Remember Me ครบรอบ 12 ปี เกมผจญภัยของสาวนักล่าความทรงจำ

แชร์เรื่องนี้:
Remember Me ครบรอบ 12 ปี เกมผจญภัยของสาวนักล่าความทรงจำ

วันที่ 3 มิถุนายน 2013 หรือวันนี้เมื่อ 12 ปีที่แล้ว เป็นวันวางจำหน่ายของเกม Remember Me บน PS3, Xbox 360 และ PC ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเกมนี้เป็นผลงานเกมชิ้นแรกของค่าย Dontnod Entertainment ที่เป็นผู้สร้างเกม Life is Strange ด้วยนั่นเอง ซึ่งทีมงานของ Dontnod ในตอนแรกตั้งใจที่จะทำเกมต่าง ๆ เป็นแนวขับเคลื่อนด้วยเนื้อเรื่อง และเนื้อเรื่องนั้นต้องกระตุ้นให้ผู้เล่นได้คิดตาม และกระตุกต่อมจริยธรรมหรือมโนสำนึกของผู้เล่นได้ และนี่ก็เลยเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จที่ทางค่ายบรรลุได้กับเกม Life is Strange ในเวลาต่อมาครับ

(ล่าง) ปกเกมบน PS3, Xbox 360 และ PC โดยสมัยนั้นเวอร์ชั่น PC ยังมีการทำเป็นแผ่นอยู่บ้าง

เซ็ตติ้งของเกม Remember Me จะเป็นเหตุการณ์ในโลกอนาคตปี 2084 ที่กรุงปารีสยุคอนาคตถูกเรียกว่า นีโอปารีส เมื่อมีองค์กรเมโมไรซ์ (Memorize) ได้คิดค้นและประดิษฐ์อุปกรณ์ปลูกถ่ายบนสมองมนุษย์ที่มีชื่อว่า เซนเซน (Sensen) ได้เป็นผลสำเร็จ โดยอุปกรณ์นี้จะช่วยให้ประชากรโลกราว ๆ 99% สามารถอัปโหลดและแบ่งปันความทรงจำไปยังผู้อื่นได้ รวมถึงการลบความทรงจำที่เราไม่อยากจะให้มันมาอยู่ในสมองออกไปได้ด้วยเช่นกัน ทว่าเซนเซนเองก็มีผลข้างเคียงทำให้มนุษย์บางคนที่รับความทรงจำของผู้อื่นเข้ามามากเกินไปกลายสภาพเป็นสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า ลีปเปอร์ (Leaper) และต้องอาศัยอยู่ตามท่อระบายน้ำใต้ดินของนีโอปารีส และนั่นก็เลยเป็นที่มาของการเกิดกลุ่มเออร์โรริสต์ (Errorist) ที่เป็นกองกำลังต่อต้าน ซึ่งมีจุดมุ่งหมายในการโค่นล้มองค์กรเมโมไรซ์และให้มนุษย์ได้ใช้ชีวิตกันอย่างเป็นปกติสุข

ในส่วนของเกมนี้ ผู้เล่นจะได้รับบทเป็น นิลิน (Nilin) เจ้าหน้าที่จากเออร์โรริสต์ โดยเธอถูกพวกองค์กรเมโมไรซ์จับมาขังอยู่ในป้อมบาสตีย์เพื่อรอการลบล้างความทรงจำในตัวทิ้งทั้งหมด แต่ทว่า เอดจ์ (Edge) ที่เป็นผู้นำของกลุ่มเออร์โรริสต์เข้ามาช่วยไว้ได้ทันและพาหนีออกมาได้สำเร็จ ซึ่งเอดจ์พยายามเล่าเพื่อช่วยฟื้นฟูความทรงจำให้กับนิลินว่าเธอเป็นคนที่มีทักษะในการ "ขโมย" และ "เรียบเรียง" ความทรงจำของผู้อื่นได้ นั่นเลยทำให้เธอต้องออกผจญภัยเพื่อฟื้นความทรงจำตัวเองกลับมาให้หมด และทำลายล้างพวกเมโมไรซ์ให้สิ้นซากให้ได้

เกมเพลย์ของเกมนี้จะมีการผสมผสานทั้งช่วงสำรวจและต่อสู้ ผู้เล่นจะได้บังคับตัวนิลินผ่านมุมกล้องแบบมุมมองบุคคลที่ 3 พอเล่นไปสักระยะ เกมจะค่อย ๆ สอนให้เรียนรู้กับทักษะต่าง ๆ ของนิลินที่สามารถเข้าไปยังความทรงจำของเป้าหมาย เพื่อจัดเรียง หรือควบคุมคนผู้นั้นได้ โดยกระบวนการแก้ไขความทรงจำจะต้องทำกันแบบเรียลไทม์ ซึ่งจะมีเรื่องของเวลาและสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าเข้ามาบีบเป็นบางช่วง นอกจากนั้นแล้วก็จะมีปริศนาตามทางให้นิลินต้องแก้เพื่อไปต่อในหลาย ๆ จุดด้วย

ทางด้านการต่อสู้ นิลินจะสามารถสร้างหรือปรับแต่งคอมโบและรูปแบบการโจมตีของตัวเองขึ้นได้มาอิสระ ด้วยระบบที่เรียกว่า Pressen ที่จะมีแบ่งท่วงท่าต่าง ๆ ออกเป็น 4 หมวดหมู่ให้เราผสมผสานได้สูงสุด 4 คอมโบต่อ 1 ชุดโจมตี (และจะปลดล็อคคอมโบที่ 5 ได้เมื่อเล่นเกมไปถึงจุดหนึ่ง) โดยเคยมีการเปิดเผยว่าผู้เล่นสามารถปรับแต่งคอมโบในส่วนนี้ได้ถึง 50,000 รูปแบบเลยทีเดียว

โปรเจกต์การพัฒนาเกม Remember Me เริ่มขึ้นในปี 2008 หรือหลังจากที่ค่าย Dontnod เพิ่งก่อตั้งได้หมาด ๆ โดยตอนแรกตัวเกมเคยมีการวางโครงการไว้ว่าจะใช้ชื่อ Adrift ในฐานะเกม Exclusive บน PS3 และเป็นธีมเกี่ยวกับน้ำท่วมโลกจากภาวะโลกร้อน พร้อมกับให้ตัวละครของผู้เล่นได้ออกเดินทางด้วยเจ็ตสกีเพื่อสำรวจเมืองที่ได้รับผลกระทบ ต่อมาทีมงานก็ได้เบนความสนใจไปโฟกัสเกี่ยวกับเรื่องของความทรงจำ และตัดสินใจออกแบบเกมเสียใหม่ แต่แล้วก็เกิดความเห็นไม่ลงรอยกันระหว่างทีม Dontnod กับ Sony ทำให้โปรเจกต์เกม Adrift ต้องถูกยกเลิกไปในเดือนกุมภาพันธ์ 2011

จากนั้นไม่กี่เดือนให้หลัง ทาง Dontnod ได้นำโปรเจกต์เกมนี้ไปยังงาน Gamescom ปีเดียวกันที่ประเทศเยอรมนี เพื่อคาดหวังว่าจะมีค่ายเกมขนาดใหญ่ให้ความสนใจและให้ทุนในการสร้างเกมจนเสร็จ ปรากฏว่าตัวโปรเจกต์ไปเตะตากับทาง Capcom สาขายุโรปพอดี และตกลงเข้าซื้อสิทธิ์ทรัพย์สินทางปัญญา (เฉพาะเกม Remember Me) ในปี 2012 และมอบทุนสำหรับทำเกม โดยกำหนดให้ตัวเกมเป็นแนวแอ็กชั่นกึ่งผจญภัยและลงแบบมัลติแพลตฟอร์มในที่สุด

Capcom มีการรายงานยอดขายของเกม Remember Me ลงในเว็บไซต์ทางการ (ลิงค์ https://www.capcom.co.jp/ir/english/business/million.html#tab5) ว่าสามารถทำยอดขายไปได้ทั้งสิ้น 1.5 ล้านชุด โดยรวมทุกแพลตฟอร์มแล้ว ซึ่งคุณ Oskar Guilbert ที่เป็น CEO ของ Dontnod ก็ออกมายอมรับว่า Remember Me นั้นทำยอดขายได้ในระดับ "โอเค" ในขณะที่เกม Life is Strange ที่เป็นผลงานเกมถัดมาของพวกเขากลับประสบความสำเร็จอย่างเหลือเชื่อ และกลายมาเป็นผู้กอบกู้สถานะการเงินของ Dontnod ให้รอดพ้นภาวะสุ่มเสี่ยงล้มละลายได้

อย่างไรก็ตาม ในปี 2015 เคยมีรายงานว่า Dontnod ได้เขียนบทสำหรับเกมภาคต่อของ Remember Me เอาไว้แล้ว และคุณ Jean-Maxime Moris ที่เป็นผู้กำกับก็เผยว่าพวกเรารู้แล้วว่าจะทำภาค 2 อย่างไร และจะแก้ไขสิ่งที่ควรต้องปรับปรุงจากภาคแรกยังไง ซึ่งทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับว่า Capcom จะตัดสินใจ "ไปต่อ" มั้ย สุดท้ายแล้วภาคต่อก็ไม่เกิดขึ้น และทีม Dontnod ก็เลือกที่จะทำภาคต่อของ Life is Strange แทนครับ


ติดตามข่าวเกมพีซี/คอนโซลอื่นๆ ได้ที่ Online Station

แชร์เรื่องนี้:
Vesper
About the Author

Vesper

อยากเป็นคนที่ถูกหวย จะได้รวยกว่าถูกรัก

เรื่องที่คุณอาจสนใจ