ทำไมถึงควรซื้อ PS3 แทนที่จะซื้อเครื่องเล่น Blu-ray

แชร์เรื่องนี้:
ทำไมถึงควรซื้อ PS3 แทนที่จะซื้อเครื่องเล่น Blu-ray
[p]มักจะเป็นมุกตลกล้อเลียนในวงการเกม ถึงช่วงที่ PS3 ยังไม่ค่อยมีเกมดีๆ ออกมามากนัก (โดยเฉพาะในปี 2550) ว่า “คนเขาซื้อ PS3 มาดูหนัง Blu-ray กัน” แต่จริงๆ มันไม่ใช่เรื่องตลกซะทีเดียว เมื่อล่าสุดมีข่าวว่าค่าย Blu-ray หรือ BDA (Blu-ray Disc Association) นั้นได้เปิดตัว Profile 2.0 ขึ้นมา ซึ่งโชคร้ายที่เครื่องเล่น Blu-ray โดยเฉพาะนั้น ส่วนมากจะไม่สามารถอัพเกรดเพื่อรองรับโพรไฟล์ดังกล่าวได้ ยกเว้นแต่ PS3 ซึ่งเพียงแค่อัพเดตเฟิร์มแวร์ก็สามารถรองรับโพรไฟล์ดังกล่าวได้โดยง่าย[center][img=59358]//img.online-station.net/image_content/2020/03/default-image.jpg[/img][/center][p][color=red]Blu-ray เปิดตัวแบบฟอร์แมทพิการ?[/color][p]แรกเริ่มนั้น Blu-ray ดิสก์เปิดตัว Profile 1.0 (ชื่อเล่น Grace Period) ซึ่งขาดความสามารถหลายอย่างที่ได้อ้างไว้ว่าจะมี เช่น การรองรับภาษาจาวา หรือรองรับการแสดงผลภาพซ้อนภาพ (ซึ่งต้องการตัวถอดรหัสตัวที่ 2) ทำให้แผ่นหนัง Blu-ray นั้นขาดฟีเจอร์พิเศษพวกนี้ ที่ร้ายกว่านั้นคือ ค่ายที่ทำหนังลงทั้ง 2 ฟอร์แมทนั้น ได้ตัดความสามารถพิเศษนี้ออกไปในเวอร์ชั่น Blu-ray ในขณะที่เวอร์ชั่น HD-DVD นั้น ได้ความสามารถดังกล่าวอย่างครบถ้วน (ต้องขอบคุณที่เอชดี ดีวีดี ได้ใส่ทุกอย่างครบ และวางมาตรฐานไว้เรียบร้อย ตั้งแต่ก่อนออกวางจำหน่าย เป็นเหตุที่ทำให้ผู้สนับสนุน HD-DVD บางค่าย ได้เรียก HD-DVD ดี ว่าเป็นมาตรฐานที่ “ครบถ้วน” กว่า)จนมากระทั่งวันที่ 1 พฤศจิกายน 2550 ก็เป็นวันที่ BDA กำหนดให้เครื่องเล่นทุกตัวที่เข้าสู่ตลาดหลังวันนั้น จะต้องรองรับ Profile 1.1 (ชื่อเล่น Bonus View) ซึ่งแน่นอนว่าเครื่องเล่นส่วนใหญ่ที่ออกจำหน่ายก่อนหน้านั้นไม่สามารถอัพเกรดเพื่อรองรับโพรไฟล์ดังกล่าวได้ [p]ความสามารถที่เพิ่มขึ้นของ Profile 1.1 นั้น ได้แก่ ความสามารถในการรองรับภาษาจาวา (BD-J) การเพิ่มพื้นที่เก็บข้อมูลอีก 256 เมกะไบท์ และบังคับให้มีการใส่ตัวถอดรหัสที่ 2 ในเครื่องเล่น ทำให้สามารถแสดงผลภาพซ้อนภาพได้[p][color=red]PS3 อัพเกรด[/color] [p]ในวันที่ 17 ธันวาคม 2550 เครื่อง PS3 ก็ได้มีการอัพเดตเฟิร์มแวร์ 2.10 ซึ่งรองรับ Blu-ray Profile 1.1 นี้ด้วย สาเหตุน่ะเหรอ เพราะว่า PS3 มีทุกอย่างที่ Blu-ray Profile 1.1 ต้องใช้ BD-J นั้น ก็ใช้ Cell, ตัวถอดรหัสที่สอง ก็ใช้ SPE ที่มีตั้ง 7 ตัว ส่วนพื้นที่เก็บข้อมูล PS3 ก็มีฮาร์ดดิสก์ให้ แต่อย่างไรก็ดีใช่ว่าเครื่องเล่นเก่าๆ จะถูกทิ้ง เครื่องเล่นเก่านั้นจะยังสามารถเล่นหนังใหม่ๆ ได้อยู่ แต่จะไม่สามารถใช้ความสามารถพิเศษที่เพิ่มขึ้นมาได้ [p]และล่าสุดก็ได้มีการประกาศใช้ Blu-ray Profile 2.0 (ชื่อเล่น BD-Live) ซึ่งนอกเหนือจากการเพิ่มความจุข้อมูลเป็น 1 กิกะไบท์แล้ว ยังมีการบังคับให้เครื่องเล่นมีการใส่ Ethernet Port หรือที่ภาษาบ้านๆ เราเรียกว่า “พอร์ทแลน” นั่นเอง เพื่อให้สามารถรองรับการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต เพื่อดาวน์โหลดข้อมูลใหม่ๆ ได้ตลอดเวลา[p]โดยภาพยนตร์สองเรื่องแรกที่รองรับความสามารถนี้ได้แก่เรื่อง “War” (บ้านเราใช้ชื่อว่า “Rogue Assassins”) และเรื่อง “Saw IV” ซึ่งน่าเสียดายว่า จนถึงเวลานี้ [b]ยังไม่มีเครื่องเล่นเครื่องไหนรองรับความสามารถใหม่[/b]นี้ โดยคาดการณ์กันว่าเครื่องเล่นที่รองรับ Profile 2.0 น่าจะเริ่มออกสู่ตลาดภายในปลายปีนี้ นั่นหมายความว่า เครื่องเล่น Blu-ray ราคาแพงที่คุณซื้อวันนี้ ได้ตกรุ่นไปล่วงหน้า...เรียบร้อยแล้ว[p]แต่เครื่อง PS3 นั้น คาดการณ์กันว่าจะได้รับการอัพเดตเฟิร์มแวร์ เพื่อรองรับโพรไฟล์ดังกล่าวอีกครั้ง แน่นอน เมื่อดูๆ กันแล้ว PS3 ก็มีทั้งระบบเน็ตเวิร์คไร้สายและมีสาย อีกทั้งยังมีฮาร์ดดิสก์ ทำไมจะอัพเกรดไม่ได้ล่ะ[p][color=red]ภาพและเสียงล่ะ?[/color][p]เป็นที่เข้าใจกันว่า เครื่องเล่น DVD โดยเฉพาะนั้นจะแสดงผลภาพได้ดีกว่าเครื่องเกมที่เล่น DVD ได้ (PS2) แต่ความแตกต่างในยุคนี้ได้ลดลงจากสมัย DVD มาก เนื่องด้วยหลายๆ ปัจจัย ปัจจัยหนึ่ง คงต้องพูดว่าเป็นที่ตัว “สื่อ” เอง ตัว DVD นั้นไม่ได้ถูกออกแบบมาให้รองรับรูปแบบการแสดงผลแบบภาพยนตร์อย่างเต็มรูปแบบ แต่ออกแบบมาให้เข้ากับรายการโทรทัศน์มากกว่า จะเห็นได้ว่า DVD นั้นจะรองรับการบันทึกแบบ NTSC ไม่ก็ PAL เท่านั้น แต่สื่อในยุคหน้าอย่าง HD-DVD (ไม่รู้จะยังเรียก “สื่อยุคหน้า” ได้หรือเปล่า เพราะปัจจุบันปิดฉากลงเรียบร้อยแล้ว) และ Blu-ray นั้น ถูกออกแบบมาให้รองรับการบันทึกแบบภาพยนตร์เต็มรูปแบบ โดยการรองรับการบันทึกภาพแบบ 24 ภาพต่อวินาที ทำให้สามารถบันทึกภาพยนตร์ ซึ่งมีจำนวนภาพต่อวินาทีเท่ากัน ได้โดยตรง ต่างกับระบบ DVD ที่ต้องใช้วิธีแปลงภาพให้อยู่ในแบบ 3:2 ในระบบ NTSC และ 2:2 ในระบบ PAL ทำให้เครื่องเล่นที่ไม่รู้จักระบบดังกล่าว ไม่สามารถแสดงผลภาพได้สูงสุดเท่าที่ DVD แผ่นนั้นสามารถให้ได้ [p]นอกจากนี้ยุคที่ DVD ออกวางจำหน่ายนั้น โทรทัศน์ส่วนใหญ่ยังแสดงผลแบบ Interlace อยู่ และเครื่องเล่นในช่วงนั้นก็ยังแสดงผลแบบ Interlace ได้เพียงอย่างเดียว แน่นอนรวมทั้ง PS2 ด้วย น่าเสียดายที่หลังจากนั้นไม่นานก็เริ่มมีวางจำหน่ายโทรทัศน์ระบบ Progressive ในท้องตลาด ทำให้ PS2 ที่ออกมาก่อน กลายเป็นของตกรุ่นไปโดยปริยาย (จนตอนหลังต้องมีการออกเครื่องรุ่นใหม่ที่รองรับการแสดงผลแบบ Progressive) นอกจากนี้การที่ PS3 นั้นสามารถอัพเดตเฟิร์มแวร์ได้จะทำให้มีการปรับปรุงคุณภาพการแสดงผลของ PS3 ตลอดเวลา ยิ่งโซนี่นั้นตั้งใจทำตลาด PS3 ให้เป็น “ศูนย์กลางความบันเทิงในห้องนั่งเล่น” แม้อาจจะไม่ยอมให้เท่าเทียมกับเครื่องเล่น Blu-ray แท้ๆ (ด้วยเหตุผลด้านการตลาด) แต่ก็คงไม่ยอมให้ล้าหลังกันมาก เหมือนตอน PS2 รุ่นแรกแน่นอน [p]แต่อย่างไรก็ดี ความสามารถด้านการเล่นแผ่น Blu-ray ที่ขาดไปของ PS3 นั้นก็มีเพียงการรองรับการถอดรหัส DTS-HD เท่านั้น ซึ่งน่าจะเป็นเหตุผลด้านส่วนแบ่งมากกว่า เมื่อถึงวันที่โซนี่ได้กำไรจาก PS3 มากพอ ก็น่าจะมีการเพิ่มความสามารถดังกล่าวให้ล่าสุด ผมได้ไปเดินงานแสดงสินค้าไอทีงานหนึ่งมา เห็นเครื่องเล่น Blu-ray แท้ๆ ขายอยู่เฉียดๆ สามหมื่นด้วยราคาที่มากกว่าถึงเท่าตัว แต่คุณภาพต่างกันเล็กน้อย แถมยังไม่รองรับความสามารถใหม่ๆ ที่จะมาในอนาคต แถมยังเล่นเกมไม่ได้ด้วย (เกือบลืมไป) ผมคงไม่ต้องสรุปหรอกนะ ว่าจะเลือกอะไรดี[p]เนื่องด้วย DVD นั้นมีการบันทึกภาพเป็นประมาณ 60 ภาพต่อวินาทีเสมอในระบบ NTSC (และ 50 ภาพในระบบ PAL) ทำให้การบันทึกภาพยนตร์ที่มีจำนวนภาพอยู่ที่ 24 ภาพต่อวินาที ไม่สามารถทำได้โดยตรง จึงต้องใช้การแสดงผลภาพซ้ำ โดยแสดงผลทีละ 3 ภาพ และ 2 ภาพ สลับไปเรื่อยๆ ซึ่งถ้าตัวเครื่องเล่นนั้นรู้จักระบบนี้ก็จะทำการมองข้ามภาพที่ 3 ไปและจะแสดงผลได้ถูกต้อง ถ้าเครื่องเล่นที่ไม่รู้จักก็จะแค่เอาภาพมารวมกันเฉยๆ เป็นผลให้ภาพเบลอและมีรอยขยัก[center][img]//img.online-station.net/image_content/2020/03/default-image.jpg[/img][color=blue]สีทึบแสดงถึงภาพที่เกิดจากเครื่องเล่นที่มีการทำ 3:2 Pull Down อย่างถูกต้อง ไม่เช่นนั้นจะได้ภาพที่ผิดเพี้ยนแบบในภาพที่ 3 และ 4[/color][/center]
แชร์เรื่องนี้:

เรื่องที่คุณอาจสนใจ