[b][color=#c80000]]กิจกรรม RO Ayutthaya Bicycle Rally[/color][/b][p]มกราคมนี้ มาร่วมต้อนรับวารดิถีขึ้นปีใหม่กับทีมงาน Thai Ragnarok Online ด้วยกิจกรรม [color=#c80000]RO Ayutthaya Bicycle Rally[/color] ที่คราวนี้ เราจะพาเพื่อน ๆ ไปร่วมแกะรอยประวัติศาสตร์กรุงเก่า พระนครศรีอยุธยา โดยขี่จักรยานท่องเที่ยวชมโบราณสถาน แห่งความทรงจำและสัมผัสบรรยากาศของอารยธรรมเมื่อครั้งอดีต [p]กติกาการร่วมสนุกกับกิจกรรม RO Ayudhaya Bicycle Rally นั้นก็ไม่ยาก เพียงแค่เข้ามาสมัครเข้าร่วมกิจกรรมทางเว็บไซต์ในหน้าข่าวพร้อมกรอกข้อมูลในแบบฟอร์มที่กำหนด [color=#c80000]ในระหว่างวันที่ 4 - 17 มกราคม 2548[/color] เพื่อน ๆ ก็อาจจะได้เป็น 1 ใน 60 ผู้เล่นที่จะได้ไปขี่จักรยานเที่ยวชม และเรียนรู้อดีตอันยิ่งใหญ่ของโบราณสถานสำคัญ ณ กรุงเก่าพระนครศรีอยุธยากับเราใน วันเสาร์ที่ 22 มกราคม 2548 ^o^[a=https://morroc.ragnarok.in.th/event/ro_bcRally/login.asp][img]http://news.ragnarok.in.th/NewsCMS/Docs/join.gif[/img][/a][img]http://www.ragnarok.in.th/event/RO_Ayuttaya_Tour/images/str_02.gif[/img][b][color=#c80000]กำหนดการกิจกรรม RO “Ayutthaya Bicycle Rally[/color][/b][color=#c80000]วันเสาร์ที่ 22 มกราคม 2548[/color] • 09.00 น. ผู้ได้รับการคัดเลือก 60 ท่านมาทำการลงทะเบียน ณ บริษัท เอเชียซอฟท์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด อาคาร UM Tower• 10.00 น. ออกเดินทางไปยังจังหวัดพระนครศรีอยุธยา• 12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน ณ คุ้มขุนแผน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา• 13.00 น. นมัสการพระพุธรูปวิหารพระมงคลบพิตร• 13.30 น. เริ่มกิจกรรม RO “Ayutthaya Bicycle Rally” ปั่นจักรยานชมกรุงเก่าพระนครศรีอยุธยา • 16.00 น. จบกิจกรรม RO “Ayutthaya Bicycle Rally” ผู้เข้าร่วมกิจกรรมจะได้แวะจับจ่ายซื้อของที่ระลึก ณ ศูนย์สินค้าของที่ระลึกพระมงคลบพิตร• 17.00 น. เดินทางไปล่องเรือรับประทานอาหารเย็น และชมทัศนียภาพริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา• 18.30 น. เดินทางกลับกรุงเทพมหานคร• 20.30 น. เดินทางกลับถึงบริษัท เอเชียซอฟท์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด อาคาร UM Tower โดยสวัสดิภาพ[img]http://www.ragnarok.in.th/event/RO_Ayuttaya_Tour/images/str_02.gif[/img][b][color=#c80000]เงื่อนไขการเข้าร่วมกิจกรรม[/color][/b]1. ผู้เข้าร่วมกิจกรรมต้องเป็นผู้ที่ลงทะเบียนเล่นเกม Ragnarok Online 2. ผู้เข้าร่วมกิจกรรมจะต้องไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือเป็นพนักงานของบริษัท Asiasoft International 3. ผู้เข้าร่วมกิจกรรมจะต้องสามารถขี่จักรยานได้4. ผู้เข้าร่วมกิจกรรมตกลงและยินยอมให้เอเชียซอฟท์ และผู้ให้การสนับสนุนนำข้อมูล หรือภาพถ่ายใดๆ ที่ได้จากงานกิจกรรม รวมทั้ง ข้อมูลอื่นใดที่เกี่ยวข้องไปทำซ้ำ ตีพิมพ์หรือเผยแพร่ ผ่านสื่ออินเตอร์เน็ต หรือสื่ออื่นใดทุกชนิดทุกประเภทได้ โดยไม่คิดค่าตอบแทนรวมทั้งจะให้ ความร่วมมือกับเอเชียซอฟท์ หรือตัวแทนของเอเชียซอฟท์ในทุกด้าน เพื่อช่วยโฆษณา ประชาสัมพันธ์กิจกรรมของเอเชีย-ซอฟท์ หรือของผู้ให้การสนับสนุนกิจกรรมนี้ 5. บริษัท ขอสงวนสิทธิในการเปลี่ยนแปลงรางวัลที่ได้ประกาศไว้ ตามที่เอเชียซอฟท์เห็นสมควร โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า โดยผู้เข้าร่วมกิจกรรมที่ได้รับรางวัล จะไม่สามารถเรียกร้องค่าชดเชย หรือขอแลกเปลี่ยนเป็นเงินสด หรือทรัพย์สินอื่นใดแทนได้ในทุกกรณีทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมกิจกรรมจะไม่สามารถโอนสิทธิ ในการได้รับรางวัลไปให้แก่บุคคลอื่นได้ [img]http://www.ragnarok.in.th/event/RO_Ayuttaya_Tour/images/str_02.gif[/img][b][color=#c80000]ขั้นตอนในการสมัครเข้าร่วมกิจกรรม[/color][/b]1. ในระหว่างวันที่ 4 – 17 มกราคม 2548 ผู้เล่นสามารถทำการสมัครเข้าร่วมกิจกรรม RO “Ayutthaya Bicycle Rally” ได้ในหน้าข่าวกิจกรรม 2. ให้ผู้เล่นทำการระบุ ID และ Password ในการเล่นเกม Ragnarok Online เพื่อ Login เข้าสู่หน้าลงทะเบียนสมัครเข้าร่วมกิจกรรม3. ผู้เล่นจะต้องทำการกรอกรายละเอียดต่างๆ รวมทั้งตอบแบบสอบถามตามที่ทางทีมงานได้ระบุไว้ให้ครบถ้วนแล้ว คลิกปุ่ม Submit เพื่อส่งข้อมูลเข้าสู่ระบบ4. เมื่อสิ้นสุดกำหนดการรับสมัคร ทีมงานจะทำการสุ่มหาผู้เข้าร่วมกิจกรรมทั้งหมด 60 ท่าน 5. ทีมงานจะติดต่อไปยังผู้ได้รับการคัดเลือกเข้าร่วมกิจกรรม 60 ท่าน เพื่อแจ้งรายละเอียดกิจกรรม ภายในวันที่ 18 – 20 มกราคม 25486. ทีมงานจะทำการประกาศรายชื่อผู้เข้าร่วมกิจกรรม 60 ท่าน ในวันที่ 21 มกราคม 2548 ที่หน้าข่าวกิจกรรมในเว็บไซต์ Thai Ragnarok Online[img]http://www.ragnarok.in.th/event/RO_Ayuttaya_Tour/images/str_02.gif[/img][b][color=#c80000]ระยะเวลาในการสมัครเข้าร่วมกิจกรรม[/color][/b][color=#c80000]วันที่ 4 – 17 มกราคม 2548[/color][img]http://www.ragnarok.in.th/event/RO_Ayuttaya_Tour/images/str_02.gif[/img][b][color=#c80000]ประกาศรายชื่อผู้ได้เข้าร่วมกิจกรรม[/color][/b][color=#c80000]21 มกราคม 2548 (ผู้เข้าร่วมกิจกรรม 60 ท่าน จะได้รับการติดต่อกลับจากเจ้าหน้าที่ ภายในวันที่ 18 – 20 มกราคม 2548)[/color][img]http://www.ragnarok.in.th/event/RO_Ayuttaya_Tour/images/str_02.gif[/img][b][color=#c80000]รู้จักอยุธยากับ RO Ayutthaya Bicycle Rally[/color][/b][img]http://www.online-station.net/news/files/0501/1308_001.jpg[/img][p]ตลอดระยะเวลา 417 ปี ที่กรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีแห่งราชอาณาจักรไทย มิได้เพียงเป็นช่วงแห่งความเจริญสูงสุดของชนชาติไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างสรรค์อารยธรรมของหมู่มวลมนุษยชาติ ซึ่งเป็นที่ประจักษ์แก่นานาอารยประเทศอีกด้วย แม้ว่ากรุงศรีอยุธยาจะถูกทำลายเสียหายจากการสงครามจากประเทศเพื่อนบ้าน และจากน้ำมือการบุกรุกขุดค้นของพวกเรากันเองแล้ว ส่วนที่ปรากฎในปัจจะบันนี้ยังมีร่องรอยหลักฐานซึ่งแสดงให้เห็นอัจฉริยภาพ และความสามารถยิ่งใหญ่ ของบรรพบรุษแห่งราชอาณาจักร ผู้อุทิศตนสร้างสรรค์ความเจริญรุ่งเรืองทางศิปวัฒนธรรม และความมั่งคั่งไว้ให้แห่ผืนแผ่นดินไทย หรือแม้แต่ชาวโลกทั้งมวล ซึ่งเป็นที่น่ายินดีว่า ยูเนสโก้ (UNESCO) โดยคณะกรรมการมรดกโลก ได้มีมติรับนครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ซึ่งมีอาณาเขตครอบคลุมอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งใจกลางกรุงศรีอยุธยา ได้รับการจัดตั้งเป็นอุทยานประวัติศาสตร์ มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2519 ไว้ในบัญชีมรดกโลกซึ่งในกิจกรรม RO Ayutthaya Bicycle Rally นี้ เพื่อนๆ ชาว RO ทั้งหมด 60 ท่านจะได้ไปศึกษาและเยี่ยมชมสถานที่แห่งประวัติศาสตร์อันสวยงามและน่าสนใจมากมายในเมืองหลวงเก่าโดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ [color=#c80000]วิหารพระมงคลบพิตร[/color] [p]วิหารพระมงคลบพิตร ตั้งอยู่ทางด้านทิศใต้ของวัดพระศรีสรรเพชญ์ ใช้เส้นทางเดียวกับทางไปคุ้มขุนแผน วิหารพระมงคลบพิตรจะอยู่ถัดไปไม่ไกลนักพระมงคลบพิตรเป็นพระพุทธรูปบุสัมฤทธิ์ปางมารวิชัย มีขนาดหน้าตักกว้าง ๙.๕๕ เมตรและสูง ๑๒.๔๕ เมตร นับเป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่องค์หนึ่งในประเทศไทย ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าสร้างในสมัยใด สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น ราวแผ่นดินสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถเมื่อ พ.ศ.๒๑๔๕ สมเด็จพระเจ้าทรงธรรมโปรดเกล้าฯให้ย้ายจากทิศตะวันออกนอกพระราชวังมาไว้ทางด้านทิศตะวันตกที่ประดิษฐานอยู่ในปัจจุบัน และโปรดเกล้าฯให้ก่อมณฑปสวมไว้ ในสมัยสมเด็จพระเจ้าเสือผ่าลงมาไหม้เครื่องบนพระมณฑปเกิดไฟไหม้ทำให้ส่วนบนขององค์พระมงคลบพิตรเสียหายจึงโปรดเกล้าฯให้ซ่อมแซมใหม่ แปลงหลังคายอดมณฑปเป็นหลังคาพระวิหารธรรมดาแทนในคราวเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ ๒ วิหารพระมงคลบพิตรถูกไฟไหม้ รัชกาลที่ ๕ โปรดเกล้าฯให้การปฏิสังขรณ์ใหม่ สำหรับบริเวณข้างวิหารพระมงคลบพิตรทางด้านทิศตะวันออกแต่เดิมเป็นสนามหลวง ใช้เป็นที่สำหรับสร้างพระเมรุพระบรมศพของพระมหากษัตริย์และเจ้านายเช่นเดียวกับท้องสนามหลวงของกรุงเทพฯ[img]http://www.online-station.net/news/files/0501/1308_002.jpg[/img][color=#c80000]คุ้มขุนแผน[/color] [p]คุ้มขุนแผน ตั้งอยู่ที่ถนนป่าโทน เป็นตัวอย่างของหมู่เรือนไทยภาคกลาง ในรูปแบบเรือนคหบดีไทยสมัยโบราณ เดิมเป็นจวนสมุหเทศาภิบาล มณฑลกรุงเก่า พลตรีพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมขุนมรุพงศ์สิริพัฒน์ทรงสร้างขึ้นในปีพ.ศ.๒๔๓๗ที่เกาะลอยบริเวณสะพานเกลือซึ่งอยู่ตรงข้ามกับที่ว่าการมณฑล ต่อมาในราวปี พ.ศ. ๒๔๘๓ ปรีดี พนมยงค์ นายรัฐบุรุษอาวุโสได้ย้ายจวนหลังนี้มาสร้างในบริเวณคุกนครบาลเก่าของพระนครศรีอยุธยา พร้อมทั้งสร้างเรือนไทยเพิ่มขึ้นอีก ในปี พ.ศ.๒๔๙๙ และให้ชื่อเรือนไทยนี้ว่า คุ้มขุนแผนซึ่งเชื่อกันว่าขุนแผนเคยต้องโทษอยู่ในคุกแห่งนี้ การเดินทาง หากมาจากกรุงเทพฯ เข้าตัวเมืองอยุธยาแล้วให้ข้ามสะพานสมเด็จพระนเรศวรมหาราชตรงไปจนถึงศาลากลางจังหวัดหลังเดิม จะเห็นสามแยกแล้วเลี้ยวขวาตรงไปไม่ไกลนักจะเห็นคุ้มขุนแผนอยู่ทางซ้ายมือ[color=#c80000]วัดโลกยสุธาราม [/color][p]วัดโลกยสุธาราม หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า วัดพระนอน ไม่ปรากฎหลักฐานว่าใครเป็นผู้สร้าง แต่การศึกษาจากรูปแบบของสถาปัตยกรรมที่ปรากฎภายในวัด พบว่า มีอายุการสร้างมาตั้งแต่ อยุธยาตอนต้น กล่าวคือ ปรางค์ประธานมีโครงสร้าง และ ลักษณะของลวดรายปูนปั้นแบบปรางค์ที่สร้างขึ้น ในสมัยอยุธยาตอนต้น ปรากฎรองรอยการบูรณะปฎิสังขรณ์ ต่อมาในสมัยหลัง โดยการก่อพอกทับบริเวณหลังคาปรางค์ ทางด้านหลังของ ปรางค์ประธานเป็นที่ตั้งของพระอุโบสถ ซึ่งปรากฎรองรอยว่ามีการสร้างทับซ้อนกันอย่างน้อย 3 ครั้ง ทางด้านหน้าปรางค์ ประธานเป็นที่ตั้งของพระวิหารจำนวน 3 หลัง ท้ายวิหารหลวงยื่นเข้ามาภายในระเบียงคต เช่น เดียวกับแผงผังของพระอารามหลวง ในสมัยอยุธยาตอนต้น การส่วนอยุธยาตอนต้น ส่วนทางด้านทิศตะวันตกของวัด เป็นที่ตั้งของพระวิหารซึ่งภายในประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ ซึ่งพระพุทธไสยาสน์นี้ได้รับบูรณะ โดยคณะโรงสุรา(ชื่อเดิม) กรมสรรพสามิต รวมกับกรมศิลปากร [img]http://www.online-station.net/news/files/0501/1308_003.jpg[/img][color=#c80000]วัดเชิงท่า[/color][p]วัดเชิงท่า เป็นวัดสำคัญอีกวัดหนึ่ง อยู่นอกเกาะเมืองด้านเหนือของคลองเมือง (แม่น้ำลพบุรีเก่า) หรืออยู่ห่างจากวัดหน้าพระเมรุประมาณ 300 เมตร ปัจจุบันมีพระสงฆ์จำพรรษา ตั้งอยู่หมู่ที่ 3 ตำบลท่าวาสุกรี อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยไม่ปรากฏหลักฐานว่าใครเป็นผู้สร้าง เป็นวัดที่มีมาตั้งแต ่ ปี พ.ศ. 1900 เดิมเรียกว่า วัดตีนท่า เพราะตั้งอยู่ตรงตีนท่าตรงกับวัดพุทไธศวรรย์ตามแนวคลองท่อ วัดเชิงท่าได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์โดยพระยาโกษาปาน ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น วัดโกษาวาสและได้บูรณะปฏิสังขรณ์อีกในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าบรมโกศ [color=#c80000]วัดมหาธาตุ[/color][p]วัดมหาธาตุ เป็นวัดที่มีความสำคัญตั้งอยู่กลางเมืองสุโขทัย ประกอบด้วยโบราณสถานต่างๆ สร้างมาแต่ครั้งสมัยก่อนการตั้งอาณาจักรจนถึงสมัยที่สุโขทัย ตกอยู่ภายใต้การปกครองของอาณาจักรอยุธยา ในพุทธสตวรรษที่ 21 โบราณสถานที่สำคัญ คือ เจดีย์ประธานทรงดอกบัวตูมซึ่งเป็นรูปลักษณ์เฉพาะของสถาปัตยกรรมสมัยสุโขทัย พบเห็นได้โดยทั่วไปในสุโขทัย ศรีสัชนาลัย กำแพงเพชร และเมืองบริวารอื่นๆ ด้านหน้าองค์เจดีย์ประธานหรือทางทิศตะวันออกของวัดเป็นวิหารหลวง เคยเป็นที่ประดิษฐานพระศรีศากยะมุนี (ปัจจุบันประดิษฐานในพระวิหารหลวงวัดสุทัศน์เทพวราราม กรุงเทพมหานคร) ซึ่งปัจจุบันเหลือเพียงเสากลมขนาดใหญ่ ภายในอาคารเรียงกันอยู่อย่างสง่างาม และเป็นระเบียบ ในวิหารหลวงนี้ได้พบหลักฐานที่สำคัญ คือศิลาจารึกหลักที่45 หรือที่เรียกว่าจารึกปู่สบถหลาน หรือจารึก ปู่ขุนจิต ขุนจอด[img]http://www.online-station.net/news/files/0501/1308_004.jpg[/img][color=#c80000]วัดธรรมิกราช[/color][p]วัดธรรมิกราช เป็นวัดสงฆ์มหานิกาย เดิมชื่อวัดมุขราช เมื่อพระเจ้าสายน้ำผึ้งสร้างวัดพนัญเชิงนั้น พระราชโอรส คือ พระเจ้าธรรมิกราชโปรดให้สร้างวัดนี้ขึ้นที่บริเวณเมืองเก่าชื่อเมืองสังขบุรี ก่อนสร้างกรุงศรีอยุธยา พระมหากษัตริย์องค์ต่อมาได้ทรงบูรณะมาโดยตลอด ในสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลก นาถทรงธรรม (พ.ศ.๒๑๕๓) ทรงบูรณะวัดและสร้างวิหารหลวง เพื่อฟังธรรมในวันธรรมสวนะ และที่วิหารหลวงแห่งนี้ เคยเป็นที่ประดิษฐานของ เศียรพระพุทธรูปหล่อสัมฤทธิ์ศิลปะ สมัยอู่ทอง ปัจจุบันกรมศิลปากรนำไปไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาต ิเจ้าสามพระยา สำหรับวิหารพระพุทธไสยาสน์นั้น พระราชมเหสีของพระองค์ทรงสร้างพระวิหารถวายตามคำอธิษฐาน ที่ขอให้พระราชธิดาทรงหายประชวรไว้ทางหน้าประตูด้านทิศเหนือของพระเจดีย์สิงห์ล้อม ๕๒ ตัว ที่แตกต่างไปจากเจดีย์ช้างล้อม พระพุทธไสยาสน์มีความยาว ๑๒ เมตรหันพระพักตร์ไปทางทิศเหนือ ที่ฝ่าพระบาทปิดทองประดับกระจกประธานแต่ชำรุดเสียหายหมดคงเหลือแต่ฐานพระประธาน [color=#c80000]วัดพระเมรุ[/color][p]ตั้งอยู่บริเวณถนนเพชรเกษม ตำบลห้วยจระเข้ เขตอำเภอเมือง ห่างจาก พระปฐมเจดีย์ไปทางทิศใต้ประมาณ 1 กิโลเมตร เป็นวัดเก่าแก่่ขนาดใหญ่สมัยทวารวดี ที่มีสภาพปรักหักพังเหลือเพียงแต่ซากเจดีย์เท่านั้น วัดพระเมรุเป็นวัดสำคัญวัดหนึ่งของเมืองนครชัยศรี มีรูปทรงเดิมเป็นเจดีย์ทรงกลม ตามอิทธิพลศิลปะคุปตะของอินเดีย ต่อมาได้มีการดัดแปลงเป็น เจดีย์ฐานสี่เหลี่ยม ตามอิทธิพลของ คติมหายานสมัยปาละที่เมืองนครชัยศรีรับผ่านมาจากศรีวิชัย นอกจากนี้ ยังมีการสร้างซุ้มคูหาไว้สำหรับ ประดิษฐานพระพุทธรูปศิลาขนาดใหญ่กว่า 3 เท่าคนประทับนั่งห้อยพระบาทปางปฐมเทศนาไว้ทั้ง 4 ทิศ ปัจจุบัน ได้ประดิษฐานอยู่ที่ ลานลดด้านทิศใต้ของพระปฐมเจดีย์ 1 องค์ อีก 2 องค์ อยู่ที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติเจ้าสามพระยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยาและพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติกรุงเทพฯ