สิ้นสุดการรอคอยกันเสียทีกับเกม Bayonetta 3 ภาคล่าสุดของซีรีส์เกมแอ๊กชั่นยอดนิยมที่พัฒนาโดย PlatinumGames ซึ่งภาคนี้ก็ยังคงเป็นเกม Exclusive ที่ลงให้กับแพลตฟอร์มของ Nintendo (Switch) เช่นเดียวกับภาค 2 ที่ช่วงเวลานั้นลงเฉพาะเครื่อง Wii U นั่นเอง โดยระยะเวลา 8 ปีที่เว้นว่างมาตั้งแต่ภาค 2 นี้ บาโยเน็ตต้า (Bayonetta) แม่มดสาวแว่นผู้มีปืนเป็นอาวุธคู่ใจจะวาดลวดลายได้งดงามสมกับที่แฟน ๆ รอคอยหรือไม่ หวังว่ารีวิวนี้น่าจะช่วยตอบโจทย์เพื่อน ๆ ได้บ้างครับ
แพลตฟอร์ม: Nintendo Switch
ผู้พัฒนา: PlatinumGames
แนวเกม: แอ๊กชั่น / Hack and Slash
วางจำหน่าย: 28 ตุลาคม 2022
เนื้อเรื่อง
เนื้อเรื่องของภาคนี้จะเริ่มจากเหตุการณ์ในจักรวาลมัลติเวิร์สที่บาโยเน็ตต้าของจักรวาลนั้นเข้าต่อสู้กับซิงกูลาริตี้ (Singularity) และพ่ายแพ้ ส่วนวิโอล่า (Viola) ที่ได้ดูการต่อสู้นั้นและรอดชีวิตมาได้ก็หลบหนีไปยังอีกจักรวาลหนึ่ง แล้วไปขอความช่วยเหลือจากบาโยเน็ตต้าที่อยู่ในจักรวาลดังกล่าวเพื่อมาขัดขวางซิงกูลาริตี้ที่หมายจะทำลายทุกจักรวาลมัลติเวิร์สแล้วรวมเป็นจักรวาลเดียว
สำหรับคนที่กระโดดมาเล่นภาคนี้เป็นภาคแรก หรือลืมเรื่องราวในภาคก่อนไปแล้วก็ไม่ต้องกังวลไปว่าจะเล่นไม่รู้เรื่องครับ หลายคนที่มาแตะภาคนี้อาจจะงงตอนเริ่มเกม อาจจะรู้สึกเหมือนข้ามเหตุการณ์อะไรไป แต่นั่นก็เป็นเพราะว่าเนื้อเรื่องเขาจงใจให้เป็นแบบนั้นอยู่แล้ว ทว่าท้ายที่สุดเกมจะเล่าเรื่องราวสมบูรณ์ในตัวของมันเองทั้งหมด เมื่อเล่นจนจบคุณก็จะได้รู้เรื่องราวที่ครบถ้วน รวมทั้งปริศนาทั้งหมดก็จะถูกเฉลย
เกมเพลย์และระบบต่าง ๆ
ระบบการเล่นยังคงเหมือนกับภาคก่อน ๆ คือเป็นแนว Hack and Slash ที่มีสปีดเกมสูง ทั้งนี้ ผู้เล่นต้องควบคุมแม่มดบาโยเน็ตต้าโจมตีศัตรุด้วยการผสานคอมโบของการกดปุ่มเตะต่อยสลับกัน ท่าโจมตีจะมีวิธีการกดที่หลากหลายแม้จะใช้แค่สองปุ่ม เพราะจะมีการกดค้างหรือหน่วงเวลากด หรือดันทิศทางร่วม ซึ่งอาวุธแต่ละชนิดก็จะมีคอมโบการโจมตีแตกต่างกันด้วย
ด้วยความที่จุดสำคัญของซีรีส์นี้จะชูประเด็นเรื่องแม่มดผู้ควบคุมเวลา ดังนั้นบาโยเน็ตต้าก็จะมีความสามารถทางด้านเวลาที่นำมาใช้ร่วมในการต่อสู้ เรียกว่า Witch Time ซึ่งเมื่อกดกลิ้งตัวหลบการโจมตีได้ในจังหวะพอดีกับที่ศัตรูโจมตีเข้ามาก็จะเกิด Witch Time ขึ้น ทุกอย่างรอบตัวบาโยเน็ตต้าจะเกิดช่วงสโลว์โมชั่น และเธอจะอยู่ในสภาพเป็นอมตะด้วย นั่นเลยเปิดโอกาสให้ผู้เล่นเคลื่อนที่ย้ายตำแหน่งแล้วโจมตีคอมโบสวนอย่างรุนแรงได้ เป็นเทคนิคที่ส่งผลต่อการแพ้ชนะและทำคะแนนสูง ๆ เป็นอย่างมาก ผู้เล่นจึงควรต้องฝึกใช้อยู่เสมอ
ส่วนเกจพลังเวทเผื่อเรียกจะมีไว้ในการเรียกปีศาจรับใช้ออกมาช่วย โดยเราสามารถติดตั้งปีศาจไว้ได้สามตัวเพื่อใช้งาน Demon Slave รวมทั้งเรียกปีศาจขนาดยักษ์ออกมา โดยเราจะเปลี่ยนไปควบคุมปีศาจแทน ส่วนบาโยเน็ตต้าจะยืนเต้นอยู่กับที่ ถ้าเกจเวทมนตร์หมดหรือถูกโจมตีระหว่างนั้น การเรียกปีศาจออกมาทุกสิ่งอย่างก็จะถูกหยุดทันที เท่ากับว่าผู้เล่นจะต้องหาจุดที่จะใช้งานให้เหมาะด้วย นอกจากนี้ก็ยังสามารถดักเคาท์เตอร์การโจมตีศัตรู หรือกดใช้เกจเวทในช่วงปิดคอมโบบางท่าเพื่อเรียกปีศาจออกมาโจมตีได้ ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เป็นวิธีการใช้เกจเวทในการต่อสู้หลากหลายวิธี
อาวุธของบาโยเน็ต
อาวุธโจมตีของบาโยเน็ตต้าจะมีให้ใช้เพียบ ร่วม ๆ 10 ชนิด โดยรูปแบบการโจมตีทั้งการเตะต่อยและการยิงจะเปลี่ยนไปตามอาวุธ จากภาคก่อนจะติดตั้งอาวุธโดยเลือกติดตั้งที่มือและเท้าของตัวละคร แต่ภาค 3 จะให้เลือกอาวุธสองชิ้นเพื่อติดตั้งและกดสลับการใช้งานได้ตลอดเวลา และเธอก็ยังมีการแปลงร่างที่รวมร่างกับปีศาจประจำอาวุธด้วย ร่างรวมจะถูกใช้งานเมื่อสามารถทำคอมโบที่กำหนดไว้ นอกจากนี้ก็ยังมีร่างที่ใช้ในการเคลื่อนที่แบบพิเศษด้วย เช่น อาวุธที่เป็นกงจักรโยโย่ จะทำให้เธอสามารถเคลื่อนที่ในแบบของแมงมุมที่จะไต่กำแพงและกระโดดโหนใยคล้ายสไปเดอร์แมนได้
แถมในช่วงหลังของเกมก็จะมีอาวุธที่เคลื่อนที่แบบวาร์ปหรือบินได้นานด้วย ในบางฉากจึงต้องเลือกใช้อาวุธให้เหมาะจึงจะสามารถเข้าไปถึงพื้นที่ลับได้
ทางด้านวิโอล่าเป็นตัวละครใหม่ที่เป็นแม่มดฝึกหัด เราจะได้เล่นเป็นเธอในบางฉาก ที่ส่วนมากก็จะเป็นฉากที่เคยใช้บาโยเน็ตต้าเล่นผ่านไปแล้ว แต่อาจจะเป็นคนละเส้นทาง และเนื่องจากที่เธอยังเป็นแค่แม่มดฝึกหัด วิธีเล่นก็จะแตกต่างไปบ้าง หลัก ๆ เลยก็คืออาวุธและสกิลจะมีไม่เยอะเท่าบาโยเน็ตต้า แต่ด้วยความสามารถของเธอยังน้อยอยู่จึงไม่สามารถควบคุมได้มันส์ดั่งใจ แต่ก็ยังมีข้อดีตรงที่เธอสามารถต่อสู้ด้วยมือเปล่าไปพร้อมกันได้
Jeanne
สุดท้ายก็คือ Jeanne เพื่อนสนิทของบาโยเน็ตต้าที่มีความสามารถคล้ายกัน แต่ในภาคนี้เราจะได้เล่นเธอในโหมดพิเศษที่เป็นแนวแอ๊กชั่นเกม 2D แบบสายลับ เกมจะมีรูปแบบการเล่นคล้ายกับเกมยุคเก่าอย๋าง Rolling Thunder และ Elevator Action โดยโหมดของ Jeanne นี้บอกเลยว่าเล่นสนุกมาก และยิ่งเล่นไปไกล ๆ ก็จะยิ่งมีลูกเล่นเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ถือว่าดีพอจะทำเป็นเกมขนาดเล็กขายแยกได้เลยด้วยซ้ำไป
สรุป
ทีมผู้พัฒนาเหมือนจะเอาใจ และรู้ใจผู้เล่นที่เป็นแฟนเดนตายของซีรีส์นี้เอามาก ๆ เกมจะพยายามนำเสนอและให้เราเล่นในส่วนที่เป็นจุดขายตลอดทั้งเกม หรือก็คือบทบู๊แอ๊กชั่นนั่นเอง แน่นอนว่าเกมเมอร์สายบู๊ย่อมฟินถูกใจ ขณะที่ความยากก็สามารถเลือกปรับได้ 3 ระดับและยังมีตัวเลือกที่จะช่วยให้เกมง่ายขึ้นด้วย แต่นอกเหนือไปจากส่วนของแอ๊กชั่นแล้วก็ยังแทรกไว้ด้วยการไขปริศนาให้ต้องทำเพื่อเปิดทางไปต่อ หรือเปิดทางไปเก็บความลับต่าง ๆ ซึ่งส่วนที่เป็นปริศนานั้น เอาเข้าจริง ๆ นับว่ามีน้อย แต่เกมก็จะไม่ได้บอกตรง ๆ และปล่อยให้ผู้เล่นใช้ไหวพริบเอาเอง ภาพรวมของเกมจะเน้นให้ผู้เล่นใช้ฝีมือและทักษะในบทบู๊แอ๊กชั่นเสียมากกว่า เช่นต้องใช้ความเร็วในการเก็บของที่กระจายอยู่ในเวลาจำกัด หรือโจมตีศัตรูทุกตัวในทีเดียว เป็นต้น
ตัวเกมจะสอดแทรกความหลากหลายมากมายไว้ตลอดการเล่นเนื้อเรื่องที่ใช้เวลาสิบกว่าชั่วโมง มีการควบคุมไคจูยักษ์ต่อสู้กับบอสฝ่ายตรงข้ามในลักษณะคล้ายเกมไฟท์ติ้งที่มีการโจมตี ปล่อยพลัง และจับทุ่ม(กัด) นอกจากนั้นแล้วก็ยังมีการบังคับไคจูถล่มกองทัพของศัตรูทั้งทางบกและอากาศในสไตล์เกมยิงที่มีทั้งรูปแบบ 2D และ 3D ตลอดทั้งเกมจึงมีแต่ความแปลกใหม่ที่ทำให้เล่นได้ไม่เบื่อ อีกทั้งยังมีระบบคะแนนและของสะสมมากมายที่ทำให้มีจุดหมายให้เล่นซ้ำได้หลายรอบแม้ว่าจะจบเกมไปรอบหนึ่งแล้ว และเมื่อรวมกับบทพูดและคาแร็กเตอร์อันเป็นเอกลักษณ์ของบาโยเน็ตต้าด้วย ทั้งหมดทั้งมวลแล้วถือว่าเป็นเกมแอ๊กชั่นระดับสุดยอดอีกเกมแห่งยุคนี้เลยก็ไม่เกินความจริงแต่อย่างใดครับ
จุดเด่น
- ระบบการต่อสู้ทำมาได้สุดยอด ท่วงท่าสวยงาม มีสไตล์น่าจดจำ และออกแบบเกมเพลย์โดยรวมได้ดี
- มีมินิเกมยิบย่อยแทรกมาให้เล่นหลากหลายไม่ซ้ำแนว
- ตัวเกมเป็นมิตรกับทั้งผู้เล่นที่มีทักษะสูงและผู้เล่นที่มาแนวอยากพอเพลิน ๆ
- เฟรมเรตอยู่ในเกณฑ์ดี ไม่มีปัญหา Input Lag
จุดด้อย
- มุมกล้องเวลาบินหรือแปลงร่างค่อนข้างมองยาก วางตำแหน่งกล้องไม่ดีนัก
คะแนน 9
ติดตามข่าวเกมพีซี/คอนโซลอื่น ๆ ได้ที่ https://www.online-station.net
