วันที่ 10 มิถุนายน 1999 หรือวันนี้เมื่อ 26 ปีที่แล้วเป็นวันวางจำหน่ายของเกม Racing Lagoon บนเครื่อง PS1 ที่ประเทศญี่ปุ่น โดยเวลานึกถึงค่ายเกมยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นอย่าง Square Enix หลายคนน่าจะมีภาพจำอยู่ในหัวว่าค่ายมีชื่อเสียงจากเกมแนว RPG เป็นหลักกัน และน้อยคนนักที่จะพอจำได้ว่าค่ายดังกล่าวก็เคยทำเกมแนวแข่งรถจริง ๆ จัง ๆ แถมมีเนื้อเรื่องน่าติดตามอีกต่างหาก ซึ่งก็คือเกม Racing Lagoon นั่นเอง สำหรับเกมนี้เป็นแนวแข่งรถผสมกับแนว RPG ที่ชูความแปลกใหม่ไม่ซ้ำกับเกมแข่งรถซีรีส์อื่น ๆ ในท้องตลาด ซึ่งช่วงเวลานั้นก็มีคนไทยจำนวนหนึ่งติดเกมนี้กันงอมแงมด้วย
(ล่าง) รูปปกเกมและภาพโปรโมต
เรื่องราวของเกม Racing Lagoon จะเกิดขึ้นที่เมืองโยโกฮามะ ประเทศญี่ปุ่น ปี 1999 อันเป็นศูนย์รวมของนักซิ่งประลองความเร็ว ซึ่งเมื่อ 10 ปีก่อนหน้านั้น สถานที่แห่งนี้เคยได้จัดทัวร์นาเมนต์แข่งขันแบบไม่เป็นทางการที่ชื่อว่า Fastest Legend เพื่อเฟ้นหานักซิ่งระดับตำนาน แต่แล้ววันหนึ่ง ทีมเบย์ลากูนเรซซิ่ง (BLR) ที่ประกอบไปด้วยสมาชิก 5 คน นำโดย อิคคิ ฟุจิซาวะ (Ikki Fujisawa) หรือในฉายา The Ace ได้ลงแข่งขันกับทีมไนท์เรซเซอร์ ฮอนมุคุ (NR) แล้วเกิดเหตุร้ายที่ไม่คาดฝันขึ้น โดยพระเอกของเกมนี้มีชื่อว่า โช อาคาซากิ (Sho Akasaki) หนุ่มความจำเสื่อมผู้เพิ่งเข้าร่วมเป็นสมาชิกหน้าใหม่ของทีม BLR และเจ้าตัวมีจุดประสงค์เบื้องหลังที่ต้องการจะสืบหาความจริงของเหตุการณ์ Fastest Legend พร้อมกับรื้อฟื้นความทรงจำของตัวเองกลับมาให้ได้
รูปแบบการเล่นของเกมนี้ จะเป็นแนวแข่งรถสไตล์ RPG ผสมแนวโอเพ่นเวิลด์ โดยผู้เล่นจะได้บังคับรถของเราผ่านมุมกล้องแบบ Bird-eyes View และสามารถท้ารถอื่นเพื่อดวลกันได้ด้วยการกระพริบไฟหน้ารถใส่กัน นอกจากนั้นแล้ว ตัวเกมยังมีระบบปรับแต่งรถยนต์เพื่อเพิ่มสมรรถนะด้านต่าง ๆ เมื่อไหร่ก็ตามที่เราแข่งชนะคู่ต่อสู้ได้ ก็จะได้รับชิ้นส่วนของรถคันดังกล่าวมาเป็นของเรา ทั้งนี้ ตัวเกมจะประกอบไปด้วย 2 โหมด ได้แก่ High Speed Driving RPG ที่เป็นโหมดเนื้อเรื่องสไตล์ RPG และโหมด 2 Warriors Battle Mode ที่จะเป็นการดวลความเร็วแบบตัวต่อตัวกันเพียว ๆ ขณะเดียวกัน ผู้เขียนบทของเกมนี้คือคุณโมโตมุ โทริยามะ (Motomu Toriyama) หากใครเป็นแฟนเกมของค่าย Square Enix คงน่าจะรู้จักเขาในฐานะที่เป็นผู้กำกับเกม Final Fantasy X-2 และ Final Fantasy XIII นั่นเองครับ
อนึ่ง เกม Racing Lagoon มีการวางจำหน่ายเฉพาะในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น ซึ่งก็แน่นอนว่าภาษาในเกมก็มีแต่ญี่ปุ่นด้วย กระทั่งในเดือนพฤศจิกายน 2021 ก็ได้มีแฟนเกมในต่างประเทศนำไฟล์ของเกมมาทำซับไตเติ้ลและคำอธิบายในเมนูเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด (แฟนซับ) แล้วนำมาปล่อยเป็นไฟล์แพตช์ให้คนไปดาวน์โหลดเวลานำเกมไปเล่นบนอีมูเลเตอร์กันเอง นอกจากนั้นแล้วตัวเกมยังทำยอดขายในญี่ปุ่นไปได้เพียงประมาณ 140,000 ชุดเท่านั้น ซึ่งน้อยเกินกว่าที่ Square Enix (หรือ Square ในชื่อเดิม) คาดหวังเอาไว้ และนั่นเลยเป็นสาเหตุที่ตัวเกมไม่มีภาคต่อออกมาอีกเลย
ติดตามข่าวเกมพีซี/คอนโซลอื่นๆ ได้ที่ Online Station