-
หน้าแรก
-
PC CONSOLE GAME
- Crysis อลังการงานสร้างด้วยเนื้อหาและกราฟฟิกระดับสุดยอดของ Crytek
Crysis อลังการงานสร้างด้วยเนื้อหาและกราฟฟิกระดับสุดยอดของ Crytek
[center][img=36181]//img.online-station.net/image_content/2020/03/default-image.jpg[/img][/center] [b]เมื่อป่าเขตร้อนชื้นสุดอันตราย กลับกลายเป็นหายนะเยือกแข็งไร้แรงดึงดูด กับรายละเอียดล่าสุดของอีกหนึ่งเกม FPS ที่น่าจับตามองที่สุดของปี 2007 นี้[/b] [img=36182]//img.online-station.net/image_content/2020/03/default-image.jpg[/img] ::[b] ด้วยพลัง Strength Enhancement ของชุด Nanosuit จึงไม่เป็นการยากที่คุณจะจับพวกศัตรูเหวี่ยงจนทะลุฝาผนังอย่างที่เห็น [/b][img=36190]//img.online-station.net/image_content/2020/03/default-image.jpg[/img]:: [b]ยานมนุษย์ต่างดาวภายใต้อุกกาบาต สภาพแวดล้อมใหม่ไร้แรงดึงดูดที่ทาง Crytek ได้เปิดเผยให้ได้เห็นเมื่อเร็วๆ นี้ ดูน่าสะพรึงกลัว ลึกลับ และสวยงามเสียจริงๆ[/b][p]ถ้าหากจะพูดถึงความเป็น ‘ม้ามืด’ ของวงการเกมในปัจจุบัน ที่เริ่มต้นอย่างไร้ที่ทาง แต่กลับสร้างจุดยืนและตำแหน่งแห่งหนของตนได้อย่างสมศักดิ์ศรียิ่งกว่าค่ายเกมใดๆ ด้วย ‘ผลงานชิ้นแรก’ แล้วนั้น ในความคิดของผม ก็คงจะมีที่ให้เห็นโดดเด่นอยู่สามค่าย ทีมแรกไม่ใช่ใครอื่น นอกจาก Valve ผู้รังสรรค์ผลงานระดับไร้เทียมทานอย่าง Half-Life ทีมที่สองคือ Relics Entertainment ที่เปิดตัวด้วยเกม Homeworld สุดยอด RTS อวกาศสุดล้ำยุคในปี 1998 และอีกทีมหนึ่งที่ทิ้งช่วงมาเกือบ 6 ปีกว่าที่จะปรากฏให้ได้เห็นในวงการ นั่นคือ Crytek ทีมพัฒนาเกมสัญชาติเยอรมัน ที่เปิดตัวด้วยเกม FPS อย่าง Farcry ที่แม้จะพลาดรางวัลสุดยอดเกมประจำปีให้กับสุดยอดเกมเต็งรางวัลอย่าง Half-Life 2 แต่ด้วยกราฟิกที่งดงามอย่างร้ายกาจ เกมการเล่นที่กดดัน ตื่นตัว ฉับไว เปิดกว้าง และท้าทายอย่างสุดเพดานบิน (จนเข้าขั้นมหาหฤโหดในหลายช่วง) นั้น ก็ทำเอาเกมรุ่นพี่หลายต่อหลายอย่าง Half-Life, Call of Duty และ Doom3 ต้องหนาวๆ ร้อนๆ กันไปตามๆ กัน เรียกได้ว่าทีม Crytek นี้ มีลูกบ้าไม่ใช่น้อยๆ ที่กล้าเอามีดขึ้นมาจ่อคอหอยกับยักษ์ใหญ่แห่งวงการอย่างไม่สะทกสะท้านเช่นนี้[p]และเมื่องาน E3 2006 ที่ผ่านมาเกือบหนึ่งปี ทางทีม Crytek ก็ได้เปิดตัวม้ามืดที่พวกเขาซุ่มพัฒนากันอยู่นานสองนานอย่าง Crysis ให้เหล่านักเล่นได้สัมผัสตัวอย่างความอลังการกันไปตามๆ กัน ด้วยกราฟิกที่งดงามสมจริง ระบบฟิสิกส์ที่ตอบสนองได้อย่างถูกต้อง เนื้อหาที่เข้มข้นน่าติดตาม ระบบการเล่นที่ฉับไวและเปิดกว้าง ทั้งหมด ถูกยกระดับให้มากเสียยิ่งกว่าผลงานที่แล้วอย่างเทียบไม่ติด [img=36183]//img.online-station.net/image_content/2020/03/default-image.jpg[/img] :: [b]ระบบฟิสิกส์ของเกมอำนวยให้เกิดการเล่นและรับมือกับศัตรูในรูปแบบต่างๆ อย่างการยิงไปที่ล้อรถจนเสียหลักก็เป็นอีกหนึ่งความเป็นไปได้ในเกมนี้ [/b][p]แต่กระนั้นแล้ว ด้วยสโคปการพัฒนาที่สูงจนเข้าขั้น ‘ทะเยอทะยานอย่างบ้าคลั่ง’ ทั้งที่เป็นผลงานชิ้นที่สองของทีม ประกอบกับลูกเล่นที่ได้รับการพัฒนาตามกระแสข่าวที่เล็ดลอดออกมา ทั้งระบบฟิสิกส์ที่ครอบคลุมในทุกรายละเอียดวัตถุ (ตั้งแต่การกระดอนของวัตถุไปจนถึงการพลิ้วไหวของใบไม้) หรือกราฟิกที่รองรับกับระบบ DirectX10 ของ Windows Vista เป็น Exclusive เกมแรกๆ นั้น ก็เรียกได้ว่าเกมเกมนี้น่าจะเข้าข่ายชิ้นงานที่ถูกประทับตรากับคำว่า ‘เสี่ยงพลาด’ ตัวแดงกลางหน้าผากอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ (แม้ว่าทาง EA จะซื้อทีมพัฒนานี้มาไว้ในสังกัดของตนแล้วก็ตามทีเถอะ) และมันก็อดที่จะทำให้เหล่านักเล่นอย่างเราๆ ต้องแอบลุ้นไปโดยปริยายไม่ได้ว่าเกมเกมนี้จะมีโอกาสคลอดออกมาลืมตาดูโลกหรือไม่ หรือถ้าออกมาได้นั้น...มันจะคุ้มค่าสมราคาและเวลาที่พวกเรารอคอยจริงหรือ? [img=36184]//img.online-station.net/image_content/2020/03/default-image.jpg[/img]:: [b]อย่าคิดว่าอยู่ที่สูงแล้วจะปลอดภัย เพราะกว่าจะรู้ตัว อีกฝ่ายก็กระโดดเข้ามากราดกระสุนจนพรุนไปทั้งตัวแล้ว [/b][p]เอาเถิดครับ จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ก็เกือบหนึ่งปีที่ผันผ่าน บทความชิ้นนี้ จะขอต้อนรับทุกท่านกลับเข้าสู่ ‘ขุมนรกเยือกแข็งแดนเขตร้อน’ อันแสนพิสดารของทีม Crytek ด้วยข้อมูลข่าวสารใหม่ล่าสุดที่ได้รับการเปิดเผยเป็นครั้งแรก ประกอบกับรายละเอียดปลีกย่อยและข้อมูลข่าวสารอื่นๆ ที่น่าจะช่วยให้ความคึกคักของเหล่าสมิงสิงห์สงครามทั้งหลาย ได้พลุกพล่านกระชุ่มกระชวย จนความเหน็บหนาวเยือกแข็งต่างมิติในเกม กลายเป็นเรื่องขี้ผงกันไปเลย[img=36185]//img.online-station.net/image_content/2020/03/default-image.jpg[/img]:: [b]ตกในที่อับ ถูกไล่ต้อนสองรุมหนึ่ง แต่กับเครื่องยิงจรวดที่วางไว้ใกล้ๆ กันนี้ คุณ จะทำเช่นไร? (หรือใครจะใช้กล้วยก็ไม่ว่ากันนะ) [/b][b]สงครามสามเส้า เมื่อเผ่าพันธุ์ต่างดาวนรกเยือกแข็งเข้าร่วมสังคายนาศึก[/b][p]ปี 2019…อนาคตที่ไม่ห่างไกลมากนัก สถานการณ์ความเป็นไปของโลกยังคงคุกรุ่นด้วยความไม่เข้าใจ ความขัดแย้ง และไฟสงครามทั้งทางตรงและทางอ้อม ทุกสิ่งยังคงดำเนินไปตามวิถีอย่างที่มันเป็น ไม่มีวันจบ ไม่มีสิ้นสุด จนกระทั่งเหตุการณ์สำคัญหนึ่ง ได้บังเกิดขึ้น…เมื่ออุกกาบาตขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2 กิโลเมตร เข้าสู่ชั้นบรรยากาศ และตกลงมายังหมู่เกาะ Spartly แถบทะเลจีนใต้ สร้างแรงสั่นสะเทือนและความเสียหายเป็นวงกว้าง เป็นเหตุการณ์ตามธรรมชาติที่ไม่สู้จะเกิดขึ้นบ่อยนัก ถ้าวัดจากสิ่งที่เคยเกิดขึ้น หรือกรณีศึกษาในเรื่องเดียวกันในช่วงที่ผ่านมา แต่ยังไม่ทันที่องค์การสหประชาชาติจะประกาศหรือเริ่มดำเนินการใดๆ ทางเกาหลีเหนือก็ได้ชิงส่งกองกำลังลงสู่พื้นที่เพื่อตรึงระยะและประกาศเข้ายึดเพื่อศึกษาอุกกาบาตลึกลับนี้ ทำให้ทางสหรัฐฯ ไม่รอช้าที่จะส่งกองกำลัง Delta Force นำทีมโดยจ่า Jake Dunn และลูกทีมยอดฝีมืออีกหกชีวิต ที่อัดฉีดด้วยอุปกรณ์และวิทยาการล้ำยุค เพื่อเข้าตรวจสอบ และหยุดยั้งความพยายามใดๆ ก็ตามของทางเกาหลีเหนือที่จะมีต่อวัตถุนอกโลก ด้วยเกรงว่าสิ่งที่พวกเขาจะได้จากเจ้าก้อนแร่ธาตุชิ้นนี้ อาจจะส่งผลให้เกิดการสลับของขั้วอำนาจในเวทีโลกอย่างที่ไม่อาจจะหยุดยั้งได้ถ้าไม่รีบดำเนินการก่อนจะสายเกินแก้ [img=36186]//img.online-station.net/image_content/2020/03/default-image.jpg[/img]:: [b]แม้ชุด Nanosuit จะแข็งแกร่ง แต่ก็ทนการจู่โจมได้ไม่มากนัก อย่าช้ารีบเปิดเกราะพลังงานเร็ว! [/b][p]แต่จะอย่างไรเสีย ทั้งอเมริกาและเกาหลีเหนือ ต่างก็เป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดาที่ไม่ได้รับทราบถึงบางสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวที่หลบซ่อนอยู่ในก้อนอุกกาบาตชิ้นนี้ เพราะนี่ไม่ใช่ปรากฏการณ์ตามธรรมชาติธรรมดาทั่วไป หากแต่เป็น...การรุกรานครั้งใหญ่...ของสิ่งมีชีวิตทรงภูมิจากต่างดาว กว่าที่จะทันรู้ตัว ลำแสงลึกลับก็ได้แผ่ขยายและเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมของหมู่เกาะเขตร้อนให้กลายเป็นนรกเยือกแข็งติดลบศูนย์องศา ทำลายทุกสมดุลของธรรมชาติในพื้นที่ลงอย่างราบคาบ พร้อมกับการปรากฏตัวของเหล่าเผ่าพันธุ์ต่างดาวจากก้อนอุกกาบาตที่มีเพียงเป้าหมายเดียว คือการกำจัดทุกสิ่งมีชีวิตบนเกาะ และบนโลกใบนี้ [img=36187]//img.online-station.net/image_content/2020/03/default-image.jpg[/img] :: [b]กองทัพเกาหลีเหนือ แม้จะไม่แกร่งเท่ากับกองกำลัง Delta Force แต่ด้วยปริมาณ การรวมพล ระเบียบ และวิธีการจู่โจม ก็ทำให้หนาวๆ ร้อนๆ ได้เหมือนกัน [/b][p]ลืมความขัดแย้งทั้งหลายไปเสีย นี่ไม่ใช่วิกฤตการณ์อย่างที่เคยเป็นมาอีกต่อไปแล้ว เพราะพวกมันไม่แบ่งแยกว่าใครเป็นใคร จะมีก็แต่เพียงความสามารถ และสัญชาตญาณการต่อสู้เท่านั้น ที่จะช่วยให้พวกคุณเอาชีวิตรอดจาก ‘วิกฤตการณ์ (Crysis)’ ครั้งใหม่นี้ ที่มีเดิมพันอันแสนอันตรายยิ่งกว่าครั้งใดๆ ที่ผ่านมานั่นคื...มวลมนุษยชาติบนโลกใบนี้ ทุกคน...[b]The Various Hazardous Environment in the new ‘Crysis’[/b][p]ถ้าจะมีสิ่งหนึ่งที่เกม Farcry เคยถูกค่อนขอดจากบรรดานักเล่นว่า มีความซ้ำซาก ไม่หลากหลายเท่าที่ควรนั้น มันก็คงจะหนีไม่พ้นสิ่งที่เป็นจุดขายหลักของมันอย่าง ‘สภาพแวดล้อม’ เพราะแม้ว่าจะสวยงามให้บรรยากาศของหมู่เกาะเขตร้อนที่ห่างไกลได้เป็นอย่างดี แต่ก็วนเวียนอยู่กับป่าไม้ ชายหาด และหมู่เกาะยิบย่อยที่แยกออกจากกันเป็นส่วนมาก (แม้ว่าในตอนหลังจะมีห้องทดลองลับ แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรให้มันดีขึ้นสักเท่าใด) ทาง Crytek เองก็ทราบถึงจุดนี้ดี และทำการบ้านมาอย่างหนักหน่วง และผลที่ได้คือฉากที่ทางผู้พัฒนาหมายมั่นปั้นมือว่าจะหลากหลายและพิสดารยิ่งกว่าเกมแรก และเกม FPS อื่นๆ ในท้องตลาดทั้งในแง่งานศิลป์และลูกเล่นของมันกันเลยทีเดียว โดยทั้งสามองค์ของเกมจะประกอบไปด้วย... - Env/Act 1 เปิดฉากด้วยองค์แรกของเกม ที่กองกำลัง Delta Force นำโดย Jake Dunn ตัวเอกพร้อมกับลูกทีมอีกหกคน กระโดดร่มลงสู่หมู่เกาะ Spartly ที่มีกองกำลังเกาหลีเหนือรักษาการณ์อย่างเข้มงวด เนื้อหาและลูกเล่นของบทนี้ จะไม่มีอะไรแตกต่างจากที่เคยเป็นมากนัก พื้นที่การสู้รบจะยังอยู่ในป่าเขตร้อนชื้นในแบบเดียวกับเกม Farcry แต่เต็มไปด้วยองค์ประกอบของกราฟิกอันสวยงาม ความฉลาดของ AI กองทัพเกาหลีที่มีพฤติกรรมอันหลากหลาย ทั้งตีตลบ เข้ารวมหมู่ สั่งการเป็นกองทัพ หรือยืนพักสูบบุหรี่ พูดคุย ตรวจอาวุธในยามที่สถานการณ์ปกติ และระบบฟิสิกส์ที่สามารถใช้ได้จริงเป็นตัวชูโรงสำคัญ เช่น ป่าไม้ที่หักโค่นและติดไฟได้ สิ่งก่อสร้างที่สามารถทำลายได้ (ด้วยอาวุธหรือความสามารถที่จะกล่าวถึงในวรรคถัดๆ ไป) ถือว่าเป็นการอุ่นเครื่องนำร่องคุณสมบัติต่างๆ ของตัวเกมก่อนจะนำผู้เล่นเข้าสู้เนื้อหาจริงๆ ในองก์ถัดๆ ไป - Env/Act 2 แต่ก่อนที่ผู้เล่นจะเริ่มเบื่อหน่ายและวางคีย์บอร์ดนั้น ทาง Crytek ก็โยนเอาสิ่งที่พวกเขาเรียกว่าเป็นหายนะจริงๆ เข้าใส่อย่างไม่ทันตั้งตัว เมื่อเผ่าพันธุ์มนุษย์ต่างดาวปรากฏตัวขึ้น และลำแสงลึกลับได้เปลี่ยนสภาพแวดล้อมรอบๆ อุกกาบาตให้ผิดเพี้ยนและเสียสมดุลอย่างราบคาบ ผู้เล่นจะได้เห็นภูมิทัศน์ป่าร้อนชื้นที่ ‘เยือกแข็ง’ อย่างผิดปกติเป็นครั้งแรก และไม่ได้เป็นแค่เพียงของประดับประกอบฉากสวยงามแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ทั้งแรงฝืด ความลื่น และความเปราะของสิ่งต่างๆ ที่กลายเป็นน้ำแข็งนั้น ถูกจำลองออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ ชนิดที่ถ้ามันแตกได้ ในเกมนี้ก็ต้อง ‘แตก และทำลายได้’ เช่นกัน ยังไม่รวมถึงจังหวะของเนื้อหาที่เข้มข้นขึ้น เมื่อกองทัพเกาหลีเหนือและสหรัฐฯ จำต้องจับมือร่วมกันเพื่อต่อต้านผู้รุกรานสุดอันตรายเหล่านี้ด้วย - Env/Act 3 องค์สุดท้ายของเกม ที่ได้รับการเปิดเผยเมื่อไม่นานมานี้ คือความลับที่ทางผู้พัฒนาได้ปิดงำเอาไว้ชนิดที่ไม่มีหลุดรอดออกไป เพราะผู้เล่นจะได้เข้าไปสัมผัสกับ ‘โลก’ ในยานอุกกาบาตต่างดาวกันชนิดถึงแก่น สภาพแวดล้อมภายในยานถูกออกแบบให้ล้ำยุค และลึกลับได้อย่างลงตัว พร้อมลูกเล่นระบบฟิสิกส์แบบ ‘ไร้แรงดึงดูด’ หรือ Zero-G Environment ทั้งความเฉื่อยจากสภาวะไร้น้ำหนัก แรงดีดของปืนที่มีผลต่อการเคลื่อนไหว ปลอกกระสุนที่ไหลไปอย่างไร้ทิศทาง ไปจนถึงการเสียหลักจากสภาพโน้มถ่วงศูนย์ ถูกจำลองออกมาได้อย่างสมจริง รวมไปถึงลักษณะและรูปแบบของ ‘มนุษย์ต่างดาว’ ที่แปลกประหลาด และจำลองความฉลาดได้อย่างน่าสะพรึงกลัว พวกมันรู้จักใช้สภาพแวดล้อมและรูปลักษณ์ทางกายภาพสร้างความได้เปรียบและกระหน่ำเข้าใส่ผู้เล่นแบบไร้ความปรานี จนอาจจะเรียกได้ว่าน่าจะเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่ดีที่สุดนับตั้งแต่มีเกม FPS เลยก็เป็นได้[b] The Nano that ‘Suit’ You well… [/b] [p]กองทัพเกาหลีเหนือจำนวนเหยียบหมื่น และกองทัพมนุษย์ต่างดาวสุดสะพรึงเกินหยั่งคาดนี้ การที่ Jake Dunn และเพื่อนทหารร่วมตายอีกแค่หกคนจะอาจหาญเข้าต้านทานอย่างไม่คิดชีวิตคงจะดูเป็นการฆ่าตัวตายทางอ้อมไปโดยปริยาย แน่นอน พวกเขาไม่ได้มากันด้วยตัวเปล่า เพราะกองทัพสหรัฐฯ ได้ทุ่มงบประมาณหลายพันล้านเหรียญเพื่อออกแบบชุด Nanosuit เพื่อการนี้โดยเฉพาะ และเป็นอีกหนึ่งจุดขายหลักของเกม Crysis นี้อีกด้วย [img=36188]//img.online-station.net/image_content/2020/03/default-image.jpg[/img]:: [b]จ๊ะเอ๋....(คิดจะซุ่มในบ้าน ท่าจะยากซะแล้วล่ะพรรคพวก)[/b] [p]คุณสมบัติหลักๆ ของอุปกรณ์ Nanosuit ล้ำยุคนี้ อยู่ที่การปรับสภาวะความสามารถทางร่างกายของผู้สวมใส่ได้โดยสะดวก โดยองค์ประกอบหลักๆ จะมีทางด้านพละกำลัง ความเร็ว และการเคลื่อนไหว ซึ่งจะเจียดจ่ายจากแหล่งพลังงานของชุด ที่นอกจากจะเพิ่มตามจำนวนเวลาแล้ว ยังทำหน้าที่เป็นตัวรักษาพยาบาลยามบาดเจ็บได้เมื่อทิ้งเอาไว้เป็นระยะเวลาหนึ่ง ตรงจุดนี้เองที่ความสนุกทั้งหลายได้เริ่มต้นขึ้น ด้วยสภาพแวดล้อมที่เปิดกว้างของเกม และกลยุทธ์ของทั้งทหารเกาหลีและมนุษย์ต่างดาวที่ไม่แน่นอนตายตัว ทำให้ผู้เล่นมีตัวเลือกในการใช้ความสามารถต่างๆ ได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด เห็นกองกำลังเกาหลีเหนือซุ่มอยู่หลังโขดหินอย่างนั้นหรือ? จะเลือกใช้ปรับความเร็ววิ่งตรงดิ่งเพื่อล่อให้เสียจังหวะ ก่อนปรับเป็นพลังกระโดดอันมหาศาลเพื่อจัดการพวกมันด้วยอาวุธปืนจากกลางอากาศก็ได้ หรือจะเปิดใช้ความสามารถ Cloaking พรางตัวเองเข้ากับสภาพแวดล้อม ย่องตลบหลังจากนั้นก็เปลี่ยนเป็นโหมดพลังแล้วใช้หมัดลุ่นๆ ซัดให้กรามฉีก หรือจะเปรี้ยวเปิดความเร็วสูงและเกราะพลังงาน วิ่งตรงไปยังรถจี๊ปติดปืนพลของพวกมัน แล้วเปลี่ยนใช้โหมดพลัง ยกรถทั้งคันทุ่มใส่จนหมอบราบคาบแก้วก็ยังไหว (รายละเอียดอาวุธอ่านได้ในกรอบแยก ‘The Arsenal’) ซึ่งทางผู้พัฒนาได้ย้ำเอาไว้ว่า การปรับเปลี่ยนโหมดพลังงานของชุด Nanosuit นี้ จะสามารถทำได้ง่ายราวกับกด Hotkey เปลี่ยนอาวุธเพื่อความสะดวกในทุกสถานการณ์และตามสไตล์ของผู้เล่นแต่ละคน และจากเสียงของผู้เข้าร่วมทดสอบทั้งหลายที่ได้สัมผัสตัวเกมมานั้น ต่างก็ยืนยันอย่างหนักแน่นว่า มันใช้งานได้ง่าย คล่องตัว และไม่รู้สึกขัดเขินเลยแม้แต่น้อย (ซึ่งดูไปดูมา มันก็ทำท่าจะกลายเป็นเกม Crackdown ของเครื่อง Xbox 360 เข้าไปทุกที - -!)[p]แต่ก็อีกนั่นล่ะ ใช่ว่าชุด Nanosuit เหล่านี้จะยืนยงคงกระพันไร้เทียมทานไปเสียเมื่อไหร่ ด้วยค่าที่ว่าศัตรูที่แท้จริงของเกมนี้ หาใช่พวกกองทัพเกาหลี แต่เป็นเหล่ามนุษย์ต่างดาวผู้รุกราน แม้การปรับใช้ความสามารถจะสะดวกคล่องตัว แต่กับมนุษย์ต่างดาวเองนั้นก็มีเทคโนโลยีที่มีไว้สำหรับรับมือกับผู้เล่นโดยเฉพาะ ตัวอย่างที่ทาง Cevat Yerli โปรดิวเซอร์หลักของเกมของค่าย Crytek ได้กล่าวเอาไว้นั้นคือ เทคโนโลยีแช่แข็ง ซึ่งเป็นอาวุธหลักๆ ที่พวกมนุษย์ต่างดาวมีไว้ใช้กัน ซึ่งจะส่งผลกับกล่องพลังงานสำรองของชุดโดยตรง กล่าวคือ คุณอาจจะทนรับกับการโจมตีเหล่านี้ได้ในระยะหนึ่ง แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่กล่องพลังงานถูกแช่แข็งโดยสมบูรณ์แบบ การสันดาปหลักจะหยุดชะงัก และตัวของคุณจะถูกตรึงเอาไว้อยู่กับที่ และไม่อาจเปิดใช้ความสามารถอื่นๆ ได้ชั่วระยะสั้นๆ แต่มันก็นานพอที่เหล่ามนุษย์ต่างดาวฝูงใหญ่ๆ จะพร้อมใจกันเข้ากลุ้มรุมและฉีกกระชากคุณออกเป็นชิ้นๆ ราวกับมดปลวก แต่กระนั้น แม้จะมีข้อด้อยให้เห็นกันบ้าง แต่ก็ยังถือว่าเป็นการมาของลูกเล่นใหม่ที่น่ายินดี หลังจากที่เราต้องมาผจญนรกเกาะร้างไร้ความช่วยเหลือนอกจากสองมือและมันสมองจนเจียนคลั่งใน Farcry มาแล้ว (คนเดียวเพียวๆ เข้าต่อกรกับกองทัพมนุษย์กลายพันธุ์ ไม่ใช่เรื่องน่าสนุกเท่าไหร่นักหรอก) [b]The New Dimension of Storytelling [/b][p]อีกสิ่งหนึ่งที่เกม Farcry ได้รับการค่อนขอดไม่แพ้เรื่องของฉากนั้น คงจะหนีไม่พ้นความลุ่มลึกทางด้านเนื้อหา ที่ดูๆ ไปแล้ว ตรงแน่วและขาดซึ่งความหลากหลาย และไม่สัมพันธ์กับความกว้างใหญ่ไพศาลของฉากที่มีมาให้ (หมู่เกาะสวยงามหนึ่งตารางกิโลเมตร แต่ไปทางไหน เป้าหมายก็อยู่ที่จุดเดิมไม่เคยเปลี่ยน) จุดนี้เองที่ทาง Crytek ได้เล็งเห็นและเตรียมพร้อมปรับปรุงเปลี่ยนแปลงกันขนานใหญ่ เพื่อให้เกมการเล่นดูดีมีมิติที่มากยิ่งขึ้น เพราะตามเนื้อหาของเกมนั้น แม้จะมีการกำหนดเป้าหมายอย่างชัดเจนในสถานการณ์หนึ่งๆ (เช่น สำรวจพื้นที่ และทำลายล้างเป้าหมายที่กำหนด) แต่ก็ไม่ใช่ว่าตัวเกมจะบังคับให้คุณต้องเดินตามเส้นทางเพียงอย่างเดียวไปเสียเมื่อไหร่ ความเปิดกว้างของหมู่เกาะ Spartly นั้นไพศาลพอที่จะก่อให้เกิดกิจกรรมและความเคลื่อนไหวอื่นๆ ในพื้นที่ต่างๆ นั่นหมายถึง สถานการณ์ ตำแหน่งทำเลชัยภูมิที่ได้เปรียบ รวมไปถึงอาวุธยุทโธปกรณ์สำคัญๆ ที่อาจจะ ‘หา’ ได้ถ้าเรายอมเถลไถลออกนอกลู่นอกทางกันไปบ้าง (แต่ดูเหมือนว่าทาง Crytek จะแอบกั๊กขอบเขตเอาไว้ ด้วยการใส่ ‘ปลาฉลาม’ ตัวเป้งๆ ในทะเลกันผู้เล่นว่ายน้ำหนีออกจากเกาะ - -!) ตัวอย่างเช่น เป้าหมายคือการทำลายกองบัญชาการหลักในพื้นที่เขต Alpha ที่มีการคุ้มกันอย่างเข้มงวดด้วยรถถัง เฮลิคอปเตอร์ และกองกำลังทหารเป็นสิบๆ นาย การบุกเข้าไปตรงๆ นั้นอาจจะต้องใช้เวลานานกว่าที่จะปฏิบัติภารกิจสำเร็จ และอาจจะก่อให้เกิดการสูญเสียมากเกินจำเป็น แต่ถ้าเรามุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกไปอีกประมาณสามกิโลเมตร เพื่อไปยังคลังแสงของเกาหลีเหนือที่มีเครื่องยิงจรวดและกระสุนสำรองล่ะ? ไม่ต้องคิดกันให้เสียเวลา ก็รู้ว่างานมันจะง่ายและสะดวกขึ้นจมหูเลยทีเดียว หรืออย่างในสถานการณ์ช่วงหลังที่มนุษย์ต่างดาวเปิดมหกรรมการสังหารกวาดล้างทุกสิ่งมีชีวิตในพื้นที่รอบๆ นั้น คุณอาจจะเดินไปเจอกับกองทัพเกาหลีเหนือที่ตรึงรักษาเขตแดนเอาไว้อย่างจวนตัวใกล้เสียท่า คุณจะทำเช่นไร? จะสังเกตการณ์แล้วหลบออกไปอย่างเงียบเชียบ จะช่วยเกาหลีเหนือต้านทัพร่วมกัน หรือจะเปิดฉากฆ่าแหลกไม่สนใจหน้าอินทร์พรหมทั้งหลาย? ซึ่งในแต่ละการตัดสินใจจะส่งผลต่อเนื้อหาในภาพรวมของเกม รวมถึงความช่วยเหลือ และอุปกรณ์ที่จะได้แตกต่างกันออกไป พูดง่ายๆ คือไม่มีการตัดสินใจที่ผิดหรือถูก มีแต่ผลที่ได้ในบั้นปลายเท่านั้นที่เป็นตัวชี้วัดทั้งหมด [p]และอีกจุดหนึ่งที่น่าจะสังเกตกันได้ชัดเจนว่าเกมแนว FPS อื่นๆ นั้น ถ้าเกมไหนที่มีเหล่า ‘ผู้ช่วย’ หรือตัวละครสำคัญ ส่วนใหญ่มักจะมาพร้อมกับความฉลาดที่น่ายิงทิ้ง เพราะชอบวิ่งพล่านไปขวางทางกระสุนอยู่ร่ำไป แถมมีเงื่อนไขพิเศษ (ที่ไม่ค่อยจะถูกใจบรรดานักเล่นเท่าที่ควร) นั้นคือ ‘ห้ามให้เขาเหล่านั้น ตายเด็ดขาด’ ซึ่งหลายต่อหลายครั้ง มักจะจบลงด้วยการกด Quickload ขึ้นมาเล่นซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างน่าเบื่อหน่าย เป็น Fight บังคับที่น่าระอาใจเสียจริงๆ แต่สิ่งเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นใน Crysis อย่างแน่นอน เพราะบรรดาลูกทีมทั้งหกคนนั้น มีทั้งความฉลาดของ AI ในการปฏิบัติตามภารกิจได้อย่างแม่นยำ และแม้ว่าเขาจะตายไปในระหว่างการสู้รบ แต่ก็ไม่ได้มีผลถึงกับที่คุณจะต้องโหลดเกมก่อนหน้านั้นขึ้นมาเล่นใหม่ เพราะมันจะยังดำเนินต่อไป แต่อาจจะส่งผลเสียตามมาในสถานการณ์ที่เราต้องการคนๆ นั้นขึ้นมาจริงๆ ในช่วงหลัง (อย่างเช่นต้องการหน่วยช่างช่วยสะเดาะกลอน หรือหน่วยพลปืนกลหนักต้านทานกองทัพมนุษย์ต่างดาว เป็นต้น) ซึ่งถ้าจะพิจารณากันจริงๆ แล้ว การที่เปิดกว้างให้เราสามารถดำเนินเกมต่อไปได้แม้จะเสียเพื่อนร่วมทีม แต่เลือกที่จะให้มาเผชิญหน้ากับสถานการณ์ยากๆ ในช่วงหลังแทนนั้น อาจจะเป็นความท้าทายที่น่าจะพอรับได้มากกว่าการที่ต้องมานั่งวนซ้ำเล่นฉากที่ไม่อยากจะเห็นอย่างไม่รู้จบอย่างที่เคยมีมาก็เป็นได้ [b]The Gorgeous and Splendid Hell on Earth[/b][p]แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่อาจจะมองข้ามได้เลยในความเป็น Crytek คือกราฟิกอันสวยงามสมจริงที่เป็นประหนึ่งจุดขายตั้งแต่เกมแรกม้ามืดอย่าง Farcry และแน่นอนว่าพวกเขาก็ยังคงตั้งมั่นที่จะรักษาจุดยืนในความเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ไว้อย่างเต็มเปี่ยม จากการที่พวกเขาเลือกพัฒนา Crysis ด้วย CryEngine2 ที่ปรับปรุงจากเกมแรก เพิ่มเติมในส่วนของคุณสมบัติด้านแสงและเงาด้วย DirectX10 ระบบพัฒนาตัวใหม่จาก Microsoft ที่ช่วยให้รายละเอียดต่างๆ ในเกมนั้น สวยงามและสมจริง ผลที่ได้คือหมู่เกาะ Spartly ฉากหลังของเกมนั้นมีความเป็นพลวัตที่สูงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ทั้งระบบเวลากลางวันและกลางคืน สภาพแวดล้อมที่ทำลายล้างได้อย่างสมบูรณ์แบบ หรือแม้กระทั่งแอนิเมชันของตัวละครเองนั้น ก็ได้รับการอัดฉีดและรังสรรค์กันอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้ได้คุณภาพของกราฟิกที่ล้ำยุคสู่ระดับ Next-Gen และหมายที่จะก้าวข้ามเส้นแบ่งของจินตนาการและความเป็นจริง (หมายถึง สมจริงจนยากจะจำแนกว่าเป็น CG หรือคนแสดงจริง) ซึ่งทั้งหมดถูกนำมารวมกันเพื่อยกระดับของรูปแบบเกมการเล่นให้สูงยิ่งขึ้นไปกว่าเดิม [img=36189]//img.online-station.net/image_content/2020/03/default-image.jpg[/img]:: [b]หนึ่งทหาร กับสามมนุษย์ต่างดาว ท่าจะเป็นงานที่เขี้ยวลากไส้เสียแล้วสิ (ขอย้ำว่าภาพที่เห็น ไม่ใช่ Tech Demo แต่เป็น In-Game Scene ของแท้แน่นอน)[/b] [p]แต่ก็อีกนั่นล่ะ ความสวยงามทางด้านกราฟิกและสภาพแวดล้อมที่ตอบสนองได้อย่างสมบูรณ์แบบเช่นนี้ ในประวัติศาสตร์ความทรงจำของนักเล่น มันมักจะต้องแลกมาด้วยราคาที่แพงอยู่เสมอๆ Crysis เองก็เป็นอีกหนึ่งเกมที่ไม่อาจหลีกหนีจากข้อสังเกตเหล่านี้ไปได้ แต่กระนั้นแล้ว ทาง Cevat Yerli โปรดิวเซอร์และหัวเรือใหญ่ของ Crytek ได้ยืนยันเอาไว้เป็นมั่นเหมาะแล้วว่า ต่อให้คุณไม่มีการ์ดจอที่รองรับระบบ DirectX10 ก็ไม่เป็นไร เพราะตัวเกมในช่วงวางจำหน่ายนั้น จะรองรับทั้ง CPU แบบ 32 และ 64 บิท หรือการ์ดแสดงผลทั้ง DirectX9 และ DirectX10 “อันที่จริงแล้วนั้น” Yerli กล่าวเสริม “ถ้าเครื่องเก่าของคุณเป็นเครื่องระดับ High-Ends ที่มีการ์ดจอที่รองรับ DirectX9 ขอเพียงแค่เปลี่ยนเป็น Windows Vista เท่านั้น คุณก็จะสามารถเล่นได้ไม่แพ้คนที่มีอุปกรณ์แสดงผลใหม่ล่าสุดเลยครับ” แม้ฟังดูเผินๆ จะเหมือนกับคำพูดโฆษณาขายของระบบปฏิบัติการณ์ตัวใหม่ของ Microsoft แต่ถ้าสิ่งต่างๆ เหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้จริง คำครหาและความกังวลต่อความ ‘สุดโต่ง’ ในแง่ของระบบที่จะใช้ก็จะลดลง และจำนวนของผู้ที่ได้สัมผัสเกมนี้ ก็น่าจะมากขึ้นด้วยเช่นกัน (แต่ก็น่าคิดว่า ทาง Yerli ไม่ได้พูดถึง Windows XP ซึ่งก็ไม่แน่ว่ามันจะเล่นในระบบนี้ได้หรือไม่) [b] Multi’Crysis’ [/b][p]แต่แม้ว่ารูปแบบการเล่นในโหมด Single-Player จะดูหรูหราล้ำสมัย และเข้มข้นมากขึ้นเท่าใด แต่องค์ประกอบในแง่การเล่นแบบ Multiplayer ก็ดูจะเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในเกม FPS ในยุคปัจจุบัน เพราะหลายต่อหลายเกมได้สร้างกลุ่มผู้เล่น ฐานแฟนๆ และความนิยมได้จากสังคมออนไลน์มานักต่อนัก (ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือ Battlefield 2 และ Counter-Strike) แน่นอนว่าทาง Crytek ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจในจุดนี้ ซ้ำยังตั้งเป้าหมายที่จะไปถึงความเป็น ‘สุดยอด’ ของเกมแนว Multiplayer ขึ้นหิ้งอีกเกมหนึ่งไว้ด้วย “เราต้องการให้แน่ใจว่าโหมดการเล่น Multiplayer ของ Crysis นั้น แปลกและสดใหม่เพื่อรองรับกับทั้งผู้เล่นที่ชื่นชอบการปะทะและผู้ที่ต้องการประสบการณ์การเล่นที่ลุ่มลึกมากยิ่งขึ้นครับ” Eric Lagel หนึ่งในนักพัฒนาคนสำคัญของ Crytek ได้กล่าวไว้เมื่อถูกถามถึงรูปแบบการเล่นดังกล่าว ซึ่งเขาได้เปิดเผยออกมาอีกว่าตัวเกมในโหมดนี้จะมีอยู่ 3 แบบ โดยสองแบบแรกคือ Instant Action และ Team Action ซึ่งเป็นโหมด Deathmatch ที่เหล่านักเล่นต่างคุ้นเคยกันอย่างดี ซึ่งเพิ่มเติมในส่วนของ Tactical หรือการจัดการชุด Nanosuit ประจำตัว แต่กระนั้น ความแปลกใหม่ที่ทาง Crytek เตรียมนำเสนอนั้น กลับอยู่ในโหมดที่สามซึ่งก็คือ Power Struggle ซึ่งจะแบ่งผู้เล่นออกเป็นสองฝ่ายใหญ่ (กองกำลัง Delta Force และกองทัพเกาหลีเหนือ) โดยผู้เล่นแต่ละคนจะเริ่มต้นด้วยอาวุธปืนมาตรฐานและชุด Nanosuit คนละชุด ทันทีที่เริ่มเกม ผู้เล่นทุกคนจะลงเข้าสู่สนามรบ การสังหารฝ่ายตรงข้ามจะแปรเปลี่ยนเป็นแต้มสะสมรวมเพื่อให้ฝ่ายนั้นๆ สามารถนำไปใช้ซื้ออาวุธ ยานพาหนะ ไปจนถึงโรงงานผลิตของฝ่ายตนเอง สร้างความได้เปรียบที่มากขึ้นเรื่อยๆ โดยตัวเกมจะมีความยาวได้ตั้งแต่ 45 นาทีไปจนถึง 10 ชั่วโมง (นับเป็นเวลาในเกมก็ได้ประมาณ 5 วัน) ผู้เล่นสามารถเข้าออกผลัดเปลี่ยนกันได้โดยอิสระ และถ้าแผนที่ไหนที่มี Artifact ของมนุษย์ต่างดาวอยู่ด้วยล่ะก็ ผู้เล่นสามารถนำมันกลับมาที่ฐานเพื่ออัพเกรดอุปกรณ์ของฝ่ายตนเองให้ล้ำหน้ากว่าอีกฝ่ายอย่างก้าวกระโดดได้ในทันที แถมด้วยบรรดาอาวุธต่างๆ สามารถปรับแต่งและเพิ่มเติมส่วนประกอบได้โดยอิสระ (ตั้งแต่กระบอกเก็บเสียง ไปจนถึงสโคปไรเฟิล) ซึ่งทางผู้ทดสอบแต่ละคนก็ได้ยืนยันว่า โหมดการเล่นนี้สนุกและท้าทายเอามากๆ แต่ยังมีหลายจุดที่ต้องปรับปรุง ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคือ ความแรงของอาวุธบางชนิด และระยะเวลาของความสามารถของชุด Nanosuit ซึ่งทาง Crytek ยังคงเหลือเวลาในการแก้ไขและปรับสมดุลเพื่อให้ถูกใจเหล่านักเล่นได้อย่างเหลือเฟือ จึงไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วงมากนัก [p]จากทุกรายละเอียดที่ได้นำเสนอไป แม้ว่าจะเป็นสิ่งที่ต่างก็เคยได้ยินและสัมผัสกันมาก่อนหน้านั้นก็ตาม แทบจะเป็นสิ่งเดิมๆ ทั้งระบบฟิสิกส์สุดสมจริง เกมการเล่นที่เปิดกว้าง กราฟิกสวยงามอย่างร้ายกาจ แต่กับความคืบหน้าของเจ้าสิ่ง ‘เดิมๆ’ ที่มีแนวโน้มที่จะดีวันดีคืนเหล่านี้เอง ที่ยังตอกย้ำว่าเหล่าทีม Crytek ยังคงดำเนินไปในแนวทางของความเป็น ‘สุดยอด’ ของพวกเขาทั้งในด้านกราฟิก องค์ประกอบศิลป์ และรูปแบบเกมการเล่นที่ทำการบ้านและพยายามตอบโจทย์ที่เกม Farcry ได้เคยทิ้งเอาไว้เมื่อสามปีที่แล้วอย่างเต็มพิกัด และเมื่อรวมองค์ประกอบทั้งหมดเหล่านี้แล้วนั้น…[p][b]“ก็เชื่ออย่างยิ่งว่า ความร้อนรุ่มจากการรอคอย มันคงแรงเสียจนความหนาวยะเยือกแห่งอุณหภูมิศูนย์องศาไร้แรงดึงดูดแห่งหมู่เกาะ ‘หายนะ (Crysis)’ ก็ไม่อาจดับได้อยู่เลยเชียวล่ะ...”[/b]เรื่องโดย: บ้าเกม