รีวิวบนระบบ: PlayStation 5 โหมด Performance
ช่วง 2-3 ปีมานี้ ชื่อของ Elden Ring เป็นอะไรที่คุ้นใจกับเกมเมอร์เอามากๆ ไม่ว่าจะในแง่ของการเป็นเกมระดับ GOTY, เกมที่ทำให้หลายๆ คนลองเปิดใจกับเกมแนวโซล, เกมที่มีมีมออกมาไม่เว้นแต่ละวัน หรือเกมที่ถูกต่อยอดผลงานไปสู่สื่ออื่นๆ อีกมากมาย ในระดับที่ว่าแม้ไม่เคยเล่นหรือสัมผัสกับมันมาก่อน หากมีชีวิตเป็นเกมเมอร์ยังไงก็น่าจะต้องรู้จักมักจี่มันบ้างอยู่ดี

วันนี้ผ่านไปเกือบ 3 ปีหลังจากเกมต้นตำรับวางจำหน่ายพร้อมออก DLC มาตอกย้ำความยากมหากาฬอีกหนึ่งตัว ชื่อของ Elden Ring ก็ยังคงไม่หนีไปไหนเปิดตัวภาคที่ถือว่าเป็น Spin-off อย่าง Nightreign ให้เกมเมอร์ได้ฮือฮากันอีกระลอก เพราะการกลับมาคราวนี้ไม่ได้มาเป็นเกมแบบเดิม แต่จะเน้นประสบการณ์แบบมัลติเพลเยอร์เป็นหลัก
ซึ่งหลังจากเราได้ลองไปราวๆ 15 ชั่วโมง ก็คงต้องบอกว่า Nightreign มีแนวทางที่น่าสนใจ แต่ในขณะเดียวกันมันก็เป็นเกมที่เฉพาะกลุ่มสุดๆ ราวกับขีดเส้นมาก่อนเลยว่าหากคุณไม่เคยพิชิต Elden Ring ภาคหลักมาก่อน การผจญภัยใน Nightreign แม้จะร่วมกับเพื่อนอีก 2 คน ก็จะสาหัสสากรรจ์เอามากๆ เพราะเกมจะไม่เสียเวลามาสอนหรือมาโอ๋เหมือนกับเกมหลักของมันนั่นแหละ ผู้เล่นจะต้องเข้าไปลุยและตายเพื่อเรียนรู้สิ่งต่างๆ ภายในตัวเกมเอาเอง พร้อมเพิ่มดีกรีความโหดหินด้วยการจำกัดเวลาเข้ามาอีกต่างหาก
ดังนั้นแล้วสำหรับผมและทีมเขียนอีก 2 คนซึ่งเป็นมือใหม่กับ Elden Ring แถมไม่ใช่คนที่เล่นเกมเก่งกาจอะไร การต้องเล่นเกมสุดหินที่เรียกร้องให้เราต้องชนะเพิ่อปลดล็อคคอนเทนต์เพิ่มเติม ก็ต้องบอกว่านี่เป็นงานที่รีวิวยากที่สุดในรอบหลายปี ไม่ว่าจะในแง่ของการเล่นและการเขียนมันออกมา ก็เอาเป็นว่าเหล่านี้เป็นความคิดเห็นของเกมเมอร์ที่อาจจะพอเข้าใจแต่ไม่ได้คุ้นชินระบบของ Elden Ring มากนัก ผู้อ่านสามารถจะอ่านเป็นมุมมองทางเลือกแล้วไปชั่งน้ำหนักกับเจ้าอื่นที่มีความเซียนในการเล่นมากกว่าก็ได้ครับ แต่เราขอยืนยันว่าพยายามเต็มที่กับมันแล้ว และทั้งหมดนี่คือความคิดเห็นของเรา
เกมโดดร่มที่หากไม่เล่น 3 คน ก็ต้องโซโล่เอา
ทางผู้พัฒนานั้นบอกมาตั้งแต่ต้นว่า Elden Ring Nightreign ถูกออกแบบมาโดยอิงการเล่น 3 คนเป็นหลัก แต่ก็ทำระบบมาเผื่อเล่นเดี่ยวด้วย ดังนั้น ถ้าไม่เล่น 3 ก็ต้องเล่น 1 เป็นสิ่งที่แอบไม่ยืดหยุ่นไปสักหน่อย เพราะหากไม่ครบปาร์ตี้ก็ต้องลุยเดี่ยว ซึ่งถ้าถามผม มันคืออารมณ์คนละเรื่องกันเลยทั้งความสนุกและความยาก ทั้งนี้ทางผู้พัฒนาเพิ่งจะออกมายอมรับว่าลืมคำนึงถึงการเล่น 2 คนเข้าไปด้วย ก็อาจจะเป็นเรื่องดีที่พวกเขารู้ตัวเร็ว และคาดหวังได้ว่าในอนาคตอาจมีการอัปเดตเพิ่มเติมเข้ามา แต่ในเมื่อเวลานี้มันยังไม่มี ก็ถือเป็นเรื่องน่าเสียดายอย่างช่วยไม่ได้ เพราะก็อย่างที่บอกไป มีหรือไม่มีเพื่อนในเกมนี้มันเป็นความต่างที่มหาศาล ไม่ใช่แค่เฉพาะสู้บอสยากขึ้น แต่ยังส่งผลถึงองค์ประกอบเกมเพลย์ทั้งหมดอีกต่างหาก

ระบบคลาสที่ต้องใช้เวลาเรียนรู้
Elden Ring Nightreign มาพร้อมระบบคลาสที่จะให้ผู้เล่นได้เลือกก่อนกระโดดเข้าสนามรบทุกๆ ครั้งครับ แต่ละคลาสก็แน่นอนว่าใช้อาวุธ มีอบิลิตี้หรือสกิลเฉพาะที่แตกต่างกันไป ถึงแม้ว่ามันอาจจะพออ่านแล้วเข้าใจถึงจุดเด่นจุดด้อยได้ง่ายๆ แต่แท้จริงแล้วมันยังมีปัจจัยอย่างอื่นที่ทำให้ผู้เล่นต้องลองทุ่มเวลากับมันอีกพักใหญ่ๆ กว่าจะแตกฉานในแต่ละคลาส
โอเคแหละว่าในเรื่องอาวุธแม้จะเริ่มต่างชนิดกัน แต่ทุกคลาสสามารถใช้อาวุธได้ทุกชนิดอยู่แล้ว อาจจะมีพาสซีฟเสริมอาวุธบางชิ้นในบางคลาสบ้าง แต่ผู้เล่นก็ต้องเรียนรู้จังหวะการใช้ท่าต่างๆ หรืออาวุธระดับพิเศษอยู่ดี หรือแม้กระทั่งเมคานิคของบางคลาสที่ก็ต้องอาศัยความคุ้นเคยในแผนที่เพื่อจะใช้ประโยชน์ อย่างเช่น จอมเวทที่ต้องหาจุดดรอปขวดเติมมานาในแผนที่ ซึ่งมันไม่ใช่แค่จะเดินดุ่มๆ เข้าไปเก็บ แต่ผู้เล่นยังต้องทำเงื่อนไขบางอย่างเพิ่มเข้าไปเพื่อปลดล็อค กลายเป็นเรื่อยสำคัญที่ต้องพยายามเรียนรู้ไปเรื่อยๆ ในรันหลังๆ
ดังนั้น แม้ Elden Ring Nightreign อาจจะดูเหมือนเกมโดดร่ม และใช้เวลาใน 1 รันไม่นาน แต่เกมอาจจะไม่จบใน 1 เพลย์เพราะผู้เล่นต้องเรียนรู้ในทุกส่วนสัดของเกม รวมถึงเก็บรวมเอา Relic ที่ดรอปจากการเล่นในแต่ละรอบมาเพื่อบิลด์ตัวละครแบบเบื้องต้น เพื่อให้รันถัดๆ นั้นสนุกสนานมากขึ้นนั่นเอง

ความไม่ปราณีและเวลาอันจำกัดจำเขี่ยของโลก Limveld
ขอต้อนรับสู่ Limveld โลกที่เอ็กซ์ตรีมกว่า Limgrave เพราะมีเรื่องของเวลาเข้ามาเกี่ยวข้อง ถ้าคุณไม่เร็วหรือไม่ไวพอ คุณอาจจะไม่ได้อะไรเลย อธิบายเพิ่มเติมสักหน่อย โลกของ Elden Ring Nightreign ถูกเรียกว่า Limveld ซึ่งมีลักษณะและไบโอมหลายๆ จุดคล้ายๆ กับ Limgrave ในเกมภาคหลัก แต่เป็นในเวอร์ชั่นย่อส่วนและถูกจัดเรียงใหม่เพื่อให้ผู้เล่นได้ประสบการณ์ความเฟรชอย่างถ้วนทั่ว
แต่เห็นเล็กๆ แบบนี้ก็ยังมีจุดที่ซ่อน หรือรายละเอียดยิบย่อยมากมายรอให้ผู้เล่นได้สำรวจเจอ อีกทั้งในการเล่นแต่ละรอบก็จะมีการสุ่มชนิดของศัตรู รวมถึงพื้นที่ที่มันจะปรากฎตัว ดังนั้นแล้วจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่การเข้าเล่นแต่ละครั้งจะเจอศัตรูไม่เหมือนกัน เพราะมันอาจเปลี่ยนทั้งชนิด ทั้งสถานที่ ลดความจำเจได้อย่างดีสำหรับเกมที่บังคับให้ผู้เล่นต้องทำอะไรซ้ำๆ ครับ
ในทุกๆ การโดดเข้าสู่ Limveld ผู้เล่นจะมีเวลา 3 วันด้วยกันในการไปให้ถึงบอสใหญ่ ในแต่ละวันจะมีเวลาให้ผู้เล่นประมาณราวๆ 15-20 นาทีในการไล่ฟาร์มมอนสเตอร์ หาไอเท็ม หาอาวุธ ตบบอสรอง และหนีวงบีบ ก่อนจะปิดจบด้วยการเจอมอนสเตอร์และบอสประจำวันในวงสุดท้าย พอเข้า Day 2 ก็ทำวนไป แต่อาจจะต้องเข้มข้นยิ่งขึ้น เพราะเลเวลจะเริ่มขึ้นได้ยาก และศัตรูที่สู้ไปแล้วก็จะไม่เกิดมาเพิ่ม ต้องเสี่ยงลุยกับศัตรูที่โหดขึ้น ในขณะที่การตาย 1 ครั้งมันอาจหมายถึงความผิดพลาดที่ส่งผลต่อทั้งรัน ไม่ว่าจะเป็นตัวผู้ตายที่ต้องวิ่งกลับไปเก็บโซลที่ตก รวมไปถึงเลเวลที่ลด 1 ระดับทันที หรือเพื่อนๆ ที่อาจต้องมาช่วยชุบจนเผลอเปิดช่องให้ศัตรูตบจนต้องนอนตาม ทั้งนี้หลังโค่นบอสประจำวันที่ 2 ลงได้ ใน Day 3 ผู้เล่นจะได้เจอบอสใหญ่แทบจะในทันที ซึ่งทำให้ทั้งหมดทั้งมวลผู้เล่นมีเวลาราวๆ 30 นาทีในการเตรียมพร้อมและเอาตัวรอดก่อนเจอบอสใหญ่ครับ

และนั่นทำให้ความแตกต่างระหว่างเล่น 3 คนกับการเล่นคนเดียวมันถึงกว้างขวางเอามากๆ เพราะในช่วงเกมเพลย์ที่ต้องรีบทำเวลาในการปั๊มเลเวลหรือหาอาวุธ หาไอเทม การมีเพื่อนที่แยกกันไปออกสำรวจย่อมขยายขอบเขตความเป็นไปได้ในการเจอบอสหรือไอเทมหายากได้มากกว่าอยู่แล้ว เวลาล้มก็ให้เพื่อนช่วยขึ้นมาได้ครั้งหรือ 2 ครั้ง ถ้าเล่นคนเดียวก็เหมือนตายแล้วตายเลย นอกจากนี้ระบบประสบการณ์ยังเป็นการแชร์ระหว่างกัน เพื่อนตีมอนฯ เราก็ได้ เราตีมอนฯ เพื่อนก็ได้เลเวล ถ้าเล่นจน "อยู่เป็น" กันทั้งทีมแล้ว ก็จะแบ่งหน้าที่กันได้สะดวกขึ้น และช่วยให้การเตรียมพร้อมก่อนเจอบอสใหญ่นั้นเป็นไปอย่างราบรื่นกว่าเดิม
ซึ่งหากคุณต้องเล่นแบบโซโล่ มันจะมีอะไรที่ต้องพยายามจัดการด้วยตัวเองเยอะแยะไปหมดภายในเวลาที่จำกัดจำเขี่ยสุดๆ และกลายเป็นต้องพึ่งสกิลเพลย์ตัวเองมากขึ้นกว่าเดิมอีกหลายเท่าตัว มันเป็นเกมที่หากคุณไม่อยากทำชาลเลนจ์สักอย่างกับตัวเกม ผมก็ไม่อยากจะแนะนำให้เล่นคนเดียวจริงๆ แม้ว่าเกมจะรองรับให้เล่นได้ก็เถอะ

โฉมคล้ายเดิม แต่มาพร้อมกับประสบการณ์ใหม่ ที่ไม่อ่อนโยนกับมือใหม่
ว่ากันตามตรง Elden Ring Nightreign เป็นเหมือนการนำ Legacy ของ Elden Ring มาดัดแปลงเล็กๆ น้อยแล้วอัดเกมเพลย์ที่ฉีกแนวเข้าไป พวกงานศิลป์ งานฉาก หรือกระทั่งศัตรูก็ไม่ได้โดดไปจากเกมหลักมากนัก รวมไปถึงคุณภาพของกราฟิกที่คล้ายเดิมมากๆ แม้แต่อาการเฟรมร่วงและไม่ค่อยนิ่งในบางครั้ง อาจจะมีปรับ UI บางจุดเพื่อให้เข้ากับระบบใหม่ของเกมบ้าง แต่ในภาพรวมมันก็เหมือนกับผู้เล่นได้เข้ามาในโลกอันคุ้นเคยอีกครั้ง ซึ่งนั่นมอบเบเนฟิตให้กับผู้เล่นเก่า Elden Ring ได้อย่างมหาศาลกว่าที่คิด
เพราะในเกมที่คุณต้องทำทุกอย่างแข่งกับเวลาที่กระชั้นเข้ามาเรื่อยๆ การคุ้นเคยกับไอเทม, อาวุธ และอาจรวมไปถึงมูฟเมนต์ของศัตรูแทบทั้งหมดภายในเกมอยู่แล้ว มันก็ช่วยให้ผู้เล่นเก่าไม่ต้องปรับตัวมากมายอะไร อาจมีจังหวะที่เร็วขึ้นบ้าง แต่หลายสิ่งก็เป็นอะไรที่สามารถคาดเดาได้จากประสบการณ์การเล่นเกมหลัก เพราะเป็นแบบนั้นผู้เล่นเก่าจึงสามารถตั้งตัวกับเกมได้ไวกว่า ไม่เหมือนกับผู้เล่นใหม่ที่อาจจะต้องไล่อ่านความสามารถไอเทม, สกิลอาวุธ หรือคาดเดามูฟเมนต์ของศัตรู กว่าจะจับจุดได้ก็อาจต้องใช้เวลาหลายต่อหลายเกม

ซึ่งมันจะกลายเป็นจุดที่คัดผู้เล่นในสไตล์ของเกมโซล คือถ้าทนกับการทำอะไรซ้ำๆ เดิมๆ เพื่อเรียนรู้จังหวะและโลกของเกมให้มากขึ้นได้ ในรันหลังๆ มันก็อาจจะตอบแทนคุณด้วยความรู้สึกที่พึงใจกว่าเก่า เมื่อกลายเป็นผู้เล่นที่ชำนาญคุณก็จะรู้สึกว่าเกมมันสนุกขึ้นมากๆ เป็นเงาตามตัว เพราะจะสามารถเข้าถึงจิตวิญญาณของเกม รวมไปถึงคอนเทนต์ที่ปลดล็อคได้มากกว่าเก่า ในทางกลับกันหากไม่อาจผ่านช่วงฝึกตนอันทรหดไปได้ หรือแค่อยากหาเกมแอคชั่นเล่นกับเพื่อนมันก็อาจจะยังไม่ใช่คำตอบขนาดนั้น ไม่ใช่ว่าเพราะมันเป็นเกมที่ไม่ดีหรือไม่สนุก แต่เพราะเลิน์นนิ่งเคิร์ฟที่สูงลิบจนอาจเกินความอดทนของใครหลายๆ คนนั่นเอง
สรุป
บทสรุปของรีวิว Elden Ring Nightreign ก็อาจจบด้วยความที่ไม่ต่างกับเกมดั้งเดิมของมันนัก แม้จะเป็นเกมที่มอบความรู้สึกใหม่หมดจรดให้กับ IP นี้ แต่แก่นแท้ของความเป็นเกมโซลก็ยังอยู่อยู่เต็มเปี่ยม "มันคือความท้าทาย และจงตายจนกว่าจะพบหนทางชนะ" อีกครั้งที่มันไม่ใช่เกมที่เหมาะกับทุกๆ คน และที่จริงคือมันราวกับจะเลือกเฉพาะคนที่เคยเล่นเกมดั้งเดิมมาก่อนซะด้วย






หากคุณเป็นมือใหม่แล้วรู้สึกว่าไม่สนุกกับมัน คุณไม่ใช่คนผิด แต่หากคุณอยากจะสนุกกับมันให้ได้ ก็จงผิดพลาด ตายซ้ำซาก แล้วเดินหน้าต่อไป จนกว่าคุณจะช่ำชองแล้วเอาชนะมัน
ส่วนสำหรับผู้เล่น Elden Ring เก่าหรือมีความคุ้นเคยกับกับโซลมาก่อนหน้าแล้ว ขอแค่หาเพื่อนมาเล่นด้วยกันอีก 2 คน นี่คือสนามเด็กเล่นที่จะมอบประสบการณ์ใหม่ๆ สุดสนุกสนานให้กับพวกคุณได้อย่างแน่นอนครับ
Elden Ring Nightreign วางจำหน่ายแล้ววันนี้บน PS5, Xbox Series, PC และตัวเกมยังรอบรับภาษาไทยเช่นคย