ทาง Sony Interactive Entertainment กำลังถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเป็นจำนวนเงินกว่า 5,910 ล้านดอลลาร์ หรือตีเป็นเงินไทยได้ประมาณ 2 แสนล้านบาท โทษฐานตั้งราคาเกมบน PlayStation Store (PS Store) สูงเกินไปจนเป็นเหมือนการ "ปล้น" ผู้บริโภค โดยผู้ฟ้องร้องอย่างคุณ Alex Neill ทนายด้านสิทธิผู้บริโภคได้กล่าวเอาไว้ว่าการกระทำในครั้งนี้ของ Sony ทำให้ผู้คนต้องเสียเงินไปเป็นล้าน ๆ ทั้งที่บางคนไม่อาจจ่ายไหว อันเนื่องมาจากสภาพเศรษฐกิจและค่าใช้จ่ายในการใช้ชีวิตที่เรียกได้ว่าอยู่ในขั้นวิกฤตแล้วค่ะ

ซึ่งภายในเอกสารในคดีความก็ได้มีการระบุไว้ว่าทาง Sony นั้นเก็บส่วนแบ่งเพิ่มเติมเป็นจำนวน 30% จากทุก ๆ ผลิตภัณฑ์บน PS Store ซึ่งถือเป็นการละเมิดกฎหมายการแข่งขัน แม้ว่าการเก็บส่วนแบ่งเป็นเปอร์เซ็นต์ต่อผลิตภัณฑ์นี้จะถือว่าเป็นเรื่องปกติในวงการธุรกิจ เพราะแม้กระทั่งคู่แข่งตัวยงของทาง Sony อย่าง Microsoft Store และ Nintendo eShop เองก็ยังทำ เช่นเดียวกับ Epic Games Store ที่เรียกเก็บส่วนแบ่ง 12% ซึ่งถือว่าเป็นยอดที่ปรับลดลงมาเพื่อเรียกลูกค้าให้หันมาอุดหนุนตัวเองแทน Steam นั่นเอง
แต่ดูเหมือนว่าทาง Sony จะไม่ได้ทำเพียงแค่เก็บส่วนแบ่งเฉย ๆ เพราะจากรายงานของทาง Sky News เผยว่าข้อบังคับและข้อตกลงต่าง ๆ ที่ทาง Sony ยื่นให้กับเหล่าผู้จัดจำหน่ายและผู้พัฒนาเกมนั้นมีเนื้อหาที่ไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย มิหนำซ้ำ ทาง Sony ยังขูดรีดผู้บริโภคของตนเพิ่มด้วยการเพิ่มราคาเกมบน PS Store จนหลาย ๆ คนต้องเจียดเงินมาซื้อเกมในราคาที่แพงหูฉี่ แต่ถ้าหากฝ่ายผู้ฟ้องร้องชนะคดีในครั้งนี้ เชื่อกันว่าผู้บริโภคใน UK อาจได้รับเงินค่าชดเชยเป็นจำนวน 2,800-24,000 บาท ไม่รวมดอกเบี้ยเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม ทาง Sony ก็ยังไม่ได้ออกมาตอบโต้ถึงเรื่องดังกล่าวนี้แต่อย่างใด แต่ทางเว็บไซต์ Push Square ก็ได้ติงเอาไว้ว่าทาง Sony นั้นไม่น่าจะแพ้คดีได้ง่าย ๆ เพราะถึงอย่างไร การกำหนดราคาเกมบนร้านค้านั้นก็เป็นสิทธิ์ของผู้พัฒนาและผู้จัดจำหน่ายแต่ละรายอยู่ดีค่ะ
ที่มา: Push Square, Eurogamer
ติดตามข่าวสารอื่น ๆ ภายในเว็บไซต์ Online Station ได้ที่ https://www.online-station.net