Hands-on: Civilization 7 เมื่ออารยธรรมไม่ได้มีลิขิตเดียวให้เติบโต

Civilization น่าจะเป็นชื่อซีรีส์ที่คอเกมหลายคนต้องรู้จักกันบ้างไม่มากก็น้อย ไม่ว่าจะเป็นน่าฐานะเกม ‘One more turn’ หรือเกม ‘คานธียิงนุ๊ค’ ก็ล้วนแล้วแต่สะท้อนถึงตัวตนได้อย่างดี ว่าถึงแม้เกมจะมีความเป็นประวัติศาสตร์สูง แต่ก็ยังเว้นที่ว่างให้ผู้เล่นได้แต่งเติมความแฟนตาซีเข้าไปและกลายเป็นความสนุกสนานที่ยากจะเลียนแบบ

แม้จะในยุคที่เกมวางแผนเสื่อมความนิยม Civilization ก็ยังคงยืนหยัดอย่างยิ่งใหญ่ เป็นเพียงไม่กี่เกมที่ค่ายจะกล้าลงทุนในการสเปนด์เม็ดเงินให้ไม่ว่าจะในการสร้างหรือโปรโมตเองก็ตาม เพราะไม่ว่าจะผ่านมากี่ปีวลี ‘One more turn’ ของเกมยังคงเปี่ยมมนต์ขลังเสมอไม่ว่าจะกับเกมเมอร์วัยใดก็ตาม

และหลังจากเปิดตัวมาได้ระยะใหญ่ๆ ในเดือน 2 ของปี 2025 นี้ Civilization VII ก็เตรียมจะลงสนามให้ตลาดเกมวางแผนคึกคักและใจเด็ดพอที่จะขายเกมในเดือนที่ว่ากันว่าเดือดที่สุดของปีเดือนหนึ่ง เนื่องจากมีเกมมากมายเลือกขายเดือนนี้ แต่ Civilization VII ก็ยังคงยืนแกร่งท้าทาย ไม่ว่าจะเพราะค่ายเชื่อในชื่อชั้นหรืออาจจะเพราะคุณภาพของเกม แต่แท้จริงแล้ว Civilization ไม่จำเป็นต้องกลัวใครหน้าไหน เพราะพวกเขาไม่เหมือนใคร และยากเหลือเกินที่จะมีใครเหมือน

ทั้งนี้ในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ และเกมกำลังจะวางขายในเวลาอีกไม่ถึง 1 เดือนดี ทาง 2K Games ก็ได้เชิญทาง Online Station ของเราไปร่วมทดสอบตัวเกมกันถึงประเทศสิงคโปร์ร่วมกับสื่อฯ จากภูมิภาค SEA, เกาหลีใต้ และ ญี่ปุ่น พร้อมการดูแลจัดเต็มที่ก็ต้องขอขอบคุณทาง 2K Games อีกครั้งด้วยครับ

ทั้งนี้ไฮไลต์จะอยู่ในวันที่ 2 ของทริป ซึ่งเป็นวันงานจริง โดยช่วงแรกจะเป็นการแนะนำเกมรวมไปถึงบรีฟคร่าวๆ ก่อนจะพาสื่อฯ แต่ละประเทศไปนั่งเครื่อง PC ที่เตรียมไว้ โดยสามารถทดสอบได้ 3 ชั่วโมงด้วยกันครับ ซึ่งระหว่างเทสต์ก็จะมีของว่างรวมไปถึงชาหรือกาแฟให้เติมได้ตลอด แต่นั่นก็ไม่สลักสำคัญอะไร เพราะผมในฐานะตัวแทนของ Online Station กำลังรู้สึกตื่นเต้นกับเกมตรงหน้าสุดๆ ไปเลย

อย่างไรก็ตามตอนไปเล่นที่สิงคโปร์ผมไม่อาจเก็บฟุตเทจระหว่างเล่นมาฝากกันได้ตามข้อกำหนด แต่หลังกลับมาไทยทาง 2K Games ได้ส่งตัวพรีวิวมาให้เล่นและสามารถอัดฟุตหรือเก็บสกรีนช็อตบางส่วนได้แล้ว ดังนั้นสิ่งที่เห็นในฟุตหรือภาพที่เซฟมา ก็จะเป็นคนละเซฟกับที่ผมเล่นที่สิงคโปร์นั่นเอง เอาล่ะ ถึงตรงนี้อาการ ‘One more turn’ เริ่มเรียกหากันแล้ว ไปดูนส่วนของรายละเอียดเกมที่ผมได้เจอตลอด 3 ชั่วโมงกันเลย

โดยหากใครยังไม่รู้จัก Civilization นั้นเป็นเกมแนววางแผนเทิร์นเบสต์สร้างอารยธรรมสู้กับบอทแบบ Sandbox เลือกตัวละครของแต่ละอารยธรรมและเอาชนะคู่ต่อสู้ด้วยเงื่อนไขหลากรูปแบบไม่ว่าจะเป็นการสงคราม, เอาชนะทางอารยธรรม, การฑูต หรือเทคโนโลยี ซึ่งหากใครจำกันได้ ช่วงภาค V นั้นมีตัวละครพ่อขุนรามคำแหงหน้าคุ้นๆ ให้เล่นกันด้วย ขณะที่ตัวละครสุดมีมสุดไอคอนิคก็คงไม่พ้นลุงคานธีกับนิวเคลียร์ของเขานั่นแหละแต่เหมือนภาคนี้จะไม่มีแฮะ

ขณะที่ความแปลกใหม่ของภาค VII ที่ทีมงานภูมิใจนำเสนอคือการพัฒนาอารยธรรมแบบมีเลเยอร์ ยุคหนึ่งเราอาจเป็นอย่างหนึ่ง ยุคถัดมาอาจเป็นอีกแบบ อาจยังมีรากบางอย่างหลงเหลือแต่รูปลักษณ์เปลี่ยนไปเลยก็มี กล่าวคือใน Civilization VII นี้ตัวละครกับรูปแบบอารยธรรมจะแยกจากกัน และเกมจะมีให้เล่น 3 ยุคสมัยคือยุคโบราณ, ยุคสำรวจ และยุคโมเดิร์น เวลาของแต่ละยุคจะเดินไปในทุกเทิร์น เมื่อถึงจุดที่ต้องเปลี่ยนยุค ผู้เล่นจะได้เลือกว่าจะรับเอาวัฒนธรรมไหนมาเล่นต่อ โดยจะได้เลือกสืบทอดเอาบางสกิลติดตัวมาด้วย

อย่างเช่นยุคแรกคุณเป็นพระเจ้าอโศกมหาราชแห่งโรมแต่พอเข้ายุคถัดมาคุณเอาจะนำเอาอารยธรรมของราชวงศ์หมิงมาเล่นต่อก็ได้ ซึ่งเป็นการสร้างประวัติศาสตร์รูปแบบใหม่ของตัวเอง ผสมผสานข้อดีข้อเสียของแต่ละอารยธรรมเข้าด้วยกัน หรือคุณจะเป็นสายอนุรักษ์สานต่อเพียงอารยธรรมออริจินัลเพื่อรับโบนัสแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยไปเลยก็ได้เช่นกัน

เซฟแรกของผมที่ไปเทสต์ที่สิงคโปร์นั้นดูเหมือนจะยังบิดมากไม่ได้ ตัวให้เล่นก็ยังน้อย ผมลองเล่นเป็นออกัสตุสแล้วเลือกอารยธรรมเป็นโรมเล่นสายอนุรักษ์นิยมก่อน เพราะดูเหมือนการจะเฟี้ยวฟ้าวเลี้ยวไปหาอารยธรรมอื่นมาเล่นได้มันมีเงื่อนไขการปลดล้อคของมันครับ ซึ่งพอเริ่มเล่นตั้งแต่ยุคโบราณในภาพรวมคือเกมอาจไม่ได้มีความแตกต่างจากเดิมมากนัก เพราะในยุคแรกนั้นทำอะไรมากไม่ค่อยได้อยู่แล้ว จะมีเพียงกราฟิกที่อัปเกรดขึ้นมาหน่อย กับรูปแบบวิชวลของความเป็นเมืองที่ดูจะยิ่งใหญ่โอฬารมากยิ่งขึ้น

ซึ่งการสร้างสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ก็จะขึ้นอยู่กับแต้มทรัพยากรด้านต่างๆ บวกด้วยเงิน และสิ่งปลูกสร้างบางอย่างก็จะต้องวางบนพื้นที่ซึ่งตรงตามเงื่อนไข จะขยายเมืองอย่างไรก็ต้องคิดให้มากขึ้น ทำให้ต้องบริหารกันให้ดี นอกจากนี้ในแต่ละยุคหลังจากเลือกอารยธรรมก็จะมีตัวละคร “ผู้ช่วย” ในด้านต่างๆ มาให้ผู้เล่นได้เลือก แกมกำหนดนโยบายของยุคนั้นๆ ว่าจะดำเนินการไปในทางใด ซึ่งการเลือกสายที่จะเล่นในแต่ละยุคมันจึงเหมือนการกำหนดภารกิจและความได้เปรียบในบางด้านของฝ่ายผู้เล่น เพราะที่สุดแล้วเมื่อยุคหนึ่งจบลงตัวเกมจะสรุปแต้มในยุคนั้น คุณอาจจะได้เบเนฟิตบางอย่างจากสายที่เลือก เช่นทำภารกิจบางอย่างได้ไวกว่าชาวบ้าน โดยในการชนะภารกิจแต่ละอย่างของยุคสมัยหนึ่ง เราก็จะได้แต้มมาเลือกสกิลหรือ Trait พิเศษบางส่วนสืบทอดไปยังอารยธรรมยุคถัดไปได้นั่นเอง

ต้องยอมรับว่า 3 ชั่วโมงที่ได้ลองมันน้อยไปจริงๆ ในการลงลึกในแต่ละระบบ แต่ถ้าให้พูดถึงความประทับใจยิบย่อยก็มีพอสมควรครับ เช่นเวลาผมเจอพระเจ้าอโศกมหาราชมาทำการค้าด้วย แกจะมีเพลงธีมเป็นของตัวเอง และในเมื่อแกเด่นดังด้านพุทธศาสนา เพลงธีมของแกจึงดัดแปลงมาจากบทสวดบูชาพระรัตนตรัยรวมถึงนะโม 3 จบครับ อย่างคูล นอกจากนี้ในเกมยังมีอารยธรรมสยามด้วย หลายๆ คนน่าจะเห็นคลิปเปิดตัวไปแล้ว กว่าจะได้เล่นคืออยู่ยุคโมเดิร์นโน่นเลย ทำให้ยังไม่ได้ลองเทสต์ครับ แล้วก็อาจจะมีเรื่องที่เป็นที่ถกเถียงโดยเฉพาะในหมู่เกมเมอร์ชาวเราหน่อยๆ ก็จะเป็นการสร้าง Wonder อย่างปราสาทนครวัดแล้วมีเพลงไทยบรรเลงขึ้นมานี่แหละ ออกตัวก่อนว่าผมเองไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญนัก แต่เสียงระนาดค่อนข้างชัด ไม่แน่ใจว่าใช่วัฒนธรรมร่วมไหม หรือมันอาจจะเป็นเพลงสำเร็จที่ทำไว้อยู่แล้ว คือผมอาจจะเข้าใจผิดก็ได้ เพราะงั้นผมจะ “นิ่งไว้” ก่อน ฮา

ในภาพรวม Civilization VII น่าจะเป็นการกลับมาที่สมการรอคอยอย่างแน่นอนครับ โดยเฉพาะระบบผสมผสานอารยธรรมนี่น่าสนใจมากว่าถ้าลองได้เล่นเต็มระบบมันจะออกมาอีหรอบไหน ส่วนใครยังไม่แน่ใจว่าเกมจะออกมาดีขนาดไหน ก็รอรีวิวฉบับเต็มจากพวกเรา Online Station เร็วๆ นี้ได้เลยครับ

Civilization VII มีกำหนดวางขายวันที่ 11 กุมภาพันธ์นี้บน Steam, Epic Game Store, PS5, PS4, Xbox Series X|S, Xbox One และ Nintendo Switch ผู้เล่นที่ลิงค์เกมกับ 2K Account สามารถรับตัวละครนโปเลียนไปใช้เพิ่มเติมได้ ร่วมถึงใช้ฟีเจอร์ Cross-Play แชร์ Progression ในการเล่นแต่ละแพลตฟอร์มได้ด้วย (แต่เกมต้องซื้อแยก) ส่วนผู้ที่ซื้อตัวเกมแบบ Deluxe Edition หรือ Founders Edition จะเข้าเล่นเกมได้ตั้งแต่วันที่ 6 กุมภาพันธ์ครับ สะดวกเวอร์ชั่นไหนก็จัดกันได้ตามสะดวกโลด!


ติดตามข่าวเกมพีซี/คอนโซลอื่น ๆ ได้ที่ Online Station

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้