Cabal : Aura – Battle Mode ปลุกพลังความโหดที่หลับใหล

[p]หากคราใดที่รู้สึกเหนื่อยล้า หากคราใดที่หมดหนทางตอบโต้ในสมรภูมิรบอันโหดร้าย หากคราใดที่หมดสิ้นแล้วซึ่งหนทางสู่ชัยชนะ จงหลับตาแล้วปลดปล่อยพลังที่หลับใหลให้ตื่นขึ้น Aura Mode พลังแห่งจิตวิญญาณ Battle mode I – II ขับเคลื่อนพลังที่ถูกสะกด แล้วฟาดฟันกับเหล่าศัตรู สังหารให้สิ้นด้วย Battle Skill!![p]เมื่อครั้งสมัยยังหนุ่มๆ การฟาดฟันกับเหล่ามอนสเตอร์และศัตรูที่เก่งกาจกว่าเรานั้นมันช่างเป็นสิ่งที่เหนื่อยและยากลำบากยิ่ง แต่ทว่าหากเราฝึกฝนแล้วเลื่อนระดับขั้นเลเวลสู่ 20, 30, 40, 50 และ 60 แล้ว และได้ทำการทดสอบในแต่ละขั้นเพื่อแสดงให้เห็นถึงระดับความรู้ในพลังแห่งธรรมชาติและความสามารถในการควบคุมควบคุมมัน พลังที่ถูกสะกดไว้จะถูกปลดปล่อยออกมาทำให้เราแกร่งขึ้นเทียบเท่าเทพเจ้าชั่วขณะหนึ่ง[b][color=blue]Aura Mode[/color][/b][p]Aura System เป็นระบบที่ทำให้ตัวละครของเรามีรหัสธาตุ (Aura Code) ประจำตัว ซึ่งรหัสออร่านั้นส่งผลต่อตัวละครเราในหลายๆ แง่มุม ทั้งโดยตรงและทางอ้อม หากคราใดที่เราเข้าสู่ Aura mode แล้ว ค่า Status ของเราจะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลเป็นเวลา 1 นาที 30 วินาที โดยแต่ละธาตุนั้นจะเพิ่ม Status ให้เท่ากัน[p]เราจะได้รับ Aura Skill เมื่อผ่านการทดสอบ (เควสต์ต์เลื่อน Class) ของเลเวล 20 โดยเมื่อกดใช้สกิลจะเพิ่มค่า Status ให้เราและใช้ Sp 1 หลอดเต็มๆ[center][img=30944]//online-station.net/wp-content/uploads/2020/03/default-image.jpg[/img][color=green]ค่า Status ที่เพิ่มให้ใน Aura Mode[img=30945]//online-station.net/wp-content/uploads/2020/03/default-image.jpg[/img]หลอดที่แสดงระยะเวลา 1 นาที 30 วินาที[/color][/center][b][color=blue]Battle Mode 1[/color][/b][p]Battle Mode 1 เป็นโหมดการต่อสู้ที่เราสามารถเรียนรู้ได้เมื่อเราเลเวล 30 หลังจากที่เราผ่านการทดสอบจากเควสต์ต์หลักของเลเวล 30 แล้ว เราจะได้สกิลนี้มาไว้ครอบครอง เมื่อเรากดใช้สกิล เราจะอยู่ในสภาพของ Battle Mode 1 ซึ่งจะเพิ่มค่า Status ให้มหาศาลมากกว่า Aura Mode[p]จากนั้นเมื่อเราก้าวสู่เลเวล 40 แล้ว หลังจากทำเควสต์ต์หลักของเลเวล 40 เสร็จสิ้น ความสามารถที่ 2 จะถูกปลดปล่อย นั่นคือเราสามารถเปิด Aura Mode แล้วตามด้วยการเปิด Battle Mode 1 ทับ!! นั่นหมายความว่าค่า Status จะเพิ่มเป็นทวีคูณ เนื่องจากค่า Status ของเราจะได้เพิ่มจากทั้ง Aura mode และ Battle Mode 1 โดยตรง (Aura Status + Battle Mode Status + Status ปกติของเรา = ค่า Status เมื่อเปิดใช้ทั้ง 2 Mode พร้อมกัน) แต่เราก็ต้องยอมแลกกับการเป็นพระเจ้า 1 นาที 30 วินาที กับ Sp 2 หลอด O_o[center][img=30946]//online-station.net/wp-content/uploads/2020/03/default-image.jpg[/img][color=green]ค่า Status ที่เพิ่มให้ใน Battle Mode 1[img=30947]//online-station.net/wp-content/uploads/2020/03/default-image.jpg[/img]เมื่อเปิด Battle Mode 1 ทับกับ Aura เทพยังต้องเรียกเทพ[/color][/center][b][color=blue]Battle Mode 2[/color][/b][p]และอีกครั้งเมื่อเราก้าวผ่านระดับเลเวล 50 พร้อมทั้งผ่านการทดสอบจากเควสต์ต์หลักของเลเวล 50 มาแล้ว เราจะได้รับ Battle Mode 2 เป็นของรางวัล เช่นเดียวกับ 2 โหมดข้างต้น เมื่อเรากดเข้าสู่สภาวะ Battle Mode 2 แล้ว ค่า Status เราจะเพิ่มขึ้นเช่นกัน ไม่เพียงแค่นั้น เรายังจะได้ Battle Skill ประจำตัวมาใช้ อีก 1 Skill แต่จะสามารถใช้ได้เฉพาะเมื่ออยู่ใน Battle Mode 2 เท่านั้น อีกทั้งอาวุธของเราจะถูกเปลี่ยนให้เป็นอาวุธขั้นเทพโดยอัตโนมัติ!![p]โดยปกติแล้วเราจะไม่สามารถเปิด Aura Mode และ Battle Mode 2 พร้อมกันได้ แต่เมื่อเราเลเวล 60 และทำเควสต์ต์หลักเสร็จสิ้น ปราการที่กั้นไว้จะถูกทำลายลง นั่นหมายความว่าเมื่อเราเลเวล 60 เราสามารถเปิด Aura Mode พร้อมกับ Battle Mode 2 ได้นั่นเอง[center][img=30948]//online-station.net/wp-content/uploads/2020/03/default-image.jpg[/img][color=green]Battle Mode 2 เพิ่มค่า Status ให้ถึงใจจริงๆ[img=30949]//online-station.net/wp-content/uploads/2020/03/default-image.jpg[/img]เมื่อเข้าสู่สภาวะ Battle Mode 2 อาวุธจะเปลี่ยนไป เท่มาก!![/color] [/center][b][color=blue]แฉทุกโหมด โฉดทุกอาชีพ!! [/color][/b][p]เปรียบเทียบกันให้เห็นจะๆ โหมดไหนใช้งานจริงเป็นอย่างไร และเหมาะสมกับสถานการณ์แบบไหน PvP หรือ PvE (People Versus Environment) จากการทดลองจริงในเซิร์ฟเวอร์ไทย โดยนำตัวละครแต่ละอาชีพมาใช้โจมตีศัตรู (ตัวเดียวกัน Defense เท่ากัน) ในสภาวะที่ต่างกัน Aura Mode, Battle Mode 1 และ Battle Mode 2[color=blue]Blader[/color][b]Normal Mode[/b] ในโหมดธรรมดานี้ Blader จัดว่าเป็นอาชีพที่ทำ Damage ได้เยอะและเร็วมาก[b]Aura Mode[/b] เมื่อเปิด Aura Mode ค่า Defense และ ATK จะเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน[b]Battle Mode 1[/b] การโจมตีจะแรงขึ้น แต่ในโหมดนี้จะไม่สามารถใช้ คอมโบได้เช่นเดียวกับ Aura Mode เมื่ออยู่ในโหมดนี้ ค่า Critical Rate และ Critical Damage จะเพิ่มขึ้นมหาศาล[center][img=30950]http://www.online-station.net/_gallery/35/030950_a07.JPG[/img][color=green]ใน Normal Mode ทำ Damage ได้ 80[img=30951]//online-station.net/wp-content/uploads/2020/03/default-image.jpg[/img]เมื่ออยู่ในสภาวะ Aura Mode สกิลเดียวกัน แต่ Damage เพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่า!! 174 !![/color] [/center][b]Battle Mode 2[/b] อาวุธจะเปลี่ยนเป็นกรงเล็บสังหาร การกดโจมตีธรรมดาจะเป็นการโจมตีแบบอัตโนมัติ โจมตีเป็น 4 ท่าต่อเนื่อง สกิล Ultimate เมื่อกดใช้โจมตีเป้าหมาย หากติด Critical จะมีพลังโจมตีที่รุนแรงมาก ถ้าโจมตีศัตรูที่ระดับเทียบเท่ากับเรา ศัตรูจะตายภายในคมดาบเดียว!! หากแต่ถ้าศัตรูที่ระดับสูงกว่าเรามากอาจจะไม่ตายในดาบเดียวแต่ก็ปางตาย >*< (เลือดจะเหลือ 1 ใน 4) ตรงกันข้าม ถ้าหากการโจมตีไม่ติด Critical พลังโจมตีจะเทียบเท่ากับสกิลโดยทั่วไป (ค่อนข้างต่ำ) ซึ่งโดยปกติในโหมดนี้จะเพิ่มค่า Critical Rate ให้อยู่แล้วและยิ่งถ้าใส่แหวนที่เพิ่ม Critical Rate จะยิ่งทำให้มีโอกาสสำเร็จมากขึ้น ข้อจำกัดในโหมดนี้ เราจะไม่สามารถใช้ Sword Skill ได้ซึ่งรวมไปถึง Buff (แต่กดใช้ Buff ก่อนเปิด Battle Mode 2 ได้) เพราะฉะนั้นจึงใช้ได้แต่การโจมตีปกติและสกิล Ultimate และโจมตีได้แค่ 1 ตัวเท่านั้น เหมาะสำหรับสังหารศัตรูที่ถูกล็อกเป้าหมายไว้แล้ว[center][img=30952]//online-station.net/wp-content/uploads/2020/03/default-image.jpg[/img][color=green]เมื่อใช้สกิล Ultimate แล้วไม่ติด Critical ก็เทียบเท่าสกิลธรรมดาทั่วไป[img=30953]http://www.online-station.net/_gallery/35/030953_a10.jpg[/img]เมื่อใดที่ติด Critical ศัตรูจะถูกสังหารสิ้นในคมดาบเดียว!! [/color][/center][color=blue]Wizard[/color][b]Normal Mode[/b] ในโหมดธรรมดานี้ Wizard สามารถคอมโบต่อเนื่องสกัดกั้นไม่ให้ศัตรูเข้าถึงตัวได้[b]Aura Mode[/b] เมื่อเปิด Aura Mode ค่า Defense และ M. ATK จะเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด[b]Battle Mode 1[/b] เพิ่มความสามารถให้เยอะมากสามารถทำให้โจมตีต่อเนื่องได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ[center][img=30954]//online-station.net/wp-content/uploads/2020/03/default-image.jpg[/img][color=green]165 สำหรับ การโจมตีใน Normal Mode (ได้รับโบนัส Damage เพิ่มจากการทำคอมโบ)[img=30955]http://www.online-station.net/_gallery/35/030955_a12.jpg[/img]193 ใน Battle Mode 1 (ไม่ได้รับโบนัส Damage เพิ่มเพราะไม่ได้ทำคอมโบ)[/color] [/center][b]Battle Mode 2[/b] เมื่ออยู่ในสภาวะ Battle Mode 2 ความสามารถของ Wizard จะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า เพราะจะสามารถร่าย Double Casher ได้ กล่าวคือหากใช้กับมอนสเตอร์จะสามารถเลือกเป้าหมายได้ 2 ตัวพร้อมกันและเมื่อกดใช้สกิลโจมตีก็จะสามารถกดใช้ได้พร้อมกัน 2 สกิล เมื่อใช้ใน PvP เราสามารถยิง 2 เวทย์พร้อมกันใส่ศัตรูคนเดียวได้!! แต่การโจมตีปกตินั้นจะไม่มีอะไรพิเศษ สนับเวทย์จะถูกเปลี่ยนเป็นสนับขั้นสูงสุดซึ่งเท่มากๆ ส่วนสกิล Ultimate จะเป็นการร่ายเวทแบบ AOE (Are of Effect) ซึ่งโจมตีเป็นกลุ่มรอบตัว (ขอบอกว่าถ้าหากนำไปใช้กับฝูงมอนสเตอร์แล้วละก็สุดยอดมากๆ) เมื่อเรานำมาใช้ใน PvP ก็ถือว่า Damage ที่ทำได้ก็เยอะพอควร หากแต่ใช้เวลาร่ายนานไปนิด โดยเมื่อกดใช้สกิลหากเป้าหมายถูกล็อกแล้ว ไม่ว่าเป้าหมายจะวิ่งหนีออกนอกระยะเวทย์ ก็จะยังคงได้รับผลจากสกิลเช่นเดิม[center][img=30956]//online-station.net/wp-content/uploads/2020/03/default-image.jpg[/img][color=green]เห็น Damage ที่ซ้อนกันนั่นมั้ย เจอร่ายเวทย์สองเวทย์พร้อมกัน ไม่เป็นอันได้ขยับแน่!![img=30957]//online-station.net/wp-content/uploads/2020/03/default-image.jpg[/img]ยืนนิ่งๆ รอรับ Damage จากท่า Ultimate ไป ตราบใดที่ลอยอยู่กลางอากาศ ก็ทำอะไรข้าไม่ได้หรอก[/color][/center][color=blue]Force Shielder[/color][b]Normal Mode[/b] โดยปกติแล้ว Force Shielder จะเป็นอาชีพที่มีความทนทานสูงสุด (ถึก !!)[b]Aura Mode [/b]เมื่อเปิด Aura Mode ค่า Defense จะเพิ่มขึ้นเยอะมาก ทำให้ถึกเข้าไปอีกขั้น[b]Battle Mode 1[/b] นอกจากค่า Defense ที่เพิ่มขึ้นแล้ว Battle Mode 1 ยังมีคุณสมบัติสามารถสะท้อนกลับของการโจมตีแบบปกติได้ (มีโอกาสสะท้อนกลับ) แต่ทั้งนี้การสะท้อนกลับจะไม่เป็นผลหากศัตรูใช้สกิลโจมตีใส่เรา[center][img=30958]http://www.online-station.net/_gallery/35/030958_a15.jpg[/img][img=30959]//online-station.net/wp-content/uploads/2020/03/default-image.jpg[/img][color=green]ในสภาวะ Battle Mode 1 เมื่อศัตรูโจมตีแบบปกติใส่เรา ศัตรูผู้นั้นจะโดนดาบนั้นคืนสนอง!! Counter Attack!![/color] [/center][b]Battle Mode 2[/b] เมื่ออยู่ในสภาวะ Battle Mode 2 แล้วดาบและโล่จะถูกรวมเข้าด้วยกันกลายเป็นกงจักร ที่สามารถถล่มเป้าหมายได้ทุกเมื่อ แต่จะไม่สามารถใช้ Sword Skill ได้ แต่ยังคงใช้ Magic Skill โจมตีได้ปกติ (สกิลขั้น Master ขึ้นไปจะไม่สามารถใช้ได้) ซึ่งการโจมตีปกตินั้น จะเป็นการโจมตี 3 ท่าต่อเนื่องโดยการเหวี่ยงโล่ออกไปฟาดฟันศัตรูและผลของการโจมตีแบบปกติจะโจมตีเป็นหมู่ (ในเส้นทางที่โล่วิ่งไปเป็นเส้นตรง) ส่วนท่า Ultimate นั้นจะเป็นการกางบาเรียของโล่รอบตัว ซึ่งจะทำให้ศัตรูที่อยู่รอบตัวนั้นโดนโจมตีและถูกผลักให้ล้ม แต่พลังโจมตีจะเบากว่าสกิลขั้น A. Master[center][img=30960]//online-station.net/wp-content/uploads/2020/03/default-image.jpg[/img][color=green]การโจมตีแบบปกติ จะทำการใช้โล่โจมตีอัตโนมัติ[img=30961]//online-station.net/wp-content/uploads/2020/03/default-image.jpg[/img]ท่า Ultimate จะทำให้ศัตรูรอบตัวถูกฟาดฟันและกระเด็นล้มลงไป[/color][/center][color=blue]Force Blader[/color][b]Normal Mode[/b] Force Blader เป็นอาชีพที่มีความสมดุลระหว่าง Sword Skill และ Magic Skill สูง การผสมผสานระหว่างสกิล ทั้ง 2 สาย ให้ผลลัพธ์ที่เยี่ยมยอดในการต่อสู้ ไม่ว่าจะเป็นการ Buff เวทย์ลงสู่ดาบหรือ Skill ที่ใช้โจมตีเองก็ตาม[b]Aura Mode [/b]จะมีผลเหมือนกับอาชีพอื่นคือ Aura Mode จะเพิ่ม Status ให้แก่ตัวละคร[b]Battle Mode 1[/b] เพิ่มความสามารถให้กับตัวละครสูงและสามารถบรรจุเวทย์ลงดาบได้ (เพิ่ม Status ตามเวทย์ที่บรรจุลงไป) แต่ข้อจำกัดของ Battle Mode 1 คือจะไม่สามารถใช้ Magic Skill ได้ แต่ยังคงใช้ Sword Skill ได้ตามปกติ[b]Battle Mode 2 [/b]เมื่อเข้าสู่สภาวะ BattleMode 2 จะไม่สามารถใช้ Magic Skill ได้เช่นเดียวกับ Battle Mode 1 แต่เมื่ออยู่ในโหมดนี้เราสามารถใช้เวทย์ (กระสุนเวทย์) โจมตีมอนสเตอร์ได้โดยมีเงื่อนไขเล็กน้อยคือ ต้องใช้ Sword Skill เพื่อชาร์จกระสุนเวทย์ที่มือซ้ายก่อนแล้วจึงจะสามารถยิงกระสุนเวทย์ได้โดยกด Magic Skill เป็นตัวยิงกระสุนปืนแคนนอนออกจากมือซ้าย การชาร์จกระสุนเวทย์สามารถชาร์จได้สามระดับ สังเกตได้จากระดับสีที่มือซ้าย ส่วนทางด้านสกิล Ultimate จะมีผลต่อศัตรูรอบตัว ซึ่งสกิลนี้ถือเป็น Sword Skill ดังนั้นเราจึงสามารถใช้สกิล Ultimate แล้วยิงกระสุนเวทย์ตามได้เลย[center][img=30962]//online-station.net/wp-content/uploads/2020/03/default-image.jpg[/img][color=green]ลำดับของกระสุนเวทย์ที่ถูกชาร์จไว้ที่มือขวา[img=30963]//online-station.net/wp-content/uploads/2020/03/default-image.jpg[/img]กระสุนเวทย์ขั้นที่ 3 ถูกยิงออกไปทำลายล้างศัตรู[/color][/center][color=blue]Warrior[/color][b]Normal Mode[/b] Warrior เป็นอาชีพที่มีความสมดุลทั้งการรุกแระรับ Damage ที่ทำได้และการป้องกันถือได้ว่าสูงพอควร ถึงแม้สกิลจะมีระยะเวลาร่ายค่อนข้างนาน แต่ Damage ที่ทำได้นั้น ถือว่าอยู่ในระดับที่คุ้มค่ามาก[b]Aura Mode[/b] เพิ่มความสามารถให้กับตัวละครเช่นเดียวกันกับอาชีพอื่นๆ [b]Battle Mode 1[/b] Battle Mode 1 ของ Warrior ค่อนข้างจะคล้ายกับ Aura Mode นั่นคือเพิ่ม Status ให้อย่างมหาศาล สมกับที่ชื่อโหมดว่า Berserker[b]Battle Mode 2 [/b]อาวุธจะเปลี่ยนรูปร่างเป็นเคียว เป็นโหมดที่เน้นการโจมตีล้วนๆ ซึ่งสกิล Ultimate จะเป็นการขว้างเคียวออกไปด้านหน้าและโจมตีศัตรูที่ตัวที่ขวางทางอยู่ทั้งหมด[center][img]//online-station.net/wp-content/uploads/2020/03/default-image.jpg[/img][color=green]เคียวยักษ์ที่ถูกเรียกลงมาสถิตในกำมือ[img=30965]//online-station.net/wp-content/uploads/2020/03/default-image.jpg[/img]Lance Drive ท่วงท่าที่ประหัตประหารทุกสิ่งที่ขวางทาง[/color][/center][color=blue]Force Archer[/color][b]Normal Mode[/b] Force Archer เป็น Damage Dealer ที่เยี่ยมยอด เนื่องจาก Cool Down และระยะเวลาร่ายของแต่ละสกิลนั้นต่ำมาก ยิ่งคอมโบแล้วละก็ Damage จะไหลดุจสายน้ำ[b]Aura Mode[/b] เพิ่มค่า Status และความสามารถเช่นเดียวกันกับทุกอาชีพเมื่อกดใช้ Aura Mode [b]Battle Mode 1[/b] ค่อนข้างน่าสนใจสำหรับ Archer ซึ่ง Battle Mode ทำให้สามารถเลือกศัตรูได้สองเป้าหมายในเวลาเดียวกันแล้วกระหน่ำยิงทั้งสองด้วยธนูเวทย์ ยิ่งเลเวลสูงขึ้นจะยิ่งโจมตีได้มากตัวขึ้นและระยะไกลขึ้นตามลำดับ[b]Battle Mode 2[/b] เมื่อเข้าสู่สภาวะ Battle Mode 2 จากธนูธรรมดาจะกลายร่างเป็น Astral Guns ด้วยการโจมตีแบบปกติ จะทำให้ Archer สามารถโจมตีเป้าหมาย 2 เป้าหมายในเวลาเดียวกันได้ (ปืน 1 กระบอกต่อเป้าหมายหนึ่งตัว) ซึ่งกระสุนที่ยิงออกไปนั้นรัว เร็ว และแรงมาก แถมท่ายิงยังเท่สุดๆ อีกต่างหาก เพราะว่ามีการไขว้มือเพื่อตามสังหารเป้าหมายอย่างรวดเร็วอีกด้วย ไม่เพียงแค่นั้นด้วยสกิล Ultimate ของ Archer สามารถรวมปืนทั้งสองกระบอกกระหน่ำยิงไปยังเป้าหมายที่เลือกไว้เพียงหนึ่งเป้าหมายได้ด้วย >*< ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต[center][img=30966]//online-station.net/wp-content/uploads/2020/03/default-image.jpg[/img][color=green]คนละมุมโลกก็หนีไม่พ้น กระสุนสังหาร!![/color] [/center][b][color=blue]ข้อควรรู้ยอดฮิตติดตลาด[/color][/b][b]การใช้สกิลเพื่อเข้าสู่สภาวะทั้งสาม[/b] สกิล Aura Mode, Battle Mode 1, Battle Mode 2 จะได้รับเป็นรางวัลจากการเคลียร์เควสต์ในแต่ละระดับ 20, 30 และ 50 ตามลำดับ ซึ่งจะได้รับมาเป็นรางวัลตอบแทน ซึ่งตัวสกิลจะไปปรากฏอยู่ในช่องสกิล (กด K เพื่อเรียกหน้าต่างสกิลขึ้นมา) และมองหาแถบ Special จะเห็นสกิลทั้งสามปรากฏอยู่[center][img=30967]//online-station.net/wp-content/uploads/2020/03/default-image.jpg[/img][/center][b][color=blue]การผสมผสานระหว่างสองโหมด[/color][/b][p]เราสามารถเปิด Aura Mode พร้อมกับ Battle Mode 1 ได้เมื่อเลเวล 40 และสามารถเปิด Aura Mode พร้อมกับ Battle Mode 2 ได้เมื่อเลเวล 60 ซึ่งการเปิดพร้อมกัน จะทำให้ขีดความสามารถเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ!![b][color=blue]PvP คุ้มไหมที่จะใช้ Battle Mode[/color][/b][p]คำถามนี้ค่อนข้างจะตอบยาก เพราะมันขึ้นอยู่กับเงื่อนไขหลายๆ อย่างและสภาพแวดล้อมในขณะนั้น เช่น- บางอาชีพ Battle Mode ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อ PvP โดยเฉพาะ แต่บางอาชีพก็มีสกิลสำหรับ PvP โดยเฉพาะเช่นกัน เช่น Blader- อย่างที่กล่าวไปแล้วว่าเมื่ออยู่ในสภาวะ Battle Mode เราจะไม่สามารถใช้ Combo ได้ ซึ่งจุดนี้เองที่เป็นจุดวัดความแตกต่าง กล่าวคือเมื่อบางอาชีพอยู่ใน Battle Mode 2 แล้วจะไม่สามารถใช้สกิลปกติได้ จะทำได้เพียงแต่โจมตีแบบปกติและกดใช้สกิล Ultimate เท่านั้น ซึ่งเมื่อเจอกับคู่ต่อสู้ที่กดคอมโบแล้วสามารถหยุดและผลักเราได้อย่าง Wizard ก็ไม่แน่เสมอไปที่เปิด Battle Mode แล้วจะชนะ ดังนั้นเราต้องดูและวิเคราะห์ศัตรูก่อนเสมอ[center][img=30968]//online-station.net/wp-content/uploads/2020/03/default-image.jpg[/img][color=green]Battle Mode 2 สู้กับคอมโบ บางครั้งก็ให้ผลลัพธ์ที่แตกต่าง เพราะคอมโบไม่มี Miss อีกทั้งล้มแล้วจะลุกขึ้นมาไวมาก!! [/color][/center]- SP ที่ได้มาอย่างยากลำบาก ต้องสู้ฟาดฟันกับเหล่ามอนสเตอร์เพื่อให้ได้มาซึ่ง SP 1 หลอด หรือไม่ก็ต้องเต้นกันหลายนาทีกว่าจะได้มา ดังนั้นการประลองกันแต่ละครั้งจึงต้องคิดหนักพอดูว่าคุ้มกับ SP ที่เสียไปหรือไม่ ในมุมมองอื่นๆ การสู้กับมอนสเตอร์บางครั้งการเอา SP ไปใช้คอมโบ จะคุ้มค่ากว่าเปิด Battle Mode- เมื่อเราอยู่ใน Channel War ที่มีการฆ่ากันแบบอิสระนั้น เป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะเปิด Battle Mode ตลอดเวลา ดังนั้นการคอมโบจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือก- ถ้าหากสู้กันแบบ 1 ต่อ 1 แบบ ต่างฝ่ายต่างเปิด Battle Mode ก็ค่อนข้างสูสีกันหน่อย ยกเว้นบางอาชีพที่ Battle Mode ไม่ได้ออกแบบมาสำหรับ PvP[p]สุดท้าย Battle Mode เป็นการรีดเค้นพลังที่ถูกสะกดไว้ในตัวเราออกมา ค่าแลกเปลี่ยนคือ SP 1 หลอด เราต้องใช้มันให้คุ้มกับที่มันถูกเรียกว่า “[b]Battle[/b]” Mode กดใช้เมื่อยามจำเป็น กดใช้เมื่อยามที่เราต้องประจัญบานกับศัตรูผู้กล้าแข็ง และเมื่อนั้นเราจะสัมผัสถึงสุดยอดแห่งการต่อสู้

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้