-
หน้าแรก
-
PC CONSOLE GAME
- "ซิม"เพื่อความมั่นคง สั่งคุมหมด กว่า20ล้านเครื่อง
"ซิม"เพื่อความมั่นคง สั่งคุมหมด กว่า20ล้านเครื่อง
[img]http://www.online-station.net/news/files/0504/1955_m001.jpg[/img][p]"ซิมการ์ด"เพื่อความมั่นคง สั่งคุมหมดมือถือระบบเติมเงิน 20 ล้านเครื่อง ทั้งพวกที่ใช้อยู่แล้วและที่จะซื้อใหม่ มาตรการเบื้องต้นนำเข้าครม.วันนี้ ต่อไปต้องขึ้นทะเบียนทั้งหมด ส่วนคนซื้อรายใหม่ต้องมีสำเนาบัตรประชาชนแสดงตน กระทรวงไอซีทีถกหน่วยงานความมั่นคงได้ข้อสรุปเตรียมเสนอนายกฯพิจารณาอีกครั้ง โดยจะใช้ทั่วประเทศไม่ใช่เฉพาะแค่ภาคใต้ ค่ายมือถือประกาศพร้อมให้ความร่วมมือ แต่ต้องรอหารือกับกระทรวงไอซีทีก่อน คอลเซ็นเตอร์ระงมลูกค้าโทร.ถามกันวุ่น[b]แม้วย้ำเดินหน้าแน่คุมซื้อซิมการ์ด [/b]เมื่อวันที่ 18 เม.ย. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงข้อเสนอให้จดทะเบียนผู้ที่ซื้อซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือ เพื่อแก้ปัญหาใช้มือถือเป็นรีโมตคอโทรลก่อเหตุระเบิดทางภาคใต้ว่าบอกในที่ประชุมครม.เมื่อวันที่ 12 เม.ย.ว่า ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที) หารือกับคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กทช.) ว่า จะทำอย่างไรกับการซื้อขายซิมการ์ดโทรศัพท์ที่คล่องตัวจนไม่สามารถตรวจสอบได้โดยเฉพาะเรื่องของความมั่นคง หากมีเหตุเกิดขึ้นยังสามารถย้อนไปตรวจสอบได้ เช่น บัตรประจำตัวใบเดียวในการซื้อ โดยรัฐจะไม่นำเอาข้อมูลอะไรใส่ลงไปยกเว้นเลขประจำตัว 13 หลัก ระบบเทคโนโลยีเวลาที่ส่งรหัสเข้าไปถ้าเป็นเครื่องที่รับอนุญาตให้ใช้แล้วคอมพิวเตอร์จะผ่านข้อมูลให้ใช้ และหากเติมข้อมูลเลขประจำตัว 13 หลัก จะเป็นไปได้หรือไม่ จึงให้ไปหารือว่าทำได้หรือไม่ เพราะทุกครั้งที่มีการส่งจะรู้ทันทีว่าซิมการ์ดนี้ซื้อโดยใคร [b]ยันไม่ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล[/b]นายกฯ กล่าวว่า อีกแนวทางหนึ่งคือซื้อซิมการ์ดและมีระบบบันทึกภาพไว้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดูว่าจะทำอย่างไรให้สะดวกรวดเร็ว และสามารถตรวจสอบย้อนกลับไปได้ว่าใครเป็นคนซื้อซิมการ์ด เพื่อให้การดูแลตรงนี้ดีขึ้น จะช่วยได้ดีมาก หากสามารถแก้ไขปัญหาซื้อขายที่คล่องตัว แต่สามารถตรวจสอบได้ ตนเชื่อว่าจะต้องมีวิธีทางออกร่วมกันได้ และต้องหาจุดพอดีเรื่องสิทธิส่วนบุคคล ความสะดวกก็ยังอยู่ ความมั่นคงของชาติก็ต้องไม่เสียหาย จะต้องมีกติกาที่มีความพอดีทำให้คนอยู่ร่วมกันไม่เดือดร้อน เมื่อถามว่ามาตรการดังกล่าวจะใช้ทั่วประเทศหรือเฉพาะ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า หากใช้มาตรการนี้เฉพาะบางพื้นที่จะทำให้เกิดปัญหาแอบซื้อจากที่หนึ่งแล้วส่งไปให้อีกที่หนึ่งซึ่งทำให้ลำบากขึ้น ขณะนี้ซื้อขายกันง่ายๆ และส่วนใหญ่ซื้อกันที่จ.ยะลา ไกลที่สุดซื้อที่อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เพราะฉะนั้น ถ้าจะทดลองนำร่องเป็นจุดๆ สามารถทำได้ เป็นเรื่องที่กระทรวงไอซีทีต้องหารือกับกทช.และองค์การโทรศัพท์ เพื่อพิจารณาความเหมาะสมและความเป็นไปได้[b]"ชิดชัย"ชี้คุมซิมการ์ด-ดักทางโจร[/b]พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย กล่าวภายหลังประชุมหน่วยงานความมั่นคง ว่า ที่ประชุมหารือถึงเรื่องจดทะเบียนในการซื้อซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือ โดยให้สมช.เสนอมาถึงตนเพื่อส่งผ่านไปยังนายกรัฐมนตรี โดยจะกำหนดหลักการซื้อซิมการ์ดให้ชัดเจนขึ้น เบื้องต้นจะขอสำเนาบัตรประชาชนของผู้ซื้อ นอกจากนี้ จะมีด้านเทคนิคที่จะใช้ดักทางพวกเหล่านี้ ซึ่งพูดในรายละเอียดไม่ได้ การจัดระเบียบซิมการ์ดถือเป็นหนึ่งในมาตรการการรักษาความปลอดภัย โดยมีมาตรการอื่นประกอบ มาตรการต่างๆ ที่ออกมาก็เหมือนจิ๊กซอว์ตัวหนึ่ง ทั้งหมดต้องมีจิ๊กซอว์อีกหลายตัว พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีมีข่าวว่า บริษัทผู้ขายซิมการ์ดวิพากษ์วิจารณ์แสดงความไม่พอใจว่า ตนเห็นด้วยว่าจริง เพราะความจริงภาครัฐเพียงแต่ขอทราบว่าใครเป็นผู้ซื้อเท่านั้น ไม่ได้จำกัดสิทธิส่วนบุคคล แค่ทำให้ซื้อยากหน่อยเท่านั้น ไม่ได้ไปแอบดักฟังแต่อย่างใด พ่อค้าอยากได้แต่กำไร กระทรวงกลาโหมเสนอว่าควรจะให้จดทะเบียนซื้อซิมในทุกๆ จังหวัด ไม่เฉพาะ 3 จังหวัดชายแดนเท่านั้น พล.ต.ท.ปานศิริ ประภาวัต ผบช.น.กล่าวว่า วันนี้จะประชุมที่กระทรวงไอซีที โดยให้พล.ต.ต.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น รองผบช.น.เข้าร่วมประชุม ส่วนการหาข่าวก็ทำมานานก่อนหน้าที่จะเป็นข่าว ตามสถานที่ขาย เช่น ศูนย์การค้าก็ขอความร่วมมือมาก่อนหน้านี้แล้ว ต้องรอภาพรวมในหน่วยใหญ่ว่าจะให้ปฏิบัติอย่างไรพล.ต.ต.กฤษฎากล่าวว่า มอบหมายให้พ.ต.อ.สาโรจน์ พรหมเจริญ รองผบก.น.8 พร้อมคณะทำงานที่มีความรู้เกี่ยวกับการตรวจสอบโทรศัพท์ไปประชุมร่วมกับรมช.ไอซีทีที่ กสท เวลา 13.30 น.ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสท และตัวแทนบริษัทค้าธุรกิจเกี่ยวกับอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือ กรอบที่จะประชุมเป็นเรื่องเกี่ยวกับการควบคุมการใช้ซิมการ์ด ซึ่งถ้ากำหนดให้ต้องแสดงหลักฐานในการซื้อได้จะดีมากและเอื้อประโยชน์ในการทำงานสืบสวนสอบสวนของตำรวจ [b]สรุปแล้วซื้อซิมต้องใช้บัตรปชช.[/b]เวลา 17.00 น. นายคณวัฒน์ วศินสังวร ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงไอซีที กล่าวหลังร่วมประชุมกับผู้เกี่ยวข้อง ถึงมาตรการจัดระเบียบโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบเติมเงิน(พรีเพด) ซึ่งประกอบด้วย ตัวแทนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กทช. บริษัท ทีโอที จำกัด(มหาชน) บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด(มหาชน) และสมาคมโทรคมนาคมแห่งประเทศไทยว่า ที่ประชุมได้กำหนดกรอบการจัดระเบียบซิมการ์ดในระบบเติมเงินทั้งหมดทั่วประเทศ โดยซิมการ์ดใหม่จะให้ผู้ที่ซื้อต้องแสดงตนด้วยการใช้สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก โดยในการแสดงตัวนั้นผู้จำหน่ายจะต้องตรวจสอบบุคคลที่ถือบัตรกับรูปถ่ายในบัตรต้องเหมือนกัน หรือให้กดเลขที่บัตรประจำตัว 13 หลักเพื่อเปิดการใช้งาน โดยส่งเข้าสู่ระบบของผู้ให้บริการ หลังจากเปิดบริการพนักงานบริการลูกค้าจะโทร.กลับเพื่อเช็คข้อมูลของผู้ใช้อีกครั้งว่าตรงกับที่ให้ไว้ตอนเปิดบริการหรือไม่นายคณวัฒน์กล่าวว่า สำหรับกรณีที่เป็นชาวต่างประเทศหากจะซื้อซิมให้มีการแสดงตนด้วยการแสดงหนังสื่อเดินทาง(พาสปอร์ต) ก่อนซื้อเพื่อเป็นการยืนยันบุคคล และเมื่อเปิดใช้งานแล้วทางผู้ให้บริการจะตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง ส่วนกรณีของเด็กที่ยังไม่มีบัตรประจำตัวประชาชนจะต้องให้ผู้ปกครองรับผิดชอบในการแสดงตัวแทน[b]คนที่ใช้อยู่แล้วก็ต้องแสดงตน[/b]นายคณวัฒน์กล่าวว่า ส่วนซิมการ์ดเก่าที่มีผู้ใช้บริการอยู่มากถึง 21.5 ล้านใบนั้น จะกำหนดให้ผู้ใช้บริการแสดงตนในเวลาที่เติมเงิน โดยให้ผู้ให้บริการจัดโปรโมชั่นจูงใจผู้ใช้บริการ ซึ่งเท่าที่ได้หารือกับทางภาคเอกชนเบื้องต้นผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือทุกรายพร้อมที่จะปฏิบัติตาม เนื่องจากผู้ประกอบการเองต้องที่จะทำฐานข้อมูลลูกค้าอยู่แล้ว และการแสดงตนของผู้ที่ใช้ซิมการ์ดแบบเติมเงินเก่าจะต้องทำให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน หากไม่แสดงตนก็จะยกเลิกบริการทันที อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมได้มอบหมายให้ทีโอที และ กสท ไปหารือกับผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ เพื่อหาข้อยุติ แนวทางการจัดระเบียบซิมการ์ดดังกล่าวจะมีผลหลังจากกระทรวงไอซีทีรายงานต่อที่ประชุมครม.วันที่ 19 เม.ย. เชื่อมั่นว่าการปฏิบัติตามกรอบดังกล่าวจะได้ผลแน่นอนนายคณวัฒน์กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังมีมาตรการสนับสนุนโดยให้เจ้าหน้าที่ด้านวิศวกร จากทีโอทีและ กสท ไปทำงานร่วมกับตำรวจสื่อสารเพื่อเฝ้าระวังในพื้นที่เสี่ยง โดยให้มีการเข้าร่วมทำงานในด้านตรวจสอบการใช้บริการหากมีการใช้มือถือจุดระเบิด ทั้งในด้านเทคนิคและการประสานไปยังผู้ให้บริการในการตรวจสอบเลขหมายที่ใช้จุดระเบิด ส่วนกรณีหากมีการปลอมแปลงเอกสารนั้นเชื่อว่าตำรวจสามารถสอบสวนสืบสวนหาความจริงได้ [b]ซื้อซิมการ์ดมากร้านแจ้งตร.ได้[/b]พล.อ.บุญเพ็ญ บำเพ็ญบุญ รองผบ.ตร.กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ ได้มีการประสานกับตัวแทนจำหน่ายขายซิมการ์ดให้ช่วยเป็นหูเป็นตาอีกทางหนึ่ง หากมีบุคคลที่ซื้อซิมมากกว่าปกติ สามารถแจ้งตำรวจตรวจสอบสาเหตุในการซื้อไปใช้งานได้ทันที สำหรับในกรณีของบุคคลที่ต้องสงสัยที่นำซิมของผู้อื่นไปใช้จุดระเบิด ตำรวจจะประสานกับทีโอที และ กสท ร่วมกันตรวจสอบ หากประชาชนซิมหายโปรดแจ้งตำรวจในพื้นที่ เพื่ออายัดซิมหมายเลขดังกล่าวด้วย เพื่อเป็นการป้องกันนำไปใช้งานในทางมิชอบ[b]2ค่ายมือถือยืนยันพร้อมร่วมมือ[/b]นายวิชัย เบญจรงคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด(มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่า ดีแทคพร้อมให้ความร่วมมือในทุกๆ ด้านกับทางกระทรวงไอซีทีในกรณีที่จะให้ผู้ประกอบการควบคุมการซื้อซิมการ์ดในระบบบัตรเติมเงิน แต่ทั้งนี้ต้องขอทราบรายละเอียดที่ชัดเจนก่อน วันนี้กระทรวงไอซีทีได้มีการประชุมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเท่านั้น ยังไม่ได้เรียกผู้ประกอบการเข้าไปพูดคุย คาดว่าน่าจะเป็นในวันพรุ่งนี้หรือวันมะรืนนี้ เพื่อหามาตรการร่วมกันว่าจะทำอย่างไรให้มีความรัดกุมเกี่ยวกับผู้ใช้บริการป้องกันไม่ให้นำโทรศัพท์มือถือไปใช้ก่อการร้ายได้ และสามารถนำไปปฏิบัติพร้อมๆ กันได้ทั่วประเทศ ซึ่งที่สำคัญคงจะไม่จำกัดเฉพาะ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะหากทำเช่นนั้นคงจะไม่มีประโยชน์อะไรด้วยซิมการ์ดมีวางจำหน่ายทั่วประเทศ"ดีแทคกำลังรอทางกระทรวงไอซีทีเรียกประชุมเพื่อหาแนวทางปฏิบัติ ซึ่งแนวทางดังกล่าวจะต้องไม่ทำให้ผู้ใช้บริการเดือดร้อนในส่วนของกลุ่มผู้ใช้บริการรายใหม่ และจะต้องทำอย่างไรกับผู้ใช้บริการเดิมกว่า 20 ล้านเลขหมายที่ก่อนหน้านี้ไม่ต้องนำหลักฐานใดๆ มาแสดงเวลาต้องซื้อซิมการ์ด นอกจากนี้ ยังต้องพูดคุยถึงว่าจะสื่อสารกับผู้บริโภคให้เข้าใจใหม่อย่างไรด้วย" นายวิชัยกล่าว ด้านนายฐิติพงศ์ เขียวไพศาล ผู้อำนวยการสำนักงานสายการตลาด บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด(มหาชน) หรือเอไอเอส กล่าวว่า คงยังพูดอะไรตอนนี้ไม่ได้มากนัก ต้องรอให้กระทรวงไอซีทีเรียกเข้าไปพูดคุยก่อน ซึ่งทางเอไอเอสเองอยากขอให้มาตรการออกมาชัดเจนก่อนจึงบอกได้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป แต่ยืนยันว่าพร้อมจะให้ความร่วมมือกับรัฐบาลและกระทรวงไอซีที[b]ตร.ปัตตานีดวลปืนโจรใต้[/b]ส่วนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังคงเกิดเหตุการณ์อย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเวลา 06.30 น. ร.ต.อ.หมัดอุสัน เส็นหีม สารวัตรเวรสภ.อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี รับแจ้งเหตุมีคนถูกยิง ที่ม.4 บ้านม่วงเตี้ย ต.ม่วงเตี้ย จึงนำกำลังไปตรวจสอบพบผู้บาดเจ็บคือนายธิรักษ์ บุญขวาง อายุ 25 ปี ราษฎรอาสา สถานีตำรวจยุทธศาสตร์ชุมชน ต.ม่วงเตี้ย ถูกยิงที่ขาซ้าย 1 นัด จึงนำส่งร.พ.ปัตตานี สอบสวนทราบว่าหลังจากออกเวร นายธิรักษ์ขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้าน ระหว่างทางมีคนร้าย 2 คน ขับรถจักรยานยนต์ตามประกบยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบชนิดจำนวน 5 นัด กระสุนถูกนายธิรักษ์ 1 นัด ได้รับบาดเจ็บดังกล่าว วันเดียวกัน เมื่อเวลา 08.25 น. ร.ต.อ.วิพัฒน์ สุวรรณรัฐ สารวัตรเวรสภ.อ.ยะรัง จ.ปัตตานี รับแจ้งเหตุมีเจ้าหน้าที่ตำรวจถูกลอบยิง ที่ม.2 บ้านบาโงตา ต.ปิตูมูดี จึงรุดไปที่เกิดเหตุซึ่งเป็นถนนคอนกรีตภายในหมู่บ้านพบด.ต.อำนาจ สุขกาญจนะ อายุ 42 ปี ตำรวจสื่อสารตำรวจภูธรปัตตานี พร้อมด้วยรถยนต์กระบะแค็บนิสสัน หมายเลขทะเบียน บง 7472 ยะลา ถูกยิงที่กระจกด้านหน้า-หลัง และตัวถังรถสิบกว่านัด โดยก่อนเกิดเหตุ ด.ต.อำนาจขับรถยนต์ออกจากบ้านที่บ้านวัด ต.เกาะหวาย เมื่อถึงที่เกิดเหตุมีคนร้าย 2 คน ดักซุ่มอยู่ข้างทาง ใช้อาวุธปืนอาก้ากราดยิงถูกกระจกและตัวถังรถ ด.ต.อำนาจได้ใช้อาวุธปืนเอ็ม-16 ยิงตอบโต้หลายนัด คนร้ายจึงวิ่งหลบหนีเข้าป่าสวนผลไม้ไป โดยด.ต.อำนาจไม่ได้รับบาดเจ็บ [b]ขยายผลจับแก๊งปล้นปืนทหาร[/b]รายงานข่าวแจ้งว่า จากกรณีเมื่อวันที่ 4 เม.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จับกุมนายมะซูกี เซ็ง ที่ต.ลำภู อ.เมือง จ.นราธิวาส พร้อมยึดอาวุธปืนเอ็ม-16 จำนวน 2 กระบอก ซึ่งถูกปล้นมาจากกองพันพัฒนาที่ 4 อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 4 ม.ค.47 ก่อนนำตัวไปสอบสวนเพิ่มเติม จนทราบว่าหลังเหตุการณ์ปล้นปืนของกลุ่มนายมะซูกี นำโดยนายกามารุสมัน หรือกามัน ไปรับปืนเอ็ม-16 ที่จุดซ่อนปืนบริเวณ ต.กะลูวอเหนือ อ.เมือง จ.นราธิวาส จำนวน 7 กระบอก เพื่อแจกจ่ายแก่สมาชิก ขณะนี้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายอยู่ระหว่างตรวจสอบและขยายผล เกี่ยวกับอาวุธปืนที่ถูกปล้นไปจากกองพันพัฒนาที่ 4 ว่าไปเก็บซ่อนและแจกจ่ายให้กับสมาชิกในพื้นที่ใดบ้าง[b]ส.ว.ย้ำสิทธิประชาชน[/b]นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว.กทม. ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่รัฐบาลจะให้บันทึกรายละเอียดของผู้ซื้อซิมการ์ดโทรศัพท์เพื่อป้องกันการก่อการร้ายว่า ปัจจุบันการซื้อโทรศัพท์เจ้าของบัตรประชาชนที่แท้จริงบางครั้งยังไม่รู้ตัวว่ามีคนนำสำเนาบัตรของตัวเองไปใช้ เพราะสำเนาบัตรประชาชนปลอมกันง่าย ถ้าจะนำบัตรประชาชนมาซื้อซิมการ์ดต้องใช้บัตรประชาชนจริงๆ ตนยังไม่แน่ใจการควบคุมบัตรซิมการ์ดจะสามารถตรวจสอบย้อนหลังได้หรือไม่ ถ้าตรวจสอบย้อนหลังได้จะหาต้นตอได้มากขึ้น แต่ถ้าตรวจสอบไม่ได้คงมีปัญหาต่อไป ด้านนายสมพงษ์ สระกวี ส.ว.สงขลา ประธานคณะกรรมาธิการการงบประมาณ วุฒิสภา กล่าวว่า ตนสนับสนุนให้ใช้เทคโนโลยีมากที่สุด เมื่อเทคโนโลยีเข้ามาก่อปัญหา เราควรใช้เทคโนโลยีมาตรวจสอบ เช่น ระบบดาวเทียม การใช้บัตรสมาร์ทการ์ด แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานสิทธิเสรีภาพ และความเสมอภาค ไม่ใช่แบ่งแยกคน เช่น การประกาศกฎอัยการศึก ถือเป็นเรื่องเก่า ล้าสมัย และไม่เคารพสิทธิ ทั้งนี้ไม่เห็นด้วยกับการห้ามซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ เพราะคนที่ใช้รถมีทะเบียนอยู่ในคอมพิวเตอร์อยู่แล้ว หรือดักฟังโทรศัพท์ ถือเป็นการแก้ไขปัญหาที่ล้าสมัย อย่างไรก็ตาม ตนเห็นด้วยกับหลายเรื่องที่รัฐบาลทำ แต่รัฐบาลไม่ควรบอกว่าจะทำอะไรบ้าง [b]คอลเซ็นเตอร์ระงมถามกันวุ่น[/b]ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากกระทรวงไอซีทีประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและจะเสนอครม.วันที่ 19 เม.ย. เพื่อเห็นชอบการจัดระเบียบการซื้อโทรศัพท์ระบบเติมเงินต้องมีสำเนาบัตรประชาชาแสดงตน ปรากฏว่ามีการตื่นตัวจากประชาชนที่ใช้โทรศัพท์ในระบบนี้จำนวนมาก มีการโทรศัพท์เข้าไปสอบถามที่คอลเซ็นเตอร์หรือศูนย์บริการลูกค้าของแต่ละบริษัทตลอดทั้งวันที่ 18 เม.ย. โดยเฉพาะค่ายเอไอเอสมีลูกค้าโทร.เข้าไปนับร้อยคน ส่วนใหญ่จะสอบถามรายละเอียดว่าหลังจากรัฐบาลบังคับในเรื่องดังกล่าวแล้ว จะต้องทำอย่างไรบ้าง หากไม่ปฏิบัติตามจะมีความผิดหรือไม่ เมื่อพนักงานของเอไอเอสได้ชี้แจงมติของกระทรวงไอซีทีที่เสนอครม.เห็นชอบให้ทราบ ลูกค้าส่วนใหญ่ก็ยินดีให้ความร่วมมือ ขณะที่ค่ายดีแทค ยังมีลูกค้าโทรศัพท์เข้าไปสอบข้อมูลไม่มากนัก แต่ทางดีแทคได้เตรียมการประชาสัมพันธ์ไว้พร้อมแล้วหากครม.เห็นชอบก็จะส่งข้อความทางเอสเอ็มเอส และวิธีอื่นๆ เพื่อแจ้งให้ลูกค้าทราบทันที และบริษัทมือถือทั้งสองค่ายก็เตรียมรับมือกับลูกค้าที่จะโทรศัพท์เข้ามาสอบถามเพิ่มเติมในวันที่ 19 เม.ย. หลังครม.มีมติออกมาแล้ว [b]แหล่งข่าวจาก:[/b] [color=#ec0000][/color][url]http://www.matichon.co.th/khaosod[/url]