอื่นๆ ได้ที่ Online Station