-
หน้าแรก
-
PC CONSOLE GAME
- SHADOWRUN เฮ้! คนเจ็บอยู่ทางนี้ใครมาช่วยที!!
SHADOWRUN เฮ้! คนเจ็บอยู่ทางนี้ใครมาช่วยที!!
[p]ในช่วงแรกเริ่มของการออกแบบเกม Shadowrun นั้น ทางทีมงาน FASA Studio ได้วางคอนเซ็ปต์ให้เป็น Multiplayer-Shooting โดยเน้นไปที่รูปแบบที่คล้ายคลึงกับเกมอย่าง Counter-Strike หากแต่ว่าทำการเพิ่มอีกหนึ่งส่วนผสมสำคัญก็คือการให้ความสามารถในการ "โกง" กับผู้เล่นทุกๆ คนซึ่งนับเป็นกลไกสำคัญของตัวเกม เพราะในขณะที่มีผู้เล่นไร้ฝีมือจำนวนหนึ่งพยายามที่จะใช้โปรแกรมโกงต่างๆ อย่าง Auto-Aim (ช่วยเล็งเป้า) หรือ Wall-Hack (ช่วยมองทะลุกำแพง) ในโหมดออนไลน์ของเกม Shooting ทั่วไป แต่ใน Shadowrun นั้นจะกลับตรงกันข้าม เพราะว่าคุณจำเป็นจะต้องใช้ความสามารถพวกนี้ในการที่จะเอาชนะคู่ต่อสู้ของคุณในแต่ละรอบการเล่น ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ... เมื่อทุกๆ คนมีความสามารถที่เหมือนกับการใช้สูตรโกงแล้วละก็ โหมดมัลติเพลเยอร์ก็สนุกขึ้นอีกหลายเท่าตัวเลยทีเดียว[center][img=37348]//img.online-station.net/image_content/2020/03/default-image.jpg[/img][p][img=37349]//img.online-station.net/image_content/2020/03/default-image.jpg[/img][/center][p]ในขณะที่ Shadowrun เป็นเกมที่สร้างโดยมีพื้นมาจากเกมกระดาน RPG แบบ Pen-and-Paper ที่สร้างโดย FASA เช่นกันในชื่อเดียวกันนี้ หากแต่ทั้งเนื้อเรื่อง องค์ประกอบ และรายละเอียดต่างๆ นั้นขอตัวเกมกระดานถูกนำมาใช้เพียงเป็นเพียงส่วนผสมพื้นฐานในการสร้างสรรค์งานศิลป์แบบไซเบอร์พังค์ของตัวละครและฉากต่างๆ ของเกมเท่านั้น (เพราะตัวเกมไม่มีเนื้อเรื่องสำหรับแคมเปญเล่นคนเดียว) อย่างไรก็ตามในช่วงเริ่มต้นของโหมดฝึกสอนจะมีการกล่าวถึงปูมหลัง และสาเหตุของความขัดแย้งระหว่างทั้งสองฝ่ายที่มีปะทุขึ้นมาจากการค้นพบศาสตร์เวทมนตร์ โดยในขณะที่กลุ่ม RNA Corporation (ทีมสีฟ้า) นั้นพยายามที่จะตักตวงผลประโยชน์ทำกำไรจากการใช้เวทมนตร์ ในทางตรงกันข้ามกลุ่ม Lineage (ทีมสีแดง) กลับต้องการที่จะปลดปล่อยพลังเหล่านี้ให้อยู่ตามครรลองของธรรมชาติให้ทุกคนได้ใช้กัน ซึ่งแม้ว่าทั้งสองฝ่ายฟังดูจะมีแนวความคิดที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่ในความเป็นจริงแล้วทั้งสองฝ่ายนั้นเหมือนกันอย่างกับแกะโคลนนิ่ง เพราะคลาสของตัวละครของทั้งสองฝ่ายนั้นเหมือนกัน แถมความสามารถต่างๆ ก็ยังเหมือนกันอีก[center][img=37351]//img.online-station.net/image_content/2020/03/default-image.jpg[/img][p][img=37350]//img.online-station.net/image_content/2020/03/default-image.jpg[/img][/center][p]สิ่งที่เป็นจุดเด่นของ Shadowrun ก็คือความสมดุลของคลาสตัวละคร อาวุธ และความสามารถต่างๆ ของทั้งสองฝ่ายที่ถูกปรับแต่งมาอย่างดี ก่อนเริ่มเกมในแต่ละรอบนั้นคุณจะต้องเลือกเป็นหนึ่งในคลาสตัวละครที่ประกอบด้วย มนุษย์ เอลฟ์ โทรล และคนแคระ ซึ่งแต่ละคลาสก็จะมีความสามารถพิเศษแตกต่างกันไป เช่นเอลฟ์ที่นอกจากจะมีพลังเวทย์มากกว่าปกติแล้วยังสามารถวิ่งได้เร็วกว่าคลาสอื่นๆ ทำให้สามารถไปยังพื้นที่ต่างๆ ของแผนที่ได้อย่างรวดเร็ว ในทางตรงกันข้ามโทรลจะมีหนามแหลมงอกออกมาจากกลางหลังเมื่อถูกโจมตีซึ่งจะช่วยให้มันสามารถรับการโจมตีได้มากกว่าคลาสอื่นๆ ส่วนคนแคระ นั้นจะสวมหมวกโลหะที่ช่วยป้องกันการโดนยิง Headshot และยังจะมีความสามารถในการดูดพลังเวทย์ของผู้เล่นคนอื่นๆ ได้ด้วย และท้ายที่สุดก็คือมนุษย์ที่มีสมดุลในด้านต่างๆ ในระดับปานกลาง แต่จะเริ่มเกมแต่ละรอบด้วยเงินที่มีจำนวนมากกว่าคลาสอื่นๆ สำหรับใช้จับจ่ายซื้ออาวุธและเวทมนตร์ต่างๆ[center][img=37353]//img.online-station.net/image_content/2020/03/default-image.jpg[/img][p][img=37352]//img.online-station.net/image_content/2020/03/default-image.jpg[/img][/center][p]อีกสิ่งหนึ่งที่ยอดเยี่ยมก็คือระบบคลาสที่ถูกออกแบบมาให้เหมาะสมกับผู้เล่นทุกแบบทุกสไตล์ ตัวอย่างเช่น ผู้เล่นที่ชื่นชอบการบุกตะลุยอย่างผมมักจะเลือกเล่นเป็นเอลฟ์ เพราะสามารถที่จะไปยังสถานที่ต่างๆ ของแผนที่ได้อย่างรวดเร็ว และยังมีดาบ Katana ที่ใช้ในการลอบแทงศัตรูจากข้างหลังได้อีกด้วย ส่วนใครที่ไม่ใช่ขาลุยแต่ชอบสนับสนุนหรือป้องกันเพื่อนร่วมทีมแล้วละก็ มักจะเลือกเป็นโทรลที่มีพลังป้องกันสูงมากว่าคลาสอื่นและมาพร้อมกันพร้อมกับปืนกลหนัก แถมยังสามารถใช้เวทย์กำแพงหนาม Strangle ในการป้องกันจุดยุทธศาสตร์ต่างได้ดีอีกต่างหาก ซึ่งในขณะที่โทรลสามารถฉีกเอลฟ์ที่อ่อนแอกว่าเป็นชิ้นๆ ได้อย่างง่ายดาย ในทางกลับกันคนแคระก็เป็นคลาสที่เหมาะกับการใช้เวทย์ชุบชีวิต และยังมีความสามารถในการดูด Essence (หน่วยพลังเวทย์ในเกม) และกำจัดพวกโทรลได้ (เพราะแหล่งพลังป้องกันของโทรลนั้นเกิดจาก Essence ที่มีอยู่เป็นหลัก) ซึ่งโดยรวมแล้วกลไกของคลาสต่างๆ ที่ฟังดูเหมือนยุ่งยากเหล่านี้กลับมีรูปแบบคล้ายกับ ค้อน-กรรไก-กระดาษ ที่สมดุลอย่างไม่น่าเชื่อซึ่งส่งผลให้การเล่นแต่ละรอบของ Shadowrun เป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดและสูสี[center][img=37354]//img.online-station.net/image_content/2020/03/default-image.jpg[/img][p][img=37355]//img.online-station.net/image_content/2020/03/default-image.jpg[/img][/center][p]ในแต่ละชัยชนะที่คุณได้รับ หรือจะเป็นผลตอบแทนที่ได้จากการฆ่าศัตรู จะอยู่ในรูปแบบของเงินที่คุณจะสามารถนำไปซื้ออาวุธ เวทมนตร์ และเทคโนโลยีต่างๆ ที่จะมาช่วยเพิ่มพูนความสามารถตัวละครของคุณ และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ Shadowrun เหมาะสมกับผู้เล่นทุกๆ สไตล์ เพราะว่าอาวุธ และเวทมนตร์ชนิดต่างๆ จะถูกแบ่งออกเป็นหมวดๆ ตามราคาค่าตัวของพวกมัน ส่งผลให้คุณจะต้องวางแผนว่าในทุกๆ รอบว่าจะต้องซื้ออะไรบ้างที่จะเหมาะสมกันสถานการณ์ในขณะนั้น เช่น ผู้เล่นที่เป็นนักแม่นปืนมือฉมังอาจจะเลือกซื้อไรเฟิลราคาถูกเพื่อที่จะเหลือเงินสำหรับความสามารถ Auto-Aim ในทางตรงกันข้ามผู้เล่นที่ชื่นชอบการใช้เวทมนตร์ก็อาจจะเลือกซื้อเวทมนตร์ชุบชีวิตเพื่อซัพพอร์ตเพื่อนร่วมทีมในรอบแรกๆ ของการเล่นเพื่อนเก็บหอมรอมริบสำหรับเวทมนตร์ Summon ที่ใช้ในการเรียกสัตว์ปิศาจซึ่งสามารถสั่งการให้ป้องกันธงของฝั่งตัวเองได้ ซึ่งหลายๆ ครั้งทีมของผมสามารถกลับมาเอาชนะฝ่ายตรงข้ามได้ด้วยการเลือกเล่นอย่างระมัดระวังในรอบแรกเพื่อสะสมเงิน เน้นป้องกันแทนที่จะโหมบุกโจมตี โดยเก็บเอาอาวุธจากศพของศัตรูมาใช้ไปพลางๆ ในขณะเดียวกันก็เก็บเงินเอาไว้ซื้อของแรงๆ ในรอบต่อไป[p]ตัวเกมจะมากับแผนที่มาตรฐาน 12 แผนที่ซึ่งจะแบ่งออกเป็นโหมดการเล่น 3 แบบ ได้แก่ Extraction ที่มีรูปแบบการเล่นเหมือนชิงธงเพียงแต่ว่าจะมีธงเพียงเดียว ทั้งสองทีมจะเริ่มเกมที่คนละฝั่งของแผนที่เพื่อที่จะแย่งชิง Artifact ที่อยู่บริเวณกลางฉาก และนำ Artifact ที่ชิงได้นั้นไปยังจุดอพยพซึ่งจะตั้งอยู่ในบริเวณจุดเกิดของทีมฝั่งตรงข้าม โหมดการเล่นแบบที่สองคือ Attrition ซึ่งทีมที่ครอบครอง Artifact จะสามารถมองเห็นตำแหน่งของศัตรูทางแผนที่ซึ่งช่วยให้วางแผนโจมตีได้ง่ายขึ้น โหมดสุดท้าย และก็เป็นโหมดที่ผมชอบมากที่สุดก็คือ Raid ที่ทีมนึงจะต้องปกป้อง Artifact ที่ครอบครองอยู่จากฝ่ายตรงข้าม เช่น ในแผนที่ Temple Ground ซึ่งกลุ่ม Lineage จะเกิดในชั้นล่างสุดของอาคารโบราณทรงพีรามิดขนาดใหญ่ซึ่งจะประกอบด้วยช่องทางที่หลากหลายในการที่จะเข้าถึงพื้นที่ที่มี Artifact อยู่ ในทางกลับกันกลุ่ม RNA จะเกิดบนพื้นที่ที่สูงกว่าซึ่งเปิดโอกาสให้สามารถใช้ปืนไรเฟิลซุ่มยิง หรือจะเลือกปาระเบิดลงไปในกลุ่มของ Lineage ก็ไม่ว่ากัน นอกจากแผนที่อย่างที่น่าสนใจอีกอย่างเช่น Favela ที่มีบรรยากาศเหมือนย่านสลัมและตึกระฟ้า Nerve Center ที่เล่นกี่ครั้งก็ไม่เบื่อสักที[p]แต่สิ่งที่ทำให้ผู้คนพูดถึง Shadowrun กันมากที่สุดก็เห็นจะหนีไม่พ้นความสามารถในการเล่นข้ามแพลตฟอร์มระหว่าง Xbox 360 กับพีซีผ่านระบบ Live for Windows ซึ่งโดยเทคนิคแล้วเทคโนโลยี Cross-Platform ทำหน้านี้ของมันได้ดีทีเดียว อย่างไรก็ตามตัวเกมจะไม่มีการแจ้งว่าเพื่อนร่วมทีมหรือศัตรูจากฝั่งตรงข้ามของคุณใช้เครื่องอะไรเล่นเกม ซึ่งการที่จะมองสไตล์การเล่นแล้วสรุปได้ว่าผู้เล่นคนไหนใช้เครื่องอะไรเล่นนั้นเป็นเรื่องยาก ซึ่งนั่นก็แสดงให้เห็นถึงความสมดุลที่ออกแบบมาอย่างดี (โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของการควบคุม) ปัญหาอยู่ที่ระบบจัดหาผู้เล่นที่ชื่อว่า TruSkill ถ้าคุณจะเล่นบนเซิร์ฟเวอร์สาธารณะและต้องการปลดล็อค Achievement ไปด้วยนั้น ระบบ TruSkill จะทำการเลือกเซิร์ฟเวอร์ที่ผู้เล่นแต่ละคนมีระดับความสามารถใกล้เคียงกันให้โดยอัตโนมัติ แต่คุณจะไม่สามารถตรวจสอบค่า Ping หรือ Ranking ในขณะที่กำลังเล่นเกมซึ่งก็เป็นจุดที่สร้างความกังวลให้กับผมพอสมควร นอกจากนั้นแล้วเกมยังประสบกับปัญหาการเชื่อมต่อที่บางครั้งใช้เวลาหลายนาทีในการหาเซิร์ฟเวอร์ และหลายๆ ครั้งที่หลุดออกจากเซิร์ฟเวอร์ในขณะที่ผมกำลังเล่นอยู่ในแผนที่ Power Station[p]สุดท้ายนี้ปัญหาทั้งหมดทั้งปวงที่กล่าวมาจะไม่เกิดกับคุณเลยถ้าคุณไม่ได้ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows Vista เพราะว่า Shadowrun บังคับว่าจะต้องเล่นบน Vista เท่านั้น (ไม่มี Vista ก็เล่นไม่ได้ เท่ากับไม่เจอปัญหา) ถึงแม้ว่าตัวเกมจะไม่ได้ซัพพอร์ตเอฟเฟ็กต์ระดับ DirectX10 ก็ตาม และยังราคาที่สูงถึง $49.99 ซึ่งส่วนตัวผมว่าแพงไปหน่อยสำหรับเกมที่มีเฉพาะโหมดมัลติเพลเยอร์เท่านั้น (ไม่มีโหมดผู้เล่นคนเดียว แต่แถม Bot มาให้เราเป่าหัวเล่นเวลาเล่นคนเดียวแทน) แม้ว่าผมจะสนุกกับการ Teleport ไปมาในฉากที่ถูกออกแบบมาอย่างดี และไล่ยิงศัตรูที่เป็นคนจริงๆ ที่ไม่ใช่ Bot ผ่านระบบผู้เล่นมัลติเพลเยอร์ แต่ผมก็อดไม่ได้ที่จะคิดว่าถ้ามีแผนที่มากกว่านี้ มีโหมดเกมการเล่นเยอะกว่านี้ และมีระบบจัดหาผู้เล่นที่เสถียรกว่านี้ก็คงจะดีเรื่อง: NORMAN CHANเรียบเรียง: TivaVITAL STATSประเภท: First-Person Shooter ผู้พัฒนา: FASA Studio ผู้ผลิต: Microsoft ผู้จัดจำหน่าย: - เครื่องที่ต้องการ: Dual-Core 2.4GHz, หน่วยความจำ 2GB, พื้นที่ให้ HD 4.5GB, 256MB 3D card และระบบปฏิบัติการ Windows Vista เครื่องที่แนะนำ: Dual-Core 3.2GHz, 512MB 3D card จำนวนผู้เล่นสูงสุด: 16 คน ESRB RATING: M76% ดี[b]FINAL VERDICTข้อดี: โหมดผู้เล่นหลายคนที่ดุเดือดเข้มข้น; สมดุลระหว่างคลาส สกิล และการออกแบบแผนที่ต่างๆ ที่ทำออกมาได้ดี[/b]ข้อด้อย: มีโหมดการเล่นแค่ 3 แบบ; ปัญหาการเชื่อมต่อ; ระบบจัดหาผู้เล่นที่ยังไม่ดีพอโดยรวม: ถือเป็นเกม Shooting แบบมัลติเพลเยอร์ที่ดีเกมหนึ่ง แต่ถ้ามองไปถึงราคาที่สูงไปนิดแล้วละก็ ดูเหมือนจะยังไม่คุ้มกับการที่จะต้องเปลี่ยนไปใช้ Windows Vista