ดูเหมือนว่าเกมเมอร์ที่สั่งซื้อเครื่องเล่นเกมพกพา Razer Edge ไปหลายคนจะไม่ปลื้มเสียแล้ว เพราะหลังจากที่วางขายในวันที่ 26 มกราคมและส่งถึงมือผู้เล่นบางส่วนแล้ว ปรากฎว่าสเปคเครื่องบางส่วนเช่น RAM และชิปเซ็ตของเครื่องนั้นไม่เหมือนกับที่โฆษณาไว้ก่อนหน้านี้!
ก่อนหน้านี้ Razer เคยโฆษณาไว้ว่าเครื่องทั้งรุ่น Wi-Fi และ 5G นั้นจะมี RAM ทั้งหมด 8 GB และใช้ชิปเซ็ต Snapdragon G3X Gen 1 ซึ่งควรมีประสิทธิภาพทัดทียมกับชิปเซ็ต Snapdragon 8 Gen 1 (รุ่นปัจจุบันคือ Snapdragon 8 Gen 2) แต่ผู้ใช้งานจริงกลับพบว่าเครื่องรุ่น Wi-FI ที่ได้รับมานั้นกลับมี RAM แค่ 6 GB และชิปเซ็ตก็ไม่แรงจริง ประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ Snapdragon 888 ที่ตกรุ่นไปก่อนหน้านี้เท่านั้น
ซ้ำร้ายยังมีรายงานอีกด้วยว่าเครื่อง Razer Edge นั้นรองรับระบบไฟล์ของ Micro SD Card แบบ FAT32 เท่านั้นซึ่งไม่สามารถรองรับเกบไฟล์ขนาดใหญ่กว่า 4 GB ได้ ทำให้ปัจจุบันไม่เป็นที่นิยม และอาจจำกัดการใช้งานต่าง ๆ ที่อาจต้องใช้ไฟล์ขนาดใหญ่ได้ สร้างความไม่พอใจให้กับผู้ที่สั่งซื้อไปแล้วและผู้ที่กำลังจะสั่งซื้อยิ่งขึ้นไปอีกจนบางส่วนยกเลิกออเดอร์หรือเรียกร้องขอเงินคืน
ทั้งนี้บางส่วนก็บอกด้วยว่า Razer นั้นทำผิดกฎหมายเพราะใช้วิธีหลอกลวงว่าสเปคเป็นอย่างหนึ่งแต่ให้ของจริงอีกเป็นอีกอย่างหนึ่ง (Bait and Switch) เพราะหน้าเว็บไซต์นั้นก็ขึ้นข้อมูล RAM ว่าเป็น 8GB ทั้งสองรุ่นมาตลอดจนกระทั่งวันที่ 28 มกราคมจึงเปลี่ยนเป็น 6GB
ต่อมาทาง Razer จึงให้คำตอบกับผู้ใช้ทางอีเมล และออกมาแถลงอย่างเป็นทางการว่าสาเหตุที่สเปคไม่ตรงกับที่โฆษณานั้นเป็นเพราะว่าสื่อสารผิดพลาด ทำให้ขึ้นข้อมูล RAM ของเครื่อง Razer Edge ทั้งรุ่น Wi-Fi และ 5G เป็น 8GB ทั้งสองรุ่นแต่จริง ๆ แล้ว Wi-Fi นั้นควรเป็น 6 GB โดยให้เหตุผลว่าระหว่างการพัฒนา ฟังก์ชั่น 5G นั้นกิน RAM กว่าที่คิดจึงตัดสินใจเพิ่มอีก 2GB เพื่อไม่ให้ประสิทธิภาพของรุ่น 5G นั้นด้อยกว่า
ด้วยเหตุนี้ทางคุณ Min-Liang Tan ซึ่งเป็น CEO ของ Razer จึงออกมาขอโทษด้วยตนเอง และกล่าวจะแจกบัตรกำนัลมูลค่า 25 เหรียญให้แก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบทางอีเมลเพื่อใช้ซื้อสินค้าของ Razer หรือขอคืนสินค้าเพื่อขอเงินคืนก็ได้ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผู้ใช้ที่แสดงความคิดเห็นหลายคนรู้สึกประทับใจมากขึ้นแต่อย่างใด
ข้อมูลอ้างอิงจาก
https://www.reddit.com/r/razeredge_2023
https://twitter.com/minliangtan
