อินเทล ซี อี โอ: นวัตกรรมซิลิกอนเร่งการเข้าสู่ยุคของ ประสิทธิภาพการประหยัดพลังงาน

แชร์เรื่องนี้:
อินเทล ซี อี โอ: นวัตกรรมซิลิกอนเร่งการเข้าสู่ยุคของ ประสิทธิภาพการประหยัดพลังงาน
[b][center]อินเทล ซี อี โอ: นวัตกรรมซิลิกอนเร่งการเข้าสู่ยุคของประสิทธิภาพการประหยัดพลังงานโอเทลลินียกโปรเซสเซอร์คว๊อดคอร์ เทคโนโลยีการผลิตแบบ 45 นาโนเมตร และโปรโตไทป์ชิป Teraflop[/center][/b][p]อินเทล ดิเวลล็อปเปอร์ ฟอรัม, ซานฟรานซิสโก, 27 กันยายน 2549 - มร.พอล โอเทลลินี ประธาน และซีอีโอ อินเทล คอร์ปอเรชั่น ได้เปิดเผยถึงแผนเร่งดำเนินการในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยีให้แก่นักพัฒนาและวิศวกรนับพันที่รวมตัวกันในงานอินเทล ดิเวลล็อปเปอร์ ฟอรัมว่า ความก้าวหน้าในเทคโนโลยีซิลิกอนจะสร้างประสบการณ์ประมวลผลแบบใหม่ในยุคแห่งการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพของคอมพิวเตอร์ และมร.โอเทลลินียังได้เปิดเผยเพิ่มเติมว่าอินเทลจะเริ่มส่งโปรเซสเซอร์แบบสี่แกนหรือคว๊อดคอร์ตัวแรกของโลกสำหรับพีซีและไฮ-วอลุ่มเซิร์ฟเวอร์ในเดือนพฤศจิกายนนี้ นอกจากนั้นภายในงานยังมีการให้รายละเอียดของเทคโนโลยีการผลิตแบบ 65 และ 45 นาโนเมตรที่อินเทลเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมอีกด้วย[p]มร.โอเทลลินี กล่าวว่า “วงการอุตสาหกรรมกำลังผ่านเข้าสู่ช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงมากที่สุดในระยะเวลาไม่กี่ทศวรรษ โดยเป็นการย่างเข้าสู่ยุคที่สมรรถนะการทำงานและการประหยัดพลังงานเป็นสิ่งสำคัญในทุกตลาดและทุกแง่มุมของการประมวลผลของคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีแนวทางเริ่มที่ทรานซิสเตอร์ ขยายไปถึงโปรเซสเซอร์จนกระทั่งระดับแพลตฟอร์ม”[p]มร.โอเทลลินีได้อ้างถึงทิศทางล่าสุดซึ่งแสดงให้เห็นว่าสมรรถนะของพลังการประมวลผลกลายเป็นสิ่งสำคัญกว่าเมื่อก่อน การเกิดโอเปอเรติ้ง ซิสเต็มใหม่ๆ เกมส์ที่มีลักษณะเหมือนจริง ออนไลน์วิดีโอ และ ไฮ-เดฟฟินิชั่นวิดีโอ ที่มีมากขึ้น จะเป็นตัวผลักดันความต้องการพลังประสิทธิภาพการประมวลผลที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถ้าเป็นเครื่องพีซีเมื่อสองถึงสามปีที่ผ่านมาการสตรีมวิดีโอหนึ่งชุดจากเว็บไซต์อย่าง You Tube™ อาจทำให้การทำงานของเครื่องสะดุดได้ มร.โอเทลลินีกล่าวเพิ่มเติมว่า “เมื่อเราก้าวเข้าสู่ยุคของ ไฮ-เดฟฟินิชั่นวิดีโอ ผู้ใช้ต้องการเครื่องที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิมถึงแปดเท่าเพียงแค่ในการแปลงสัญญาณเท่านั้น”[p]มร.โอเทลลินี กล่าวเสริมว่า “พลังการประมวลผลกลายเป็นสิ่งที่มีความสำคัญมากกว่าที่ผ่านมา ถึงแม้การลดความร้อน อายุการใช้แบตเตอรี่ที่ยาวขึ้น และการประหยัดค่าไฟในศูนย์ข้อมูลมีความสำคัญมากขึ้นเช่นกัน เทคโนโลยีซิลิกอนคือหัวใจของแนวทางทั้งหมด และนี่คือสิ่งที่เรามุ่งมั่นให้ประสบผลสำเร็จ” [color=blue][b]ผลิตภัณฑ์ในสถาปัตยกรรมอินเทล คอร์™ ไมโครอาร์คิเทคเจอร์[/b][/color][p]มร.โอเทลลินี กล่าวเพิ่มเติมว่า “เมื่อกล่าวถึงสมรรถนะและการประหยัดพลังงาน สถาปัตยกรรมใหม่ อินเทล คอร์™ ไมโครอาร์คิเทคเจอร์ และโปรเซสเซอร์ตัวหลัก อินเทล™ คอร์™2 ดูโอ โปรเซสเซอร์ได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้แก่วงการอุตสาหกรรม” พร้อมกันนั้นมร.โอเทลลินีได้แสดงให้เห็นถึงผลของการทดสอบ อินเทล คอร์ 2 ดูโอ จากเบนช์มาร์กต่างๆ ซึ่งคลอบคลุมแอพลิเคชั่นที่หลากหลาย ซึ่งในขณะนี้โปรเซสเซอร์รุ่นนี้ได้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีการขายได้รวดเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัทอินเทล ด้วยการส่งผลิตภัณฑ์จำนวนมากถึงกว่า 5 ล้านชิ้นภายในเวลาน้อยกว่า 60 วันนับตั้งแต่เริ่มเปิดตัว [p]“ด้วยคอร์ 2 ดูโอ โปรเซสเซอร์ เรานำเสนอประสิทธิภาพที่ดีที่สุดในสินค้าตั้งแต่โน้ตบุ๊กที่บางที่สุด จนถึงดูอัลคอร์เซิร์ฟเวอร์ และเรามีความพอใจกับการเติบโตขึ้นของโปรเซสเซอร์รุ่นใหม่นี้อย่างมาก” [p]มร.โอเทลลินีนำเสนอต่อถึงรายละเอียดของแผนงานของบริษัทในการนำเสนอโปรเซสเซอร์ที่มีแกนประมวลผลสี่แกนหรือคว๊อดคอร์รุ่นแรกสำหรับเครื่องพีซีและไฮ-วอลุ่มเซิร์ฟเวอร์ โปรเซสเซอร์ตัวแรกของรุ่นนี้จะเจาะจงสำหรับนักเล่นเกมส์ และนักสร้างคอนเทนท์ โดยจะใช้ชื่อว่า อินเทล™ คอร์™2 เอ็กซ์ตรีม คว๊อดคอร์ โปรเซสเซอร์ และจะมีสมรรถนะเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 67 จาก อินเทล™ คอร์™2 เอ็กซ์ตรีม โปรเซสเซอร์* รุ่นปัจจุบัน โดยจะพร้อมเริ่มวางตลาดในเดือนพฤศจิกายน สำหรับโปรเซสเซอร์แบบควอดคอร์ในรุ่นเมนสตรีมซึ่งจะใช้ชื่อว่า อินเทล™ คอร์™2 คว๊อด โปรเซสเซอร์ จะเริ่มส่งสู่ตลาดในช่วงไตรมาสแรกของปี 2550 ในส่วนของอินเทล™ ซีออน™ โปรเซสเซอร์ ซี่รี่ส์ 5300 สำหรับดูอัลโปรเซสเซอร์เซิร์ฟเวอร์ จะพร้อมวางจำหน่ายภายในปี 2549 นี้ รวมทั้งจะมีการส่งโปรเซสเซอร์คว๊อดคอร์ตัวใหม่ของ อินเทล™ ซีออน™ โปรเซสเซอร์ L5310 สำหรับ เบลดเซิร์ฟเวอร์ซึ่งกินไฟต่ำกว่า 50 วัตต์ ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2550 [color=blue][b]กระบวนการผลิตและเทคโนโลยีการผลิตซิลิกอน[/b][/color][p]มร.โอเทลลินี ได้กล่าวถึงสมรรถนะและการประหยัดพลังงานไว้ว่า “ทั้งหมดเริ่มต้นจากทรานซิสเตอร์” ซึ่งเป็นสิ่งที่แสดงถึงแนวทางของบริษัทอินเทล สอดคล้องกับกฏของมัวร์ รวมทั้งเทคโนโลยีด้านซิลิกอนและกระบวนการผลิตที่อินเทลเป็นผู้นำในวงการอุตสาหกรรม อินเทลเป็นบริษัทแรกที่มีการนำเทคโนโลยีการผลิตแบบ 65 นาโนเมตรที่ทันสมัยมาใช้ตั้งแต่ปี 2548 ซึ่งรวมถึงการนำคุณสมบัติการประหยัดพลังงานเข้ามาใส่ในทรานซิสเตอร์อีกด้วย [p]มร.โอเทลลินีกล่าวว่าโปรเซสเซอร์ส่วนใหญ่ที่อินเทลส่งให้ลูกค้าในปัจจุบันผลิตด้วยเทคโนโลยี 65 นาโนเมตรแล้ว ก่อนที่บริษัทอื่นๆ จะสามารถเริ่มผลิตภัณฑ์แม้เพียงชิ้นแรก[p]สำหรับในอนาคตเทคโนโลยีรุ่นต่อไปของอินเทลคือเทคโนโลยี 45 นาโนเมตรซึ่งจะเริ่มนำมาใช้ในกระบวนการผลิตจริงในช่วงครึ่งหลังของปี 2550 มร.โอเทลลินีได้เปิดเผยเป็นครั้งแรกถึงผลิตภัณฑ์ 15 ตัว ครอบคลุมตั้งแต่เดสก์ท้อป โมบายล์ และเซิร์ฟเวอร์ในระดับองค์กร ซึ่งใช้เทคโนโลยี 45 นาโนเมตร ผลิตภัณฑ์ตัวแรกอยู่ในขั้นตอนการออกแบบตามกำหนดและจะสำเร็จในช่วงไตรมาสที่สี่ของปี 2549 นี้ มร.โอเทลลินีได้บรรยายเพิ่มเติมถึงเครือข่ายโรงงานแบบ 45 นาโนเมตรที่มีห้องทดลองกว้างขวางถึง 500,000 ตารางฟุต ใช้งบลงทุนกว่า 9 พันล้านเหรียญสหรัฐ [color=blue][b]ความเป็นผู้นำอย่างต่อเนื่อง[/b][/color][p]มร.โอเทลลินี ได้คาดการณ์ว่า ‘ท่วงทำนอง’ ของกระบวนการผลิตเหล่านี้ซึ่งเป็นไปตามกฏของมัวร์ ควบคู่ไปกับแผนการแนะนำสถาปัตยกรรมใหม่ทุกๆ 2 ปี จะก่อให้เกิดการพัฒนาด้านสมรรถนะต่อวัตต์มากขึ้นกว่าสถาปัตยกรรม คอร์ ไมโครอาร์คิเทคเจอร์ในปัจจุบัน ด้วยสถาป้ตยกรรมใหม่ภายในปี 2553 เขายังได้แสดงแผนภูมิที่ชี้ให้เห็นสถาปัตยกรรมใหม่ (ชื่อรหัสเดิมว่า Nehalem และมุ่งใช้เทคโนโลยี 45 นาโนเมตร) ที่จะมีการเปิดตัวในปี 2551 และตามด้วยสถาปัตยกรรมต่อไป (ชื่อรหัสเดิมว่า Gesher และมุ่งใช้เทคโนโลยี 32 นาโนเมตร) สถาปัตยกรรมใหม่เหล่านี้จะถูกพัฒนาโดยทีมงานที่แยกกันแต่ทำงานคู่ขนานกัน และมุ่งเน้นที่การนำเทคโนโลยีในอนาคตมาใช้ร่วมกัน[p]มร.โอเทลลินี กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “ ภายในปลายทศวรรศนี้ เราจะสร้างสมรรถนะต่อวัตต์ที่สูงขึ้นจากโปรเซสเซอร์รุ่นปัจจุบันถึงร้อยละ 300 การพัฒนาสมรรถนะและประสิทธิภาพในครั้งนี้จะช่วยให้นักพัฒนาและผู้ผลิตต่างๆ สามารถพัฒนาระบบที่มีความสามารถใหม่ๆ ที่น่าทึ่ง”[p]และเพื่อเป็นการแสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ตามกฏของมัวร์ในอนาคต มร.โอเทลลินีได้แสดงถึงการโปรโตไทป์โปรเซสเซอร์จากห้องทดลองที่มีถึง 80 โฟลตติ้งพ้อยท์คอร์บนไดย์เดียว ซิลิกอนชิ้นเล็กๆ บนไดย์ของชิปทดลองนี้มีขนาดเพียง 300 ตารางมิลลิเมตร ซึ่งทำให้สามารถมีสมรรถนะในระดับ Teraflop หรือการทำงานหนึ่งล้านล้านล้านโฟลตติ้งพ้อยท์ต่อวินาที มร.โอเทลลินี้ได้เปรียบเทียบกับความสามารถนี้เท่ากับ Teraflop ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ตัวแรกของโลกซึ่งเป็นสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ของอินเทลเมื่อ 11 ปีที่แล้วที่เป็นเครื่องจักรขนาดใหญ่ ทำงานด้วยโปรเซสเซอร์ เพนเทียม โปร กว่า 10,000 ตัว บรรจุในตู้ขนาดใหญ่ 85 ตู้บนพื้นที่กว่า 2,000 ตารางฟุต[color=blue][b]นวัตกรรมและความท้าทายของอินเทล™ คอร์™2[/b][/color][p]ในการปรากฏตัวครั้งแรกของผู้บริหารจากบริษัทแอปเปิล ในงานไอดีเอฟ มร.โอเทลลินีร่วมกับ มร.ฟิล ชิลเลอร์ รองประธานอาวุโสฝ่ายการตลาดระดับเวิล์ด ไวด์ บริษัทแอปเปิล ได้พูดคุยถึงกระบวนการคิดค้นเครื่องคอมพิวเตอร์เก๋ไก๋ของแอปเปิลทุกรุ่นโดยใช้โปรเซสเซอร์ในตระกูลอินเทล คอร์ นอกจากนั้นแล้ว มร.โทมัส บาร์ตัน ซีอีโอ บริษัท Rackable ยังได้ร่วมกับมร.โอเทลลินีในการพูดคุยถึงบริษัทของเขาในการเร่งนำสถาปัตยกรรมอินเทล คอร์™ ไมโครอาร์คิเทคเจอร์[p]มาใช้ โดยเริ่มจากอินเทล™ ซีออน™ โปรเซสเซอร์ ซีรี่ส์ 5100 แบบดูอัลคอร์ที่เริ่มวางจำหน่ายในเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา มร.บาร์ตัน แสดงให้เห็นถึงระบบที่ลักษณะเด่นซึ่งเขาได้อธิบายว่าเป็นสถิติครั้งใหม่ (320 คอร์ในเซิร์ฟเวอร์แร็ค 22 หน่วย) โดยใช้โปรเซสเซอร์แบบสี่แกนตัวใหม่ อินเทล™ ซีออน™ โปรเซสเซอร์ ซีรี่ส์ 5300 [p]ในด้านนวัตกรรม มร.โอเทลลินี ได้สร้างความท้าทายให้แก่วงการคอมพิวเตอร์และวงการคอนซูเมอร์ อิเล็กทรอนิกส์ ในการนำประโยชน์ของความสามารถในการประหยัดพลังงานของ อินเทล™ คอร์™ 2 ดูโอ โปรเซสเซอร์มาใช้ โดยการประกาศการแข่งขัน อินเทล™ คอร์™ โปรเซสเซอร์ ชาแลนจ์ ที่มีรางวัลมูลค่ามากถึงหนึ่งล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับผู้ออกแบบและผู้ผลิตพีซี ที่สามารถสร้างเครื่องที่เล็กที่สุดและมีรูปแบบทันสมัยที่สุดโดยใช้อินเทล คอร์ 2 ดูโอ โปรเซสเซอร์ ควบคู่ไปกับ เทคโนโลยีอินเทล™ ไวฟ์™ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มคุณภาพเยี่ยมเพื่อความบันเทิงภายในบ้าน หรือพีซีที่นำสื่อรูปแบบต่างๆ มาใช้ประโยชน์สูงสุด [color=blue][b]โอกาสใหม่ ๆ สำหรับการเจริญเติบโต[/b][/color][p]มร.โอเทลลินี ได้สรุปถึงความก้าวหน้าที่บริษัทได้เห็นจากเทคโนโลยี อินเทล™ ไวฟ์™ และ แพลตฟอร์ม อินเทล™ เซนทริโน™ ดูโอ โมบายล์ เทคโนโลยี รวมทั้งแพลตฟอร์มโมบายล์รุ่นต่อไป (ซึ่งมีชื่อรหัสว่า Santa Rosa) ซึ่งจะมีการวางจำหน่ายเป็นลำดับต่อไปในปี 2550 รวมทั้งจุดเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ ในวงการอุตสาหกรรมซึ่งจะเป็นบรอดแบรนด์เคลื่อนที่ หรือ “การนำอินเตอร์เน็ตบรอดแบรนด์ติดตัวคุณไปทุกที่” [p]สำหรับความพยายามในด้านการผลักดันเทคโนโลยีไวแม็กซ์ มร.โอเทลลินีกล่าวอย่างภาคภูมิใจถึงข่าวล่าสุดว่าบริษัท Sprint และบริษัท Clearwire จะนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้ นอกจากนั้นอินเทลกำลังพัฒนาเครื่องพีซีรูปแบบใหม่รู้จักกันในนาม อัลตร้า โมบายล์ พีซี ซึ่งจะกินไฟต่ำลงกว่าโน้ตบุ๊กในปัจจุบันนี้ถึง 10 เท่า ภายในปี 2551 [color=blue][b]รายละเอียดเกี่ยวกับงานไอดีเอฟ[/b][/color][p]อินเทล ดิเวลล็อปเปอร์ ฟอรัม (ไอดีเอฟ)ในครั้งนี้จัดเป็นปีที่ 10 เป็นเวทีที่บริษัทชั้นนำในวงการมารวมตัวกันเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและข้อมูลเกี่ยวกับเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ล่าสุดที่เกี่ยวข้องกับพีซี เซิร์ฟเวอร์ อุปกรณ์ติดต่อสื่อสาร และอุปกรณ์พกพาต่างๆ ของอินเทล ผู้สนใจสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับงานไอดีเอฟ และเทคโนโลยีต่างๆ ของอินเทลได้ที่ [url]www.intel.com/idf[/url][p]ในฐานะผู้นำระดับโลกด้านนวัตกรรมซิลิกอน อินเทลได้พัฒนาเทคโนโลยี ผลิตภัณฑ์ และริเริ่มสิ่งต่างๆ เพื่อสร้างความก้าวหน้าในการทำงานและการดำรงชีวิตของผู้คน ผู้สนใจสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัทอินเทล ได้ที่เว็บไซต์ [url]http://www.intel.com/pressroom[/url]
แชร์เรื่องนี้:

เรื่องที่คุณอาจสนใจ