Onimusha: Way of the Sword ถือเป็นหนึ่งในเกมที่มีแฟนเกมตั้งหน้าตั้งตารอคอยมากที่สุดของ Capcom ในช่วงนี้เลยก็ว่าได้ครับ นั่นก็เพราะตัวเกมได้ห่างหายจากการทำภาคใหม่มานานถึง 20 ปีพอดีถ้านับตั้งแต่วันวางขายภาค Dawn of Dreams มาจนถึงภาค Way of the Sword แน่นอนครับว่าการปล่อยให้แฟน ๆ รอนานขนาดนี้ทางผู้พัฒนาเกมก็ต้องมีการทำการบ้านอย่างหนักเพื่อให้การรอคอยถึง 2 ทศวรรษนี้ออกมาคุ้มค่าที่สุด และล่าสุดทีมงาน Online Station ก็ได้มีโอกาสชมเกมเพลย์ของเกมนี้มาพอหอมปากหอมคอ ที่ภูมิใจเสนอโดย Capcom เอง เลยจะมาเล่าถึงสิ่งที่ได้เห็นกันไปว่ามีอะไรเพิ่มเติมหรือเปลี่ยนแปลงไปบ้างในบทความพรีวิวนี้ครับ


เกมเพลย์ที่ทีมงานได้ชมไปจะเป็นช่วงที่มุซาชิเดินทางมายังวัดคิโยมิซึเดระ ในจังหวัดเกียวโต ซึ่งกำลังถูกพวกกองทัพปีศาจร้ายที่มีชื่อเรียกว่า "เก็นมะ" เข้ารุกราน เริ่มต้นมามุซาชิจะพบกับบริเวณที่เป็นเหมือนพื้นที่พักพิงของกลุ่มชาวบ้านที่รอดชีวิตก่อน โดยพื้นที่ดังกล่าวจะไม่มีศัตรูมาป่วน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าในตัวเกมเต็มจะมีระบบร้านค้าที่ขายไอเทมฟื้นพลังหรืออุปกรณ์ที่จำเป็นตรงพื้นที่ส่วนนี้ด้วยหรือไม่นะครับ กระทั่งพอออกมาจากพื้นที่ตรงนั้นแล้วก็เป็นการเข้าสู่โซนอันตรายที่ชุกชุมไปด้วยศัตรูนานาชนิดเลย
ใครที่เคยเล่นเกมซีรีส์โอนิมูฉะมาก่อนคงพอทราบกันดีว่าเวลาที่เราโจมตีหรือสังหารศัตรูได้ พวกมันจะดรอปวิญญาณออกมาเป็นสีต่าง ๆ โดยสีแดงคือค่าประสบการณ์ สีน้ำเงินจะช่วยฟื้นฟูเกจท่าไม้ตาย และสีเหลืองจะฟื้นฟูเกจพลังชีวิต ซึ่งภาคใหม่นี้ก็ยังคงเป็นรูปแบบเดิมอยู่ ทว่าจะมีการปรับปรุงระบบให้ตัวมุซาชิสามารถเคลื่อนที่และดูดวิญญาณเหล่านั้นเข้ามาในปลอกแขนไปพร้อม ๆ กันได้แล้ว ทำให้ผู้เล่นไม่ต้องตกเป็นเป้านิ่งขณะดูดวิญญาณอีกต่อไป แต่ก็ไม่ควรปล่อยให้เวลาผ่านไปนานเกินหลังจากที่วิญญาณดรอปจากร่างศัตรู มิเช่นนั้นแล้ววิญญาณก็จะหายไปเองและดูดเข้าตัวเราไม่ได้อีกเลย ตรงจุดนี้ผู้เล่นเลือกว่าจะโจมตีศัตรูเพื่อเคลียร์ระยะห่างอีกสักนิดแล้วค่อยดูดวิญญาณมาทีเดียวเลยก็ได้ ตามสถานการณ์จะอำนวย


ทีนี้ ศัตรูในเกมจะโชว์เกจเหนือศีรษะจำนวน 2 เกจ โดยเกจแรกจะเป็นพลังชีวิต และอีกเกจที่อยู่ด้านล่างคือเกจการป้องกันของตัวศัตรูเอง ซึ่งช่วงที่เราเข้าใกล้วัดคิโยมิซึเดระเข้าไปเรื่อย ๆ เกมจะให้เราได้เผชิญหน้ากับศัตรูที่ถือธนูโจมตีระยะไกลได้ และเริ่มสอนระบบการตั้งการ์ด (ยกดาบขึ้นป้องกัน) รวมถึงระบบ Parry ที่เป็นการกดตั้งการ์ดในจังหวะที่การโจมตีของศัตรูกำลังจะถึงตัวเราพอดี โดยถ้าเรา Parry การโจมตีระยะประชิดสำเร็จ เกจการป้องกันของศัตรูจะลดฮวบ และมีผลทำให้มันเสียจังหวะหรือผงะไปด้านหลังได้ เกจนี้จะลดได้อีกทางด้วยการที่เราเข้าไปโจมตีมันตรง ๆ แต่จะลดในปริมาณที่น้อยกว่าการบล็อกการโจมตีจากมันพอสมควร นอกจากนั้นแล้วถ้าเรากด Parry การโจมตีระยะไกลสำเร็จ เราจะสะท้อนลูกธนูหรือลูกพลังกลับไปหาศัตรูตัวที่ยิงมาได้เช่นกัน การ Parry จึงเป็นการเพิ่มมิติให้กับระบบต่อสู้ของเกมนี้อย่างมาก และใช้พลิกสถานการณ์ได้หลายจังหวะเลยทีเดียว
ขณะเดียวกัน ตัวมุซาชิก็จะมีเกจการป้องกันด้วยนะครับ และการยกดาบขึ้นมาตั้งการ์ดแต่ละครั้ง เกจที่ว่านี้ก็จะค่อย ๆ ลดลงไปด้วย แต่ถ้าเป็นการ Parry จะมีผลตรงกันข้ามทำให้เกจของศัตรูลดลงแทน ด้วยเหตุนี้ Parry เลยเป็นระบบลักษณะ High-risk High-reward ถ้าผู้เล่นฝึกกดให้ถูกจังหวะจนชำนาญ ก็จะช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้นมาก ซึ่งเมื่อไหร่ก็ตามที่เราทำให้เกจการป้องกันของศัตรูลดจนเกลี้ยงได้ ศัตรูตัวนั้นจะอยู่ในสภาพที่ขยับไม่ได้ชั่วขณะ และเป็นการเปิดช่องให้เราเข้าไปโจมตีหนัก ๆ หรือใช้ท่ารุนแรงใส่มันเต็มที่ ยิ่งหากเป็นศัตรูระดับบอสเราจะสามารถเลือกท่าที่ปรากฏบนหน้าจอในการโจมตีใส่มันได้


อนึ่ง ในหลาย ๆ โอกาสเราจะอาจจะต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ถูกศัตรูมากกว่า 1 ตัวเข้ามารุม ระบบ Parry ก็จะเข้ามามีบทบาทตรงนี้ด้วย โดยถ้าเรากะจังหวะดี ๆ แล้ว Parry ตอนมันโถมเข้ามาโจมตี เราจะออกแอ็กชั่นคล้ายกับการเบี่ยงหลบหรือกระแทกมันให้ไปชนกับวัตถุประกอบฉาก อาทิ โคมไฟหิน ต้นไม้ ฯลฯ ทำให้มันรับความเสียหายเพิ่มได้ หรือถ้ามันไปชนถูกโคมไฟก็จะทำให้ร่างกายมันติดไฟ และได้รับดาเมจจากไฟเพิ่มอีกทาง
ทางด้านท่าไม้ตายหรือสกิลที่ใช้เกจพลังเวทของมุซาชิจะมีการเพิ่มประสิทธิภาพเข้ามาอีกอย่าง นั่นคือทุก ๆ ฮิตของการโจมตีด้วยท่าไม้ตายหรือสกิล ศัตรูจะดรอปวิญญาณสีเหลืองที่ช่วยฟื้นฟูพลังชีวิตด้วย ผู้เล่นจึงไ่ม่จำเป็นต้องอาศัยการโจมตีติดคริติคัลที่เรียกว่า อิสเซน (Issen) เหมือนภาคก่อน ๆ อีกต่อไป และระบบอิสเซนในภาคนี้ก็เพิ่มความโหดและเร้าใจขึ้นมาอีกขั้น โดยลักษณะการใช้ยังคงเหมือนเดิม คือกดโจมตีในจังหวะเดียวกับที่ศัตรูกำลังจะโจมตีถูกตัวเรา ก็จะสามารถโจมตีแบบคริติคัลที่มีความรุนแรงสูงได้ ศัตรูระดับลูกกระจ๊อกมักจะตายในดาบเดียวเมื่อโดนอิสเซนเข้าไป อีกทั้งถ้ามีศัตรูลูกกระจ๊อกยืนกระจุกกันเป็นกลุ่ม อิสเซนยังสามารถ "เชน" หรือทำคอมโบกับศัตรูที่อยู่ใกล้เคียงกันได้หมด และศัตรูที่ถูกท่าอิสเซนจะตายในสภาพโหด ๆ อาทิ ตัวขาด ตัวแหว่ง เลือดสาด ราวกับได้ดูหนังซามูไรที่เต็มไปด้วยอรรถรสยังไงยังงั้น


จากที่เกริ่นถึงการ Parry เพื่อสะท้อนการโจมตีแบบโปรเจกไทล์ของศัตรูไปในย่อหน้าก่อน ๆ ตัวเกมยังมีการขยายระบบอย่างหนึ่งเพิ่มเข้ามาที่มีชื่อว่า Powered-up State โดยหากมุซาชิทำการสะท้อนการโจมตีของศัตรูได้บ่อยครั้งก็จะเข้าสู่ภาวะ Powered-up ชั่วขณะ ซึ่งระหว่างที่อยู่ในสภาวะนี้ มุซาชิจะโจมตีแรงขึ้น และการโจมตีขณะที่อยู่ในสถานะ Powered-up จะทำให้ศัตรูดรอปวิญญาณสีน้ำเงิน ที่ช่วยฟื้นฟูเกจพลังเวทสำหรับใช้ท่าไม้ตายหรือสกิลด้วย
ปลอกแขนแห่งยักษ์ที่มุซาชิสวมอยู่นั้นจะไม่ใช่แค่ปลอกแขนที่ช่วยเพิ่มพลังอำนาจในการต่อกรเหล่าปีศาจเหมือนภาคก่อน ๆ อีกต่อไป โดยภาคนี้ปลอกแขนจะสามารถสื่อสารพูดคุยกับมุซาชิได้เป็นระยะ และจะมีบทบาทกับเนื้อเรื่องของภาคนี้ด้วยเช่นกัน ขณะที่มุซาชิเองก็จะมีคาแรกเตอร์ที่ดูมีความเป็นมนุษย์มากขึ้น รวมถึงมีแนวคิดตั้งมั่นในวิถีแห่งนักดาบ รักเกียรติและศักดิ์ศรีในฐานะนักดาบที่อยากจะเป็นนักดาบที่เก่งกาจด้วยน้ำพักน้ำแรงตนเอง เราจะได้เห็นตัวตนของเขาชัดเจนขึ้นแน่นอนในเกมเต็มครับ


ในส่วนของการแก้ไขปริศนาจะยังมีให้ผู้เล่นได้ใช้ความคิดกันเช่นเคย ซึ่งมุซาชิจะมีทักษะใหม่ที่เรียกว่า Awaken Oni Vision ที่ช่วยให้ตัวมุซาชิมองเห็นบางจุดของพื้นที่ที่พวกเก็นมะลงอาคมหรือใช้วัตถุบางอย่างขวางทางไปต่อเอาไว้ โดยเราจะต้องใช้ทักษะนี้เพื่อค้นหาอาคมหรือวัตถุเหล่านั้นให้พบแล้วทำลายทิ้ง เพื่อที่จะไปต่อได้ และยังไม่นับรวมถึงปริศนาอื่น ๆ ที่รอผู้เล่นบุกไปไขเพิ่มเติมอีก
และทั้งหมดนี้คือพรีวิวเกม Onimusha: Way of the Sword ที่ทีมงาน OS ได้ชมไปและมาบอกต่อแก่เพื่อน ๆ ครับ โดยคาดว่าในอนาคตอันใกล้เราคงเห็นเกมเพลย์ที่ลึกกว่านี้ หรืออาจจะมาเป็นเดโมให้เล่นเลยก็ได้ใครจะรู้


ติดตามข่าวเกมพีซี/คอนโซลอื่นๆ ได้ที่ Online Station