รวม 7 ทริค Diablo 4 สำหรับมือใหม่ที่ไม่เคยแตะซีรีส์นี้มาก่อน

Diablo 4

ถึงตอนนี้คงมีเกมเมอร์จำนวนไม่น้อยได้สัมผัสเกม Diablo 4 กันไปแล้วนะครับ แต่ขณะเดียวกันก็น่าจะมีอีกหลายคนเหมือนกันที่อาจลังเลอยู่ว่าจะลองซื้อเกมนี้มาเล่นดูดีมั้ย ด้วยความคิดที่ว่าตนเองไม่เคยแตะซีรีส์นี้มาก่อนเลย หากโดดมาเล่นที่ภาค 4 โดยไม่ผ่านภาคเก่า ๆ มาก่อนจะไปรุ่งหรือไม่ ล่าสุดทางสำนักข่าว GameRant ก็ได้นำเสนอ 7 ทริคเบื้องต้นที่น่าจะเป็นประโยชน์แก่เพื่อน ๆ ที่อยากลองเกมภาคล่าสุดบ้างครับ ลองชมกันเลย


ค่อย ๆ เรียนรู้ไปทีละระดับ

เกม Diablo 4 จะไม่มีระดับความยากให้เลือกเหมือนเกม Action RPG ทั่วไปครับ แต่จะมีระบบที่เรียกว่า World Tiers แทน ซึ่งผู้ที่ยังใหม่กับเกมตระกูลนี้ควรไปหัดลองผิดลองถูกที่ระดับ World Tier 1 เสียก่อน จนเมื่อเริ่มชินกับระบบต่าง ๆ แล้วจึงค่อยข้ามไปเล่นใน Tier ที่สูงขึ้น และแน่นอนครับว่าใน Tier ระดับสูง ๆ ย่อมให้ค่าประสบการณ์และ Gold (สกุลเงินในเกม) ที่มากขึ้นตามไปด้วย

การปรับ Tier นั้นสามารถทำได้ที่บางเมือง หรือจะออกไปทำที่หน้าไตเติ้ลเมนูก็ได้ ลองดูว่าตัวเองพอไหวกับระดับไหนก็ฝึกให้ชินแล้วค่อยข้ามไปยังระดับที่สูงขึ้นอีกที เพื่อการเลเวลอัปตัวละครและฟาร์มเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพครับ


เลือกคลาส (อาชีพ) ที่เหมาะกับผู้เล่นมือใหม่

ตัวเกมจะมีทั้งหมด 5 อาชีพให้เลือกเล่น ได้แก่ Druid, Sorceress, Necromancer, Barbarian และ Rogue โดยทาง GameRant มีการแนะนำว่าถ้าคุณเป็นมือใหม่ และไม่มีเพื่อนเล่นด้วย จึงจำเป็นต้องเล่นแบบโซโล่ อาชีพที่จะตอบโจทย์คุณมากที่สุดคือ Necromancer ครับ นั่นก็เพราะว่าอาชีพนี้สามารถเสกเหล่าภูตผีวิญญาณมาเป็นบริวารในการช่วยเราต่อสู้ได้ตั้งแต่ช่วงแรกของเกม และยิ่งถ้าเรามีเลเวลเยอะก็จะสามารถเรียกลูกสมุนเหล่านี้ได้มากขึ้นราวกับสร้างกองทัพขนาดย่อม ๆ ได้เลย


เลือกเรียนสกิลสายต่าง ๆ ให้หลากหลาย

แต่ละอาชีพของเกมนี้จะมีสกิลให้เรียนแบบแตกแขนงเป็นหลายสาย ซึ่งผู้เล่นควรโฟกัสไปที่การอัปสกิลที่ใช้งานในสมรภูมิได้จริง มากกว่าจะเอาพอยต์ไปอัปค่า Stat เสริมความสามารถตัวละคร ยกตัวอย่างเช่น หากเลือกเล่น Rogue ก็ควรเลือกสกิล Puncture เป็นสกิลโจมตีพื้นฐาน ขณะที่สกิล Barrage ก็เลือกเป็นสกิลที่ใช้เกจ Energy เป็นต้น สายหนึ่งก็เลือกมาอย่างน้อย 1 สกิล แล้วค่อยไปหาทางเสริมแกร่งให้กับสกิลนั้นอีกที


สำรวจแมปให้ทั่ว ไล่เปิด Waypoint ให้ครบ

ภาคนี้เป็นครั้งแรกที่มีการนำระบบโอเพ่นเวิลด์มาปรับใช้ และด้วยสเกลของแผนที่ที่ใหญ่กว่าภาคก่อน ๆ มาก ผู้เล่นจึงควรสำรวจแมปให้ละเอียดทุกซอกทุกมุมยิ่งกว่าเดิม แล้วจัดการเปิด Waypoint หรือจุดวาร์ปที่เห็นให้หมด เพราะนั่นคือสิ่งที่ช่วยอำนวยความสะดวกแก่ผู้เล่นคล้ายกับระบบ Fast Travel ในเกมโอเพ่นเวิลด์ทั่วไป การทำเช่นนี้จะประหยัดการเดินทางไปยังโซนต่าง ๆ ได้ไม่น้อยเลย


หมั่นทำเควสต์ย่อยด้วย

แม้ว่า Diablo 4 จะไม่ใช่เกมที่มีเนื้อเรื่องในเควสต์ย่อยที่ซับซ้อนระดับเดียวกับ The Witcher 3 ที่ลงลึกแม้กระทั่งตอนตอบคำถามที่เล่นแง่กับศีลธรรมในใจผู้เล่นก็จริง แต่การทำเควสต์ย่อยที่กระจัดกระจายอยู่ทั้งเกมก็ยังมีประโยชน์ที่ช่วยให้ผู้เล่นได้ค่าประสบการณ์และเงินเป็นสิ่งตอบแทนที่สมน้ำสมเนื้อ แถมบางเควสต์ยังมีรางวัลเป็นสกิลพอยต์ให้ด้วยนะเออ


อย่าเอาเงินไปละลายกับอุปกรณ์สวมใส่จนเกินไป

ตามร้านค้าในเมืองจะมีจำหน่ายอาวุธและชุดป้องกัน ทว่าราคาของสินค้าเหล่านี้มักจะแพงมหาโหด ด้วยเหตุนี้จึงเป็นการดีกว่าหากผู้เล่นจะลองหาอาวุธชุดป้องกันที่ดรอปจากศัตรูเอา หรือลุ้นอาวุธชุดป้องกันที่มอบเป็นรางวัลแก่เราหลังทำเควสต์ผ่านแทน เงินในเกมถือเป็นของมีค่าที่ควรเก็บสะสมไว้เพื่อการอัปเกรดมากกว่าครับ


ระบบอัปเกรดอาวุธและฝากไอเทม

อาวุธส่วนใหญ่ในเกมสามารถนำไปอัปเกรดได้ที่ร้านของ Blacksmith โดยการอัปเกรดแต่ละครั้งจะต้องใช้เงิน (Gold) และวัตถุดิบตามที่ Blacksmith ระบุไว้ และจะอัปเกรดได้เป็นจำนวน “จำกัดครั้ง”

ขณะเดียวกัน ผู้เล่นยังสามารถนำอาวุธชุดป้องกันไปแปรสภาพเป็นวัตถุดิบได้ด้วย และถ้ามีไอเทมอะไรที่ยังไม่สามารถนำมาใช้ได้ ณ เวลานั้น หรืออาจเพราะตัวละครอาชีพนั้นไม่สามารถใช้ได้ ก็สามารถนำไปเก็บที่โรงแรมในเมืองก่อนได้ แล้วค่อยให้ตัวละครอาชีพอื่นที่เราสร้างใหม่เบิกมาใช้แทน


แปลและเรียบเรียงจาก

https://gamerant.com/diablo-4-best-tips-beginners-new-players/#adjusting-your-difficulty-experience


ติดตามข่าวเกมพีซี/คอนโซลอื่น ๆ ได้ที่ Online Station

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้