ห่างหายกันไปนาน สำหรับข่าวคราวที่จะกระตุ้นต่อมอะดรีนาลีนของแฟนๆชาวพีซีให้ทำงาน จนหลายคนเริ่มเหี่ยวแห้งเพราะความท้อแท้ที่ไม่มีเข่าวคราวของกมดีๆ ออกมาให้ได้รับทราบกันบ้าง จนกระทั่ง 19 พฤษภาคมที่ผ่านมา Blizzard ก็ทำให้สาวกพีซีกระชุมกระชวยด้วย Starcraft 2? หากใครที่ติดตามข่าวคราวของการเปิดตัว Starcraft 2 อย่างต่อเนื่องก็คงรับรู้ถึงกระแส ภาคต่อฟีเวอร์ ของสาวก Blizzard ที่แบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย ลุ้นว่า เกมใหม่เกมนี้จะเป็น Starcraft 2 หรือ Diablo 3 ซึ่งผลก็ปรากฏว่าฝ่าย Starcraft สามารถเอาชนะไปได้ ซึ่งก็คงสมใจเกมเมอร์หลายท่านรวมทั้งผมด้วย แต่บังเอิญว่า สัปดาห์ก่อนผมนึกครึ้มไปขุดเอา Diablo 2 กลับมาเล่นอีกครั้ง (และยังคงเมามันส์กับมันมาจนวันนี้) ทำให้เกิดอาการต่อมสงสัยกำเริบว่า ทำไมเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม เกมใหม่ที่เปิดตัวถึงไม่ใช่ Diablo 3? [img=16624]//img.online-station.net/image_content/2020/03/default-image.jpg[/img]คำถามประจำบทความสำหรับแฟน Starcraft: ตาลุงคนนี้คือใคร?หากมองกันอย่างเป็นกลาง แล้วทั้ง 2 เกมก็ได้เวลาที่จะมีภาคต่อแล้วทั้งคู่ Duablo 2: Lord of Destruction ออกวางจำหน่ายครั้งแรก เมื่อ 27 มิถุนาปี 2001 ศิริรวมเวลาก็ 6 ปีแล้ว ส่วน Starcraft: Brood War นั้นยาวนานถึงวันที่ 30 พฤษจิกายน 1998 โน่นเลยทีเดียว ซึ่งหากเป็นค่ายอื่นๆ ผมเชื่อว่าป่านนี้เราอาจจะนั่งเล่น Starcraft 3 อยู่ ส่วนแฟนๆ Diablo ก็คงกำลังสนุกกับ Diablo 4 พร้อมลุ้นข่าว Diablo 5 เสียด้วยซ้ำแต่เราก็ต้องยอมรับความจริงว่านี่คือจุดที่ทำให้ Blizzard (และค่ายเกมคุณภาพอีกหลายค่าย) ประสบความสำเร็จ พวกเขาจะรอจนความคิดตกผลึกแน่นอน และละทิ้งความรีบร้อนเอาไว้เบื้องหลัง ค่อยๆประดิดประดอยใส่ใจทุกรายละเอียด จนกระทั่งได้สุดยอดเกมที่ทำให้เกมเมอร์ทุกคนติดหนึบไปอีกสัก 3 ปีเป็นอย่างต่ำนั่นแหละ[img=16625]//img.online-station.net/image_content/2020/03/default-image.jpg[/img]สำหรับผมแล้ว โดยส่วนตัวผมคิดว่า การที่จะสร้างภาคต่อของ Diablo นั้น น่าจะยากกว่าการสร้างภาคต่อของ Starcraft เพราะแม้ว่าทั้ง 2 จะอยู่ในระดับยอดเกมทั้งคู่ แต่สิ่งที่ Diablo 2 สร้างเอาไว้นั้น คือสิ่งที่ยากยิ่งจะเลียนแบบ Diablo คือแม่แบบของเกม Action/RPG ที่เน้นความง่ายในการเล่น ด้วยรูปแบบ click and slash และ Diablo 2 ก็แสดงให้ทุกคนเห็นว่า เกม Action/RPG ที่ดีน่ะมันเป็นยังไงจุดเด่นของ Diablo คือการสลัดความยุ่งยากของเกม RPG เต็มรูปแบบออกไป รายละเอียดยุบยิบจนจำไม่หมดในเกมอื่นๆ ถูกแทนที่ด้วยระบบการสุ่มสร้างแผนที่สุดเจ๋ง พร้อมถังมหัศจรรย์ที่มีให้เราทุบกันชนิดไม่อั้น (แถมลุ้นตลอดเวลาที่ทุบถังเนี่ย) ระบบการเล่นที่ยุ่งยากแบบ RPG ของแท้ ก็กลายเป็นการเดินหน้าฟันแหลกแบบไม่ต้องคิดอะไรมาก แต่มันส์สุดๆ เรียกว่าคลิกจนเมาส์เจ๊งกันเลยทีเดียว[img=16626]//img.online-station.net/image_content/2020/03/default-image.jpg[/img]จุดเด่นเหล่านี้ยากจะเลียนแบบ อย่างที่เราเห็นเกมโคลน Diablo นับร้อยเกม (จริงผมแทบอยากจะนับว่า Action/RPG ทั้งหมดหลังปี 2000 มาเป็นเกมโคลน Diablo ทั้งหมดเสียด้วยซ้ำ) แต่มีไม่กี่เกมประสพความสำเร็จ และไม่เคยมีเกมไหนที่ประสพความสำเร็จจนสามารถเทียบเคียง Diablo ได้ อย่างมากก็ใกล้เคียงเท่านั้นและนั่นก็คือเหตุผลที่ผมคิดว่าเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เรายังไม่เห็น Diablo 3 เพราะขนาดทำเลี้ยนแบบ ยังยาก การจะสร้างภาคต่อให้ดีกว่าภาคเก่า ตามมาตรฐานที่ Blizzard เคยทำ (ได้) เป็นประจำนั้น ย่อมยากยิ่งกว่า แถม ทีมงานที่เคยสร้าง Diablo ก็ผันตัวเองไปเป็นทีมงานของ Flagship Studio (Hellgate: London) กันเกือบหมดแล้วด้วย ก็ยิ่งเพิ่มความยากเข้าไปอีก[img=16627]//img.online-station.net/image_content/2020/03/default-image.jpg[/img]ต้องยอมรับว่า การเกิดขึ้นของ Flagship Studio ที่นำโดย Bill Rooper และผู้สร้างสรรค์ Diablo อย่างพี่น้อง Brevik นั้นเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของ Blizzard เพราะเมื่อเราหันกลับไปมองผลงานที่ผ่านมาของพวกเขาอย่าง Diablo ทั้ง 2 ภาค ก็สามารถยืนยันถึงฝีมือและระดับมันสมองของทีมงาน Flagship Studio ชุดนี้ได้ดี แม้ Blizzard จะรับพนักงานใหม่ที่มีฝีมือเข้ามามากและผลงานกับเกม MMORPG อย่าง World of Warcraft และภาคต่อจะออกมาดีเยี่ยม แต่ก็ไม่ได้การันตีว่าพวกเขาจะทำ Diablo 3 ได้ดีผมเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า อีกไม่นานเราจะต้องได้เห็น Diablo 3 อย่างแน่นอน แต่คำว่าอีกไม่นานนั้น จะเป็นเวลาเท่าใดก็คงขึ้นอยู่กับทีมงาน Blizzard เท่านั้น และในฐานะเกมเมอร์ที่สนุกกับ Diablo มาโดยตลอด ผมยินดีอย่างยิ่งที่จะให้เวลากับพวกเขาอย่างเต็มที่เพื่อจะได้ตกผลึกความคิดเจ๋งๆเพื่อนำมาสร้าง Diablo 3 ให้เราเล่นกัน ซึ่งคิดว่าเหล่าสาวก Diablo ทุกคนก็คงคิดเช่นกัน[img=16628]//img.online-station.net/image_content/2020/03/default-image.jpg[/img]