Frontlines: Fuel of War อีกหนึ่งผลงานชิ้นโบแดงจากอดีตทีมผู้สร้าง Desert Combat

แชร์เรื่องนี้:
Frontlines: Fuel of War อีกหนึ่งผลงานชิ้นโบแดงจากอดีตทีมผู้สร้าง Desert Combat
[color=red][b]VITAL STATS[/b][/color] ประเภท: First Person Shooterผู้พัฒนา: Kaos Studioผู้จัดจำหน่าย: THQผู้จัดจำหน่าย: New Era โทร. 0-2672-1999เว็บไซต์: [url]http://www.frontlinesgame.com[/url]กำหนดวางตลาด: ต้นปี 2008[center][img=50788]//img.online-station.net/image_content/2020/03/default-image.jpg[/img][/center][p]ถ้าจะให้หาเกมเดินยิงระบบผู้เล่นหลายคนแบบเน้นเล่นเป็นทีมสักเกมที่ดูมีศักยภาพเพียงพอที่สามารถเทียบชั้นและพร้อมจะมาเป็นทายาทของเกมอย่าง Battlefield แล้วละก็ Frontlines: Fuel of War นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งคลื่นลูกใหม่ที่ดูมีภาษีดีทีเดียว[p]เริ่มต้นจากการเป็นทีมพัฒนาอิสระที่ชื่ออาจจะฟังไม่ค่อยคุ้นหูนักอย่าง Kaos Studio แต่แท้ที่จริงแล้วพวกเขาเป็นผู้อยู่เบื้องหลังของ Mod ระดับคุณภาพของเกม Battlefield 1942 ที่ชื่อว่า Desert Combat ซึ่งต่อมาในภายหลังก็ได้ร่วมงานอย่างเต็มตัวกับทีมพัฒนา D.I.C.E. ในการพัฒนาเกมภาคต่ออย่าง Battlefield 2 ซึ่งคลาสอย่างเสนารักษ์ (แพทย์สนาม) และคอมมานเดอร์ก็ล้วนแล้วแต่เป็นไอเดียที่เกิดจากพวกเขาเหล่านี้ทั้งสิ้น ในครั้งนี้พวกเขาได้รับโอกาสในการพัฒนาเกมของพวกเขาเองอย่างเต็มตัว เพื่อที่จะนำเสนอประสบการณ์ของเกมเดินยิงระบบมัลติเพลเยอร์แบบเน้นเล่นเป็นทีมโดยมีสมรภูมิแบบกึ่งอนาคตเป็นตัวขับเคลื่อน[center][img=50789]//img.online-station.net/image_content/2020/03/default-image.jpg[/img][/center][p]Frank Delise หัวหน้าฝ่ายออกแบบได้อธิบายถึงคอนเซ็ปต์ของตัวเกม Frontlines: Fuel of War ที่ต้องการที่จะนำเสนอ "สงครามในอนาคต อาวุธล้ำสมัย ซึ่งสามารถสัมผัสได้ในปัจจุบัน" นั่นทำให้ทีมงานต้องระมัดระวังอย่างยิ่งในการศึกษายานพาหนะ และเทคโนโลยีล้ำสมัยต่างๆ ยกตัวอย่างเช่น เครื่องบินขนส่ง V-22 Osprey หรือจะเป็นหุ่นยนต์ควบคุมระยะไกลเชิงกลยุทธ์ สิ่งเหล่านี้คุณอาจสงสัยว่ามันดูจะไปคล้ายกับประกอบหลายๆ อย่างจากเกม Battlefield 2142 แต่คำตอบก็คือทั้งใช่และไม่ใช่ในเวลาเดียวกัน เพราะจากประสบการณ์ที่ได้ไปลองสัมผัสตัวเกมมากับมือคู่นี้แล้วต้องขอบอกว่า Frontlines: Fuel of War นั้นมีอะไรมากกว่าที่คุณเห็น[p]อย่างแรกเลยที่ Frontlines: Fuel of War เลือกที่จะปลีกตัวเองออกจากคู่แข่งอื่นๆ ด้วยโหมดผู้เล่นคนเดียวที่มีอะไรมากกว่าการจับเอาบอทสมองนิ่มจำนวนหนึ่งโยนเข้าไปในแผนที่จากโหมดผู้เล่นหลายคน โดยเนื้อเรื่องที่ได้รับการวางมาอย่างระมัดระวังนั้นจะเกี่ยวกับเหตุการณ์ของโลกหลังจากเกิดสภาวะขาดแคลนทรัพยากรน้ำมันอย่างรุนแรง เศรษฐกิจของประเทศต่างๆ ค่อยๆ ล่มสลายไปเหมือนใบไม้ร่วง จะเหลือก็เพียงแต่กลุ่มมหาอำนาจตะวันตก Western Coalition และฝ่ายพันธมิตรดาวแดงอย่าง Red Star Alliance ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับเด็กทารกสองคนกับขนมชิ้นเดียวเมื่อทั้งสองฝ่ายก่อสงครามเพื่อต่อสู้เพื่อแย่งยิงแหล่งทรัพยากรน้ำมันแหล่งสุดท้ายที่เหลืออยู่บนโลกใบนี้ โดยที่เนื่องเรื่องจะถูกเล่าผ่านผู้สื่อข่าวผู้ที่คอยบรรยายถึงสภาพสถานการณ์ต่างๆ ของความขัดแย้ง และยังเป็นเสมือนการเชื่อมเนื้อเรื่องไปกับภารกิจต่างๆ ที่ผู้เล่นจะได้รับไปในตัวอีกด้วย[center][img=50790]//img.online-station.net/image_content/2020/03/default-image.jpg[/img][/center][p]ผมเองได้ทดลองเล่นสองแผนที่จากโหมดผู้เล่นหลายคนซึ่งได้แก่แผนที่ Mountaintop และ GNAW โดยที่แผนที่อย่าง Mountaintop จะเป็นแผนที่ขนาดเล็กเหมาะสำหรับผู้เล่นจำนวนไม่มากนัก หรือจะใช้เป็นแผนที่สำหรับแมตช์ล้างตาระหว่างแคลนก็ดูจะเหมาะสมดี โดยแผนที่ดังกล่าวสามารถจุผู้เล่นได้สูงสุด 16 คน ส่วน GNAW จะเป็นแผนที่ขนาดใหญ่ปานกลางโดยที่มีระยะจากขอบถึงขอบประมาณหนึ่งไมล์และมีผู้เล่นได้สูงสุดถึง 32 คน นอกเหนือจากนี้ยังมีแผนที่สำหรับผู้เล่น 64 คน ซึ่งทางทีมงานอ้างว่ามีขนาดจากขอบถึงขอบเป็นความกว้างถึง 4 ไมล์เลยทีเดียว[p]ก่อนที่จะเริ่มเล่นเป็นฝ่าย Western Coalition ในแผนที่ Mountaintop ผมก็จะต้องเลือกคลาสตัวละครเสียก่อน ซึ่งในเกม Frontlines: Fuel of War นั้นแต่ละคลาสตัวละครจะถูกแบ่งแยกโดยความสามารถพิเศษเฉพาะตัว ไม่เหมือนกับเกม อย่าง Battlefield 2 ที่อาวุธของแต่ละคลาสจะแตกต่างกันและไม่สามารถใช้ร่วมกันได้ ซึ่งนั่นหมายความว่าผมยังสามารถที่จะเล่นเป็นคลาสนับสนุนภาคพื้นดินในขณะที่ไม่จำเป็นจะต้องใช้อาวุธอย่างปืนกลหนักให้เมื่อยตุ้ม และอย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นว่าแต่ละคลาส (ที่ประกอบด้วยคลาสอย่าง Ground Support, EMP Tech, Drone Tech และ Air Support) จะมีความสามารถแตกต่างกันไปคลาสละสามความสามารถซึ่งจะสามารถปลดล็อกออกมาใช้ได้หลังจากที่คุณเก็บประสบการณ์ไปจนถึงระดับหนึ่ง (สามารถดูรายละเอียดในส่วนของความสามารถพิเศษนี้ได้ที่หน้า 24 ครับ) ผมไม่รอช้าที่จะเลือกเล่นเป็นคลาส Drone Tech และเลือกใช้ปืน Assault Rifle คู่ใจที่แม้จะสร้างความเสียหายในระดับปานกลางแต่ก็ไม่ทำให้การเคลื่อนที่ของผมช้าเท่ากับการใช้ปืนกลหนัก[center][img=50791]//img.online-station.net/image_content/2020/03/default-image.jpg[/img][/center][p]เมื่อเข้าสู่สมรภูมิรบ ผมสังเกตเห็นว่าแผนที่ Mini-Map จะถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนใหญ่ๆ ด้วยเส้นสีขาวเรืองแสง ซึ่งเจ้าเส้นนี้ล่ะที่ถือเป็นอีกหนึ่งไอเดียบรรเจิดจากทางผู้พัฒนาที่บรรจงสร้างเพื่อยกระดับเกมการเล่นให้ต่างออกไปจากเกมอย่าง Battlefield ที่ซึ่งคุณสามารถใช้รถจี๊ปหรือเฮลิคอปเตอร์อ้อมพื้นที่ที่มีการต่อสู้กันอย่างดุเดือดไปยังจุดยุทธศาสตร์ที่ไร้การป้องกันของศัตรูและทำการยึดครองได้อย่างง่ายดาย ทำให้เกมแต่ละรอบนั้นกลายเป็นเหมือนแมวจับหนูวนไปเวียนมาเพราะเชื่อขนมกินได้ว่าทีมฝั่งตรงข้ามก็คิดเช่นเดียวกันนั่นแหละ แต่ใน Frontlines: Fuel of War ที่ตัวเกมไม่ต้องการให้ผู้เล่นกระจัดกระจายไปตามจุดยุทธศาสตร์ต่างๆ ทำให้แต่ละแผนที่จะแบ่งแยกจุดยุทธศาสตร์ออกเป็นเพียงแค่สองฝั่งอย่างชัดเจนคือของฝ่ายคุณและของฝ่ายตรงข้ามที่เป็นเสมือนแนวหน้าของพื้นที่ที่ทีมของคุณกำลังครอบครองอยู่ การออกแบบดังกล่าวช่วยให้ผู้เล่นสามารถเพ่งความสนใจไปยังจุดที่จะทำการโจมตีหรือป้องกันเพียงแค่สองถึงสามจุด และไม่ต้องเป็นห่วงกับการวางกลยุทธ์ต่างๆ ให้วุ่นวายเหมือนในเกม Battlefield[p]การที่ผมเลือกเล่นเป็นคลาส Drone Tech ทำให้ผมใช้ความสามารถในการเรียกใช้หุ่นยนต์ Drone สำหรับบินสำรวจและสอดแนมซึ่งสามารถควบคุมผ่านมุมมองบุคคลที่สามจากระยะไกล อย่างไรก็ตามในระหว่างที่ทำการควบคุมหุ่นดังกล่าวก็จะทำให้ตัวละครของผมกลายเป็นเป้านิ่งสำหรับผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามไป ผมจึงไม่รอช้าที่จะหามุมมืดสำหรับซ่อนตัวละครของผม นอกจากนี้ในขณะที่กำลังควบคุมหุ่น Drone ผมสามารถที่จะสนับสนุนเพื่อนร่วมทีมโดยการชี้เป้าศัตรู ซึ่งจะไปแสดงผลยังแผนที่ Mini-Map ของผู้เล่นร่วมทีมคนอื่นๆ หรือถ้าคุณเป็นขาบู้ก็สามารถใช้หุ่น Drone ในการคามิคาเซ่ไประเบิดตัวเองในกลุ่มของผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามซึ่งสามารถสร้างความเสียหายได้ในระดับเดียวกับ RPG เลยทีเดียว นอกนั้นคุณยังจะต้องคอยสังเกตความเข้มของสัญญาณการเชื่อมต่อระหว่างตัวละครของคุณกับหุ่น Drone อีกด้วยเพราะว่ายิ่งคุณอยู่ห่างจากหุ่นของคุณมากแค่ไหนคุณก็จะยิ่งบังคับหุ่นของคุณได้ยากมากยิ่งขึ้น หลังจากที่ผมเริ่มทำคะแนนได้จำนวนหนึ่ง ผมก็ได้รับรางวัลเป็นชุดอัพเกรดสำหรับหุ่นยนต์ของผม ทำให้หุ่นสอดแนมในตอนแรกกลายเป็นรถถังที่สามารถควบคุมผ่านรีโมทคอนโทลได้จากระยะไกลที่มาพร้อมกันกระสุนเจาะเกราะสำหรับยิงทหารเดินเท้าโดยเฉพาะ และถ้าคุณกลัวว่าหุ่นพวกนี้จะทำให้ตัวเกมเสียสมดุลและเปลี่ยนเกมเดินยิงให้กลายเป็นสงครามหุ่นรบละก็...ไม่ต้องเป็นห่วงครับเพราะคลาสอย่าง EMP Tech ซึ่งมีหน้าที่หลักในการรับมือกับอุปกรณ์ไฮเทคต่างๆ ก็จะไม่รอช้าที่จะติดตั้งอุปกรณ์อย่าง EMP Generator ซึ่งจะส่งผลให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ไม่สามารถใช้งานได้รวมถึงหุ่นยนต์พวกนี้ด้วย[p]มาถึงแผนที่ที่สองที่มีชื่อว่า GNAW ซึ่งบรรยากาศโดยรวมแล้วเหมือนกับเมืองหลวงหลังวันสิ้นโลกยังไงยังงั้น คุณจะได้เห็นซากปรักหักพังต่างๆ ชิ้นส่วนของตึกระฟ้าที่จะค่อยๆ ถล่มลงมาทีละเล็กทีละน้อย สำนักงานต่างๆ ที่ถูกทิ้งร้าง รวมไปถึงหนังสือพิมพ์ที่ปลิวว่อน และที่โดนใจมากที่สุดก็คือรถยนต์ของพลเรือนที่ถูกทิ้งซึ่งคุณสามารถเข้าไปขับได้!! คราวนี้ผมเลือกใช้คลาสที่เน้นการสนับสนุนภาคพื้นดินอย่าง Ground Support และรีบวิ่งไปยังรถถัง Bradley APC เพื่อใช้เป็นยานพาหนะสำหรับการทัวร์ไปตามถนนขรุขระต่างๆ[center][img=50792]//img.online-station.net/image_content/2020/03/default-image.jpg[/img][/center][p]ก่อนช่วงใกล้จะจบรอบของแผนที่ GNAW นั้นผมได้ทำการสร้างหน่วยย่อยกับเพื่อนร่วมทีมอีกสองคน พวกเราได้ทำการเข้ายึดครองจุดยุทธศาสตร์ที่ตั้งอยู่ในบริเวณกลางของแผนที่เพื่อเป็นการร่นระยะไปยังฐานใหญ่ของทีมฝั่งตรงข้าม และในขณะที่กำลังเคลื่อนกำลังเข้าไปเรื่อยๆ ยานพาหนะของผมถูกยิงด้วยจรวด EMP ของข้าศึกซึ่งทำให้การทำงานของยานพาหนะหยุดในทันที ผมเลยจำเป็นจะต้องลงมาดวลกับหน่วยลาดตระเวนของฝั่งตรงข้ามอย่างช่วยไม่ได้ ผมรีบคว้าปืนลูกซองสำหรับการต่อสู้ระยะประชิดขึ้นมายิงต่อสู้ในทันที ซึ่งก็ได้ผลเป็นอย่างดีเพราะมีผู้โชคร้ายสองคนที่โดนลูกซองของผมเข้าไปเต็มๆ ที่หน้า และในขณะที่ผมกับเพื่อนร่วมทีมกำลังเข้ายึดจุดยุทธศาสตร์จุดสุดท้ายพร้อมความรู้สึกถึงชัยชนะที่อยู่แค่เอื้อม ทันใดนั้นเสียงเฟี้ยวฟ้าวจากเครื่องบินทิ้งระเบิดบินผ่านหัวผมไปดึงผมกลับสู่โลกความเป็นจริง และอีกไม่กี่วินาทีต่อมาร่างของผมก็ปลิวขึ้นไปบนท้องฟ้าพร้อมกับเพื่อนร่วมชะตากรรมอีกสองหน่อ ซึ่งไม่นานหลังจากที่ผมตายเกมก็จบรอบพอดี ทำให้ประสบการณ์ที่ได้รับจากการไปทัวร์สตูดิโอของทีมพัฒนา Kaos ครั้งนี้นับว่าได้สร้างความประทับใจให้กับผมไม่น้อยทีเดียว เพราะความเข้มข้นของโหมดมัลติเพลเยอร์ที่ได้รับการปรับแต่มาอย่างดีของ Frontline: Fuel of War ทำให้นี่เป็นอีกประสบการณ์ที่น่าจดจำทีเดียวครับ
แชร์เรื่องนี้:

เรื่องที่คุณอาจสนใจ