Neverness to Everness ผจญภัยในเมืองใหญ่ขุมพลัง Unreal Engine 5

ในปัจจุบันตลาดเกม RPG Free-to-Play นั้นอาจจะสามารถบอกได้ว่าเป็น Red Ocean ขนาดย่อมๆ เลยนะครับ เราเห็นเกมมากมายที่เปิดให้บริการในแนวทางนี้ อย่าว่าแต่ทั่วโลกเลย แค่เฉพาะในไทยก็เยอะจนเล่นกันไม่หวาดไม่ไหวแล้ว แต่เพราะแบบนั้น เพราะมีตลาดที่แข็งแกร่งรองรับนี่แหละ ทำให้แม้ว่าจะมีเจ้าตลาดอยู่แต่หลายเกมก็ยังคงมองเห็นโอกาสและขอกระโจนเข้ามาลองของสมรภูมินี้ดูสักตั้ง ซึ่งจากที่เราได้เห็นๆ มา มันก็มีหลายกรณีที่เป็นเครื่องพิสูจน์ได้เช่นกันว่าถ้าหากเกมของคุณดีจริง และมีจุดเด่นที่ไม่เหมือนใคร ตลาดเกมแนวนี้ก็ยังคงมีที่ว่างให้เกมเหล่านั้นสอดแทรกและพร้อมจะเติบโตอยู่เสมอๆ

และ Neverness to Everness คือผู้ที่กำลังจะเปิดตัวลงสู่สมรภูมิสุดเดือดแห่งนี้รายล่าสุด ด้วยคุณภาพเกมที่แตกต่างและกราฟิกสุดเหนือล้ำกับขุมกำลัง Unreal Engine 5 ที่จะทำให้ทุกวิวทิวทัศน์สวยสดและคมชัดอย่างไม่เคยพบเคยเจอมาก่อน พร้อมเกมเพลย์ที่มาในธีมผจญภัยในเมืองซึ่งเต็มไปด้วยความลึกลับและผู้มีพลังพิเศษ บอกเลยว่า Neverness to Everness จะเป็นเกมที่น่าจับตามองในตลาดเมื่อมัน Launch อย่างไม่ต้องสงสัย ส่วนเกมนี้จะมีอะไรเด่นๆ บ้างนั้นก็ มาดูกันเลย

โลกที่มนุษย์อยู่ร่วมกับเหตุลี้ลับและสิ่งพิศวง

Neverness to Everness เป็นเกมที่มีเซ็ตติ้งอยู่ในมหานครที่ชื่อว่า “เฮเทอโร” นี่คือเมืองที่มีความโมเดิร์นทันสมัย มหานครขนาดใหญ่ศูนย์รวมความเจริญของมนุษยชาติ แต่ขณะเดียวกันเมืองนี้ก็มีสิ่งพิศวงเกิดขึ้นกระจายตัวอยู่ทั่วไปเช่นกัน และการพบเจอกับอะไรเหล่านี้ในชีวิตประจำวันนั้นก็ไม่ใช่เรื่องผิดแปลกอะไร แม้อาจจะเป็นภัยอยู่บ้าง แต่มนุษย์ก็ปรับตัวและอาศัยอยู่ร่วมกับความเอาแน่เอานอนไม่ได้พวกนี้เรียบร้อย เพราะเมื่อไหร่ที่สิ่งพิศวงเกิดเฮี้ยนอาละวาดขึ้นมาและก่อความวุ่นวาย เมื่อนั้นก็จะเป็นหน้าที่ของกลุ่มคนที่ถูกเรียกว่า “เอสเปอร์” เข้ามาจัดการ

เอสเปอร์ ผู้พิทักษ์มหานคร กลุ่มคนต้านภัยร้ายจากสิ่งพิศวง

เมื่อโลกนี้มีสิ่งมีชีวิตพิเศษ แล้วทำไมมนุษย์จะมีพลังพิเศษบ้างไม่ได้ ผู้คนต่างขนานนามพวกเขาว่า เอสเปอร์ หากเกิดความวุ่นวายจากเหตุพิศวง เหล่าเอสเปอร์จะเป็นพวกที่เข้ามาจัดการปัญหานี้ แม้อาจจะยังไม่แน่ชัดนักว่าในฐานะผู้เล่นแล้วจะได้เล่นเกมนี้เป็นใคร แต่บทบาทของผู้เล่นคือจะต้องรวบรวมเหล่า เอสเปอร์ มากหน้าหลายตาที่มีความสามารถแตกต่างกันมาร่วมกันต่อสู้และต้านภัยร้ายเพื่อพิทักษ์ความสงบสุขของมหานครเฮเทอโรให้จงได้

นอกจากนี้ในแง่ของการรวบรวมเอสเปอร์ ผู้เล่นยังสามารถสานสัมพันธ์กับเอสเปอร์แต่ละคนได้ผ่านอีเวนต์พิเศษที่จะทำให้ผู้เล่นได้รับรู้เรื่องราวของพวกเขามากขึ้น ทั้งยังสามารถร่วมมือกับพาร์ทเนอร์หรือเพื่อนสร้างทีมเอสเปอร์ที่แข็งแกร่งจากความความสามารถอันหลากหลายของแต่ละตัวละคร เพื่อจัดการกับวิกฤตที่กำลังจะมาถึงได้อีกด้วย

ชีวิตคนเมืองกับฟีเจอร์อันหลากหลายที่ไม่ใช่แค่พาเอสเปอร์ออกต่อสู้ไปวันๆ

Neverness to Everness เป็นเกมที่ประกาศตัวชัดเจนว่าจะมาในธีมการต่อสู้ของผู้มีพลังพิเศษในมหานคร ดังนั้นเวทีหลักของเกมนี้ก็คือเมืองนั่นเอง จะต่างกับเกมอื่นๆ ก็ตรงที่แม้จะเป็น Open-World เหมือนกัน แต่สำหรับเกมทั่วๆ ไปเมืองจะเป็นแค่ส่วนหนึ่งของแอเรียในแผนที่อันกว้างใหญ่เท่านั้น ขณะที่ Neverness to Everness จะมีเมืองครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของเกม กล่าวคือเมืองในเกมจะมีขนาดใหญ่โตโอฬารและมีความเป็นมหานครของแทร่!

และเมื่อทั้งเมืองแทบจะเป็นทั้งโลก ผู้เล่นอาจจะเริ่มกังวลถึงการเดินทางภายในเกมซึ่งก็ไม่ต้องห่วง เพราะเกมนี้จะมีรถให้ขับ และไม่ใช่ขับเล่นๆ ครับ เพราะทีมพัฒนาตั้งใจจะใส่ระบบขับรถที่จริงจังเข้ามาในเกม แถมผู้เล่นยังสามารถนำรถคันเก่งของตัวเองไปแต่งเพิ่มได้อย่างอิสระ ดังนั้นแล้วนี่คืออีกหนึ่งพาร์ทใหญ่ของเกมแน่นอน

อีกฟีเจอร์หนึ่งที่น่าสนใจก็คือการพยายามหากิจกรรมแบบคนเมืองเข้ามาไว้ในเกม ตัวอย่างเช่นการซื้อบ้านแล้วเอามาแต่งเพิ่มดีไซน์เพิ่มก็ย่อมได้ โดยทั้งหมดนี้ทีมพัฒนาไม่ได้จะทำแบบผิวเผิน แต่พวกเขาตั้งใจจะทำให้มันมีความลึกในพาร์ทของมันและสามารถเล่นสนุกน่าสนใจไม่ใช่อะไรที่ผักชีโรยหน้าแล้วบอกว่าเกมฉันมีระบบนี้ด้วยนะ น่าสนใจจริงๆ

คงต้องบอกทีมพัฒนาตั้งใจจะให้โลกในเกมมีชีวิตชีวาที่สุดและดูจะหมกมุ่นกับระบบ City life อย่างมาก เพราะมันมีอีกหลายระบบที่พวกเขายังไม่เปิดเผยและรอจะเปิดตัวในอนาคตครับ

กราฟิกพลัง Unreal 5 ล้ำกว่าในทุกหนแห่งที่คุณเคยสัมผัส

เมื่อเมืองเป็น Big Part ของเกมจะเบากับมันก็ใช่ที่ ว่าแล้ว Neverness to Everness ก็ขอจัด Unreal Engine 5 มาเป็นขุมพลังในการขับเคลื่อนเกมในเบื้องหลังเลยก็แล้วกันครับ โดยก็อย่างที่หลายๆ คนอาจจะพอรู้ว่ายังไม่ค่อยมีเกมในยุคนี้ที่กระโดดตัวเองไปใช้ Unreal Engine 5 กันมากนักเพราะเทคโนโลยียังใหม่มากๆ แต่นั่นแหละที่มันน่าสนใจ เพราะนี่คือเกมในสไตล์อนิเมะที่มีขุมพลังกราฟิกก้าวล้ำนำสมัยแทบจะที่สุดในตลาดเลยก็ว่าได้

โดยความพิเศษในการนำ Unreal Engine 5 มาเป็นกระดูกสันหลังของงานกราฟิกและออกแบบก็คือเทคโนโลยีล่าสุดทั้งหลายทั้งแหล่ในตัวมันนั่นเองครับ เช่นการคำนวณรูปทรงเรขาคณิตแบบใหม่ที่จะช่วยให้การออกแบบสิ่งปลูกสร้างในเกมเหนือล้ำยิ่งขึ้นไป ความคมชัดในดีเทลแม้จะเป็นออบเจ็กเล็กๆ ก็ยังน่าประทับใจ ทั้งยังมีการเรนเดอร์เมืองและการแสดงผลของสิ่งปลูกสร้างตามระยะการมองเห็นที่จะช่วยเซ็ตโทนให้เมืองในเกมมีความลึกลับสมจริง พ่วงด้วย Ray Tracing และเทคโนโลยีการสะท้อนภาพจากพื้นตัวล่าสุดที่จะส่งให้การแสดงผลในภาพรวมของมหานครเฮเทอโรอันเป็นเวทีหลักของเกมนั้นครบถ้วนในทุกมิติการนำเสนอไม่ว่าจะเชิงภาพกว้างหรือภาพลึกก็ตาม

พัฒนาโดย Hotta Studio ผู้สร้าง Tower of Fantasy

Hotta Studio มีเกมที่ชาวไทยอาจจะคุ้นเคยกันดีอย่าง Tower of Fantasy ที่เคยผ่านมือมาก่อนหน้า และเราก็รับรู้ถึงคุณภาพของมันว่าไม่ธรรมดาเลย แต่กับ Neverness to Everness จะเป็นความทะเยอทะยานที่ก้าวไปอีกขั้นอย่างไม่ต้องสงสัย ด้วยธีมการต่อสู้ของผู้มีพลังพิเศษในมหานครขนาดใหญ่ผสมผสานเรื่องราวในเชิงสืบสวน “เหตุพิศวง” ที่แฝงความลี้ลับแต่ก็เบาสมอง พร้อมเกมเพลย์ Open-World สุดกว้างใหญ่ที่ทุกอาณาบริเวณถูกถมเต็มด้วยตึกรามบ้านช่องขุมพลัง Unreal 5 กับทีมออกแบบงานอาร์ทระดับท็อปเทียร์ แค่คิดก็น้ำลายฟูมปากแล้วครับ อะไรมันจะจัดเต็มกันขนาดนี้ และอย่าลืมว่านี่เป็นเพียงแค่ข้อมูลชุดแรกเท่านั้น ยังมีอีกหลายเรื่องหลายระบบที่เกมยังคงอุบไว้ บอกเลยว่าเปิดให้เล่นเมื่อไหร่การันตีความเดือดแน่นอนครับ