Front Mission นั้นเป็นเกมแนววางแผนการรบที่มีการเปิดตัวครั้งแรกบนเครื่อง Super Famicom (หรือ SNES ในเวอร์ชั่นตะวันตก) ในปี 1995 โดยเป็นเกมวางแผนสไตล์เทิร์นเบสแบบเล่นคนเดียว แต่จุดที่ทำให้เกมนี้โดดเด่นกว่าเกมอื่น ๆ ในยุคนั้นก็คือ ตัวละครในเกมจะบังคับหุ่นรบที่เรียกว่าแวนเซอร์ (Wanzer) ในการต่อสู้กัน และผู้เล่นสามารถแต่งหรืออัปเกรดชิ้นส่วนของหุ่นแต่ละตัวได้อย่างอิสระ รวมทั้งเลือกติดตั้งอาวุธได้หลากหลาย ตลอดจนเลือกแต่งสีให้กับหุ่นได้อีกด้วย
นอกเหนือจากความแปลกใหม่ในยุคเกือบ 30 ปีก่อน กอปรกับภาพลักษณ์ของเกมที่เป็นฟอร์มใหญ่ ซึ่งพัฒนาโดย Square Enix จึงทำให้เกมได้รับความนิยมอย่างสูงและมีภาคต่อตามตามมามากมาย ไม่เว้นแม้แต่ภาคสปินออฟที่เป็นเกมแนวแอ๊กชั่นด้วย แต่ภาคที่ทำมาเป็นเกมแนวแผนการรบก็ไม่ได้ถูกสร้างมานาน 10 กว่าปีแล้ว นี่จึงเป็นโอกาสดีทั้งสำหรับผู้เล่นที่ไม่เคยลองเล่นเกมซีรีส์นี้ และแฟนเกมรุ่นเก่าที่อยากย้อนรำลึกความหลังกับการสัมผัสถึงความยอดเยี่ยมของภาคปฐมบทผ่านกราฟิกที่ถูกปรับปรุงแล้วนั่นเอง ส่วนจะรีเมคแล้วออกมาดีแค่ไหน ลองชมรีวิวนี้กันครับ
แพลตฟอร์ม: Nintendo Switch
แนวเกม: วางแผน (เทิร์นเบส)
ผู้พัฒนา: Forever Entertainment
วางจำหน่าย: 30 พฤศจิกายน 2022
เส้นทางวีรบุรุษสงคราม
เหตุการณ์ในเกม Front Mission เกิดขึ้นในปี 2090 จากความขัดแย้งระหว่างฝ่าย OCU และ UCS เพื่อแย่งชิงพื้นที่บนเกาะฮัฟฟ์แมน (Huffman) โดยผู้เล่นสามารถเลือกเล่นเนื้อเรื่องของ 2 ตัวละครหลักจาก 2 ฝ่าย ได้แก่ รอยด์ จากฝั่ง OCU และ เควิน จากฝั่ง UCS ซึ่งทั้ง 2 ตัวละครนี้ถูกปูพื้นมาให้เป็นตัวละครที่ได้รับผลกระทบจากสงครามมาคนละแบบ ทำให้ผู้เล่นได้ซึบซับความคิดของตัวละครในแต่ละฝั่ง ได้สัมผัสมุมมองของตัวละครทั้งสองฝั่งอย่างครบถ้วน อีกทั้งรอยด์กับเควินจะมีเส้นเรื่องและไทม์ไลน์ที่คาบเกี่ยวกันบางช่วงด้วย อย่างไรก็ดี เนื้อเรื่องในเควินนั้นจะสั้นกว่าแต่จะมีความยากกว่าฝั่งรอยด์ ด้วยเหตุนี้เกมจึงแนะนำเราตั้งแต่แรกว่าควรเล่นเนื้อเรื่องฝั่งของรอยด์จบสักรอบหนึ่งก่อน แล้วค่อยเปลี่ยนไปเล่นฝั่งเควินทีหลัง
การปรับแต่งหุ่น
ซีรีส์ Front Mission จะนำเสนอระบบการแต่งหุ่นแวนเซอร์ ที่เป็นเครื่องจักรสงครามขนาดยักษ์ โดยเราสามารถเลือกติดตั้งชิ้นส่วนลำตัว แขนสองข้าง ขา CPU และแบ็คแพ็ค ซึ่งพื้นฐานของการแต่งหุ่นนั้นจะต้องคำนึงถึงค่า Power ของชิ้นส่วนลำตัวและแบ็คแพ็ค ที่จะช่วยให้แบกน้ำหนักได้เยอะ ส่วน CPU ก็จะช่วยเพิ่มความสามารถในการโจมตีแตกต่างกันเช่นโจมตีประชิดหรือโจมตีไกล ดังนั้นจึงควรติดตั้งให้เหมาะกับสกิลของคนขับด้วย
ด้านการติดตั้งอาวุธจะมีจุดติดตั้งตามปกติ 4 จุด ได้ มือสองข้างที่จะเป็นอาวุธระยะประชิดเช่นปืนหรืออาวุธจำพวก Melee ที่ใช้โจมตีระยะประชิด ข้อดีคือโจมตีได้ไม่จำกัดจำนวนครั้งจนกว่าแขนข้างนั้นจะถูกทำลาย และมีโอกาสที่ศัตรูจะโจมตีสวนได้ด้วย ถัดมาคือส่วนหัวไหล่ทั้งสองข้างที่สามารถติดตั้งอาวุธพิสัยไกลที่มีระยะ 2-8 ช่อง ทว่าจะมีกระสุนจำนวนจำกัดให้ยิงได้แค่ 2-3 ครั้งเท่านั้น แต่ข้อดีคือเราจะไม่ถูกโจมตีสวนกลับเหมือนโจมตีประชิด
ถ้าจะว่ากันตามตรงแล้ว เวลาเราไปเจอร้านแต่งหุ่นใหม่ ๆ ก็จะมีชิ้นส่วนอัปเดตมาเพิ่มราว 6-7 รุ่น แต่จะมีที่ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพเพียงไม่ถึงครึ่ง และด้วยความที่เกมนี้สามารถหาเงินได้ง่ายมาก ดังนั้นเราจะเลือกซื้อแต่ชิ้นส่วนแพง ๆ และดีที่สุดให้หุ่นทุกตัวก็ไม่มีปัญหาอะไร อย่างไรก็ตาม เพื่อความได้เปรียบในการรบ ผู้เล่นจึงควรเปลี่ยนชิ้นส่วนใหม่ ๆ ทุกครั้งที่มีขาย นั่นเพราะความสามารถในการต่อสู้ของหุ่นจะยกระดับไปอีกขั้น ถ้าใช้ของที่ระดับต่ำเกินไปทั้งพลังโจมตีและความแม่นยำก็จะต่ำมากจนแทบไม่สามารถสร้างความเสียหายแก่ศัตรูได้มากพอ
สุดท้ายคือบรรดาไอเทมแบบใช้ครั้งเดียวที่จะช่วยอำนวยความสะดวกแก่เราระหว่างรบ เพราะเกมนี้จะพวกคนขับและหุ่นที่เป็นยูนิตรบทั่วไปจะไม่มีสกิลรักษาหรือสนับสนุน จึงต้องใช้ไอเทมแทน เช่นไอเทมซ่อมแซมชิ้นส่วน หรือไอเทมพรางตาที่ช่วยหลบการโจมตี ซึ่งราคาของไอเทมใช้งานจะถูกมากจึงควรติดตั้งและนำมาใช้งานในการต่อสู้เสมอ
ต่อสู้โดยชำแหละชิ้นส่วนของศัตรู
ประเด็นนี้จะสืบเนื่องมาจากระบบการแต่งหุ่น โดยจุดเด่นของระบบต่อสู้ก็คือการโจมตีที่จะสร้างความเสียหายให้แก่ชิ้นส่วนของหุ่นฝ่ายตรงข้ามแบบแยกส่วนกัน อาวุธบางประเภทจะเป็นแบบโจมตีทีละครั้งหรือนัด ที่จะสร้างความเสียหายให้แก่ชิ้นส่วนเดียวแบบสุ่ม ขณะเดียวกัน อาวุธบางชนิดที่โจมตีทีละหลายนัด เช่น ปืนกล จะมีพลังทำลายที่เบากว่า ทว่าความเสียหายก็จะกระจายไปโดนชิ้นส่วนต่าง ๆ ของเป้าหมายแบบถ้วนหน้าได้
ทั้งนี้ หากมีชิ้นส่วนใด ๆ ถูกทำลายไปก็จะส่งผลต่อการต่อสู้ทันที สมมติแขนของหุ่นข้าศึกข้างใดถูกทำลายก็จะไม่สามารถใช้อาวุธที่ติดตั้งบนแขนนั้นได้อีก หรือถ้าชิ้นส่วนขาถูกทำลายก็จะเคลื่อนที่ได้แค่ระยะสั้น ๆ และถ้าลำตัวถูกทำลาย หุ่นแวนเซอร์นั้นก็จะพังทันที
เมื่อเล่นไปได้สักพัก ตัวละครที่มีความสามารถมากพอก็จะเริ่มมีสกิลใหม่ ๆ เข้ามาให้ติดตั้ง บางสกิลมีผลทำให้เลือกยิงชิ้นส่วนของศัตรูได้ ขณะที่บางสกิลมีผลทำให้ใช้อาวุธได้ทั้ง 2 มือสลับกัน (โจมตีได้มากกว่า 1 ครั้งใน 1 รอบ) เป็นต้นซึ่งความมันส์ของระบบต่อสู้ของเกมอยู่ตรงอนิเมชั่นที่หุ่นของเราทำการชำแหละชิ้นส่วนของหุ่นศัตรูให้แหลก ไม่ว่าจะเป็นการใช้ปืนกลยิงจนทุกชิ้นพังยับก็ดี หรือฟาดทีเดียวศัตรูแขนพังเลยก็ดี รับรองได้ถึงความสะใจ
ชีวิตนอกสมรภูมิ
แม้ว่าโหมดเนื้อเรื่องของเกมนี้ค่อนข้างจะเป็นเส้นตรง แต่ระหว่างที่เดินทางทำภารกิจก็จะมีจุดแวะพักเป็นเมืองหรือค่าย ซึ่งก็จะมีบาร์ที่ให้เราเข้าไปคุยกับผู้คนเพื่อรับรู้ข้อมูลหรือความรู้สึกของคนในเมืองอีกนิดหน่อย (ย้ำว่านิดหน่อยจริง ๆ) เพราะจะพูดกันแค่ประโยคเดียวเท่านั้น นอกจากนี้ก็จะมีอารีน่าที่เป็นลานประลอง ผู้เล่นสามารถวางเงินเดิมพันแล้วเข้าไปดวลคู่แข่งแบบตัวต่อตัว ถ้าชนะก็จะได้รับเงินรางวัลตามเรตที่กำหนดไว้ ผู้เล่นสามารถใช้ลานประลองเป็นจุดฟาร์มเลเวลและสกิลให้ตัวละครได้แม้ว่าจะได้ EXP น้อยแต่ก็สามารถเข้าสู้ได้ไม่จำกัดครั้งและเวลา ตลอดจนผู้เล่นควรหมั่นแวะบาร์หรืออารีน่าทุกครั้งเมื่อมีโอกาส เพราะจะมีตัวละครบางตัวที่จะได้รับมาจากการประลองในอารีน่าหรือพูดคุยในบาร์ด้วย
สิ่งที่ปรับปรุงใหม่
เนื้อหาของเกมจะยกมาจากเวอร์ชั่น Nintendo DS เป็นหลัก ซึ่งจะมีเนื้อเรื่องเสริมของฝ่าย UCS (ฝั่งเควิน) เพิ่มเข้ามาด้วย แต่ความแตกต่างที่สำคัญก็คือเกมถูกสร้างใหม่ในรูปแบบ 3D ทั้งในฉากแผนที่และอนิเมชั่นการต่อสู้ ซึ่งการต่อสู้อาจดูแข็งไปบ้างแต่มันก็ดูเข้ากับการเคลื่อนที่ของหุ่นแวนเซอร์ที่เหมือนหุ่นกึ่งรถถังได้ดีระดับหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นด้านเพลงประกอบก็ได้มีการรีมิกซ์เป็นเวอร์ชั่นใหม่ที่ไพเราะไปอีกแบบ และยังคงรักษาบรรยากาศเดิมของเกมไว้ได้ ส่วนผู้เล่นที่อยากได้บรรยากาศแบบเดิมจริง ๆ ก็สามารถตั้งค่าเป็นโหมดคลาสสิคที่ให้ใกล้เคียงกับต้นฉบับ รวมทั้งปรับใช้เป็นเพลงเวอร์ชั่นเก่าก็ได้เหมือนกัน และถึงแม้จะเล่นในโหมดคลาสสิคแต่ภาพก็ยังได้รับการอัปเดตเหมือนกัน ทว่ามุมกล้องยังคงเป็นมุมตายตัวแบบเก่า ส่วนโหมดใหม่จะมีอิสระในการหมุนมุมกล้องเข้ามา (แต่ก็หมุนได้แค่ 90 องศาเท่านั้น)
รีเมคใหม่ แต่เนื้อในยังเต็มไปด้วยความตกยุค
ข้อเสียหลัก ๆ ที่พบจากเกมนี้ เริ่มแรกเลยก็คือการมองตำแหน่งในแผนที่ฉากต่อสู้โดยรวมจะทำได้ยาก ซึ่งเราสามารถเปิดดูหน้าจอแผนที่ซึ่งแสดงตำแหน่งของยูนิตทั้งของเราและศัตรูซึ่งมันก็ช่วยได้บ้าง แต่ทุกวันนี้เทรนด์ของเกมแนววางแผนอื่น ๆ ในยุคปัจจุบันมักจะมีระบบมินิแมปแสดงให้เห็นอยู่ตลอดแล้ว จึงอดนำมาเป็นตัวเปรียบเทียบไม่ได้ และ Front Mission 1st Remake ก็ได้แสดงให้เห็นถึงความด้อยกว่าอย่างชัดเจน อีกทั้งด้านการอัปเกรดหุ่นนั้น การซื้อชิ้นส่วนและอาวุธใหม่นั้นทำได้ค่อนข้างลำบากในการเปรียบเทียบแต่ละชิ้นที่มีวางขายว่าแตกต่างกันยังไง หรือชิ้นส่วนไหนที่เรามีติดตั้งอยู่ในหุ่นตัวใดแล้วบ้าง ด้วยเหตุนี้การค้นหาชิ้นส่วนจึงต้องใช้เวลานานขึ้นในการที่ต้องกดเข้าออกระหว่างการเซ็ตอัปในโกดังของแคมป์เรากับการเซ็ตอัปในร้านขายของที่ไม่ได้มีความเชื่อมโยงใด ๆ กันเลย
ทิ้งท้าย
สำหรับคนที่เคยเล่นเวอร์ชั่นออริจินัลมาก่อนแล้ว ตัวเกมยังมีความสนุกและคุ้มที่ได้เล่นเวอร์ชั่นคลาสสิคที่มีการปรับปรุงภาพให้ดีขึ้น โดยคงคุณสมบัติเก่าไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ถ้าพิจารณาจากคุณภาพของเกมกันแบบละเอียดแล้ว คงต้องว่ากันตามตรงว่ามันยังทำได้ไม่ดีพอสำหรับทุกคนแน่นอน ยิ่งถ้าเป็นเกมเมอร์รุ่นใหม่คงรู้สึกว่ามันมีเกมอีกมากที่คล้ายกันและไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไรกับระบบการแต่งหุ่นนี้แล้ว แม้ว่าอาจจะเพลิดเพลินกับการแต่งหุ่นในช่วงแรกๆ แต่เมื่อดำเนินเนื้อเรื่องต่อไปก็จะพบว่าการแต่งหุ่นของเราใช้งานได้อีกแค่ฉากสองฉากข้างหน้าเท่านั้น แล้วก็จะถูกบังคับให้ต้องเปลี่ยนชิ้นส่วนหุ่นใหม่หมด ซึ่งหลายคนอาจรู้สึกว่านั่นคือการเข้าสู่วงจรที่น่าเบื่อได้
จุดเด่น
- เนื้องานเป็นการเอาใจแฟนเกมเวอร์ชั่นออริจินัล เพราะโครงสร้างของเกมเพลย์ยังถอดแบบจากเวอร์ชั่นเดิมมาเป๊ะ ๆ และคงไว้ซึ่งองค์ประกอบต่าง ๆ ในเกมสมัยก่อนไว้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
- การโหลดค่อนข้างเร็ว
- มีการเพิ่มระดับความยากให้อีกหลายขั้น ตอบโจทย์ผู้เล่นที่อยากแสวงหาความท้าทายระดับทรมานตัวเอง จากของเดิมที่มีเพียงระดับความยากเดียวเท่านั้น
จุดด้อย
- การฟาร์มเลเวลตัวละครในอารีน่าแม้ว่าจะไม่มีกรอบเรื่องเลเวลที่ต้องระวังไม่ให้ห่างกับศัตรูมากจนเกินไปเหมือนสมัยออริจินัล แต่ถึงกระนั้นก็ยังเป็นเรื่องที่น่าเบื่อและกินเวลานานอยู่ดี ยิ่งหากต้องการฟาร์มเลเวลพรรคพวกของเราให้เก่งทะลุเพดานจนครบ ยิ่งเสียเวลาชีวิตมาก เว้นแต่จะใจรักในเกมภาคแรกนี้จริง ๆ
- ชิ้นส่วนของแวนเซอร์ที่มีให้เลือกซื้อและอัปเกรดนั้นอาจจะดูหลากหลาย แต่ดันมีของที่ไม่น่าใช้กว่า 80% เลยทีเดียว
- แอ๊กชั่นของหุ่นสายต่อสู้ด้วยอาวุธระยะประชิด (หมัดหรือกระบอง) ถูกปรับให้ขาดความสมูธลง เวลาติดสกิล Double เราต้องมาทนดูแวนเซอร์แดชพุ่งไปหาศัตรูทุกครั้งก่อนจะเหวี่ยงสักหมัด ซึ่งในออริจินัลหุ่นจะต่อยต่อเนื่องได้ทันทีหากยืนติดกับศัตรูอยู่แล้ว
- ฉากหลังในเมือง รวมถึงใบหน้าตัวละครต่าง ๆ อย่างน้อยควรมีการปรับปรุงให้ดีขึ้นมากกว่าการเกลี่ยเท็กซ์เจอร์ให้ดูเนียนกว่าของเก่า ยิ่งเล่นยิ่งรู้สึกเหมือนเกมทุนต่ำ และเน้นเพลย์เซฟมากเกินไป
คะแนน 6
ติดตามข่าวเกมพีซี/คอนโซลอื่น ๆ ได้ที่ https://www.online-station.net