-
หน้าแรก
-
PC CONSOLE GAME
- REVIEW: Burnout : Paradise ซิ่งสุดมันส์ในเมืองสวรรค์จนไม่อยากกลับบ้าน
REVIEW: Burnout : Paradise ซิ่งสุดมันส์ในเมืองสวรรค์จนไม่อยากกลับบ้าน
การให้คะแนน (เต็ม 10)SHANE [b][color=red]9.0 ยอดเยี่ยม[/color][/b]G. FORD [b][color=red]9.0 ยอดเยี่ยม[/color][/b]ANDREW P. [b][color=red]9.0 ยอดเยี่ยม[/color][/b][b]ข้อดี:[/b] สนุก มันส์สะใจ เมืองกว้างใหญ่ ลูกเล่นชวนหลงใหล[b]ข้อด้อย: [/b]Showtime ไม่ควรค่าแก่การมาแทนที่ Crash Mode[b]DJ Atomica:[/b] แปลกจัง ตัวจริงไม่น่ารำคาญเท่านี้นะ[center][img=54062]//img.online-station.net/image_content/2020/03/default-image.jpg[/img][/center][color=green][b]SHANE:[/b][/color] ในฐานะที่เป็นคนหนึ่งที่ติดตามเกมแข่งรถซีรีส์นี้มาตลอดเจ็ดปี ผมรู้สึกอุ่นใจที่ได้เห็นถึงพัฒนาการไปสู่บางสิ่งที่เรียกว่านวัตกรรม ความพึงพอใจ และการขัดเกลาในภาค Paradise นี้ แก่นหลักของเกมยังคงความสะใจไร้ปรานี คุณจะได้พบกับการบังคับที่น่าพอใจ ลีลาผาดโผนดิบเถื่อน และการชนกันแหลกลาญอันเป็นจุดเด่นที่ทำให้ Burnout แตกต่างไปจากเกมแข่งรถอื่นๆ ในขณะที่ภาคต่อล่าสุด (Revenge และ Dominator) ให้ความรู้สึกเหมือนเล่นอยู่กับไอเดียเดิมๆ ภาค Paradise กลับสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้ Burnout เป็นโลกกว้างใหญ่ จะไปไหนหรือทำอะไรก็ได้คล้ายกับการผจญภัยในแบบของ Grand Theft Auto[p]เมื่อเริ่มเกม คุณจะได้รับอิสระในการทัวร์ดินแดนกว้างใหญ่ของ Paradise City และเขตชานเมือง และไม่ว่าคุณจะซิ่งแหวกนรกผ่านตรอกเปลี่ยวๆ หรือทางรถไฟผุๆ เร็วแรงแค่ไหน ภาพในเกมก็ยังลื่นไหลสบายตาไม่มีกระตุก อีกทั้งใน Paradise City ยังมีอะไรลับๆ ให้ค้นหาอีกมากมาย (Super Jump ต่างๆ ทางลัด ปั๊มน้ำมัน เป้าหมายที่ต้องชนให้เละ และอื่นๆ) ซึ่งคุณไม่จำเป็นต้องเข้าไปแจมกับ 120 อีเวนท์ที่มีมาให้ก็ได้ นี่ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างชาญฉลาดเพราะนักเล่นเกมขาจรทั้งหลายสามารถขับสำรวจโลกไปได้เรื่อยๆ โดยไม่ต้องกังวลถึงผลที่จะตามมาของการถูกชนหรือจะตกอันดับในการแข่งแต่อย่างใด[center][img=54063]//img.online-station.net/image_content/2020/03/default-image.jpg[/img][/center][p]แน่นอนว่าท้ายที่สุดคุณคงอยากเข้าร่วมอีเวนท์ต่างๆ เพื่อสนุกกับการแข่งที่หลากหลาย บางภารกิจที่คุ้นเคยก็กลับมาให้ได้เล่นกันอีกครั้ง A.I. ที่ดุดันจะเปลี่ยนการแข่งขันธรรมดาให้เป็นสนามประลองความเร็วแหวกนรก ในขณะที่ Stunt Run ต้องอาศัยความคุ้นเคยในเทคนิคหลุดโลกของ Paradise City แต่น่าเสียดายที่อีเวนท์ที่เจ๋งที่สุดของเกมอย่าง Road Rage ชนระห่ำ หรือตกเป็นที่จับตาอย่าง Marked Man ไม่มีให้เล่นในแบบออนไลน์ และถึงแม้ว่าเกมจะสนุกแค่ไหนแต่โหมด Showtime น้องใหม่ (ดูในกรอบแยก) ก็ยังไม่ใช่ Crash Mode อยู่ดี[color=green][b]G. FORD:[/b][/color] เมื่อผมเรียนรู้โลกอันกว้างใหญ่ไม่รู้จบของ Paradise ซึ่งใช้เวลาไม่นานได้แล้ว ผมก็ประทับใจในวิถีของเกมที่เอาความเป็นอิสระมาผสมกับอีเวนท์ต่างๆ อย่างเช่น เมื่อรถของคุณร่อแร่มาจากการซิ่งใน Road Rage คุณก็สามารถเอาเข้าอู่ Auto-Repair Shop เพื่อให้รถกลับมาโฉบเฉี่ยวไฉไลได้ หรือในทุกๆ การแข่งมีจุดเริ่มต้นและเส้นชัยแต่ไม่ได้กำหนดเส้นทางตายตัวไว้ (แม้ว่าคุณจะซิ่งไปตามลู่หรือจะซิ่งไปดูแผนที่ไปเพื่อไม่ให้หลงทาง) หรือจะเลือกเข้าไปลุยในอีเวนท์ใดก็ได้ตามต้องการโดยยังคงเล่นไปตามเนื้อเรื่องได้[center][img=54064]//img.online-station.net/image_content/2020/03/default-image.jpg[/img][/center][p]และเมื่อออนไลน์ คุณกับเพื่อนๆ ทั้งหลายสามารถแข่งว่าใครจะดริฟต์ได้ไกลที่สุดหรือใครจะลอยตัวกลางอากาศได้นานกว่าหรือใครจะชนรถคันอื่นได้มากกว่า หากเริ่มรู้สึกเบื่อ ผู้ที่มีคะแนนนำก็สามารถจัด (Host) การแข่ง (เช่นเพื่อเก็บ Super Jump ให้ครบทุกเส้นทาง) หรือตั้งวงแข่งซิ่งบนจุดใดก็ได้บนแผนที่ จะต่อกล้อง PlayStation Eye หรือ Live Vision Camera (ขึ้นอยู่กับเครื่องเล่นของคุณ) เพื่อแบ่งปันภาพแห่งชัยชนะของคุณให้คนอื่นดูก็ได้ ทั้งหมดที่กล่าวมานั้นเทียบได้กับความอิสระยามได้ซิ่งในเมืองนี้เลยทีเดียว[color=green][b]ANDREW P: [/b][/color]ได้เวลาปรับให้เข้าที่เข้าทางสักที ขอบคุณสำหรับความรู้สึกอิสระครั้งใหม่นี้ ความกว้างใหญ่ของ Paradise City ชวนให้สำรวจค้นหาแต่ยังต้องจดจำทางลัดและเส้นทางที่ซิ่งได้สะดวกต่างๆ และต้องขอบคุณถนนสายยาวๆ ทางแยกที่สลับซับซ้อน ตลอดจนทางชันท้านรกทั้งหลาย ที่ชวนงงได้ง่ายดาย มันเหมือนว่าคนออกแบบผังเมืองตั้งใจจะให้ถนนของตัวเองนั้นอันตรายที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยกักเก็บไว้ในรูปโค้งอับสายตา รถราที่สวนไปมา และแผงกั้นซีเมนต์ทั้งหลายแหล่ แต่นั่นก็ยังเป็นความสนุกเพราะหากรู้ตัวว่าซิ่งไม่เป็นท่าคุณจะพบว่าใกล้ๆ นั้นมีอะไรให้เข้าไปจอยด้วยมากมาย น่าเสียดายที่ Crash Mode หายไปเพราะสิ่งที่มาแทน (ดูแถบด้านข้าง) ดูมั่วๆ ไปหน่อย แต่ Showtime ก็เป็นอะไรที่สนุกมากยามได้ออนไลน์เล่นกับผู้เล่นบ้าระห่ำคนอื่นๆ[center][img=54065]//img.online-station.net/image_content/2020/03/default-image.jpg[/img][/center][p]และนั่นคือคุณภาพคับแก้วของ Paradise รู้กันอยู่ว่าเมืองมันเจ๋งแต่สิ่งจำเป็นพื้นฐานอยู่ที่ออนไลน์ การตัดเข้าหรือออกจากโหมดออนไลน์โดยไม่ติดขัดช่วยทำลายกำแพงระหว่างการเล่นคนเดียวกับการเล่นหลายคน ถึงแม้ว่าอีเวนท์ Road Rage และ Marked Man ที่ขาดๆ เกินๆ จะน่าผิดหวัง แต่สปิริตในการแข่งขัน (หรือแม้แต่การร่วมมือกัน) ของคุณและคู่หูที่ซิ่งไปยังที่ต่างๆ ด้วยกันนั้นยังคงอยู่ เหมือนกับที่ Shane พูดแหละครับ ครั้งนี้เป็นวิวัฒนาการที่ดีของ Burnout[b][color=darkred][size=3]ปิดม่านการแสดง[/b][/size][/color][p]Crash Mode ใน Burnout เป็นที่ชื่นชอบของแฟนๆ มาตั้งแต่เริ่มปรากฏตัวใน Burnout 2 ซึ่งใน Paradise นี้ทางผู้พัฒนาได้ตัดสินใจเอา Showtime มินิเกมใหม่ที่ให้บึ้มรถตัวเองได้ทุกครั้งที่เกิดการชนเข้ามาแทนที่ โดยบังคับรถพังยับของคุณซิ่งผ่านการจราจรเพื่อพยายามสร้างความวินาศสันตะโรให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ แน่นอนว่ามันยังคงความมันส์ ความสะใจในการได้ทำลายล้าง (พิเรนทร์ๆ คล้ายการเล่น Katamari Damacy เลย) แต่กลับให้ผลลัพธ์ที่ดูมั่วไปหน่อย ตามแยกที่มีรถราขวักไขว่ก็ชนกันได้เยอะ แต่พื้นที่ส่วนใหญ่ของ Paradise City มันช่างกว้างขวางเกินกว่าจะสร้างความเสียหายให้ได้ดั่งใจ พวกเรากำลังหวังอยู่ว่า Crash Mode ในตำนานอาจจะโผล่มาให้เห็นในระบบดาวน์โหลดเนื้อหาเสริมกัน....