-
หน้าแรก
-
PC CONSOLE GAME
- เรื่องเล่าขานตำนานในเกม : ตำนานสัตว์อสูร (ตอนที่ 2)
เรื่องเล่าขานตำนานในเกม : ตำนานสัตว์อสูร (ตอนที่ 2)
[p]พบกันอีกครั้งกับคอลัมน์เรื่องเล่าขานตำนานในเกม ก่อนเข้าเรื่องคงต้องย้ำกันอีกสักครั้งหนึ่งครับ ว่าเนื้อหาทั้งหมดที่จะได้อ่านกันในบทความต่อไปนี้ เป็นการถอดความและตีความเชื่อมโยงระหว่างเนื้อหาในส่วนของตำนานกับเนื้อหาในส่วนของเกมโดยตัวผู้เขียนเองล้วนๆ จึงอาจจะมีส่วนหนึ่งส่วนใดที่ผิดพลาดขาดตกบกพร่องและไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ไปบ้าง ทางผู้เขียนก็ขอน้อมรับความผิดนี้ไว้แต่เพียงผู้เดียว และต้องขออภัยทุกท่านไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ [center][img]//img.online-station.net/image_content/2020/03/default-image.jpg[/img][/center][color=blue][u][b]โอดีน (Odin)[/b][/u][/color][p]เริ่มกันด้วยอสูรตนแรก ที่มีที่มาที่ไปจากตำนานของจอมเทพอันยิ่งใหญ่ มหาเทพของเหล่าเทพเจ้าจากตำนานโบราณในแถบสแกนดิเนเวีย (หรือยุโรปเหนือ อันประกอบไปด้วย นอร์เวย์ เดนมาร์ก สวีเดน รวมถึงประเทศในกลุ่มนอร์ดิกก็อาจถูกรวมอยู่ด้วยในกลุ่มนี้) ที่หากเอ่ยชื่อเหตุการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ของสงครามวันดับโลกอย่างมหาสงครามแร็กนาร็อกก็คงมีหลายท่านคุ้นหูและร้องอ๋อกันถ้วนหน้า เพราะองค์เทพโอดีนรายนี้นี่เอง ที่เป็นประมุขฝ่ายเทพผู้ซ่องสุมกำลัง และนำพาเอาพรรคพวกเทพเจ้าในสังกัดยกพลเข้าห้ำหั่นกับฝ่ายตรงข้าม จนตัวตายสิ้นชีพไปในสนามรบ สร้างตำนานและเรื่องเล่าอันยิ่งใหญ่กล้าหาญไว้เป็นแบบอย่างและเล่าขานสืบต่อกันไปไม่สิ้นสุด [p]ในด้านการออกแบบ เราจะเห็นอสูรรับใช้ตนนี้ถูกออกแบบมาในลักษณะที่เป็นไปในทิศทางเดียวกันเกือบทุกภาค อาจจะมีผิดกันไปบ้างก็เพียงรายละเอียดปลีกย่อยและรูปร่างลักษณะเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งลักษณะที่เราจะได้เห็นกันในเกมนั้น โอดีนคือชายนักรบรูปร่างล่ำสันสวมเกราะปิดบังใบหน้าและลำตัว นั่งตั้งท่าพร้อมรบอบู่บนหลังม้าที่มีขาหกขา ในมือถือดาบและโล่เตรียมพร้อมเข้ารบราฆ่าฟันได้ทุกนาทีที่ต้องการ ออกแนวอัศวินขี่ม้ากร้านศึก ซึ่งบางภาคส่วนเกราะปิดหน้าถูกดีไซน์จนดูเหมือนใบหน้าของปีศาจ ตรงข้ามกับเทพที่เป็นต้นแบบไปซะอย่างนั้นตามความสะใจของทีมออกแบบเกม [p]จากข้อมูลที่ได้มา ในการออกแบบตัวตนในเกมนั้น ได้มีการแย้งถึงเรื่องของอาวุธประจำตัวเทพโอดีน เนื่องจากตำนานการศึกที่เด่นๆ อย่างแร็กนาร็อกนั้น ได้มีส่วนที่กล่าวถึงศาสตราวุธของโอดีนไว้ว่า เทพองค์นี้ใช้อาวุธเป็นหอกยาวประจำกายที่มีชื่อเรียกว่า [b]หอกกุงนิร์ (Gungnir)[/b] ซึ่งเป็นถึงหนึ่งในสี่ของอาวุธระดับตำนานที่ถูกสร้างโดยคนแคระ (และเชื่อกันว่าหากขว้างออกไปจะไม่มีวันพลาดเป้า) แต่หากค้นต่อไปก็จะพบว่าเจ้าหอกกุงนิร์นี้แม้จะเป็นอาวุธประจำตัว แต่ก็ไม่ได้ใช้อย่างเป็นจริงเป็นจังเท่าไหร่นัก อีกทั้งรูปลักษณ์ของโอดีนยังมีกล่าวถึงกันอีกหลายแบบ ทั้งที่เป็นชายชราสวมหมวกปีกกว้าง ห่มผ้าคลุมสีน้ำเงิน และถือไม้เท้าพยุงกายออกท่องโลก อีกทั้งยังมีเวอร์ชั่นสวมหมวกปีกกว้างหลบซ่อนใบหน้า (แน่ล่ะว่าคงเป็นหมวกใบเดิม) ที่นั่งนิ่งๆ คอยสอดส่องตรวจดูโลกทั้ง 9 ที่ตนสร้างขึ้นอย่างเงียบเชียบ และยังมีอีกภาคหนึ่งที่ในตำนานได้มีการกล่าวถึง เป็นภาคที่ใกล้เคียงรูปลักษณ์ในเกมที่สุด และผู้เขียนเชื่อว่าเป็นรูปลักษณ์ที่ทีมออกแบบนำมาใช้เป็นหลักของการออกแบบตัวละคร คือรูปแบบที่อยู่ในร่างจริงของราชาแห่งเอิร์ธ ตำนานกล่าวถึงรูปลักษณ์ในร่างนี้ว่า...เมื่ออยู่ในร่างราชา โอดีนมีท่าทางสง่างาม องอาจ และดูสูงส่ง ทรงสวมหมวกนักรบสีทองเปล่งปลั่ง ถือดาบนักรบที่มีประกายงดงาม และขี่ควบม้า 8 ขานามว่า [b]สเลปนิร์ (Sleipnir)[/b] [p]เจ้าม้า 8 ขาในตำนานตัวนี้ หากเราย้อนกลับไปตั้งแต่ภาคต้นๆ ของเกมตระกูลไฟนอลแฟนตาซีจะเห็นว่าบางภาคก็ถูกออกแบบให้มีเพียง 4 ขาเหมือนม้าปกติทั่วไป ในขณะที่บางภาคก็มี 6 ขา แต่ยังไม่มีภาคไหนเลยสักภาคที่สเลปนิร์ในเกมจะมีครบ 8 ขาเหมือนตำนาน ที่เป็นเช่นนี้อาจเพราะทีมออกแบบต้องการให้เป็นแบบนั้นเอง หรืออาจเป็นเพราะตำนานอีกฉบับหนึ่งที่มีการกล่าวถึงม้าตัวนี้ไว้ในแบบที่ต่างออกไปว่า เจ้าม้าตัวนี้แท้จริงมีขาเพียง 4 ข้างเหมือนม้าตัวอื่นๆ นั่นล่ะ แต่ผิดแผกไปด้วยเพราะการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วของมัน ที่ว่องไวซะจนขาที่มีดูเหมือนจะเพิ่มเข้ามาอีกชุด จนเกิดความเข้าใจผิดว่ามันมีขามากถึง 8 ขาไปซะอย่างนั้น แต่มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันในทุกข้อมูลที่ค้นมาได้ไม่ว่าจะตำราไหน นั่นคือสรรพคุณของม้าตัวนี้ ที่สามารถเคลื่อนไหวได้รวดเร็วและเดินทางไปได้ทุกที่ตามใจปรารถนา ทั้งสวรรค์ชั้นฟ้าของเหล่าเทพ เมืองมนุษย์ และพื้นน้ำอันกว้างใหญ่ของมหาสมุทรนั่นเองครับ[center][img=60711]//img.online-station.net/image_content/2020/03/default-image.jpg[/img][/center][color=blue][u][b]เลเวียอาธาร (Leviathan)[/b][/u][/color] [p]อสูรตัวต่อมาเป็นอสูรที่มีรูปลักษณ์ภายในเกมปรากฏเป็นงูใหญ่หรือมังกรตัวยาว มีครีบขนาดใหญ่ข้างลำตัวทั้งสองข้าง (ที่ออกแบบไปออกแบบมา บางภาคดันกลายเป็นเหมือนปลาไหลมีปีกไปเลยก็มี) เป็นอสูรผู้ช่วยที่ใช้คลื่นน้ำในการจู่โจมศัตรูฝ่ายตรงข้าม ซึ่งตามตำนานโบราณ เจ้าสัตว์ร้ายตัวนี้ก็อาศัยอยู่ในท้องทะเลมาแต่ไหนแต่ไร แถมยังมีชื่อเสียงในเรื่องของการจมเรือมานักต่อนัก จนกลายเป็นเรื่องเล่าขานกันในยุคเก่าของนักเดินเรือแถบยุโรปบางท้องที่ ที่เปรียบเลเวียอาธารตนนี้ดังเช่นฝันร้ายแห่งท้องทะเล ที่หากวันไหนดวงดีไปเจอเข้า ก็หมายถึงทุกชีวิตบนเรือจะต้องเตรียมตัวเปียกน้ำกันหนใหญ่ และอาจเลยไปถึงการเตรียมตัวเดินทางสู่โลกหน้า เพราะห้วงน้ำวนขนาดยักษ์ที่มันสร้างขึ้นจะดูดเอาทุกสิ่งทุกอย่างกลืนหายลงไปใต้ผืนน้ำ ไม่ให้เหลือรอดกันออกมาง่ายๆ เหมือนในเกมที่ไม้ตายประจำตัวของอสูรตนนี้จะเป็นอะไรที่เกี่ยวข้องกับน้ำและคลื่นน้ำอยู่ทุกภาคนั่นเองครับ [p]ด้านการออกแบบ สัตว์อสูรตัวนี้มีการอธิบายรูปร่างลักษณะไว้ชัดเจนในพระธรรมโยบบทที่ 41 ของคัมภีร์ในคริสต์ศาสนา และถูกกล่าวถึงในนามของสัตว์ร้ายแห่งท้องทะเล ที่พระผู้เป็นเจ้าได้สร้างขึ้น และจะถูกทำลายลงเมื่อถึงวันสิ้นโลก ในพระคัมภีร์ไบเบิล ตามความในพระพันธสัญญาเดิม และเพราะรากศัพท์ของชื่อเรียกอสูรตนนี้มีที่มาจากภาษาฮิบรูโบราณ ซึ่งมีความหมายถึงสัตว์ที่ขดตัวเป็นเกลียวและมีหลายหัว จึงทำให้การออกแบบที่ดีไซน์อสูรตนนี้ให้เป็นมังกรน้ำตัวยาวๆ จึงไม่ผิดไปจากตำนานมากนัก อาจจะมีติดใจสงสัยบ้างก็ตรงส่วนของหัว ที่แม้ในพระธรรมโยบจะไม่กล่าวถึงว่าสัตว์ร้ายจากท้องทะเลตนนี้มีหัวหลายหัวก็ตาม แต่เพราะความหมายโบราณของรากศัพท์ และในบทของเพลงสดุดีที่ 74:14 ซึ่งมีเนื้อความว่า [color=green]“พระองค์ทรงทุบหัวทั้งหลายของเลเวียอาธานเป็นชิ้นๆ พระองค์ประทานมันให้เป็นอาหารของคนที่อาศัยอยู่ในถิ่นทุรกันดาร”[/color] ก็แสดงให้เห็นว่า อสูรต้นแบบในตำนานตัวนี้มีหลายหัวพอดูแน่นอน ดังนั้นการออกแบบภายในเกมที่ออกแบบให้เลเวียอาธารมีหัวเพียงหนึ่งเดียวจึงดูจะไม่ตรงกับตำนานไป แต่ก็เหมือนอสูรตัวที่ผ่านๆ มานั่นล่ะครับ เพราะรูปแบบในตำนานได้ถูกนำมาดีไซน์ใหม่ให้ลงตัวสวยงาม และเหมาะกับรูปแบบของเกมในแต่ล่ะภาคนั้นๆ ครับ [p]พูดถึงพระธรรมโยบบทที่ 41 ไปแล้ว หากจะไม่กล่าวถึงรายละเอียดของพระธรรมบทนี้ก็ดูกระไรอยู่ แต่หากเอามาลงไว้ทั้งหมดก็กลัวเนื้อที่จะไม่พอซะอีก เพราะงั้นผมขออนุญาตย่อและสรุปความโดยรวมมาให้อ่านกันสักเล็กน้อยนะครับ โดยเนื้อความแล้ว บทที่ 41 นี้เป็นบทที่พระเจ้าทรงแสดงถึงอิทธิฤทธิ์และพลานุภาพของเจ้าสัตว์ร้ายตนนี้ ว่ามันมีพลังมหาศาล มีโครงสร้างร่างกายที่แกร่งกล้า มีเกล็ดตามร่างกายที่หนาถึง 2 ชั้นซึ่งเปรียบเหมือนเสื้อนอก ที่แต่ละชั้นแนบชิดติดตัวและต่อกันเป็นเนื้อเดียวเหมือนตราผนึกที่แข็งแกร่งจนลมไม่สามารถผ่านเข้าออกได้ มันมีดวงตาที่ส่องสว่างเปรียบเหมือนแสงอันเจิดจ้าของอรุณรุ่ง สามารถพ่นไฟได้ และแม้เพียงหายใจก็มีควันคุกรุ่นออกมาเหมือนหม้อเดือด เนื้อหนังมังสาที่อยู่ภายใต้เกล็ดแกร่งนั้นเล่าก็หล่อติดกันแน่น จนไม่ว่าใครก็ไม่สามารถทำอะไรมันได้ อีกทั้งช่วงล่าง (หรือคงเป็นช่วงท้อง) ก็มีสภาพเป็นเกล็ดแหลมคม อาวุธต่างๆ ไม่สามารถสร้างความเสียหายและระคายเคือง อีกทั้งหัวใจยังแข็งแกร่งเหมือนแท่นโม่หิน สรุปง่ายๆ คืออสูรตนนี้เป็นที่สุดของความแข็งแกร่งจนยากที่ใครจะเผด็จศึกมันลงได้นั่นเองครับ[center][img]//img.online-station.net/image_content/2020/03/default-image.jpg[/img][/center][color=blue][u][b]บาฮามุท (Bahamut)[/b][/u][/color] [p]ตัวต่อมาที่จะนำเสนอ เป็นอสูรที่ทำเอาผมปวดเศียรเวียนเกล้าอยู่มากพอดู กับการหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับตำนานของอสูรตนนี้ และก่อนที่เราจะเข้าเรื่องกันไปมากกว่านี้ ผมขอเล่าถึงข้อกังขาบางประการที่เกี่ยวข้องกับอสูรรายนี้สักเล็กน้อยให้เข้าใจกันก่อนครับ เพราะจากข้อมูลที่ได้ ชื่อบาฮามุทถูกกล่าวถึงไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับศาสนาอิสลาม ในขณะที่ชื่อเบเฮโมทถูกกล่าวถึงไว้ในส่วนของศาสนาคริสต์ หลายคนอาจจะงงว่าแล้วทำไม? ก็ในเมื่อชื่อเรียกในเกมมันระบุไว้ชัดเจนว่าเป็นบาฮามุท แล้วในเกมไฟนอลฯ ก็มีทั้งบาฮามุทและเบเฮโมทอยู่ในนั้นทั้งคู่ให้เห็นอยู่แล้วว่ามันคนละตัว แล้วผมจะหยิบยกเอาอีกชื่อมาพูดถึงทำไมในหัวข้อนี้? ก่อนที่จะคิดไปอย่างนั้น ก็ขอให้ล้อมวงเข้ามาตั้งใจฟังการอธิบายของผมหลังจากนี้กันสักนิดก่อนครับ [p]ข้อมูลบางส่วนที่กล่าวถึงสองตัวนี้ มีจุดที่บอกว่าทั้งสองเป็นสัตว์คนละชนิด หรือพูดง่ายๆ ว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกันโดยสิ้นเชิง ในขณะที่บางข้อมูล กลับบอกว่าทั้งสองตนเกี่ยวข้องกัน เพียงแต่อาจจะเรียกผิดกันไปเท่านั้น เหมือนอสูรตนอื่นๆ ที่เคยนำเสนอมาก่อนนี้ก็มีบางตัวที่มีชื่อเรียกผิดเพี้ยนกันไปหลายชื่อ ผมซึ่งเป็นคนกลาง และข้อมูลทั้งสองด้านข้ามศาสนาไปคนละฝั่ง จึงต้องหาข้อมูลมากขึ้นอีกนิด จนไปเจอเข้ากับความรู้ใหม่อีกเรื่อง นั่นคือคัมภีร์ของศาสนาคริสต์นั้น ในรุ่นหลังได้ถูกตัดทอนเอาเนื้อหาบางส่วนออกไป แต่ส่วนของเนื้อหารุ่นแรกนั้น (ตามข้อมูลกล่าวว่า เป็นคัมภีร์ดั้งเดิมก่อนถูกดัดแปลงโดยคนของสำนักวาติกัน) มีทั้งตำนานของเทพและปีศาจ ตำนานของเมโสโปเตเมีย ตำนานที่เหมือนกับฝั่งของทางอิสลาม และรวมถึงตำนานของบาฮามุท (ย้ำนะครับ ว่าชื่อในข้อมูลที่ได้มาระบุเรียก บาฮามุท ไม่ใช่ เบเฮโมท) ซึ่งหากข้อมูลนี้ถูกต้องตามที่หามาจริง เบเฮโมทก็คงจะมีส่วนที่เกี่ยวข้องกับบาฮามุทอยู่บ้างอย่างปฏิเสธไม่ได้แน่นอนเลยทีเดียว [p]เข้าเรื่องของชื่อบาฮามุทกันจริงๆ สักที จากข้อมูลทั้งหมดที่ได้มาของตำนานบทนี้ มีจุดที่ทำเอาผมออกจะงงไปสักเล็กน้อย ด้วยเหตุผลเพราะจริงๆ ชื่อบาฮามุทที่ปรากฏอยู่ในคัมภีร์ของทางอิสลามนั้น สัตว์ตัวที่ว่าหาใช่มังกรเหมือนที่เราเคยเห็นกันในเกม แต่กลับกลายเป็นปลาใหญ่ที่อาศัยอยู่ในมหาสมุทร (แถมมีวัวที่มี ตา, หู, จมูก, ปาก, ลิ้น และเท้า อยู่อย่างละ 4,000 ส่วนยืนอยู่บนหลังซะอีกแน่ะ) ซึ่งไม่แม้แต่จะเกี่ยวข้องกันได้เลยกับสัตว์ปีกร่างยักษ์ในเกม แต่เพราะมีข้อมูลที่ได้มาชิ้นหนึ่งได้บอกเอาไว้ว่า เหตุที่ลักษณะทางกายภาพของตำนานและการออกแบบในเกมของเจ้าตัวนี้ผิดกันขนาดหนักนั้น เป็นผลมาจากความจงใจของทีมออกแบบ ที่ตั้งใจจะเอาชื่อของปลาใหญ่ที่แหวกว่ายอยู่ในมหาสมุทรมาเปลี่ยนเป็นมังกรที่โบยบินอยู่บนฟากฟ้าให้ตรงข้ามกันไปซะอย่างนั้นเอง[center][img]//img.online-station.net/image_content/2020/03/default-image.jpg[/img][/center][color=blue][u][b]อาชูร่า (Asura)[/b][/u][/color] [p]อสูรตัวสุดท้ายจากภาค 4 ที่รีเมคใหม่ลงเครื่อง DS ไป ถือเป็นตัวแถมที่นำมาเสนอให้อ่านกันในบทความชุดนี้ ด้วยความน่าสนใจของการออกแบบและเรื่องราวที่มาที่ไป จึงอาจไม่ใช่ตัวหลักที่เราจะพบเจอได้บ่อยๆ ในตัวเกมภาคต่างๆ โดยตำนานของอสูรตัวนี้มีที่มาจากองค์เทพสูงสุดของศาสนาโซโรอัสเตอร์ อันเป็นศาสนาที่เกิดก่อนยุคพุทธกาล 400 - 1,000 ปี เป็นลัทธิบูชาไฟที่เชื่อกันว่าเป็นต้นกำเนิดของอีกหลายๆ ลัทธิตามมา และมีอิทธิพลต่อศาสนาอื่นๆ เช่น คริสต์ศาสนา เกิดขึ้นในประเทศอิหร่าน ในปัจจุบันชาวปาร์ชีในประเทศอินเดียยังคงเป็นกลุ่มคนที่นับถือศาสนานี้อยู่ ซึ่งอันที่จริงชื่อของอาชูร่า เป็นความผิดเพี้ยนไปทางภาษาของประเทศญี่ปุ่น หากจะเรียกให้ถูกต้องจริงๆ เทพองค์นี้มีชื่อเสียงเรียงนามว่า อะหูรามัสดา หรืออะหูรา ซึ่งถูกเพี้ยนเป็น อาชูร่า หรืออสูร อย่างที่เรารู้จักกันนั่นเองครับ [p]ในด้านการออกแบบตัวละคร ตำนานที่กล่าวถึงเทพองค์นี้บอกไว้ว่า จริงๆ แล้วเทพองค์นี้ไม่มีลักษณะและรูปร่างตายตัวแน่นอน มีเพียงคำกล่าวที่กล่าวไว้ว่า องค์เทพคือเทพที่มีรัศมีเจิดจรัสงดงามที่สุด เป็นผู้สร้างที่ทรงสติปัญญาปราดเปรื่อง และมีพระกรุณายิ่งใหญ่หาใดเปรียบ แต่ในเกมนอกจากจะสร้างรูปลักษณ์ให้ท่านแล้ว รูปลักษณ์ที่ว่ายังเป็นเพศหญิงเสียอีก แถมยังมี 3 หน้า 6 มือ ที่หากจะว่าไปแล้ว ก็คงหมายความถึง เทพ มาร และมนุษย์ ตามความเชื่อของศาสนาโซโรอัสเตอร์ ที่กล่าวถึงการประหัตประหารกันระหว่างเทพกับมาร ซึ่งเมื่อถึงจุดสิ้นสุด แม้ฝ่ายเทพจะชนะในการศึก แต่มนุษย์ก็ยังสามารถเลือกที่จะนับถือได้ทั้งสองฝั่งแล้วแต่ตนต้องการ (แต่เมื่อมนุษย์ผู้นั้นตายไป ดวงวิญญาณจะถูกตัดสินว่าเมื่อยังมีชีวิตอยู่ ได้ใช้ชีวิตไปในทางที่ถูกที่ควรหรือไม่) ภาพในเกมจึงมีหน้าของมนุษย์ที่ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ อยู่ตรงกลาง ในขณะที่ด้านขวาคือด้านของมารที่มีอาการเกรี้ยวกราดแสดงออกให้เห็นเด่นชัด ตรงข้ามกับด้านซ้าย ซึ่งเป็นใบหน้ายิ้มแย้มบ่งบอกถึงเมตตาธรรมของเทพเจ้าซึ่งเป็นตัวแทนของความดีนั่นเอง สื่อให้เห็นชัดในเรื่องความเชื่อทางศาสนา ที่มนุษย์เราสามารถจะโน้มเอียงเข้าสู่ด้านใดด้านหนึ่งได้ตามการเลือกกระทำ และคงหมายถึงมนุษย์ที่มีทั้งด้านดีและร้ายอยู่ภายในตัว ที่สามารถจะแสดงออกได้จนบางครั้งดีเหลือเชื่อ ในขณะที่บางครั้งก็ชั่วสุดใจนั่นเองครับ [p][b]เป็นไงบ้างครับ กับการนำเสนอเรื่องราวของตำนานสัตว์อสูรในเกมไฟนอล แฟนตาซี หนนี้ คงได้ความรู้เพิ่มขึ้นเพื่อใช้ประกอบการเล่นเกมกันไม่มากก็น้อยนะครับ ส่วนหนหน้าจะมีเรื่องราวของตำนานบทไหนมานำเสนอนั้น ก็รบกวนติดตามกันต่อไป[/b]