Crisis Cire : Final Fantasy VII บริการแด่สาวกไฟนอล

แชร์เรื่องนี้:
Crisis Cire : Final Fantasy VII บริการแด่สาวกไฟนอล
[center][img=61172]//img.online-station.net/image_content/2020/03/default-image.jpg[/img][/center][color=blue]ผู้จัดจำหน่าย:[/color] Square Enix[color=blue]ผู้พัฒนา:[/color] Square Enix[color=blue]จำนวนผู้เล่น:[/color] 1 คน[color=blue]ESRB:[/color] 13 ปีขึ้นไป[color=blue]ข้อดี:[/color] ระบบการเล่นยอดเยี่ยมและเนื้อหาดึงดูดใจ[color=blue]ข้อเสีย:[/color] ภารกิจเดิมๆ, เมือง Midgar โล่งโจ้งพิลึก [p][b]JEREMY: [/b]ผมค่อนข้างหวั่นใจกับ Crisis Core เพราะหน้าตาเกมเนี่ยแหละ ก็ Final Fantasy VII ของ Square Enix ภาคนี้เล่นพลิกโฉมจากเกม “สุดเก่า” มาเป็นเกม “สุดอลังการ”น่ะสิครับ แถมช่วงเปิดเกมก็เล่นเอาผมขนลุกซู่เลยทีเดียวเนื่องจากเกมดันเริ่มต้นด้วยฉากมูฟวี่ที่สวยสุดๆ ถือว่าเป็นช่วงที่น่าจดจำที่สุดช่วงหนึ่งของ FFVII เลยทีเดียว แถมการกดปุ่มฟันศัตรูจอมซื่อบื้อที่วิ่งแบบไร้จุดหมายก็ราบรื่นไม่มีสะดุด เหมือนกับเอาส่วนที่เห่ยที่สุดของ Advent Children กับ Dirge of Cerberus มาปนๆ กันงั้นแหละครับ [p][b]แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น [/b]เมื่อเกมกลับออกมาดีซะงั้น การต่อสู้ที่ดูไร้เหตุผลของเกมแอ็กชั่นเกมนี้เหมือนกับหลอกว่าเป็นเกมสวมบทบาทที่ค่อยๆ เผยอะไรบางอย่างที่น่าทึ่งออกมาให้เห็นชัดขึ้น ถึงแม้จะไม่ล้ำลึกขนาดนั้นก็ตามที พวกศัตรูปัญญาอ่อนก็เริ่มฉลาดขึ้น ปราบยากขึ้น เป็นประโยชน์สำหรับคนที่ต้องการสู้ศึกที่หนักหนาสาหัสกว่านี้บ่อยๆ ไม่นานคุณก็จะรู้เองครับว่าการกดปุ่มอย่างเดียวเป็นหนทางที่ทำให้คุณเดี้ยงอย่างรวดเร็ว อีกอย่างการต่อสู้ก็กลายเป็นส่วนสำคัญในการกะเวลา ปฏิกิริยาโต้ตอบและการหลบหลีกด้วย จริงๆ แล้วระบบ Materia ในเกมนี้ก็เจ๋งกว่าใน FFVII ตรงที่คุณปรับแต่ง Zack ได้ทันทีพร้อมทุกสถานการณ์ นอกจากนี้คุณยังสามารถผสม Materia ให้มีประสิทธิภาพกว่าเดิมได้ด้วยนะ อย่างเช่น คาถาไฟที่สร้างความเสียหายให้ศัตรูแล้วเพิ่มพลังกายสูงสุดถึงสามเท่าได้เมื่อใส่ติดตัว เป็นต้น[p][b]เกมนี้ถือว่าเป็นเกม [/b]“ที่เข้าถึงประสบการณ์ของเกมพกพาได้อย่างยอดเยี่ยม” ครับ ความต่อเนื่องของบทสนทนาก็ไม่ได้กลืนกินระบบในเกมนานเกินกว่าหนึ่งถึงสองนาทีต่อครั้งเลย โลกในเกมก็กระชับและสำรวจง่ายดี เป้าหมายก็แจ่มแจ้งชัดเจน แถมยังมีภารกิจมาให้คุณเลือก ได้ต่อสู้กับศัตรูแบบแป๊บเดียวจบพอหอมปากหอมคอ ท่าต่อสู้ก็ดึงดูดใจ (ไม่ขอเอ่ยถึงของรางวัลที่เจ๋งสุดๆ นะครับ) และได้วิ่งฝ่าศัตรูตั้งแต่กระจอกสุดๆ ไปจนถึงยากมหาโหด เหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นซ้ำไปซ้ำมาบ่อยหน่อยนะครับ อีกอย่างสภาพแวดล้อมที่แห้งแล้งคับแคบก็รู้สึกเหมือนทำออกมาลวกๆ อยู่ แต่ที่ว่ามาทั้งหมดก็ทำให้เกมพกพาเกมหนึ่งออกมาสมบูรณ์แบบครับ [p][b]แต่ส่วนที่ทำให้เกมแจ้งเกิดจริงๆ [/b]ก็คือเรื่องราวของเกมที่ถือว่าเป็นตำนานต่างจากเกม Final Fantasy ที่ผ่านๆ มาโดยส่วนใหญ่ แล้วอีกอย่างก็ไม่ได้เอาชื่อ FFVII มาใช้โดยเปล่าประโยชน์ด้วย แน่นอนว่าคุณมีหนุ่มหน้าหวานคนเดิมที่ยึดมั่นกับดาบเล่มโตอยู่แล้ว เพียงแต่เนื้อเรื่องมองผ่านจุดสำคัญช่วงนี้ไปก็แค่นั้นเอง ภาคนี้เป็นเรื่องราวเริ่มแรกสุดของ Zack และความสัมพันธ์ที่เขาพัฒนาขึ้นระหว่างที่เขาเลื่อนขั้นจนโดดเด่นในกลุ่มโซลเยอร์ของ Shinra ก็ได้สร้างตำนานที่ไม่มีใครรู้ในเกมภาคหลักด้วย ถึงเกมจะเซ็ตฉากตามแนว FFVII ในช่วงอดีตให้ดูคลุมเครือกว่าเดิม แต่ก็เลี่ยงไม่ให้ตกหลุมพรางเหมือนภาคก่อนๆ ด้วยการไม่เปิดเผยเรื่องราวที่ช็อกมากจนเกินไปหรือแก้ไขอะไรใหม่จนผิดเพี้ยนไปจากเดิม ภาคนี้ต่างจากภาคอื่นๆ ตรงที่เปลี่ยนไปใช้วิธีการผูกท้องเรื่องให้ดูง่ายและสร้างฉากจบสุดสลดที่เป็นสูตรสำเร็จตายตัวให้เห็นชัดกันไปเลย[center][img]//img.online-station.net/image_content/2020/03/default-image.jpg[/img][/center][p][b]เกมนี้ทำออกมาได้ดีไม่ใช่แค่ให้ดูยิ่งใหญ่อลังการ... [/b]เป็นความเปลี่ยนแปลงของซีรีส์เกมที่ไม่ล้นมากจนเกินไป (เอ่อ ขอยกเว้นพวกศัตรูที่พูดมากจนลิงหลับแล้วกันนะ แต่ถ้าไม่มีพวกนี้ก็ไม่ใช่ Final Fantasy น่ะสิ) ตำนานสุดโปรดที่มาแบบเนิ้บๆ แต่แฝงด้วยระบบการเล่นที่มีประสิทธิภาพ กราฟิกอลังการแถมดนตรีประกอบก็ยอดเยี่ยมนี้ ผมว่าไม่ก็เลวนักหรอกครับที่จะโดนหลอกให้หลงมัวเมาจากความประทับใจแรกเห็น [p][b]MILKMAN:[/b] ผมอุ่นเครื่องกับ Crisis Core ไปรอบนึงจนกระทั่งภาคภาษาอังกฤษออกตามมาเหมือน Jeremy เลยครับ ถึงเกมนี้จะเล่นตามระบบเวลาจริงกับการต่อสู้ที่ต้องสวนกลับทันควันเพื่อหลบหลีกหรือป้องกันการโจมตีด้วยกำลังและการโจมตีด้วยเวทมนตร์ จริงๆ แล้วเกมนี้เหมือนเกมแอ็กชั่นผลัดตาเดินแบบอิสระมากกว่า การสำรวจไอเทม คาถาและเมนูก็ปรับปรุงได้ทันสมัยอย่างที่ควรเป็น (ใช้ปุ่ม L กับ R เลื่อนดูออพชั่น) แต่ก็ยังมีปัญหาติดขัดอยู่อย่างคือ ตอนที่คุณต้องหยุดโจมตีไปสักพักเพื่อใช้ Ether เพิ่ม MP ความเป็นไอ้หนุ่มเลือดร้อนกระหายชื่อเสียงของ Zack แรกๆ อาจไม่ดึงดูดใจคุณ แต่ชะตากรรมที่กำหนดให้เขาเดิน (แฟน FFVII ทุกคนคงรู้เรื่องนี้ดี) กลับทำให้เนื้อเรื่องมีน้ำหนักขึ้นจมเลย[p][b]การเล่นเกมในภารกิจย่อยน่าทึ่งพอๆ [/b]กับเนื้อเรื่องหลักเลยครับ แถมยังมีของที่น่าตื่นตาตื่นใจมากมายมากำนัลคอเกม RPG โดยเฉพาะด้วย คุณจะเจอพวก Materia กับไอเทมที่หายากสุดๆ ได้ในเควสต์ย่อยเหล่านี้ เจ้าเควสต์พวกนี้แหละครับที่คุณจะต้องปราบศัตรูโหดหินสุดๆ ให้หมดก่อนถึงจะได้ของมา ของรางวัลระดับรองลงมาก็คือระบบ DMW ที่น่ารำคาญ (ดูจากกรอบย่อยในหน้าถัดไปนะครับ) เจ้าสิ่งนี้ใช้เป็นสล็อตแมชชีนเสริมทุกอย่างตั้งแต่ท่าโจมตีพิเศษไปจนถึงเลเวลอัพทั้งตัว Zack และคาถาที่เขาใส่อยู่ ดูเผินๆ แล้วภาพเคลื่อนไหวก็น่าทึ่งและเพลิดเพลินดีครับ แต่พอเล่นเกมไปเรื่อยๆ กลับน่าเบื่อซะงั้น ปฏิสัมพันธ์ของชาวเมืองในเกม RPG สไตล์ญี่ปุ่นก็ยังคงต้องวิ่งไปหาซะไกล แล้วค่อยกดปุ่มผ่านบทสนทนาแข็งโป๊กที่แทรกฉากรำลึกเหตุการณ์ในอดีตแบบเกม RPG ค่าย BioWare อย่าง Mass Effect [center][img=61174]//img.online-station.net/image_content/2020/03/default-image.jpg[/img][p][img=61175]//img.online-station.net/image_content/2020/03/default-image.jpg[/img][/center][p]อีกอย่างผมเองก็ไม่ได้บ้าลายเส้นสไตล์นี้เลยสักนิด กราฟิกยอดเยี่ยมพอตัวแถมการที่ Crisis Core ใช้ภาพเคลื่อนไหวและการออกแบบตัวละครแนว Kingdom Hearts ของคุณ Tetsuya Nomura ก็ถือว่ามาแรงทีเดียว แต่ผมว่ามันน่ารักน้อยกว่า FFVII ภาคแรกที่ทำไว้หลายปีก่อนซะอีกนะ[p][b]โดยรวมแล้ว[/b] Crisis Core ทำให้ผมทึ่งเพราะว่าเกมสมบูรณ์กว่าที่ผมคิดไว้มาก แต่การฉายเดี่ยวแบบนี้กลับรู้สึกว่าต้องไตร่ตรองความต้องการของตัวเองให้ดีก่อนที่จะจ่ายเงินซื้อตามกระแสนิยมของ FFVII ครับ[p][b]SHANE: [/b]ขอผมพูดถึงอารมณ์ร่วมของเพื่อนๆ ผมบ้างนะครับที่ว่าระบบการเล่นของ Crisis Core พัฒนาได้อย่างมีชีวิตชีวาขึ้นระหว่างที่คุณกำลังเล่น ใช่เลยครับ ดูเหมือนการต่อสู้ด้วยตัวละครที่น่าอึดอัดเพียงตัวเดียวในเกมเปลี่ยนไปเป็นระบบที่ปรับแต่งเองได้ทันที ทั้งเร็ว ทั้งง่าย และน่าสนใจทีเดียวครับ คิดซะว่าได้กดปุ่มฝึกปรือฝีมือแนวๆ Kingdom Hearts ก็แล้วกัน คุณจะไม่เจอเกมผลัดตาเดินแสนจืดชืดในเกมนี้เลยครับ อย่างไอ้ประเภทหลบหลีก ป้องกัน กระโดดและโจมตีไปเรื่อยๆ อย่างเดียวเนี่ยทำให้การต่อสู้ดูไม่มีอะไรเลยครับนอกจากความน่าเบื่อ นอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนแปลงอื่นๆ อีกนะครับ อย่างเช่น ความสามารถในการลอกเลียน Materia เฉพาะอย่างและสล็อตแมชชีน DMW ที่คาดเดาไม่ถูก ส่วนนอกนั้นก็ไปล้วงลึกเอาในฉากต่อสู้เองนะครับ[p][b]ถึงการต่อสู้ที่สมบูรณ์แบบไม่เหมือนใครของ Crisis Core [/b]จะน่าทึ่ง แต่ว่าเรื่องเล่าที่คุณต้องเข้าไปมีส่วนร่วมและการนำเสนอ ก็ไม่เหมือนพยายามทำแบบสุกเอาเผากินในภาค Dirge of Cerberus ที่ต้องการขุดคุ้ยอดีตที่แสนหดหู่จาก FFVII เกมในภาคต้นกำเนิดนี้ได้สร้างความภาคภูมิใจที่สืบทอดกันมาของซีรีส์นี้ด้วยเนื้อเรื่องที่โดนใจ (แบบมีชั้นเชิงพร้อมเสียงพากย์ช่วงฉากคัตซีนที่ยอดเยี่ยมสุดๆ) แถมองค์ประกอบที่ได้อรรถรสครบถ้วนสมบูรณ์ก็ไม่เหมือนกับเกม PSP เกมอื่นๆ บางส่วนอาจทำให้เกมเวอร์ชั่นพกพาของ God of War พยายามสร้างภาพออกมาดูล้ำทันสมัยกับเขาบ้าง แต่คนที่เคยเล่น FFVII มาก่อนคงจะสลบเหมือดเมื่อเห็นตัวละครตัวโปรดของพวกเขาทำออกมาดีซะขนาดนั้น นอกจากนี้ยังไขกระจ่างเหตุการณ์ในสถานที่เกิดเหตุในเกมนี้ไว้หมดแล้วด้วย อีกอย่างดนตรีประกอบเกมนี้ก็ควรค่าพอที่จะพูดถึงด้วยนะครับเพราะว่าได้รีมิกซ์รสชาติความเป็น FFVII รวมเข้ากับดนตรีร็อกที่หนักขึ้น ช่างเหมาะกับโทนเกมแนวสิ้นหวังหดหู่ได้อย่างสมบูรณ์แบบทีเดียวครับ[p][b]จนแล้วจนรอด Crisis Core ก็ไม่ได้จบเนื้อเรื่อง [/b]อย่างที่แฟนๆ FFVII ต้องการ แต่หลังจากที่ผิดหวังกับ Compilation of Final Fantasy VII มาแล้วสามภาค ทำให้รู้ความจริงว่ามันก็ไม่ได้เลวร้ายนักหรอกที่เกมนี้ควรจะได้รับผลตอบแทนกลับมาบ้าง[center][img=61176]//img.online-station.net/image_content/2020/03/default-image.jpg[/img][/center]
แชร์เรื่องนี้:

เรื่องที่คุณอาจสนใจ