ถ้าให้นึกถึงเกม RPG สัญชาติญี่ปุ่นระดับน้ำดีบนเครื่อง PS1 แล้ว เชื่อว่าเกมเมอร์หลายคนในยุคนั้นน่าจะมีนึกถึงเกม Valkyrie Profile กันอยู่บ้างนะครับ นั่นเพราะเกมดังกล่าวเป็นอีกหนึ่งเกมในตำนานของ Square Enix ที่พัฒนาโดย tri-Ace สตูดิโอที่เคยฝากผลงานเด็ดในอดีตไว้มากมาย และตัวเกมภาคแรกของซีรีส์นี้ก็ค่อนข้างไปได้สวยทั้งด้านยอดขายและเสียงตอบรับจากผู้เล่นไม่น้อยเลย
และด้วยระบบการเล่นที่มีความเฉพาะตัว ด้วยโครงสร้างของระบบต่อสู้แบบเทิร์นเบสแต่ผสมระบบกดปุ่มเรียกใช้ตัวละครเป็นจังหวะเข้าโจมตีทำคอมโบที่แปลกใหม่ ทำให้ตัวเกมมีความโดดเด่นและแปลกตาเมื่อเทียบกับเกมอื่น ๆ ที่เป็นแนวเดียวกันในยุคนั้น ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดายเหมือนกันที่ตลอดระยะเวลา 23 ปีของซีรีส์ Valkyrie ดันมีภาคต่อออกมาน้อย กระทั่งกว่าที่เกม Valkyrie Elysium ที่เป็นภาคล่าสุดซึ่งเพื่อน ๆ กำลังอ่านรีวิวอยู่นี้จะออกมาก็เว้นช่วงจากภาค Anatomia ที่เป็นภาคก่อนหน้านี้นานถึง 6 ปีเลยทีเดียว แต่การรอคอยนี้จะคุ้มค่ากับการซื้อมาเล่นหรือไม่ เรามาชมรีวิวกันเลยดีกว่าครับ

ข้อมูลเบื้องต้นของเกม
แพลตฟอร์ม: PS5, PS4, PC (ทีมงานรีวิวจากเวอร์ชั่น PS5)
ผู้พัฒนา: Soleil
แนวเกม: แอ๊กชั่น / ผจญภัย
วางจำหน่าย: 29 กันยายน 2022 (PS5, PS4) / 11 พฤศจิกายน 2022 (PC)
เนื้อเรื่อง
ในตำนานของนอร์สนั้น วัลคิรี (Valkyrie) ก็คือเหล่าเทพธิดาผู้รับใช้ โอดิน (Odin) ที่เป็นองค์เทพสูงสุด หน้าที่ของพวกเธอคือนำพาวิญญาณของเหล่านักรบที่สิ้นชีพในสงครามบนโลกมนุษย์มายังห้องโถงวัลฮาลาที่อยู่ในดินแดนแอสการ์ด ซึ่งบรรดาวิญญาณที่ถูกเลือกมานั้นจะถูกเรียกว่า ไอน์เฮอร์จาร์ (Einherjar) ที่ต้องมาคอยรับใช้เทพโอดินด้วยเช่นกัน และวิถีปฏิบัตินี้ก็ได้ถูกนำมาเป็นโครงเรื่องหลักของเกม Valkyrie Profile เกมระดับตำนานเมื่อ 20 กว่าปีก่อนนั่นเอง

สำหรับใครที่ติดตามเกมซีรีส์นี้มาตลอด คงพอทราบว่าไทม์ไลน์เนื้อเรื่องของภาค Silmeria (ภาค 2) และภาค Covenant of the Plume จะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดก่อนเกมภาคแรก ส่วนเนื้อหาของภาค Anatomia ที่ลงมือถือจะเป็นจักรวาลแยกไปเลย ดังนั้น Valkyrie Elysium จึงเป็นภาคที่เป็นเนื้อเรื่องต่ออย่างเป็นทางการของ Valkyrie Profile ภาคแรก แต่จะเป็นเรื่องราวที่เกิดหลังจากนั้นค่อนข้างยาวนาน และแล้วมหากาพย์ของผู้ที่สามารถช่วยเหลือโลกคนใหม่ก็ได้เริ่มต้นขึ้น ในฐานะของเทพธิดาวัลคิรีที่อดีตของเธอยังคงเป็นปริศนา...

พล็อตคร่าว ๆ ของภาค Elysium จะมีการสอดแทรกปมยิบย่อยเข้ามาในระหว่างการทำภารกิจหลักของวัลคิรี เมื่อเธอสังเกตได้ถึงความไม่ชอบมาพากล และต้องการค้นหาความจริงที่อยู่เบื้องหลังของการมอบภารกิจนี้ ทว่าเอาเข้าจริง ๆ พล็อตลักษณะนี้เป็นอะไรที่ชวนให้รู้สึกว่ามันธรรมดามาก แถมพบเห็นได้ง่ายกับหลาย ๆ เกมในอดีต แต่ปัญหาที่ใหญ่กว่านั้นก็คือวัลคิรีใน Elysium ดันเป็นตัวละครที่ไม่สามารถดึงเสน่ห์ออกมาให้ผู้เล่นประทับใจหรืออยากจดจำเลย แถมยังถูกลดความน่าสนใจลงไปอีกเมื่อเธอถูกรายล้อมไปด้วยนักรบไอน์เฮอร์จาร์ที่ตนเองรวบรวมมา อีกทั้งกลวิธีการเล่าเรื่องก็ดูจะไม่มีชั้นเชิง ผู้เล่นสามารถเดาได้ตั้งแต่แรกเห็นว่าตัวละครไหนมีทรงเป็นวายร้ายหรือตัวโกงด้วยซ้ำไป

เกมเพลย์และโครงสร้างระบบต่าง ๆ
ตัวเกมสองภาคแรกนั้นเป็นเกมแนว RPG ที่มีจุดเด่นอยู่ตรงระบบต่อสู้ที่จะเรียกใช้ตัวละคร 4 ตัวในปาร์ตี้ออกไปโจมตีตามปุ่มกด 4 ปุ่มของคอนโทรลเลอร์ ทำให้เกิดเป็นคอมโบต่อเนื่องจากการโจมตีที่แตกต่างกันของแต่ละตัว แต่กรณีของภาค Elysium จะเป็นแนวแอ๊กชั่นกึ่ง RPG ที่นำวิธีการควบคุมของเกมแนวดังกล่าวมาประยุกต์ โดยเราจะสามารถบังคับได้แค่วัลคิรีตัวเดียว แต่จะติดตั้งไอน์เฮอร์จาร์มาอยู่ในปาร์ตี้ได้ 4 คน และสามารถเรียกใช้งานหรือสั่งการให้ลูกทีมของเราคนไหนออกไปโจมตีก็ได้ด้วยการกดปุ่มฮอตคีย์อีกที

ไอน์เฮอร์จาร์ที่ถูกเราสั่งการออกไปจะโจมตีด้วยท่าพิเศษเฉพาะตัวที่ผู้เล่นตั้งไว้ จากนั้นก็จะช่วยโจมตีแบบธรรรมดาไปอีกระยะหนึ่ง ตรงนี้เราสามารถเซ็ตได้ว่าจะให้ช่วยสู้ 15, 30 หรือ 60 วินาที ซึ่งจะใช้ปริมาณเกจโซลผันแปรตามระยะเวลาที่เราเซ็ต ตรงนี้ถือเป็นจุดที่ดีเพราะสามารถปรับได้ตามสไตล์ของผู้เล่น ถ้าอยากให้ออกมาใช้ท่าพิเศษเฉย ๆ ก็ตั้งเวลาไว้สั้น ๆ แค่ 15 วินาทีเพื่อที่จะได้ประหยัดเกจโซล หรือแต่ถ้าอยากให้มาช่วยสู้แบบมาราธอนก็ตั้ง 60 วินาทีได้ เป็นต้น

ทั้งนี้ ไอน์เฮอร์จาร์แต่ละคนจะใช้ธาตุโจมตีที่ต่างกัน เช่น สายฟ้า น้ำแข็ง แสงศักดิ์สิทธิ์ ไฟ ฯลฯ และศัตรูทุกตัวในเกมก็จะมีธาตุที่แพ้ทางธาตุหนึ่งเสมอ ถ้าเราโจมตีด้วยธาตุที่ถูกต้องก็จะสร้างความเสียหายได้รุนแรงกว่า และยังทำให้ศัตรูติดอาการแครช (Crash) ทำให้ขยับไม่ได้ชั่วขณะ เปิดโอกาสให้เราโจมตีต่อเนื่องเพื่อทำดาเมจเพิ่มเติมได้
ปกติแล้วการโจมตีปกติของวัลคิรีจะไม่มีธาตุครับ จึงทำให้ศัตรูติดอาการแครชไม่ได้ ดังนั้นผู้เล่นจะต้องใช้ท่าพิเศษหรือเวทโจมตีแทน ซึ่งแต่ละท่าจะมีธาตุประจำอยู่แล้ว แต่ก็ต้องแลกกับการใช้เกจอาร์ตในการออกท่า โดยเกจอาร์ตจะฟื้นฟูได้ถ้าเราโจมตีศัตรูได้ต่อเนื่อง ทว่าบางท่าก็จะใช้เกจอาร์ตเยอะทำให้จังหวะในการฟื้นฟูมาใช้งานขาดช่วงไปบ้าง ด้วยเหตุนี้เลยมีอีกวิธีในการโจมตีธาตุก็คือการเรียกไอน์เฮอร์จาร์ออกมา จากนั้นอาวุธของวัลคิรีจะมีธาตุตรงตามไอน์เฮอร์จาร์คนที่เพิ่งเรียกไป ซึ่งถ้าเราเรียกไอน์เฮอร์จาร์ออกมาหลายคนพร้อมกันก็สามารถเปลี่ยนธาตุไปมาได้โดยการกดเรียกไอน์เฮอร์จาร์คนที่ใช้ธาตุที่ต้องการซ้ำ และการทำเช่นนี้จะไม่เสียเกจโซลในการใช้ด้วย

อย่างที่เกริ่นไปตอนแรกว่าศัตรูแต่ละตัวจะมีธาตุที่แพ้ทางต่างกัน ศัตรูประเภทมนุษย์จะแพ้ไฟเกือบทั้งหมด แต่นอกจากนั้นแล้ว พวกสัตว์ประหลาดเอย โกเลมเอย จะแพ้ธาตุไม่เหมือนกัน ซึ่งบ่อยครั้งก็จำแนกรูปร่างไม่ค่อยออกเพราะดีไซน์หน้าตาของพวกมันแทบจะเหมือนกัน ต้องอาศัยกดล็อคเป้าเพื่อให้พลังชีวิตของมันโชว์ที่ด้านบนของจอ แล้วจึงจะเห็นไอคอนตรงกลางเกจพลังชีวิตของมันว่าแพ้ธาตุอะไร ส่วนตัวละครระดับบอสก็จะมีธาตุที่แพ้ทางเช่นกัน แต่อาจต้องใช้ท่าพิเศษโจมตีหลายครั้งถึงจะทำให้มันแครชได้ แถมหลังจากที่มันฟื้นจากสถานะแครชแล้วก็จะแสดงคำว่า Immune โดยจังหวะนี้ถึงเราจะโจมตีด้วยธาตุที่มันแพ้ทางก็จะไม่ทำให้มันติดแครช ต้องรอสักพักจนกว่าสถานะ Immune จะหายไป ไม่เช่นนั้นแล้วเราอาจจะเสียเกจอาร์ตไปโดยเปล่าประโยชน์ ในส่วนนี้เข้าใจว่าเกมต้องการให้มีความสมดุลเข้ามา เพื่อให้เราไม่สามารถทำบอสติดแครชรัว ๆ ได้ และเปิดโอกาสให้บอสได้กลับมาเป็นฝ่ายโจมตีบ้าง วิธีเล่นที่กล่าวมาก็เหมือนกับเป็นการนำลักษณะเกมเพลย์ของภาคแรกมาประยุกต์ให้เข้ากับสไตล์การเล่นแบบแอ๊กชั่น เพียงแต่วัลคิรีจะเป็นตัวเดียวที่เราควบคุมได้ ระบบเลยถูกออกแบบมาให้วัลคิรีมีความสามารถที่พิเศษกว่าเหล่าไอน์เฮอร์จาร์ชัดเจน

อาวุธของวัลคิรีจะมีให้ใช้หลายชนิด บางชิ้นก็ต้องทำซับเควสต์ถึงจะได้มา จุดที่น่าสนใจก็คืออาวุธทุกชิ้นมีรูปแบบการโจมตีเฉพาะตัวที่ไม่ซ้ำกัน มีทั้งอาวุธที่โจมตีด้วยความรวดเร็ว อาวุธแนวดาบซามูไรที่มีท่าชักดาบ หรืออาวุธที่โจมตีธรรมดาเป็นการยิงพลังระยะไกลก็มี นอกจากนี้เมื่อเราอัปเลเวลอาวุธก็จะได้ท่าโจมตีใหม่ ๆ เพิ่ม เลเวลละ 1-2 ท่าตลอดการอัพเกรดจนไปเต็มที่เลเวล 10 แต่การจะอัปเลเวลในระดับสูงก็ต้องใช้วัตถุดิบที่ใหม่ขึ้น ฉะนั้นเราจำเป็นจะต้องเล่นเนื้อเรื่องให้คืบหน้าด้วย ไม่สามารถวนเล่นแต่ฉากแรก ๆ แล้วอัปให้อาวุธเลเวลเต็มได้ นอกจากนี้อาวุธก็ยังมีค่าความชำนาญที่จะเพิ่มเมื่อใช้งานบ่อย และก็จะเกี่ยวข้องกับการปลดสกิลของวัลคิรีด้วยเช่นกัน เนื่องจากมีบางสกิลที่จะปลดล็อคได้ต่อเมื่อมีค่าความชำนาญอาวุธที่กำหนดถึงระดับหนึ่ง การสลับอาวุธใช้ให้หลากหลายจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ควรทำ

เวลาเราเรียกใช้งานไอน์เฮอร์จาร์ เกมจะแสดงให้ดูเป็นไอคอน 4 แฉกสีฟ้าอยู่ที่มุมล่างขวาของจอ ซึ่งถ้าไอน์เฮอร์จาร์ตัวไหนกำลังอยู่บนสนามรบ ไอคอนที่ว่านี้ก็จะเรืองแสงขึ้นมา ส่วนธาตุที่วัลคิรีเชื่อมโยงอยู่กับไอน์เฮอร์จาร์ก็จะแสดงเป็นไอคอนเล็ก ๆ ข้างไอคอน 4 แฉก ทว่าเวลาเล่นจริงมันดูได้ลำบากครับ เพราะส่วนที่เรืองแสงมันดูจาง ๆ ส่วนไอคอนธาตุก็เล็กเอาเรื่อง ตรงจุดนี้ผู้เขียนมองว่าถ้าทำเป็นแบบว่าเรากำลังใช้งานไอน์เฮอร์จาร์ตัวไหนอยู่ก็โชว์ไอคอนใบหน้าของตัวนั้นขึ้นมาบนจอก็ไม่น่าจะบดบังทัศนวิสัยอะไร เผลอ ๆ จะดูง่ายขึ้นกว่าเยอะเลย

จุดที่มองว่าเป็นปัญหาร้ายแรงกับบาลานซ์ของเกม จนทำให้เกมเกิดความง่ายอย่างไร้เหตุผลก็คือ เวลาที่เรากดใช้ท่าพิเศษต่าง ๆ ตัววัลคิรีจะเป็นอมตะด้วย ไม่เว้นแม้แต่ตอนร่ายเวท มันเลยเป็นช่องโหว่ขนาดใหญ่ให้เราสามารถใช้ทริคโจมตีต่อเนื่องเพื่อเก็บเกจอาร์ต จากนั้นถ้าศัตรูโจมตีมาก็ร่ายเวทเพื่อหลบการโจมตี หรือต่อให้เราพลาดโดนโจมตีก็ยังสามารถร่ายเวทฟื้นพลังต่อหน้าศัตรูได้เลย ด้วยความที่ตัวเราเป็นอมตะขณะร่ายอยู่แล้ว หากใช้ทริคนี้เป็นประโยชน์ยังไงเราก็แทบไม่มีทางตาย หรือถ้าเกจอาร์ตหมดก็แค่กดหยุดเกมแล้วเลือกใช้ไอเทมฟื้นพลังหรือฟื้นเกจได้เลยทันที
นอกจากนี้เงื่อนไขการเคาท์เตอร์หลายอันก็ทำได้ง่าย เช่น กดฟันธรรมดาให้ตรงจังหวะที่ศัตรูโจมตี จากที่ทดลองใช้งานจริง ลำพังแค่เรากดปุ่มฟันธรรมดารัว ๆ แล้วรอศัตรูโจมตีเข้ามาก็ยังออกท่าเคาท์เตอร์ได้ (และออกอย่างบ่อยด้วย) มุมหนึ่งอาจจะมองได้ว่าผู้สร้างคงอาจจงใจให้เกมมีความง่าย เป็นมิตรกับผู้เล่นทุกกลุ่ม แต่หากมองอีกมุมก็รู้สึกว่ามันทำให้เกมขาดความท้าทายไปมากเลย

ความยาวของเกมถือว่าไม่มากนัก สามารถเล่นจบแบบปกติได้ใน 1 วัน หรือถ้าต้องการเก็บฉากจบให้ครบก็อาจจะ 2 วัน แต่สิ่งที่สุดแสนจะขัดใจคือฉากที่มีให้เล่นแต่ละครั้งนั้นค่อนข้างยาวและใช้เวลาเล่นนาน แม้จะมีจุดเซฟให้ระหว่างทางอยู่หลายจุดก็จริง ทว่าเราดันไม่สามารถเลิกเล่นกลางคันและย้อนกลับไปวัลฮาลาได้ แม้ว่าจะมีคำสั่งให้เลือกย้อนกลับตรงจุดเซฟ แต่หากเลือกเกมจะเด้งเตือนว่าเราจะสูญเสีย Progress ทุกอย่างที่ได้มาตั้งแต่เริ่มต้นฉาก ซึ่งถ้าเราตัดสินใจย้อนก็จะเสียหมดจริง ๆ ทั้งของ ทั้งไอเทม ทั้งเลเวลที่เล่นได้ระหว่างกลางทางจะหายหมดสิ้น ไม่รู้จะมีคำสั่งให้ย้อนกลับแบบนี้มาทำไมกัน

ขณะเดียวกัน วิธีการเล่นแต่ละฉากนั้น ผู้เล่นจะต้องกดเปิดดูแผนที่ตลอดเวลา ส่วนหนึ่งก็เพราะตัวเกมจะไม่มีมินิแมปให้ดู และอีกสาเหตุก็คือในทุก ๆ ฉากจะมีดอกไม้วิญญาณผู้เสียชีวิตอยู่ โดยจะแสดงเป็นจุดสีน้ำเงินบนแผนที่ และก็จะมีดอกไม้ปริศนาแสดงเป็นจุดสีเขียวด้วย ซึ่งเงื่อนไขการจบหลายแบบของเกมภาค Elysium จะขึ้นอยู่กับการเก็บดอกไม้เหล่านี้ครับ ดังนั้นถ้าอยากจบแบบสมบูรณ์ก็ต้องตั้งเป้าไปที่การเก็บดอกไม้ของแต่ละฉากเป็นหลัก อย่ารีบมุ่งไปตามเป้าหมายที่แสดงบนหน้าจอ ทีนี้ก็ดันมีจุดที่น่าติอีกอย่างคือเกมนี้ไม่มีปุ่มที่กดแล้วช่วยให้วิ่งเร็วขึ้นทันที แต่ต้องมาคอยดันอนาล็อกไปยังทิศทางใดทิศทางหนึ่งค้างไว้สักพัก วัลคิรีถึงจะเริ่มวิ่ง ถ้าเราหยุดยืนสำรวจก็ต้องกลับไปเริ่มเดินแล้ววิ่งกันใหม่

นอกจากนี้ ในภาค Elysium ยังมีตัวละครให้ใช้น้อยมาก ทั้งตัวละครที่เป็นเพื่อนของเราและตัวละคร NPC ทั้งที่สเกลของเนื้อเรื่องชวนให้ผู้เล่นรู้สึกแต่แรกว่ามันน่าจะยิ่งใหญ่มาก ซึ่งส่วนใหญ่การพูดคุยก็จะมีแต่พูดคุยกับวิญญาณหรือดอกไม้ที่มีแต่ตัวหนังสือขึ้นมาให้อ่าน แม้ว่าเราจะเห็นว่าเกมมีพื้นที่ที่เป็นหมู่บ้าน แต่ดันใช้มุกที่ชาวเมืองทุกคนอยู่แต่ในบ้านของตัวเอง พอเราก็ไปเคาะประตูแล้วถึงมีบทสนทนาให้อ่าน ส่วนคนมีชีวิตแบบเป็น ๆ ในเกมนี้จะมีให้เห็นไม่กี่คน ถ้าใครคาดหวังว่าจะได้เห็นพวกเทพหรือตัวละครจากภาคแรกโผล่มาให้หายคิดถึงบ้างก็ต้องขอแสดงความเสียใจกันตรงนี้เลย
กราฟิก
ในด้านกราฟิกถือว่ายังไม่เป็นไปตามที่หวังไว้ รายละเอียดของโมเดลตัวละครในปาร์ตี้เราอาจทำได้ดี (แต่มันก็เป็นเพราะความที่ตัวละครดันมีอยู่แค่ไม่กี่คนนั่นแหละครับ) ในอีกด้านหนึ่ง ตัวท่านมหาเทพโอดินที่น่าจะมีบทเด่น แต่เล่นไปเล่นมากลับดูเป็นตัวประกอบซะงั้น แถมการปั้นโมเดลออกจะดูปลอม ๆ เหมือนหุ่นกระบอก โดยเฉพาะโลเคชั่นหรือสถานที่เดินทางของเราอาจจะเป็นฉากที่ดูโล่ง ๆ กว้างใหญ่ แต่ดันดูซ้ำ ๆ และมีการใช้วิธีรียูสแมปเป็นช่วง ๆ ยกตัวอย่างแชปเตอร์ 1 กับ 2 จะใช้แมปชุดเดียวกัน ลามไปถึงแชปเตอร์ 3 กับ 4 หรือแชปเตอร์ 6 กับ 7 เป็นต้น แม้เหตุการณ์ในเกมจะเข้าใกล้วันสิ้นโลกก็จริง แต่การดีไซน์บรรยากาศในเกมดูไร้ชีวิตชีวาและน่าเบื่อเกินไป ต่อให้บรรยายว่ามีผู้คนหลงเหลือ แต่ก็แทบไม่ออกจากบ้านมาให้เห็นหน้าค่าตา และกลับใช้ตัวหนังสือในการเล่าเรื่องแทน

ส่วนในการต่อสู้นั้น ในช่วงแรกการเคลื่อนไหวของตัวละครจะดูลื่นไหลดี แต่เมื่อเล่นไปได้สักพักและเริ่มมีท่าให้ใช้มากขึ้น มีเพื่อนในปาร์ตี้มากขึ้น เฟรมเรตจะเริ่มดรอปอย่างน่าเกลียดโดยเฉพาะเวลาเราทำการร่ายเวทคอมโบแบบอลังการจนเอฟเฟ็กต์วูบวาบเต็มจอ (ซึ่งเชื่อเถอะครับว่าผู้เล่นส่วนใหญ่จะต้องทำเช่นนี้ประจำในช่วงครึ่งหลังของเกมแน่ ๆ) ยิ่งพอรวมกับงานกราฟิกโดยทั่วไปก็ให้ความรู้สึกเหมือนว่าเรากำลังเล่นเกมในยุคต้นหรือกลางของ PS4 เสียมากกว่า

ภาพรวม
Valkyrie Elysium เป็นเกมที่มีแอ๊กชั่นเป็นแกน ซึ่งเริ่มส่งมอบความสนุกแก่ผู้เล่นตั้งแต่ช่วงกลาง ๆ ที่เราได้อาวุธหลากหลายประมาณหนึ่งแล้ว และมีไอน์เฮอร์จาร์ให้ติดตั้งครบช่องแล้ว ตัวเกมนำเสนอความคิดสร้างสรรค์เรื่องแนวทางการทำคอมโบให้หลากหลาย และฝึกให้ผู้เล่นต้องตื่นตัวในการเลือกใช้ธาตุกับศัตรูที่แพ้ทาง แต่กลับมีประเด็นปลีกย่อยที่ทำให้เกมขาดสมดุลและความท้าทายอย่างหนัก ขณะที่ด้านเนื้อเรื่องนั้นมีตัวละครน้อยเกินไป อีกทั้งส่วนมากจะเน้นให้อ่านบทพูดหรือข้อความจากดอกไม้เอาเอง ด้วยกลวิธีการเล่าเรื่องทั้ง ๆ ที่เกมมีโปรดักชั่นระดับนี้ทำให้รู้สึกว่าตกยุคไปหน่อย และอินกับเรื่องราวในเกมได้ยาก
เกมนี้หลังจบไปแล้วรอบหนึ่งจะไม่มี New Game+ ให้เล่นนะครับ สิ่งที่พอทำได้จะมีเพียงกลับไปเล่นเซฟเดิมในช่วงก่อนเข้าด่านสุดท้ายเพื่อเก็บสิ่งที่พลาดไป หรือทำเควสต์ย่อยให้ครบ ซึ่งถ้าจะให้เล่นใหม่อีกรอบก็ยังคิดแล้วคิดอีก เพราะตัวเกมแทบไม่มีเสน่ห์อะไรดึงดูดมากพอที่จะกลับไปเล่นซ้ำอีก

จุดเด่น
- ระบบการต่อสู้มีความสนุกระดับหนึ่ง สามารถทำคอมโบได้หลากหลาย
- ตัวเกมใช้ระบบแอ๊กชั่นมาประยุกต์รูปแบบการเรียกใช้ไอน์เฮอร์จาร์แบบภาค RPG ได้ลงตัว
- การอัปเกรดอาวุธและสกิลทำได้หลากหลาย โดยไม่มีขั้นตอนยุ่งยากหรือจุกจิกจนเกินไป
จุดด้อย
- สเกลของเรื่องดูยิ่งใหญ่ อลังการ แต่ตัวละครที่มีให้ใช้กลับน้อยจนไม่สมมาตรกัน
- วัลคิรีภาคนี้เป็นตัวละครที่ดูไม่มีมิติ ไม่มีความน่าค้นหา ไม่มีอะไรชวนให้อินกับสิ่งที่เธอทำลงไป
- บาลานซ์ของเกมเข้าขั้นแย่
- แม้ตัวเกมมีการโปรโมตว่าเป็นเรื่องต่อจากภาคแรก แต่พอเล่นแล้วกลับไม่ค่อยรู้สึกว่ามีความเชื่อมโยงอะไรเลย
- การผจญภัย การเดินไล่ตามหาดอกไม้ในฉากอันกว้างใหญ่ให้ความรู้สึกจำเจ ไม่ชวนให้เล่นซ้ำ
- เฟรมเรตร่วงระนาวเวลามีวัตถุและเอฟเฟ็กต์ปรากฏอยู่บนหน้าจอเยอะ ๆ (จากการเล่นบน PS5)
6 คะแนน
ติดตามข่าวเกมพีซี/คอนโซลอื่น ๆ ได้ที่ https://www.online-station.net/pc-console/