-
หน้าแรก
-
PC CONSOLE GAME
- บทสัมภาษณ์ผู้สร้าง Silent Hill จากเกมดังสู่จอเงิน หนทางที่ออกจากความล้มเหลวของภาพยนตร์ที่มาจากเกม
บทสัมภาษณ์ผู้สร้าง Silent Hill จากเกมดังสู่จอเงิน หนทางที่ออกจากความล้มเหลวของภาพยนตร์ที่มาจากเกม
[color=red][b]บทสัมภาษณ์ผู้สร้าง Silent Hill จากเกมดังสู่จอเงิน หนทางที่ออกจากความล้มเหลวของภาพยนตร์ที่มาจากเกม[/b][/color][img]//img.online-station.net/image_content/2020/03/default-image.jpg[/img][p]เข้าใจว่าหลายคนอาจจะกลายเป็นคนที่ไม่เชื่อถือในภาพยนต์เกี่ยวกับเกม เมื่อพูดถึงภาพยนตร์จอเงินที่ดัดแปลงมาจากเกมโปรดของคุณ เพราะนับตั้งแต่ Super Mario Bros. จนถึง Doom หนังแทบทุกเรื่องที่สร้างโดยมีแรงบันดาลใจจากเกม มักจะโชว์คุณภาพที่แย่มากๆ ในโรงภาพยนตร์อยู่เสมอ (กระแสของหนังอย่าง House of the Dead หรือ Alone in the Dark ของผู้กำกับเยอรมัน Uwe Boll ที่ออกมาอย่างสม่ำเสมอ ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลยเช่นกัน) แต่หนึ่งในโปรเจ็คเกม-สู่-หนัง อย่าง Silent Hill ของค่าย Sony Pictures อาจจะเป็นสิ่งที่เรารอคอย ไม่นานนักหลังจากที่หนังตัวอย่างได้จุดประกายและสร้างเสียงฮือฮาให้กับบรรดาแฟนๆ EGM ก็ได้นั่งลงพูดคุยกับผู้กำกับ Christophe Gans (จาก Brotherhood of the Wolf) และผู้เรียบเรียง Akira Yamaoka (ผู้กำกับของเกม Silent Hill) เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับหนังสยองขวัญที่เต็มไปด้วยไอหมอกของพวกเขา[b]EGM : ตราหรือสัญลักษณ์แห่งความล้มเหลวในการทำงานกับภาพยนตร์ที่สร้างมาจากเกม ทำให้คุณรู้สึกกลัวหรือไม่มั่นใจบ้างหรือเปล่า?[/b][color=blue][b]Christophe Gans:[/b][/color] แน่นอนว่ามันท้าทาย แต่มันคงเป็นไปไม่ได้สำหรับผม ที่จะสร้าง Silent Hill โดยไม่จริงจังกับมัน มันง่ายกว่ามากที่จะนำเอาเกมอย่าง Doom มาดัดแปลงเป็นหนัง แม้ว่ามันจะกลายเป็นหายนะเหมือนที่เราได้เห็นกันไปเมื่อไม่นานมานี้ ง่ายกว่าการที่จะนำเอา Silent Hill มาทำ ถ้าคุณคิดที่จะสร้างหนังจาก Silent Hill คุณต้องพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับความซับซ้อนในเนื้อเรื่องของมันเอง สำหรับผู้กำกับที่ขี้เกียจอย่างเช่น ผู้กำกับเรื่อง Doom แล้ว Silent Hill คงจะเป็นของชิ้นใหญ่เกินไปที่จะกลืนได้ลง ตัวผมเองเฝ้าฝันที่จะได้ดัดแปลงเกมนี้เป็นภาพยนตร์นับตั้งแต่ครั้งแรกที่ผมเริ่มเล่นเมื่อ 6 ปีก่อน ผมเตรียมพร้อมสำหรับงานนี้มาเป็นเวลาหลายปี ทั้งๆ ที่รู้ว่าบรรดาแฟนๆ ทุกคนในโลก จะเฝ้ารอผมพร้อมกับขวานคนละเล่ม หรือผมอาจจะถูกลอบยิงในขณะที่ผมออกไปซื้อเกมที่ร้านประจำก็เป็นได้ ถ้าหากทำผลงานออกมาได้ไม่ดี และผมเข้าใจดี ผมเองก็เป็นแฟนเกมเช่นกัน และผมก็นับถือผลงานของคุณ Akira และเพื่อนๆ ของเขา ผมยังรู้สึกเหมือนเป็นใครคนนึงที่เข้ามาร่วมกลุ่มและพยายามที่จะเคลื่อนย้ายงานศิลปะชิ้นนี้ ไปสู่สื่อชนิดอื่นที่แตกต่างไป ผมรักบรรดาแฟนๆ ของเกมนี้ และเข้าใจพวกเขาว่ามันเครียดขนาดไหน เมื่อได้ยินว่า “เกมสุดโปรดของคุณจะถูกนำมาทำเป็นภาพยนตร์โดยคนฝรั่งเศสคนนึง” [หัวเราะ][b]EGM : มันน่าประทับใจมาก ที่คุณจับเอาความลึกลับของเกม แทนที่จะสร้างเนื้อเรื่องใหม่ที่ง่ายกว่านั่นเป็นสิ่งที่คุณตั้งใจเอาไว้ตั้งแต่ช่วงเริ่มงานแรกๆ เลยหรือเปล่า?[/b][b][color=blue]CG:[/color][/b] ใช่ครับ แม้ว่าในตอนแรกที่เราตัดสินใจทำ Silent Hill เราต้องการที่จะสร้างมันจากเนื้อเรื่องของภาคที่ 2 ซึ่งเป็นธรรมชาติมากๆ เนื่องจากภาคที่ 2 นั้น เป็นภาคที่แฟนๆ ทุกคนชื่นชอบมากที่สุด อีกทั้งเป็นภาคที่สวยงามมากที่สุด และสร้างอารมณ์ได้มากที่สุดใน 4 ภาคอีกด้วย เกมเมอร์ทุกคนที่เล่นเกมนั้นจนจบ จะรู้ว่าผมกำลังพูดถึงอะไรอยู่ มันเป็นเกมที่ทั้งเศร้าและโรแมนติคมาก และยังเป็นการนำเอาตำนานของ Orpheus ที่เดินทางลงไปในนรกเพื่อตามหาคนรักอย่าง Eurydice มาใช้ได้อย่างโรแมนติคอีกด้วย แต่อย่างไรก็ตาม ในภาคนั้นอาจจะไม่ใช่ Silent Hill ที่แท้จริง ตัวเมืองทำหน้าที่เป็นเหมือนแบ็คกราวนด์ให้กับเนื้อเรื่อง แต่กลับไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับเรื่องตำนานต่างๆ เท่าไหร่นัก ดังนั้น เมื่อเราตัดสินใจที่จะทำภาพยนตร์ เราจึงได้รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้เลย ที่จะพูดถึงเรื่องราวของ Silent Hill โดยที่ไม่พูดถึงสาเหตุที่เมืองกลายเป็นแบบนั้นเลย เราจึงรู้ว่า ต้องนำเอาภาคแรกมาทำแทน[p]แน่นอนครับ เราได้เผชิญหน้ากับความจริงที่ว่า ตัวละครที่เราชื่นชอบทุกตัวนั้น ถูกออกแบบมาสำหรับเกมไม่ใช่สำหรับการแสดงโดยนักแสดงจริงๆ มันชัดเจนขึ้นเมื่อเราเริ่มเขียนสคริปต์และต้องเริ่มในส่วนของตัวละครหลักอย่าง Harry Mason หลังจากเริ่มขั้นตอนการเขียนสคริปต์ได้เพียง 2 อาทิตย์ เราจึงได้รู้ว่า ตัวละครอย่าง Harry นั้นมีแรงจูงใจมาจากความรู้สึกของสตรี จนเกือบจะเป็นความรู้สึกของการเป็นแม่ด้วยซ้ำ มันไม่ใช่ว่าเขามีลักษณะของความเป็นหญิงมากกว่าชาย แต่แสดงออกคล้ายผู้หญิงมากกว่า ดังนั้น หากเราต้องการเก็บลักษณะของตัวละครนี้ไว้ เราก็จำเป็นต้องเปลี่ยนองค์ประกอบด้านอื่นๆ ของเขา และเพื่อให้สมจริงกับตัวละคร เราจึงเปลี่ยนจาก Harry เป็นRose สิ่งที่สำคัญก็คือ ผู้คนที่ชื่นชอบ Silent Hill ให้ความสนใจกับอารมณ์และบรรยากาศของเกม มากกว่าการที่ตัวละครจะใส่กางเกงหรือกระโปรง[p]และเช่นกัน เมื่อเราตัดสินใจที่จะใช้ตัวละครอย่าง Cybil และ Dahlia เราพบว่ามันค่อนข้างยาก เพราะตัวละครทั้งสองปรากฎตัวในเกมค่อนข้างน้อย เมื่อคุณต้องทำเส้นโครงเรื่องสำหรับตัวละครทั้งสองนี้ คุณต้องทำงานหนักมากๆ เพื่อทำให้มันใช้ได้บนจอภาพยนตร์ ผมไม่อยากทำในสิ่งที่พวกเขาเคยทำกับ Resident Evil: Apocalypse เมื่อพวกเขานำ Jill Valentine ลงสู่จอเงิน มันเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนมาก ผมรัก Jill Valentine ในเกมแต่ไม่ใช่ในจอภาพยนตร์ ผมต้องขอโทษถ้าจะบอกว่า แค่การจับเด็กผู้หญิงมาแต่งตัวแบบ Jill ไม่ได้ทำให้เธอกลายเป็นตัวละครนั้น[b]EGM: คุณรู้สึกถึงความจำเป็นที่จะต้องอธิบายตำนานลึกลับของ Silent Hill อย่างชัดเจนให้กับคนดูไหม?[/b][color=blue][b]CG:[/b][/color] มันเป็นการปรับสมดุลย์ที่ละเอียดอ่อน เพราะในเกมนั้น เราเล่นตามตัวละครไปเพียงตัวเดียว และตัวละครนี้ก็ค่อยๆ พบเบาะแสที่เล่าถึงเรื่องราวของเกมทีละน้อย แต่ในภาพยนตร์ เราสามารถเปลี่ยนมุมมองได้ตลอดเวลาที่เราต้องการ เราสามารถนำเสนอเมือง Silent Hill ว่าเคยเป็นอย่างไรก่อนที่จะกลายเป็นเมืองผีสิงเราสามารถแสดงถึงสภาพของเมือง Silent Hill ในโลกแห่งความจริงได้อย่างชัดเจน ซึ่งเราไม่เคยเห็นมาก่อนในเกมนั้น มีเมือง Silent Hill อยู่ 2 แบบด้วยกัน คือ Silent Hill แห่งความมืด และ Silent Hill ที่เต็มไปด้วยไอหมอกแต่เมื่อคุณต้องเล่าเรื่องถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อ 30 ปีก่อนในเมืองๆ หนึ่ง และทันใดนั้น เมืองก็เปลี่ยนแปลงไป คล้ายสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า คุณต้องเพิ่มอีก 2 มิติเข้าไป คือ โลกแห่งความจริง และ Silent Hill เมื่อ 30 ปีก่อน ดังนั้นโดยพื้นฐานแล้ว เราต้องทำงานกับมิติทั้ง 4 และกระโดดไปมาระหว่างมิติเหล่านั้นเมื่อเราต้องการ ทำให้คอนเซ็ปต์น่าตื่นเต้นมาก มันต้องอาศัยความทุ่มเทมาก ในการเล่นกับเนื้อเรื่องที่ข้ามไปมาระหว่างรูปแบบที่ต่างกัน ของสถานที่เดียวกัน[b]EGM: Akira คุณรู้สึกอย่างไรบ้างกับสิ่งที่ Chrostophe เพิ่มเข้าไปให้กับโลกของ Silent Hill?[/b][color=blue][b]Akira Yamaoka:[/b][/color] หลังจากได้ดูภาพยนตร์แล้ว ผมคิดว่า Christophe ได้แสดงถึงองค์ประกอบหลักๆ ของ Silent Hill และยังรักษาภาพรวมของเกมไว้ในสื่อภาพยนตร์ได้อีกด้วย Silent Hill ไม่ได้เป็นเพียงแค่เกมสยองขวัญ แต่ยังมีละครชีวิตฝังรากลึกลงในเนื้อเรื่องอีกด้วย และผมรู้สึกว่าเขาถ่ายทอดส่วนนั้นได้ดีมากด้วยภาพ เสียง รวมถึงบรรยากาศในภาพยนตร์ และจากการชมภาพยนตร์เรื่องนี้ ผมรู้สึกว่าคุณจะเข้าใจเรื่องราวของ Silent Hill ได้กระจ่างและลึกมากยิ่งขึ้น มากกว่าการเล่นเกมเพียงอย่างเดียว[b]EGM: Christophe ในฐานะที่คุณเป็นแฟนเกม คุณเคยสนใจที่จะกำกับเกมบ้างหรือเปล่า?[/b][color=blue][b]CG:[/b][/color] ใช่ครับ ผมอยากจะลองทำดูซักวันนึง เพราะในฐานะที่เป็นผู้กำกับภาพยนตร์ที่เป็นนักเล่นเกม ผมคิดว่ามีสองทางที่แตกต่างกันที่จะบอกเล่าเรื่องราว และบางครั้ง มันสามารถเป็นเหมือนบทสนทนาระหว่างภาพยนตร์และเกมก็เป็นได้ ผมอยากยกตัวอย่างเช่น ผู้หญิงอายุ 40 อาจจะชื่นชอบภาพยนตร์ซักเรื่อง แล้วมารู้ทีหลังว่ามันเป็นเรื่องที่ดัดแปลงมาจากวิดีโอเกม ทีนี้ ผมไม่ได้คาดหวังให้ผู้หญิงคนนั้นหันมาเล่นเกม แต่หวังที่จะให้เธอรู้สึกได้ว่าเกมมีส่วนสำคัญ และเกมยังสร้างอารมณ์หลากหลายของมนุษย์ได้อีกด้วย ไม่ใช่แค่เฉพาะการฆ่าฟันเท่านั้นผู้คนส่วนมากมีมุมมองที่ค่อนข้างล้อเลียนหรือหัวเราะเยาะนักเล่นวิดีโอเกม แต่แท้ที่จริงแล้ว นักเล่นเกมนั้นฉลาดมาก[p]เกมนั้นเป็นรูปแบบนึงของศิลปะ ผมได้รู้ถึงข้อนั้นตอนที่ผมได้เล่น Silent Hill นี่เอง แน่นอนว่าผมเป็นแฟนตัวยงของผลงานจาก Shigeru Miyamoto (ผู้สร้าง Mario) และผมจัดให้เขาเป็นนักศิลปะที่แท้จริง หรืออย่างเช่นการเล่นเกม The Legend of Zelda ก็เป็นช่วงเวลาที่สวยงามและเป็นเหมือนบทกวีสำหรับผมทีเดียว ส่วนการเล่นSilent Hill นั้นค่อนข้างซีเรียส และแน่นอนว่าเหมาะสำหรับผู้ใหญ่มากๆ มันเป็นช่วงเวลาที่ทำให้ผมได้ตระหนักว่าการเล่นเกมจะกลายมาเป็นสื่อที่สำคัญอีกรูปแบบหนึ่งในการเล่าเรื่องราว เพราะประสิทธิภาพของการดึงผู้เล่นให้มีส่วนร่วมนั้น เป็นสิ่งที่ทำได้ยากในโรงภาพยนตร์ และผมรู้สึกว่ามันโง่มากๆ ที่หนังอย่าง Doom ออกมาฉายโดยที่สะท้อนจากตัวเกมได้แย่มาก[b]EGM: มันไม่ได้ช่วยอะไรเลย ตอนที่นักวิจารณ์หนังอย่าง Roger Ebert พูดว่า เกมไม่ใช่ศิลปะ[/b][color=blue][b]CG:[/b][/color] ช่างหัวเขาสิ ผมจะบอกกับเขาว่า ให้ลองไปอ่านคำวิจารณ์ที่ต่อต้านการทำโรงภาพยนตร์ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ดู มันถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นรูปแบบที่แย่ลงของการแสดงดนตรีสดบนเวที และนั่นเป็นช่วงเวลาที่ผู้กำกับซึ่งมีทัศนะวิศัยอย่าง D.W. Griffith ทำงานอยู่ นั่นหมายความว่า Ebert คิดผิด มันง่ายมาก คนส่วนมากที่เกลียดสื่อรูปแบบใหม่ๆ มักเป็นคนที่กลัวตาย พวกเขาจึงแสดงออกถึงความเย่อหยิ่งและความกลัวออกมาแบบนี้เขาจะได้รู้ว่าเขาคิดผิดเมื่อเวลาตายใกล้มาถึง มนุษย์เรานั้นโง่เขลา และยิ่งแย่ลงไปอีกเมื่อแก่ตัวลง ในแต่ละครั้งที่สื่อชนิดใหม่ๆ เกิดขึ้นมา ผมรู้สึกว่าเป็นสิ่งสำคัญมากที่จะให้ความเคารพกับมัน แม้ว่ามันอาจจะดูล้าหลังหรือเรียบง่ายเกินไปในตอนแรก เพราะอาจมีหลายคนที่กำลังหาค่าในตัวมันอยู่ ถ้าหากคุณรู้จักใครซักคนที่มองเห็นว่า Silent Hill หรือ Zelda เป็นผลงานที่มีความสวยงามเหมือนบทประพันธ์ แสดงว่าเกมนั้นมีความสำคัญไม่มากก็น้อย[b]EGM : คุณจัดการกับคอนเซ็ปต์ของความชั่วร้ายใน Silent Hill อย่างไร?[/b][color=blue][b]CG :[/b][/color] เนื่องจาก Silent Hill นั้น มาจากอีกส่วนนึงของโลกซึ่งเส้นแบ่งระหว่างความดีและความชั่วร้ายไม่ชัดเจนเหมือนทางฝั่งโลกตะวันตก มันจึงน่าสนใจมากที่จะจัดการกับเรื่องนั้น แต่เนื่องจากคุณยังไม่ได้ดูหนังเรื่องนี้ ผมจึงไม่อยากพูดลึกลงไปถึงรายละเอียดมากนัก แต่ผมจะบอกว่า สำหรับผมแล้ว มันน่าสนใจมากที่จะนิยามว่า อะไรคือสิ่งที่ชั่วร้ายในโลกปัจจุบันนี้ ผมว่ามันเป็นคำถามสำคัญที่น่าคิด ในช่วงก่อน 5 ปีที่แล้ว เราใช้ชีวิตอยู่ในโลกที่เป็นผลผลิตจากสงครามโลกครั้งที่ 2 มันเคยเป็นสิ่งที่ชัดเจนมาก ว่าเราอยู่ในฝ่ายที่ดีที่ถูกต้อง แต่หลังจากที่หลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นใน 2-3 ปีที่ผ่านมา ทำให้ผู้คนเริ่มไม่แน่ใจในสิ่งนั้นแล้ว[p]ใน Silent Hill ผมไม่ได้พยายามที่จะตอบคำถามเหล่านี้ แต่สิ่งที่ผมทำคือพยายามแสดงภาพประกอบให้กับคำถามเหล่านั้นต่างหาก และผมคิดว่า มันเป็นจุดมุ่งหมายที่สำคัญของหนังแนวสยองขวัญ ที่จะตั้งคำถามที่เหมาะสม ซึ่งจริงๆ แล้ว การทำหนังแนวนี้เป็นสิ่งที่ท้าทายมาก อีกทั้ง Silent Hill ยังเป็นเกมที่มีผลต่ออารมณ์หรือจิตใจมาก เพราะไม่เพียงแต่ตัวละครของคุณจะต้องอยู่ลำพังทางด้านร่างกาย แต่ยังอยู่อย่างเดียวดายทางด้านจิตใจอีกด้วย เหมือนกับโลกปัจจุบันนี้ ที่เราถูกบังคับให้ประเมิณค่าทางจิตใจของเราเองในแต่ละวัน[b]EGM: ดูเหมือนว่าคุณจะหลงใหลในงานนี้มาก คุณคาดหวังที่จะได้ทำภาคต่อไปบ้างไหม?[/b][color=blue][b]CG:[/b][/color] แน่นอนครับ ผมอยากจะกลับมาทำงานนี้อีกครั้ง และ Silent Hill 3 ก็ดำเนินเรื่องต่อจากภาคแรกโดยตรง ผมจึงคิดว่ามันเป็นไปได้สูงมากที่จะทำภาคต่อของหนังเรื่องนี้ อย่างที่ผมได้พูดไปแล้ว Silent Hill เป็นตำนานลึกลับที่สมบูรณ์ในตัวเอง และผมได้ทำในส่วนของผมเท่าที่จะทำได้ใน 2 ชั่วโมง แต่ผมยังอยากที่จะเล่าเรื่องราวอีกมากมายเกี่ยวกับพยาบาลในชุดแดง, Claudia, และหมอ รวมถึงมิติที่ 5 ของเมือง Silent Hill คือสภาพของเมืองที่ปรากฎอยู่ในช่วงศตวรรษที่ 18 ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับเหตุการณ์กวาดล้างแม่มดที่เมือง Salem (บริเวณใกล้กับเมือง Silent Hill ที่มีอยู่จริง) มันยิ่งใหญ่และน่าสนใจมาก จนผมอยากกลับมาทำงานนี้ต่ออีกครั้ง[b]EGM: คุณ Akira โปรเจ็คต์ภาพยนตร์เรื่อง Silent Hill ทั้งหมดนี้ มีความหมายอย่างไรกับคุณบ้าง?[/b][color=blue][b]AY:[/b][/color] ผมไม่เคยกล้าแม้แต่จะฝันว่า Silent Hill จะได้กลายมาเป็นภาพยนตร์ ดังนั้นผมคงต้องบอกว่าผมขอบคุณเป็นอย่างยิ่งสำหรับโอกาสที่ได้เข้ามาทำงานในโปรเจ็คต์ที่ยิ่งใหญ่แบบนี้ วิธีการที่เราใช้ในการสร้างเกมก็ไม่ได้แตกต่างกันเลย เราเองก็มีแรงผลักดันจากภาพยนตร์มากมาย และอยากเข้าถึงอารมณ์ของผู้เล่นเราอยากจะเข้าถึงจิตใจของพวกเขาอย่างลึกซึ้ง และศักยภาพทางอารมณ์แบบนั้น มักจะถูกเก็บไว้ใช้ในงานศิลปะทางด้านอื่นมากกว่า แต่ผมก็คิดว่าสามารถทำได้เช่นกัน และในตอนนี้ การได้เห็นผู้สร้างภาพยนตร์หลายคนรับเอาแรงบันดาลใจจากเกมของเรา มันเป็นช่วงเวลาที่น่าประทับใจสำหรับผมเช่นกัน[center][img]//img.online-station.net/image_content/2020/03/default-image.jpg[/img][color=red]พล็อตเรื่องดำเนินไปตามภารกิจของแม่ ที่ต้องตามหาลูกสาวชื่อ Alessa ที่หายไปในเมืองที่แปลกประหลาดที่มีชื่อว่า Silent Hill[/color][img]//img.online-station.net/image_content/2020/03/default-image.jpg[/img][color=red]Akira Yamaoka ผู้เรียบเรียง และ Christophe Gans ผู้กำกับ เตรียมพร้อมเผชิญหน้ากับบรรดาแฟนที่คลั่งไคล้ Silent Hill[/color][/center][color=red][b]ที่มา :[/b][/color] นิตยสารเกมคอนโซลikp Electronic Gaming Magazine