สรุปเกมเพลย์ Assassin's Creed Mirage อย่างละเอียด

แชร์เรื่องนี้:
สรุปเกมเพลย์ Assassin's Creed Mirage อย่างละเอียด

หลังจาก Assassin's Creed Mirage เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อ 9 เดือนก่อน ในที่สุด Ubisoft ก็ได้ปล่อยคลิปนำเสนอเกมเพลย์อย่างละเอียดของเกมนี้ออกมาในงาน Ubisoft Forward ที่ผ่านมา วันนี้เราจึงจะมาสรุปให้อ่านกันว่า เกมภราดรนักฆ่าภาคใหม่นี้มีระบบเกมการเล่นอะไรบ้าง

https://www.youtube.com/watch?v=mxpYHW-M_Ac

1. หวนคืนสู่รากเหง้า โบกมือลาระบบ RPG

นับตั้งแต่ Assassin's Creed Origins (2017) เป็นต้นมา แฟรนไชส์นี้ก็ได้มีการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ด้วยการใส่ระบบ RPG เข้ามาในเกม การเปลี่ยนโฉมครั้งนั้นทำให้แฟนเกมจำนวนหนึ่งรู้สึกไม่จอยเสียเท่าไหร่เพราะรู้สึกว่านี่ไม่ใช่ Assassin's Creed ที่เขารู้จัก ถึงแม้เกมภาคถัดมาอย่าง Assassin's Creed Odyssey (2018) จะทำออกมาได้ยอดเยี่ยมมากทั้งในส่วนของเนื้อเรื่องและเกมการเล่น เราก็ต้องยอมรับเลยว่าในชั่วขณะนั้น ระบบ RPG มันทำให้แฟรนไชส์ภราดรนักฆ่าเริ่มจะวิ่งห่างจากตัวตนของตัวเองขึ้นทุกที

แต่ในภาค Assassin's Creed Mirage นี้ ผู้พัฒนาได้ตัดสินใจพลิกโฉมตัวเองอีกครั้งด้วยการตัดระบบ RPG ทิ้งออกไปทั้งหมดแล้วกลับไปเป็น Assassin's Creed ในแบบฉบับที่แฟนๆ รู้จักกันอีกครั้ง ไม่มีอีกแล้วกับการเก็บเวลหาของในแมพที่เป็นไปด้วยลานขนาดกว้าง พื้นที่ในเกมภาคนี้จะเต็มไปด้วยตึกรามบ้านช่อง ตรอกซอกซอย และที่ปีนป่ายต่างๆ ให้ผู้เล่นได้โลดโผนโจนทะยานกันอย่างเต็มที่เหมือนกับที่เคยทำใน Assassin's Creed ภาคเก่าๆ

2. กลับไปให้ความสำคัญกับการลอบเร้น

แน่นอนว่าการเป็นนักฆ่าก็ต้องโฟกัสกับการกำจัดศัตรูแบบไม่ให้รู้ตัว แต่ Assassin's Creed ภาคหลังๆ มานี้ แทบจะไม่สนใจใยดีอะไรเกี่ยวกับการลอบเร้นเลย เกมการเล่นจะเน้นการคอมแบทมากกว่าการย่องเบาเสียส่วนใหญ่ ยิ่งพอตัวเกมเป็นระบบ RPG พอเลเวลตัวละครกับอาวุธชักจะสูงเข้า เราก็แทบไม่มีเหตุจำเป็นที่จะต้องลอบฆ่าศัตรูเลย บู๊เข้าไปซึ่งๆ หน้าประหยัดเวลากว่าเยอะ แต่มาในเกมภาคนี้ ผู้พัฒนาได้รังสรรค์เกมเพลย์ที่ทำให้ผู้เล่นจำเป็นต้องลอบเร้นมากขึ้นเหมือนกับเกม Assassin's Creed ที่เราคุ้นเคยกัน

จากตัวอย่างเกมเพลย์จะเห็นได้ว่า ศัตรูในหลายพื้นที่จะมีจำนวนเยอะและมีหลายประเภท เพราะฉะนั้นการลอบเร้นน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการบุกป่าฝ่าดงเข้าไป ในการลอบเร้นผู้เล่นจะสามารถใช้ Eagle Vision ในการตรวจหาศัตรูที่อยู่ในระยะเพื่อวางแผนการเข้าทำได้ และยังสามารถใช้แท็คศัตรูได้ชั่วคราวอีกด้วย นอกจากนี้แล้ว Eagle Vision จะแสดงทิศทางและขอบเขตการมองเห็นของศัตรูผ่านกรวยสีแดงที่โผล่ขึ้นมาด้านหน้าของศัตรูด้วย

ส่วนใครที่ชื่นชอบน้องอินทรีในภาค Odyssey กับ Valhalla ภาคนี้เราก็ยังสามารถเรียกอินทรีออกมาใช้สอดส่องจากระยะไกลได้ โดยน้องมีชื่อว่า "เอ็นคิดู" (Enkidu) แต่อินทรีภาคนี้จะใช้งานแบบอิสระเหมือนภาคก่อนไม่ได้ หากในพื้นที่มีพลธนูอยู่บนหอคอย อินทรีของเราจะถูกยิงไล่และไม่สามารถใช้งานได้ หากจะใช้งานเอ็นคิดู จะต้องทำการสังหารพลธนูที่อยู่ในหอคอยเสียก่อน

3. สารพัดอุปกรณ์สำหรับใช้ในสถานการณ์ต่างๆ

สิ่งที่ขาดหายไปใน Assassin's Creed ภาคหลังๆ ก็คืออุปกรณ์สารพัดประโยชน์ทั้งหลายแหล่ มาในภาคนี้ทางผู้พัฒนาได้นำอุปกรณ์ต่างๆ ที่แฟนเกมคุ้นเคยกลับมาอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นมีดปา ลูกดอกอาบยาพิษ และระเบิดควัน นอกจากอุปกรณ์พวกนี้แล้ว ก็ยังมีอุปกรณ์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามาด้วย ยกตัวอย่างเช่นระเบิดประทัดที่ใช้ปาล่อศัตรู และกับดักควันพิษที่จะทำงานเมื่อศัตรูเดินเข้าในระยะกับดัก ซึ่งอุปกรณ์เหล่านี้จะเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างมากในการเพิ่มทางเลือกให้เราในการกำจัดศัตรู พลิกแพลงใช้ของต่างๆ ไปตามสถานการณ์ ส่วนวิธีใช้อุปกรณ์ก็ง่ายแสนง่ายเพียงแค่เปิด Weapon Wheel ขึ้นมา ก็สามารถหมุนเปลี่ยนเอาได้แบบรวดเร็วทันใจ

อย่างไรก็ตาม อุปกรณ์ที่ว่ามาทั้งหมดนี้จะไม่ได้มีมาให้ใช้ตั้งแต่เริ่มเกม แต่ผู้เล่นจะต้องคอยปลดล็อคอุปกรณ์แต่ละชิ้นเอาเอง ซึ่งการปลดล็อคสามารถทำได้จากการอัพเลเวลยศของตัวละคร โดยการอัพเลเวลยศหนึ่งขั้นจะสามารถเลือกปลดล็อคอุปกรณ์ได้หนึ่งอย่าง และเลเวลยศจะอัพได้จากการทำภารกิจหรือ Assignment ต่างๆ ภายในเกม

4. การปาร์กัวร์ที่ลื่นไหลเป็นธรรมชาติ

ย้อนไปใน Assassin's Creed Unity ถึงแม้ตัวเกมจะมีระบบคอมแบทที่เงอะๆ งะๆ อยู่พอสมควร แต่สิ่งหนึ่งที่เกมนี้ทำได้ดีกว่าภาคอื่น (รวมถึงภาคหลังๆ ด้วย) ก็คือการโลดโผนปีนป่ายที่พริ้วไหวเป็นธรรมชาติ มาในภาค Mirage นี้ทางผู้พัฒนาก็ได้ขัดเกลาระบบปาร์กัวร์ให้ออกมาดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ จากตัวอย่างจะเห็นได้เลยว่า การปีนป่ายในเกมนั้นจะมีความคล้ายคลึงกับใน Assassin's Creed Unity อยู่พอตัว เพียงแต่ว่าได้รับการปรับปรุงเพิ่มเติมให้ยิ่งลื่นไหลขึ้นไปอีก และด้วยความที่เกมแฟรนไชส์นี้จะให้เราได้ปีนโน่นปีนนี่และกระโดดไปมาตามตึกอยู่ตลอดทั้งเกม การที่ระบบปาร์กัวร์ถูกคราฟต์มาอย่างดี ก็ยิ่งทำให้บรรยากาศการเล่นโดยรวมดูดีขึ้นไปอีก

5. ระบบแฝงตัวท่ามกลางผู้คนกลับมาแล้ว

หายกันไปนานเลยสำหรับฟีเจอร์นี้ เชื่อว่าแฟนเกมหลายคนน่าจะคิดถึงการหลบศัตรูด้วยเดินเนียนไปกับฝูงชน รูปแบบการเล่นแบบนี้เป็นสิ่งที่ผู้เล่นจะได้ทำบ่อยมากในเกมภาคแรกๆ ซึ่งไม่มีแล้วในภาคหลัง โชคดีที่ทางผู้พัฒนาดึงฟีเจอร์นี้กลับมาใช้อีกครั้ง ใน Assassin's Creed Mirage เราสามารถใช้ฝูงชนให้เป็นประโยชน์กับการหลบซ่อนจากศัตรูได้ โดยเราจะเข้าไปยืนเนียนกับฝูงชนเอง หรือเราจะยัดเงินฝูงชนให้เดินตามเรามาก็ได้

6. Assassin's Focus: ลอบฆ่าต่อเนื่องแบบสายฟ้าฟาด

เกมภาคนี้ได้มีการเพิ่มความสามารถใหม่ที่เรียกว่า "Assassin's Focus" เข้ามา ซึ่งความสามารถนี้จะเป็นการล็อคเป้าศัตรูหลายตัวในระยะและทำการลอบฆ่าศัตรูที่ล็อคไว้แบบต่อเนื่อง คล้ายกับความสามารถ Dead Eye ใน Red Dead Redemption นั่นเอง และแน่นอนว่าความสามารถนี้ไม่สามารถสแปมใช้ได้ตลอด การใช้ความสามารถนี้จะต้องเสีย ค่าเกจของ Assassin's Focus โดยเกจที่เสียไปจะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับจำนวนศัตรูที่เราล็อคเป้า ยิ่งล็อคหลายตัวก็ยิ่งเสียค่าเกจมาก ส่วนการเพิ่มค่าเกจนั้น จะสามารถทำได้ด้วยการลอบเร้นศัตรู (การฆ่าแบบบู๊จะไม่นับ)

เกมเพลย์ของ Assassin's Creed Mirage ก็จะมีรายละเอียดประมาณนี้ การได้เห็นแฟรนไชส์ในตำนานอย่าง Assassin's Creed หวนคืนสู่รากเหง้าที่ตัวเองเคยเป็น คงทำให้แฟนเกมหลายคนตื่นเต้นกับเกมนี้ไม่ใช่น้อย และดูจากข้อมูลและวิดีโอที่ Ubisoft ปล่อยมา ต้องบอกเลยว่าภาพรวมของเกมค่อนข้างจะดูดีและน่าเล่นอยู่พอตัวเลย เชื่อว่าหลายคนคงอดใจไม่ไหวที่จะเล่นเกมนี้กันแล้ว

สำหรับใครที่อยากสวมวิญญาณภราดรนักฆ่าใน Assassin's Creed Mirage ตัวเกมจะเปิดให้เล่นอย่างเป็นทางการในวันที่ 12 ตุลาคม 2566 นี้ โดยจะลงในแพลทฟอร์ม PC, PS4, PS5, Xbox One และ Xbox Series XlS นอกจากนี้ทาง Ubisoft ก็ได้เปิดให้ Pre-Order เกมนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ใครที่สนใจก็สามารถเข้าไปสั่งซื้อเกมล่วงหน้ากันได้เลย

แหล่งข้อมูล

https://www.thegamer.com/assassins-creed-mirage-gameplay/

https://www.ign.com/articles/assassins-creed-mirage-5-major-details-from-the-new-gameplay-trailer


ผู้เขียน: kiwi (กวีกร กังกเวคิน)

แชร์เรื่องนี้:

เรื่องที่คุณอาจสนใจ