ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานั้นเกมเก่าๆ ถูกค่ายเกมนำมาปลุกชีพกันอีกครั้งในยุคสมัยปัจจุบันชนิดที่นับนิ้วกันไม่หวาดไม่ไหว ซึ่งมันดูจะกลายเป็นเทรนด์ฮิตของยุคนี้กันไปแล้ว เพราะต้องยอมรับครับว่าเกมเมอร์ที่เติบโตขึ้นมาในยุคปัจจุบันย่อมต้องเคยมีเกมที่ผูกพันธ์ในอดีต และพร้อมเสียยิ่งกว่าพร้อมที่จะกลับไปสัมผัสกับมันอีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับบนแพลตฟอร์มสมัยใหม่ ในฟอร์มที่ทันสมัยขึ้น หรือปรับเป็นโฉมใหม่ไปเลยก็อาจจะยินดีมากกว่า
ทาง Atlus เองก็ไม่อยู่นิ่งเฉยขอเกาะเทรนด์นี้ด้วยเช่นกัน เพราะพวกเขาเองก็มีเกมที่แฟนๆ รักมากมายในอดีต อาจจะมีชิมลางกันเบาๆ ด้วย Shin Megami Tensei III Nocturne HD Remaster กันก่อน และจัดหนักด้วยของแรงด้วยการ Remake เกมอย่าง Persona 3 Reload และล่าสุดกับ Persona 4 Revival ที่หลายๆ คนได้ใจชื้นเสียทีว่ามันมีอยู่จริง แต่ก่อนจะกลับสู่ชนบทญี่ปุ่นที่รัก ทาง Atlus ก็ยังมีอีกหนึ่ง Remaster ที่แฟนๆ ก็รอคอยกันอยู่เช่นกัน กับ RAIDOU Remastered: The Mystery of the Soulless Army ซึ่งหลังจากที่ได้ลองเล่นแล้วก็ต้องบอกว่านี่คือการ Remaster แบบเกินเบอร์เอาเรื่อง และแฟนๆ ที่หลงรักภาคเก่าหมดใจก็น่าจะยังรักภาคนี้ไม่ต่างกัน
โดย RAIDOU Remastered: The Mystery of the Soulless Army เป็นตัวเกมเวอร์ชั่นรีมาสเตอร์ของ Devil Summoner: Raidou Kuzunoha vs. the Soulless Army เกมลำดับที่ 3 ของซีรีส์ Devil Summoner และอยู่ภายใต้แฟรนไชส์ของ Shin Megami Tensei ซึ่งตัวเกมเคยวางจำหน่ายไปช่วงยุคของ PlayStation 2 ทั้งนี้ RAIDOU ยังถือเป็นภาคแยกอีกต่อของ Devil Summoner ด้วยเกมเพลย์แบบแอคชั่นที่แหวกขนบของแฟรนไชส์ ทำให้ได้รับรสชาติแปลกใหม่ในการเล่นที่ต่างออกไปจากเกมอื่นของค่ายที่จะมาในแนว RPG เป็นหลัก และด้วยความรวดเร็วของเกมเพลย์ กอปรกับคาแรคเตอร์สุดคูลเท่ของตัวเอก และบรรยากาศหม่นๆ ในโลกทัศน์สมมติของญี่ปุ่นยุคไทโชก็ทำให้ RAIDOU นั้นมีฐานแฟนๆ ไม่น้อย และในเวอร์ชั่น Remastered ก็ดูจะยังคงรักษาจุดเด่นเหล่านั้นไว้อย่างครบถ้วน พร้อมกับเติมเพิ่มของใหม่เข้ามาให้เกมทันสมัยมากยิ่งขึ้น
ขอต้อนรับสู่ญี่ปุ่นยุคไทโชและคุณคือ Raidou Kuzunoha คนที่ 14
RAIDOU Remastered: The Mystery of the Soulless Army โดดเด่นด้วยการเลือกใช้ฉากหลังทางประวัติศาสตร์ที่มีเอกลักษณ์และชวนให้สนใจ อย่างยุคไทโชของญี่ปุ่น ผู้เล่นจะได้รับบทเป็น Raidou Kuzunoha รุ่นที่ 14 ผู้ใช้ภูตปีศาจจากตระกูล Kuzunoha ซึ่งแท้จริงแล้วใช้นามแฝงปิดบังตัวตน เรื่องราวจะเกิดขึ้นในช่วงทศวรรษ 1930 ของญี่ปุ่น ที่ตัวละครของเราได้เริ่มทำงานร่วมกับสำนักงานนักสืบของ Narumi จนกระทั่งวันดีคืนดีก็มีคดีหนึ่งเข้ามา มีหญิงสาวพยายามขอให้ Raidou พรากชีวิตเธอไปแต่ไม่สำเร็จ ก่อนที่เธอจะถูกเหล่าทหารผ้าคลุมแดง (Red Cape) พาตัวไป เมื่อนั้นการผจญภัยเพื่อกอบกู้อนาคตของมนุษยชาติของ Raidou จึงเริ่มขึ้น
ภายในเกมเราจะได้เห็นสภาพบ้านเมืองของญี่ปุ่นในยุคที่กำลังมีการปฏิวัติอุตสาหกรรม สิ่งใหม่ๆ กำลังเข้ามาแทนสิ่งเก่า และยังมีเรื่องราวของปีศาจในเงามืดกับนักล่าปีศาจที่เรียกตัวเองว่า Devil Summoner มาพร้อมการเล่าเรื่องที่ออกแนวอึมครึม เน้นความจริงจัง และธีมสืบสวนสอบสวน ที่ช่วยขับเน้นให้เรื่องราวที่ดำเนินให้ดูไม่น่าไว้ใจ มีบางอย่างไม่ชอบมาพากล ก่อนจะนำไปสู่การเฉลยปมที่น่าประทับใจไม่หยอก
ในภาพรวมเนื้อเรื่องและการเล่าเรื่องมีความกระชับไม่ยืดเยื้อ ถ้ามองด้วยฟิลเตอร์จากเกมยุคปัจจุบันก็คงอาจไม่ได้เร้ามากมาย แต่หากมองว่ามันคือการ Remaster จากของเดิมแบบแทบจะ 1 ต่อ 1 ก็อาจจะไม่ใช่เรื่องที่จะมาติติงอะไรกันขนาดนั้น
ไม่ใช่แค่ปรับกราฟิก แต่ยกเครื่องเกมในหลายๆ จุด
โดยปกติแล้วเกมที่ถูก Remaster มักจะมีจุดเด่นที่เรื่องการปรับภาพให้ดูสมัยใหม่เป็นหลัก แต่สำหรับ RAIDOU Remastered: The Mystery of the Soulless Army บอกเลยว่าเป็นมากกว่านั้นครับ เพราะหากถามว่ามันต่างจากภาคเดิมยังไง? มันมีทั้งเรื่องที่ต่างสุดขั้วอย่างการยกระดับระบบต่อสู้ และเรื่องที่ไม่เคยเปลี่ยนคือความรู้สึกและจิตวิญญาณความเป็น RAIDOU นั่นเอง
เพราะตัวเกมเหมือนจะประกาศเจตนารมชัดเจนตั้งแต่ฉากมูฟวี่เปิดเกม ที่ทำแค่ปรับคุณภาพกราฟิกเท่านั้น แต่มุมกล้องการเคลื่อนไหว ฉากต่างๆ ก็ยังคงเหมือนของเดิมแบบช็อตต่อช็อต นับรวมไปถึงมูฟวี่คัตซีนภายในเกมที่คงซีนและซีเควนซ์เดิมๆ ไว้และยกระดับกราฟิกเอา ซึ่งจุดนี้ก็น่าจะได้ใจแฟนๆ มากมาย บางคอมเมนต์ในตัวอย่างเกมก็บอกว่าทำถูกแล้วที่ไม่เปลี่ยนอะไรที่ดีอยู่แล้วมากจนเกินจำเป็น
ขณะที่ในส่วนของกราฟิกภายในเกมนั้นแน่นอนว่าถูกยกเครื่องเช่นกัน แต่เพราะเกมนี้ยังอยู่ในข่าย Remaster ไม่ใช่ Remake จะไปคาดหวังอะไรที่มันเล่นใหญ่อลังการดาวล้านดวงแบบ Persona 3 Reload ก็คงจะผิดไปหน่อย ถึงอย่างนั้นก็ยังอยู่ในระดับน่าพอใจ ทั้งยังรักษามู้ดและอารมณ์เดิมๆ ของเกมต้นฉบับไว้ได้อย่างครบถ้วน
นอกจากนี้ก็ยังมีการเพิ่มเติมของใหม่ๆ เข้าไปอีกพอสมควรเพื่อให้เกมเล่นได้สนุกสนานมากขึ้น อย่างเช่นเสียงพากย์ที่เป็นฟูลวอยซ์สำหรับเนื้อเรื่องหลักแล้ว, เพิ่ม Demon เข้าไปกว่า 50 ชนิด, ระบบตีดาบ, ระบบ Fast Travel รวมไปถึง Quality of life อีกเป็นกระบุงโกยที่ไล่กันไม่หวาดไม่ไหว เสริมให้ RAIDOU Remastered: The Mystery of the Soulless Army เป็นเกมที่อัปเกรดขึ้นมาจากภาคดั้งเดิมของมันอย่างเห็นได้ชัด กิจกรรมเยอะขึ้น เข้าถึงสะดวกขึ้น แต่มองทั้งเนื้อตัวแล้วยังเป็น RAIDOU ที่เคยรู้จักเมื่อหลายปีก่อน
ความสนุกที่แตกต่างจาก Persona และ Shin Megami Tensei
การแชร์ Legacy ร่วมกันถือเป็นเรื่องปกติของแฟรนไชส์ Shin Megami Tensei นั่นก็คือเหล่า Demon มากหน้าหลายตาที่รับจ๊อบวนกันไปเวียนกันมาในแต่ละเกมนั่นเอง บางเกมอาจจะมีตัวพิเศษบ้าง แต่หลักๆ แล้วก็มักจะเป็นเหล่าปีศาจหน้าเดิมๆ ที่คุ้นเคย ซึ่งใน RAIDOU Remastered: The Mystery of the Soulless Army ก็ไม่ต่างกัน จะมีปีศาจเหล่านี้กว่า 120 ชีวิตให้ได้ไล่จับหรือผสมมาใช้ ซึ่งระบบผสมมอนสเตอร์อาจจะไม่ละเอียดเท่าพวกเกมที่เป็น RPG แต่ก็ถือว่าเพียงพอและเป็นหนึ่งในพาร์ทสำคัญของเกมนี้ไม่ต่างจากภาคต้นฉบับ
แต่หากจะมีอะไรที่ให้ภาพลักษณ์ต่างจากเกมภาคต้นฉบับโดยสิ้นเชิงก็คงเป็นระบบต่อสู้หลักของเกมที่ถูกยกเครื่องแบบใหม่หมดจรด จากหน้าต่อสู้ที่ล็อคมุมกล้อง ก็มีการปรับเปลี่ยนให้มุมกล้องในเกมเคลื่อนตามหลังตัวละครได้แล้ว และผู้เล่นสามารถหมุนไปมาสอดรับกับมิติการเคลื่อนไหวของตัว Raidou ที่มากกว่าเดิม เพราะในเกมเวอร์ชั่นนี้ตัวเอกของเรากระโดดได้, แดชได้, กระโจนหลบได้, มีสกิลพิเศษ พร้อมกับพาสซีฟและท่าไม้ตาย ที่เข้ามาเสริมให้การต่อสู้ดุเดือดสุดมันส์ขึ้นเป็นกอง
ซึ่งนี่คือความแตกต่างจากเกมซีรีส์อื่นในแฟรนไชส์ Shin Megami Tensei ที่มักจะมาในแนวของ Turn Base เป็นหลัก อย่าง Persona ภาคหลังๆ ก็จะนำเสนอ Turn Base แบบสมัยใหม่ ขณะที่ Shin Megami Tensei จะมาในแนว Turn Base อนุรักษ์นิยมหน่อยๆ แต่กับ RAIDOU Remastered: The Mystery of the Soulless Army นั้นมาในแนวแอคชั่นฉับไว ตัดอารมณ์และฉีกจากรุ่นพี่เกมอื่นๆ ได้อย่างดี ที่สำคัญคือยังเล่นได้สนุกไม่แพ้กัน
ทั้งนี้นอกจากความเป็นแอคชั่นเรียลไทม์แล้ว การเรียก Demon มาเป็นผู้ช่วยในสนามได้พร้อมกัน 2 ตัวและสับเปลี่ยนได้เรื่อยๆ ระหว่างต่อสู้ยังเพิ่มไดนามิคให้เกมเพลย์ได้เป็นอย่างดี ถ้าไฟต์ไหนสู้ยาก ก็ลองเปลี่ยน Demon ตัวอื่นที่ชนะทางลงมาช่วยสู้ได้ โดย Demon เหล่านี้จะมีสกิลและธาตุที่ต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับว่าผู้เล่นจะผสม Demon ชนิดไหนมาใช้ หรือกำหนดให้ Demon ตัวนั้นๆ มีสกิลอะไรบ้าง ระบบต่อสู้ของเกมจึงมีความลึกในจุดนี้ มากกว่าความล้ำลึกในการต่อคอมโบดาบซึ่งดูเหมือนเกมจะไม่ได้เน้นขนาดนั้น
เราสามารถสั่ง Demon ให้ใช้ท่าอัตโนมัติหรือกั๊กท่าสกิลไว้ก่อนก็ย่อมได้ด้วยการกดปุ่มเดียว รวมไปถึงการสั่งให้ Demon อยู่ในสถานะหายตัวแต่จะยุติการใช้ทุกท่า ซึ่งที่เกมมีระบบนี้ขึ้นมาก็คงเพราะต้องการเพิ่มมิติด้านการวางแผนสู้ให้กับผู้เล่นมากขึ้น
เพราะในการใช้ Skill ของทั้งตัวของ Raidou และ Demon ทั้งคู่จะต้องแชร์ค่า MAG การเปิดหรือปิดท่า Skill ของ Demon เพื่อบริหารค่า MAG ซึ่งเป็นพูลกลางจึงสำคัญอย่างยิ่ง เพราะหลายครั้งหากใช้ท่าสะเปะสะปะเกินไป ก็อาจจะลำบากในไฟต์ถัดๆ มาได้ ส่วนการสั่งให้ Demon ล่องหน ก็จะช่วยให้ Demon รอดพ้นจากท่าโจมตีรุนแรงของศัตรู ไม่ทะเล่อทะเล่อพุ่งไปโดนและตายไปอย่างง่ายๆ นั่นเอง
ซึ่งถ้าหากผู้เล่นใช้ฟีเจอร์นี้ได้คล่องก็จะช่วยในการเอาตัวรอดจากไฟต์ตึงๆ ได้ง่ายกว่าเดิม และก็เหมือนทีมงานจะคิดไว้แล้วเช่นกัน เพราะ UI ของเกมก็เป็นอีกจุดที่ถูกปรับปรุงให้คลีนขึ้น ใช้งานได้ง่ายขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น กดได้สะดวกมือไม่มีอะไรที่ติดขัดนักครับ
นี่คืออีกหนึ่งการ Remaster ที่ยอดเยี่ยม
หลังจากผ่านมือมาพอสมควร ผมคิดว่าในภาพรวมนั้น RAIDOU Remastered: The Mystery of the Soulless Army เป็นการ Remaster ที่เกินเรื่องอยู่มาก เพราะมันไม่ใช่แค่การปรับปรุงกราฟิกให้คมชัดกว่าเดิม แต่ยังเพิ่ม Quality of life เข้ามาแบบเบิ้มๆ รวมไปถึงการยกระดับระบบต่อสู้แบบทั้งยวงให้มีความทันสมัยและสามารถเล่นได้ลื่นไหลสนุกสนานมากขึ้น พร้อมกับระบบ Demon ผู้ช่วยที่เข้ามาเสริมเติมความกลมกล่อมได้อย่างดี
และแม้จะเปลี่ยนไปขนาดนี้มันก็ยังให้ความรู้สึกถึงการเป็น RAIDOU ที่หลายๆ คนเคยตกหลุมรักเมื่อหลายปีก่อนไม่เปลี่ยนแปลงราวกับได้กลับมาเจอเพื่อนเก่าที่ภายนอกเติบโตขึ้นตามยุคสมัยอย่างไรก็อย่างนั้น ผมรู้สึกจริงๆ ว่ามันเป็นเกมที่ถูก Remaster ด้วยความรักและความเคารพต่อเกมต้นฉบับอย่างสุดหัวใจ และผมคิดว่าแฟนๆ ที่รอคอยเกมนี้อยู่ พอได้ลองเล่นแล้วก็น่าจะรู้สึกถึงมันได้เช่นกันครับ
RAIDOU Remastered: The Mystery of the Soulless Army วางจำหน่ายแล้วบน PS4/PS5, Xbox Series, Nintendo Switch และ PC (Steam)
และจะวางจำหน่ายบน Nintendo Switch 2 ด้วยเช่นกัน
***เวอร์ชัน Nintendo Switch 2 จะเปิดตัวพร้อมกับการวางจำหน่ายเครื่อง Nintendo Switch 2
ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์ทางการ และเพจ Facebook ของ Atlus!
ติดตามข่าวเกมพีซี/คอนโซลอื่นๆ ได้ที่ Online Station
